“เสด็จพ่อ” ตงฟางหลีแทบไม่เคยเห็นฮ่องเต้กริ้วเช่นนี้ ลอบบ่นว่าแย่แล้วในใจ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและคุกเข่าลง “ขอเสด็จพ่อ โปรดทอดพระเนตรให้ชัดเจน เยี่ยนเย่ว์ถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าเจ็ด เจ้าถอยออกไป” ฮ่องเต้เอ่ยอย่างเย็นชา“เสด็จพ่อ...”“ตงฟางหลี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คุกเข่าลงอย่างเชื่อฟัง ดึงแขนเ
เขาและฮ่องเต้เป็นพี่น้องฝาแฝด มีจิตใจเชื่อมถึงกันเขาสามารถรู้สึกได้ว่าเสด็จพี่กำลังพิโรธ และมีเจตนาฆ่าหากเหยี่ยนเย่ว์ผู้นี้ทำให้เขาโกรธอีกครั้ง ผลที่ตามมาจะเลวร้ายจนมิอาจคาดคิด“ทูลเสด็จอา เหยี่ยนเย่ว์ทราบดีเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวต่อ “ตามกฎราชวงศ์ตงลู่หวัง ผู้ที่สังหารพระโอรสจะต้องถูกตัดสินประห
“เราอนุญาต”ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด ฮ่องเต้จึงเอ่ยขึ้นเบา ๆ“ขอบพระทัยเสด็จพ่อเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก้าวแรกนับว่านางชนะเดิมพันนางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วลุกขึ้นยืนครั้นพระสนมซูเห็นว่านางยืนขึ้น ก็ชี้นิ้วไปที่นางด้วยสีหน้าเปลี่ยนไปมาก “ผู้ใดให้เจ้ายืนขึ้น? ฉินเหยี่ยนเย่ว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้ว่าอ๋องอี๋หยางต้องการเตือนและช่วยเหลือนางมาโดยตลอด ดังนั้นจึงเคารพพระชายาอ๋องอี๋หยางมากขึ้นไปหลายส่วน“สิ่งที่เสด็จอาหญิงกล่าวมาเป็นเรื่องจริงอย่างที่สุด จะแปลกก็แปลกที่ตรงนี้” นางค้อมตัวคำนับทุกคน “ทุกท่าน ข้าขอถาม คำพูดที่พระชายาอ๋องสามเคยทูลพระพันปี มีผู้ใดในพวกท่าน ยังจำได้หรือ
“เสด็จพ่อเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คุกเข่าลงก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง “ลูกอนุมานว่าพระชายาอ๋องสามมีความเกี่ยวข้องอย่างใหญ่หลวงกับอาการบาดเจ็บของเหมาเหมา และแม้แต่กับอาการป่วยของพระพันปีด้วย สิ่งที่ลูกพูดต่อไปนี้ ก็คือการอนุมานของลูกเพคะ หลักฐานจะถวายให้ในภายหลังเพคะ”ลำคอของนางเกร็งแน่นขึ้น และเอ่ยด้วยน้ำเส
ฉินเสวี่ยเย่ว์ปาดน้ำตา “พี่หญิง ทำไมท่านต้องทำเช่นนี้ด้วย? ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะตำหนิท่านจริง ๆ แต่ทำไมท่านต้องทำเรื่องแบบนี้ด้วย?”“ข้า...ข้า” ฉินเสวี่ยเย่ว์กำลังจะเอ่ย ทว่าดวงตาทั้งสองกลอกขึ้น และเป็นลมล้มพับไปเบา ๆทันใดนั้นก็มีหมอหลวงเข้ามา จับจุดเหรินจงเพื่อปลุกนางหลังจากนั้นสักพักใหญ่ ฉินเสวี่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วฉินเสวี่ยเย่ว์ผู้นี้ รับมือได้ยากกว่าที่คิดไว้จริง ๆ ด้วยสิ่งที่พูดเมื่อครู่สมเหตุสมผล และปิดช่องโหว่ได้พอดีแม้นจะเป็นการเถียงข้าง ๆ คู ๆ แต่กลับสามารถอธิบายได้ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำมือแน่น เหตุผลทั้งหมดของนางขึ้นอยู่กับช่องโหว่นี้ เมื่อช่องโหว่ถูกปิดกั้น การอนุมานของนางก็ไม่สา
ท่าทางนั้น ดูเหมือนเหมาเหมาจะสู้ตาย“ข้าขอโทษ” เมื่อฉินเหยี่ยนย่ว์เห็นว่าปฏิกิริยาของเหมาเหมานั้นรุนแรงเกินไป จึงรีบถอยหลังไปสองก้าวแล้วยื่นมันให้ตงฟางหลีตงฟางหลีหยิบขนมมันเทศออกมาสองชิ้น เจ้าตัวน้อยถึงจะสงบลงฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกผิดมากแมวจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียด เมื่อเผชิญกับอันตรายหรือ
“ท่านต้องการทำอะไรกันแน่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังคงเดินไปข้างหน้าสีหน้าของนางเย็นชา “ท่านเป็นคนวิปริต จัดการกับเด็กคนหนึ่งจะนับเป็นอะไรได้? ปล่อยเจ้าสิบไปเสีย หากมีอะไรก็มาหาข้า”ไป๋หลินยวนยกตงฟางอิงขึ้น และจ้องมองเขาอย่างถี่ถ้วนอย่างไรก็ตามตงฟางอิงยังเป็นเด็ก เมื่อถูกคนวิปริตจ้องมองเหมือนจะเขมือบกินเ
ไป๋หลินยวนมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูอันน่าเกรงขาม รอยยิ้มบนใบหน้าก็กว้างขึ้นใบหน้านั้นเดิมทีเป็นของปลอม และท่าทีที่เขายิ้มก็ดูแปลกเล็กน้อยตงฟางอิงแอบสังเกตเขาอย่างระมัดระวังอยู่ตลอด“พี่สะใภ้เจ็ด” มือเล็ก ๆ ของเขาดึงแขนเสื้อของฉินเหยี่ยนเย่ว์ “หมอหลวงผู้นี้แปลกมาก”“มิใช่ว่า
เขาเอียงหัว “พวกท่านรู้จักกันหรือ?”“พี่สะใภ้เจ็ด ท่านพบบุรุษคนใหม่ลับหลังพี่เจ็ดหรือ?”สายตาของพี่สะใภ้เจ็ด ไม่ค่อยดีนักบุรุษผู้นี้เยือกเย็น ดูแล้วน่ากลัวมากยังห่างไกลจากพี่เจ็ดมากแล้วก็สู้เขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ“อย่าพูดเหลวไหล” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ็ดใส่ “หรือว่าเจ้าไม่เห็นหมวกบนศีรษะของเขาหรือ?”“สาม
ตงฟางอิงลูบจมูก เจ็บจนน้ำตาไหล “ทำไมตรงนี้ถึงมีกำแพงด้วย?”เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นใบหน้าของชายแปลกหน้าผู้นั้นก็ตกตะลึงทันทีที่เผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม เขาได้ปกป้องฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้อยู่ข้างหลังตน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านเป็นใคร? เข้าวังมาได้อย่างไร? ท่านคิดจะทำอะไร?”“โอ้ วีรบุรุษ
“เจ้ายอมให้ข้าหนาวตาย แต่จะไม่ยอมช่วยข้าใช่หรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดเสียงเบา“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่” ตงฟางอิงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงดูเหมือนเขาจะรวบรวมความกล้าไว้ให้มาก และในที่สุดก็หันหลังกลับมาราวกับกำลังเร่งรีบที่จะเข้าสู่สนามรบ มีรัศมีของไม่ยี่หระต่อความตายใด ๆ ทั้งสิ้นอย่างมากทีเดียวเขาเดินมาถึง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองการกระทำของตงฟางอิงผ่านฉากกั้นลม และรู้สึกตลกเล็กน้อยนางมีความคิดที่จะแกล้งเล่นอีก แสร้งทำเป็นว่าเท้าแพลง และยังส่งเสียงอุทานออกมาด้วย“แย่แล้ว เจ้าสิบ ข้าข้อเท้าแพลง เจ้ามาช่วยประคองข้าที”ตงฟางอิงหน้าแดงมากยิ่งขึ้น“ประคอง ประคองท่านน่ะหรือ? ข้า ข้าเป็นบุรุษนะ ท่านเป็นสตรี บุรุษ
ขันทีหลานหน้าซีดเผือด เขาทำความเคารพ หมอบต่ำอยู่บนพื้น “กราบทูลฝ่าบาท มิใช่ว่าบ่าวมาตรงเวลา ทว่าบังเอิญบ่าวมีเรื่องสำคัญต้องรายงานพ่ะย่ะค่ะ”น้ำเสียงของเขาสั่นไหวเล็กน้อย “ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ชู่” ฮ่องเต้เหลือบมองพระสนมอวิ๋นที่ยังคงนอนหลับอยู่ “เบาเสียงลงหน่อย”ขันทีหลานผู้ซึ่งส
เมื่อฮ่องเต้นึกถึงฉินเหยี่ยนเย่ว์ผู้ชอบทำตัวกำเริบเสิบสานก็พิโรธมากวิธีการกระทำเรื่องต่าง ๆ ของนาง เสมือนเป็นนักพรตเต๋าเทียนหลิงอีกคนแม้กระทั่งบางเวลาจะทำตัวกำเริบเสิบสานยิ่งกว่านักพรตเต๋าเทียนหลิงไปอีกหลายส่วนด้วยซ้ำ“ไม่ไป นางรู้นานแล้วว่าข้าอยู่ที่นี่” ฮ่องเต้แค่นหัวเราะเสียงเย็น “จมูกของนางนั่
“ข้ากับเสด็จแม่มีนิสัยคล้ายกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับแตกต่างกัน”ความรู้สึกของพระสนมอวิ๋นที่มีต่อฮ่องเต้นั้นเป็นเรื่องจริงความรู้สึกของฮ่องเต้ที่มีต่อพระสนมอวิ๋นนั้น ย่อมเป็นเรื่องจริงเช่นกันอย่างไรก็ตามเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เกรงว่าจะมิใช่เช่นนี้ในตอนนั้น หากได้รับการสนับสนุนอย่างแน่วแน่จากฮ่องเต