“เย่ว์ลู่” อ๋องสามแทบจะเค้นคำพูดรอดจากไรฟัน “เจ้าอย่าก่อกวน กลับไปเสีย อย่ายั่วโมโหข้า”“ท่านหูหนวกหรือ?” เย่ว์ลู่ยังคงยิ้ม “หม่อมฉันบอกกับท่านไปแล้วว่าหม่อมฉันมาส่งของขวัญ ของขวัญชิ้นใหญ่นี้ยังไม่ได้ส่งออกไป แล้วหม่อมฉันจะจากไปได้อย่างไรกัน? อีกอย่าง แม้ความตายหม่อมฉันก็ไม่กลัวด้วยซ้ำ แล้วหม่อมฉันจ
หลังจากอ๋องสามได้ยินข้อมูลนี้ก็สูดลมหายใจเข้าเช่นกันฮูหยินเฟิ่งซีสกุลฉินเป็นอัจฉริยะทางการค้าขาย ในช่วงหลายปีมานี้สะสมทรัพย์สมบัติได้จำนวนมาก มีข่าวลือว่าทรัพย์สมบัติที่จวนสกุลฉินสะสมนั้นร่ำรวยพอ ๆ กับแว้นแคว้นเลย และร้านค้าทั่วทั้งสี่แคว้นก็ทำเงินได้ทุกวันหู้กั๋วกงฉินอี้เป็นคนซื่อตรงไม่ยกยอประจบส
“ท่านอ๋อง”ฉินเสวี่ยเย่ว์เคลื่อนกายเข้ามาข้างกายท่านอ๋องสาม พลางคว้าแขนเสื้อของเขา แล้วร่ำไห้สะอึกสะอื้นออกมาด้วยความขมขื่น “ขอร้องท่าน ขอร้องท่านช่วยท่านแม่ของหม่อมฉันด้วยเพคะ นางจะต้องถูกใส่ร้ายแน่นอน ขอร้องท่านล่ะ ช่วยนางด้วยเพคะ”กล่องเสียงที่ได้รับความเสียหายยังไม่ทันฟื้นตัว น้ำเสียงจึงแหบพร่าเ
ครั้นได้ยินคำพูดเสียดสีของเย่ว์ลู่ ท่านอ๋องสามจึงมีสติกลับคืนมาเล็กน้อย ก่อนที่จะหยุดหมัดหากเขาทุบตีฉินเสวี่ยเย่ว์จนตาย เขาก็กลายเป็นฆาตกรฆ่าคนจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต ทำลายทุกอย่างทิ้งเพื่อสตรีผู้นี้ไม่คุ้มค่าเขาจึงเตะฉินเสวี่ยเย่ว์ที่มีมีสภาพน่าเอน็จอนาถไปข้าง ๆ ก่อนเหลือบมองเย่ว์ลู่ด้วยสายตาลึกล้ำ
นางตะโกนเรียกทว่าไม่มีผู้ใดมา จึงทำได้เพียงนอนขดตัวอยู่ในความมืดมิดเท่านั้นผ้าม่านพลิ้วไหว แล้วโครงร่างของเงาดำเงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้น บนเงาดำคล้ายกับมีใบหน้าขนาดใหญ่น่าหวาดกลัว กำลังจับจ้องนางอยู่เมื่อสายตาจับจ้องไปที่ใด ใบหน้าขนาดใหญ่อันน่าหวาดกลัวนั้นก็ย้ายตามไปด้วยเมื่อร้อนตัว มองไปรอบ ๆ ล้วนคิดว
“ฮูหยิน พระชายาอ๋องสามน่าจะฝันร้ายอยู่นะเจ้าคะ” สาวใช้สวมอาภรณ์สีเขียวกดตัวที่สั่นเทาไม่หยุดของฉินเสวี่ยเย่ว์ “ดูเหมือนว่าจะได้รับความตกใจมาขนานหนัก ต้องรีบปลุกนางให้ตื่นขึ้นมาเจ้าค่ะ”ฮูหยินหัวฝูที่อยู่ข้าง ๆ ถอนหายใจ เห็นฉินเสวี่ยเย่ว์ที่ดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย ดวงตาสองข้างกรอกขึ้นฟ้า ท่าทีตื่นตก
นางขมวดคิ้ว “เรื่องของพี่หญิงข้าก็เคยได้ยินมาอยู่บ้าง จวนสกุลฉินทางฝั่งนั้นประหลาดยิ่งนัก ข้าส่งคนไปสอบถามที่จวนสกุลฉิน คนของจวนสกุลฉินกลับปิดปากสนิท ไม่มีผู้ใดกล้าพูดสักคน ข้าก็ได้ยินข่าวมาบ้าง ว่าสถานการณ์มิสู้ดีเท่าใดนัก”“ท่านน้า ช่วยท่านแม่ของข้าด้วย” ฉินเสวี่ยเย่ว์พูดอย่างรีบร้อน “โปรดคิดหาวิธ
กลางดึกค่อนคืน ภายในเรือนหลังเล็กกลับยังคงจุดไฟสว่างไสวไว้อยู่เช่นเคยครั้นหมิ่นจูเดินเข้ามา ก็ถูกบุรุษผู้มีนัยน์ตาดอกท้ออุ้มนางขึ้น“องค์ชายหก” หมิ่นจูกระมิดกระเมี้ยน สีหน้าแดงซ่าน “เลิกวุ่นวายได้แล้วเพคะ”องค์ชายหกสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนโน้มกายมาที่ข้าง ๆ หูของนาง “กลิ่นของจูเอ๋อร์หอมเหลือเกิน”ค
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได