เว้นเสียว่า......เดิมทีชีวิตเด็กคนนั้นหาได้รักษาเอาไว้ได้ไม่ ฉินเสวี่ยเย่ว์จึงต้องการหาข้ออ้างและเหตุผลเพื่อมาทำแท้งเด็กอีกทั้งเหตุผลเหล่านี้มิได้ต้องการที่จะใส่ร้ายนางอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรฉินเสวี่ยเย่ว์ก็ไม่อาจควบคุมนางให้ไปไหนมาไหนได้อยู่แล้วเหตุผลเพียงอย่างเดียวที่อาจจะกล่าวได้ก็คือ ฉินเสวี่ย
“นี่มันยามใดแล้ว เหยี่ยนเย่ว์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเรื่องนี้มิได้ง่ายดายอย่างที่คิด” ตงฟางหลีขมวดคิ้วเป็นปมไปในทันที่เมื่อเห็นฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังพูดคุยหยอกล้อกับเจ้าสิบได้เขามิได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ย่อมมิรู้ว่ามีเรื่องราวอันใดเกิดขึ้นบ้างอีกทั้งเสด็จพ่อให้ความสัมพันธ์กับสายใยพี่น้องยิ่งนัก ดังนั้นเรื่อง
หลังจากเห็นกลุ่มของฉินเหยี่ยนเย่ว์ จึงรีบทำความเคารพ “พระชายาอ๋องเจ็ด พระสนมซูเชิญท่านไปที่ตำหนักเป่าหยวนเพคะ”“เฮอะ มาแล้วสินะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลุกยืนขึ้นพร้อมใบหน้าเย็นยะเยือกนางพับแขน สอดมือไว้ในเสื้อต่อไปจักเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากสนามหนึ่งตงฟางหลีกังวลเล็กน้อย เขาจับมือของนางไว้ “เหยี่ยนเย่ว์
“เสด็จพ่อ” ตงฟางหลีแทบไม่เคยเห็นฮ่องเต้กริ้วเช่นนี้ ลอบบ่นว่าแย่แล้วในใจ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและคุกเข่าลง “ขอเสด็จพ่อ โปรดทอดพระเนตรให้ชัดเจน เยี่ยนเย่ว์ถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าเจ็ด เจ้าถอยออกไป” ฮ่องเต้เอ่ยอย่างเย็นชา“เสด็จพ่อ...”“ตงฟางหลี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คุกเข่าลงอย่างเชื่อฟัง ดึงแขนเ
เขาและฮ่องเต้เป็นพี่น้องฝาแฝด มีจิตใจเชื่อมถึงกันเขาสามารถรู้สึกได้ว่าเสด็จพี่กำลังพิโรธ และมีเจตนาฆ่าหากเหยี่ยนเย่ว์ผู้นี้ทำให้เขาโกรธอีกครั้ง ผลที่ตามมาจะเลวร้ายจนมิอาจคาดคิด“ทูลเสด็จอา เหยี่ยนเย่ว์ทราบดีเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวต่อ “ตามกฎราชวงศ์ตงลู่หวัง ผู้ที่สังหารพระโอรสจะต้องถูกตัดสินประห
“เราอนุญาต”ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด ฮ่องเต้จึงเอ่ยขึ้นเบา ๆ“ขอบพระทัยเสด็จพ่อเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก้าวแรกนับว่านางชนะเดิมพันนางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วลุกขึ้นยืนครั้นพระสนมซูเห็นว่านางยืนขึ้น ก็ชี้นิ้วไปที่นางด้วยสีหน้าเปลี่ยนไปมาก “ผู้ใดให้เจ้ายืนขึ้น? ฉินเหยี่ยนเย่ว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้ว่าอ๋องอี๋หยางต้องการเตือนและช่วยเหลือนางมาโดยตลอด ดังนั้นจึงเคารพพระชายาอ๋องอี๋หยางมากขึ้นไปหลายส่วน“สิ่งที่เสด็จอาหญิงกล่าวมาเป็นเรื่องจริงอย่างที่สุด จะแปลกก็แปลกที่ตรงนี้” นางค้อมตัวคำนับทุกคน “ทุกท่าน ข้าขอถาม คำพูดที่พระชายาอ๋องสามเคยทูลพระพันปี มีผู้ใดในพวกท่าน ยังจำได้หรือ
“เสด็จพ่อเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คุกเข่าลงก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง “ลูกอนุมานว่าพระชายาอ๋องสามมีความเกี่ยวข้องอย่างใหญ่หลวงกับอาการบาดเจ็บของเหมาเหมา และแม้แต่กับอาการป่วยของพระพันปีด้วย สิ่งที่ลูกพูดต่อไปนี้ ก็คือการอนุมานของลูกเพคะ หลักฐานจะถวายให้ในภายหลังเพคะ”ลำคอของนางเกร็งแน่นขึ้น และเอ่ยด้วยน้ำเส
ป้าหวนจับจ้องกระดาษแผ่นนั้นสักพัก ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นเปี่ยมล้นด้วยรังสีอาฆาตเสียงของนางแทบจะเค้นลอดไรฟันออกมา “ฝ่าบาทให้ท่านมารับตัวพระสนมเหยาหรือ?”“ถูกต้อง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “คดีของพระพันปีเป่าเปิดเผยความจริงทั้งหมดแล้ว พระสนมเหยาเป็นผู้ถูกข้อครหา เสด็จพ่อจึงมีพระราชโองการให้ข้ากับองค์ชายสิบมาร
“องครักษ์จื่ออวี๋” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขานเรียกคำหนึ่ง“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จื่ออวี๋สองนายปรากฎตัวขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน“พวกเจ้าใครก็ได้ช่วยข้าถีบกำแพงนี่ให้เปิดออกหน่อย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดกำชับ“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์จื่วอวี๋ไม่ลังเลแม้แต่น้อยหนึ่งในนั้นก้าวขึ้นมาข้างหน้า กำหมัดแน่น รวบรวมพลังเงียบ ๆต่อ
ครั้นมองจากมุมของพวกเขา ข้างในยังคงว่างเปล่าไร้ผู้คน“ไม่มีกับดัก และไม่มีคนด้วย” ตงฟางอิงห่อไหล่ลง “แต่ข้าได้ยินเสียงจริง ๆ นะ” ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดเผือดลงอีกครั้ง “พี่สะใภ้เจ็ด คงมิได้มีผีจริง ๆ กระมัง?”“ผีมิทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้หรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้าวเข้าไปข้างในกลิ่นเลือดภายในห้องรุนแรง
สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ดูไม่ดีเช่นกันกองรักษาระเบียบเป็นหน่วยตรวจสอบของวังหลวง หัวหน้าหน่วยตรวจสอบใช้บทลงโทษอะไรมาลงโทษลูกน้อง มิอาจใช้บทลงโทษกับผู้กระทำความผิดโดยไร้เหตุผลได้กองรักษาระเบียบแห่งนี้ผิดปกติจจริง ๆเห็นได้ชัดว่าแม่นมสองคนที่หน้าประตูก็ปิดบังเรื่องบางอย่างจากพวกเขา ท่าทีอึกอัก สีหน
นางยื่นกระดาษขาวไปตรงหน้าพวกนาง “หรือว่า พวกเจ้าคิดจะขัดพระราชโองการ?”เหล่าแม่นมมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาที่หน้าผากเล็กน้อยพวกนางขัดขวางไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงเปิดประตูให้ “พระชายาอ๋องเจ็ด องค์ชายสิบ เชิญเข้าไปได้เพคะ”ครั้นฉินเหยี่ยนพับกระดาษเก็บไว้ในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว ก็พาเจ้าสิบเดินเข้าไปข้างในแม่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นตงฟางอิงวิ่งเข้ามาด้วยความเบิกบานใจ ก็ปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าให้ลูกอมกับเสด็จพ่อหรือ?”ตงฟางอิงรีบซ่อนมือทันควัน “ไม่นี่ พี่สะใภ้เจ็ดอยากกินลูกอมหรือ?”“เลิกเสแสร้งได้แล้ว ข้าได้ยินได้เห็นทั้งหมดแล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “เจ้ากำลังอยู่ในวัยเปลี่ยนฟัน กินน้ำตาลให้น้อยลงหน่อย ต่อไ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงตระหนักได้ว่าตอนนี้ยังอยู่ต่อหน้าเจ้าสิบนางโบกมือเป็นพัลวัน “ท่านอย่าเข้าใจผิด ลูกมิได้พูดถึงเรื่องพวกนั้นเพคะ”“ท่านก็เห็นแล้ว ว่าหลังจากพระพันปีเป่าเป็นโรคเบาหวานทรมานมากเพียงใด นี่เกี่ยวกับที่พระนางติดหวานเป็นชีวิตจิตใจเป็นอย่างมาก”ครั้นเห็นว่าฮ่องเต้ไม่มีท่าทีไม่พอใจ นางก็พูด
“พูดมา”“เสด็จพ่อ โปรดอภัยที่ลูกพูดตรง ๆ ด้วยเพคะ ผลที่ตามมามิใช่สิ่งที่สามารถรักษาได้ หรือก็คือ ต่อให้พระพันปีเป่าจะถูกช่วยชีวิตให้กลับมาได้ ก็จะไม่เหมือนเดิมแล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดโรคบางโรค หากเป็นแล้ว ก็จะเป็นไปตลอดชีวิต จำเป็นต้องกินยาไปทั้งชีวิต ถึงจะสามารถควบคุมอาการได้“หมายความว่าอย่าง
ไป๋หลินยวนไม่เหมือนกับจีอู๋เยียนจีอู๋เยียนเพื่ออวี้เอ๋อร์แล้วได้ทำเรื่องแปลกประหลาดลงไปมากมาย พูดได้ว่าทุกคนต่างรังเกียจเดียดฉันก็ไม่เกินไปไป๋หลินยวนรังเกียจที่จะคบหากับมนุษย์ธรรมดาสามัญ ชื่อเสียงโด่งดัง ภายนอกดูสะอาดสะอ้านมีเพียงนางที่รู้ว่าเขาเป็นคนโรคจิตคนหนึ่ง“เทพพิษและหมอเทวดามีชื่อเสียงทัด