หลังจากอ๋องสามได้ยินข้อมูลนี้ก็สูดลมหายใจเข้าเช่นกันฮูหยินเฟิ่งซีสกุลฉินเป็นอัจฉริยะทางการค้าขาย ในช่วงหลายปีมานี้สะสมทรัพย์สมบัติได้จำนวนมาก มีข่าวลือว่าทรัพย์สมบัติที่จวนสกุลฉินสะสมนั้นร่ำรวยพอ ๆ กับแว้นแคว้นเลย และร้านค้าทั่วทั้งสี่แคว้นก็ทำเงินได้ทุกวันหู้กั๋วกงฉินอี้เป็นคนซื่อตรงไม่ยกยอประจบส
“ท่านอ๋อง”ฉินเสวี่ยเย่ว์เคลื่อนกายเข้ามาข้างกายท่านอ๋องสาม พลางคว้าแขนเสื้อของเขา แล้วร่ำไห้สะอึกสะอื้นออกมาด้วยความขมขื่น “ขอร้องท่าน ขอร้องท่านช่วยท่านแม่ของหม่อมฉันด้วยเพคะ นางจะต้องถูกใส่ร้ายแน่นอน ขอร้องท่านล่ะ ช่วยนางด้วยเพคะ”กล่องเสียงที่ได้รับความเสียหายยังไม่ทันฟื้นตัว น้ำเสียงจึงแหบพร่าเ
ครั้นได้ยินคำพูดเสียดสีของเย่ว์ลู่ ท่านอ๋องสามจึงมีสติกลับคืนมาเล็กน้อย ก่อนที่จะหยุดหมัดหากเขาทุบตีฉินเสวี่ยเย่ว์จนตาย เขาก็กลายเป็นฆาตกรฆ่าคนจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต ทำลายทุกอย่างทิ้งเพื่อสตรีผู้นี้ไม่คุ้มค่าเขาจึงเตะฉินเสวี่ยเย่ว์ที่มีมีสภาพน่าเอน็จอนาถไปข้าง ๆ ก่อนเหลือบมองเย่ว์ลู่ด้วยสายตาลึกล้ำ
นางตะโกนเรียกทว่าไม่มีผู้ใดมา จึงทำได้เพียงนอนขดตัวอยู่ในความมืดมิดเท่านั้นผ้าม่านพลิ้วไหว แล้วโครงร่างของเงาดำเงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้น บนเงาดำคล้ายกับมีใบหน้าขนาดใหญ่น่าหวาดกลัว กำลังจับจ้องนางอยู่เมื่อสายตาจับจ้องไปที่ใด ใบหน้าขนาดใหญ่อันน่าหวาดกลัวนั้นก็ย้ายตามไปด้วยเมื่อร้อนตัว มองไปรอบ ๆ ล้วนคิดว
“ฮูหยิน พระชายาอ๋องสามน่าจะฝันร้ายอยู่นะเจ้าคะ” สาวใช้สวมอาภรณ์สีเขียวกดตัวที่สั่นเทาไม่หยุดของฉินเสวี่ยเย่ว์ “ดูเหมือนว่าจะได้รับความตกใจมาขนานหนัก ต้องรีบปลุกนางให้ตื่นขึ้นมาเจ้าค่ะ”ฮูหยินหัวฝูที่อยู่ข้าง ๆ ถอนหายใจ เห็นฉินเสวี่ยเย่ว์ที่ดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย ดวงตาสองข้างกรอกขึ้นฟ้า ท่าทีตื่นตก
นางขมวดคิ้ว “เรื่องของพี่หญิงข้าก็เคยได้ยินมาอยู่บ้าง จวนสกุลฉินทางฝั่งนั้นประหลาดยิ่งนัก ข้าส่งคนไปสอบถามที่จวนสกุลฉิน คนของจวนสกุลฉินกลับปิดปากสนิท ไม่มีผู้ใดกล้าพูดสักคน ข้าก็ได้ยินข่าวมาบ้าง ว่าสถานการณ์มิสู้ดีเท่าใดนัก”“ท่านน้า ช่วยท่านแม่ของข้าด้วย” ฉินเสวี่ยเย่ว์พูดอย่างรีบร้อน “โปรดคิดหาวิธ
กลางดึกค่อนคืน ภายในเรือนหลังเล็กกลับยังคงจุดไฟสว่างไสวไว้อยู่เช่นเคยครั้นหมิ่นจูเดินเข้ามา ก็ถูกบุรุษผู้มีนัยน์ตาดอกท้ออุ้มนางขึ้น“องค์ชายหก” หมิ่นจูกระมิดกระเมี้ยน สีหน้าแดงซ่าน “เลิกวุ่นวายได้แล้วเพคะ”องค์ชายหกสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนโน้มกายมาที่ข้าง ๆ หูของนาง “กลิ่นของจูเอ๋อร์หอมเหลือเกิน”ค
หญิงสาวตกใจจนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว รีบทำความเคารพ แล้วรีบจากไปผ่านไปได้ไม่นาน ก็มีคนมาเคาะประตู“ท่านอ๋องสาม ของว่างของท่านมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ด้านนอกประตู มีเสียงของเสี่ยวเอ้อร์ดังขึ้น“ข้าไม่ต้องการของว่าง ไสหัวออกไป” ท่านอ๋องสามตะคอกเสียงดังเสี่ยวเอ้อร์เพิกเฉยราวกับไม่ได้ยิน เปิดประตูเข้ามาเหมือ
เหนื่อยมาก เหนื่อยจนเกียจคร้านจะขยับนิ้วด้วยซ้ำ ทว่า คุ้มค่ามาก!“ตงฟางหลี หม่อมฉันเหนื่อยนิดหน่อย ไปพักผ่อนก่อนนะเพคะ” หลังจากที่นางรู้สึกโล่งใจแล้ว สายที่ตึงนั้นก็ผ่อนคลายลงนางลุกขึ้นยืนลุกขึ้นได้ไม่นาน คนก็ล้มตัวโยนลงไปอีกครั้ง“ระวังตัวด้วย” ตงฟางหลีกอดนางอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรเพคะ” ฉินเหยี่ย
อากาศสงบนิ่ง และเงียบสงัดทุกคนในห้องต่างกลั้นหายใจและตั้งสมาธิลู่จิ้นถือหูฟังแพทย์ ตรวจการเต้นของหัวใจของพระสนมอวิ๋นอย่างถี่ถ้วนจังหวะหัวใจเต้นแทบจะไม่มีเลยสีหน้าของเขาเคร่งขรึม และฟังอย่างอดทนเวลาผ่านไปทีละเล็กน้อย ยังคงไม่มีการเต้นของหัวใจ“เฮ้อ” ลู่จิ้นถอนหายใจและวางหูฟังแพทย์ลง “บางที เป็นข
เริ่มแรกเดิมทีนางก็เคยสงสัยว่ายาลูกกลอนหมดอายุแล้ว ทว่าหลังจากคิดให้ดีว่า ด้วยนิสัยที่ระมัดระวังของปู่แล้ว ย่อมไม่ทำเรื่องเช่นนั้น“ศิษย์พี่ ท่านลองคิดดูดี ๆ เกี่ยวกับยาลูกกลอนนี้ ท่านลืมอะไรไปหรือไม่?”ลู่จิ้นบีบคางพลางครุ่นคิดยาลูกกลอนนี้ เขาเคยเห็นเพียงครั้งเดียวครั้งนั้นก็เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้า
“มองผิดแล้วกระมัง” ตงฟางหลีอดไม่ได้ที่จะมองรูปลักษณ์ของพระสนมอวิ๋น ก่อนที่เขาจะหันหลังให้กับเตียง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“หม่อมฉันได้กลิ่นจริง ๆ นะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พึมพำนางตรวจทั่วทั้งร่างกายของพระสนมอวิ๋นแล้ว และรู้สึกว่ามีบางจุดต่างออกไปทว่าหลังจากตรวจอย่างละเอียดแล้ว กลับไม่พบสิ่งใดที่ต่า
“ตงฟางหลี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สาวเท้าเดินไปหยุดข้างกายเขา พลางจับมือเขาแน่น “หม่อมฉัน...”นางมีคำพูดมากมายที่ต้องการพูด ครั้นเห็นความเศร้าโศกในแววตารวมถึงใบหน้าซีดขาวของเขา สุดท้ายก็ต้องกลืนคำพูดกลับเข้าไปพระสนมอวิ๋นจากไปแล้ว ตงฟางหลีน่าจะโทษนางกระมัง“ขอโทษ” นางสูดจมูก“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ” ตงฟางหล
ความรู้สึกต่าง ๆ นานา พวยพุ่งขึ้นมาในใจ จนทำให้ฮ่องเต้นัยน์ตาแดงก่ำร่างกายของเขา เปี่ยมล้นไปด้วยความเศร้า ความเจ็บปวด และความเสียใจ...แตกต่างไปจากความจริงจังในยามปกติ เขาในยามนี้ อ่อนแอจนดูเปราะบาง“เสด็จพ่อ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นปฏิกิริยาของฮ่องเต้ผิดแปลกไป จึงหมายจะก้าวเข้าไปห้ามปราม“ออกไป”“เสด็
ผ่านไปเพียงไม่นาน ฮ่องเต้ก็อุ้มโถยาโถหนึ่งเดินเข้ามา“หาเจอแล้ว” เขาหยิบยาเม็ดที่บรรจุด้วยขี้ผึ้งออกมาจากโถยาหนึ่งเม็ด หลังจากเปิดขี้ผึ้งหนา ๆ ออกหนึ่งชั้นแล้ว ภายในยังห่อด้วยหีบห่อไว้อีกหนึ่งชั้นหีบห่อชั้นนั้น ก็คือลูกบอลพลาสติกที่อยู่ด้านนอกยาลูกกลอนน้ำผึ้งเม็ดใหญ่ครั้นเปิดลูกบอลพลาสติกออก ด้าน
ฮ่องเต้ยืนอยู่ห่างจากเจ้าสิ่งนั้นไม่ไกลมากเขามองสิ่งประหลาดชิ้นนั้นขยายตัวด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลังจากที่มันเจอกับเปลวไฟ พลันเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านในทันทีกลิ่นหอมประหลาดสายหนึ่งฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้อง“ระบายอากาศเร็วเข้า” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตะโกนร้องหนึ่งคำ ฮ่องเต้รีบเปิดหน้าต
นางกำชับทุกคนให้เปลี่ยนอาภรณ์ให้เรียบร้อยแสงเทียนทั้งหมดกระจุกตัวกันอยู่ในจุด ๆ เดียวเมื่อแสงยังสว่างไม่มากพอ ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้องครักษ์จื่ออวี๋นำไข่มุกราตรีในคลังเก็บสมบัติมาแสงสว่างของไข่มุกราตรีสะท้อนอยู่ภายในห้องจนดูคล้ายกับตอนกลางวันฉินเหยี่ยนเย่ว์มิสนใจพูดขอบคุณ หลังจากแบ่งงานกันอย่างช