เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นท่าทีที่อ่อนโยนของเขา จึงแตะริมฝีปากของเขาเล็กน้อย “หยุดทำตัววุ่นวายได้แล้วเพคะ ท่านก็ช่วยตามหาหน่อยเถิด”“ข้าตอบรับได้ แต่พระชายาคิดให้ดี ๆ ว่าจะตอบแทนข้าเยี่ยงไร?” ตงฟางหลีจ้องมองนางที่อยู่ท่ามกลางแสงเทียน โน้มตัวเข้าใกล้ และกระซิบคำสองสามคำข้างหูของนางสุดท้ายก็พ่นลมหายใจอ
“คนงาม ข้ามาแล้ว” คนขี้เมาอัปลักษณ์สะอึก และเหยียดนิ้วอ้วนที่เต็มไปด้วยไขมันชี้ไปทางเตียงเมื่อเขากำลังจะแตะถึงตงฟางหลี ตงฟางหลีก็เตะเขาออกไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วมากคนขี้เมาตกใจในคราแรก เมื่อเห็นใบหน้าที่งามล่มเมืองของเขา ลำคอของเขาเกร็งแน่นขึ้นพลางขยี้ตา “ข้าไม่น่าจะฝันอยู่นะ? ช่าง ช่างงดงามเหลือ
“พาเขาออกไป ปลุกให้ตื่น แล้วถามให้ชัดว่าเป็นคำสั่งของใคร” ตงฟางหลีพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ที่เหลือ เจ้าควรรู้ว่าต้องทำอย่างไรกระมัง?”“กระหม่อมเข้าใจ” เฟยอิ่งคว้าคนขี้เมาแล้วเงาร่างก็แวบหายไปตงฟางหลีเปิดหน้าต่าง ปล่อยให้ลมหนาวพัดพากลิ่นที่น่าขยะแขยงในห้องออกไปสายลมพัดผมยาวของเขา ท่ามกลางแสงสลัวนั้น เส
ในช่วงครึ่งหลังของคืน สีของท้องฟ้ายามค่ำคืนกลายเป็นเสมือนหินฝนหมึกที่มิอาจกระจาย มืดมน และโดดเดี่ยวหมอกเริ่มหนาขึ้นเรื่อย ๆ ดำขาวคละเคล้าพันเกี่ยวกัน บดบังดวงดาวบนท้องฟ้าและบดบังแสงที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวกระแสใต้น้ำที่สาดซัดกระหน่ำราวกับกระแสคลื่น น้ำขึ้นสูงอย่างเงียบเชียบและล่าถอยไปอย่างเงียบเชี
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ฟังแล้วรู้สึกขยะแขยงเล็กน้อยนางถือปิ่นปักผมไม้ไว้ในมือพลางเคาะเบา ๆ ลงบนโต๊ะ “ผู้ใดคือผู้ที่พบคนแรก”เฟ่ยชุ่ยส่ายหัว “บ่าวเองก็มิรู้เช่นกันเพคะ แต่เรื่องนี้ทุกคนในจวนสกุลฉินล้วนรู้ถ้วน มีคนไม่น้อยที่เห็นกับตาตัวเอง แม้ฮูหยินรองจะห้ามไม่ให้แพร่งพรายออกไปด้านนอกอย่างชัดเจน แต่เรื่อง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หมุนตัวอยู่หน้าคันฉ่องหนึ่งรอบปกตินางก็ไม่ชอบแต่งหน้าอยู่แล้ว และคร้านแต่งหน้าอย่างประณีตเช่นนี้ยิ่งกว่าสถานการณ์ในครานี้พิเศษ นางใช้ทักษะการแต่งหน้าที่เคยร่ำเรียนมาในอดีต ปกปิดจุดด้อย เหลือไว้เพียงจุดเด่น ทั้งยังมีเสื้อผ้าอาภรณ์ทรงผมและเครื่องประดับที่เพิ่มมาพิเศษ ผลลัพธ์ที่ได้จึงน
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองกลุ่มคนที่หน้าประตูสวนฝูหรง พลันถอนหายใจยาวออกมาเฮือกหนึ่งในฐานะที่เป็นสตรีเหมือนกัน นางไม่คิดจะใช้วิธีเช่นนี้มาทำให้ฉินปี้เย่ว์ต้องทำลายตัวเองจริง ๆ ทว่า เรื่องก็ได้เกิดขึ้นแล้ว จะแก้ไขได้หรือไม่นั้น ทั้งหมดต้องอาศัยฮูหยินรองและตัวฉินปี้เย่ว์เองนางเดินทะลุผ่านกลุ่มคนไปด้วยสีหน้
“ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ข้าจะสู้สุดชีวิตกับเจ้า” ฮูหยินรองที่เสียสติไปแล้วนั้น ส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว เจ้าทำลายใบหน้าของปี้เอ๋อร์ยังไม่พอ เจ้ายังทำลายชีวิตของนางจนหมดสิ้นอีก”นางฉีกทึ้งมาทางฉินเหยี่ยนเย่ว์เฝ่ยชุ่ยเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบเข้ามาขวางหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์นางมีเ
หลังจากลู่จิ้นป้อนยาที่มีชื่อว่ามังกรพ่นมุกนี้ให้นาง ก็ได้ทำลายสมดุลนี้ลงครั้นพิษของปลาทรายแดงครีบทองกลายพันธ์ถูกกดลง พิษของยาอีกหนึ่งชนิดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันยาพิษบางชนิดมีพิษมากกว่าพิษจากปลาทรายแดงครีบทอง จึงเท่ากับต้องพิษเป็นครั้งที่สองหลังจากสมดุลถูกทำลาย ซูเตี่ยนฉิงย่อมไม่มีชีวิตที่ดีแล้
“เจ้าตาบอดหรือ? มองไม่ออกว่านี่คือตัวหนอนหรือย่างไร? ก็คือตัวหนอนที่กลายเป็นแมลงวันได้อย่างไรเล่า รักษาให้ดี ๆ เถิด” ลู่จิ้นเอ่ยเสียงเย็นซูจิ้นยืนยันคำตอบอยู่ในใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองทันทีคนคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้ว เหตุใดถึงอาเจียนเอาของน่ารังเกียจพรรค์นี้ออกมาได้?
หากมีสุรารสเลิศก็ดียิ่งขึ้นไปอีกฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็คิดจะจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทว่า...นางเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงที่นอนอยู่บนเตียงปราดหนึ่งจากไปทั้งอย่างนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนักจำต้องตอบแทนอะไรบางอย่างกลับไปบ้างถึงจะได้ไม่มาเสียเที่ยว“ศิษย์พี่รอสักครู่นะเจ้าคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “
“ผู้ใดให้เจ้าไม่ตั้งใจเรียน ให้เจ้าทำยาคุณภาพต่ำออกมามั่วซั่ว หลายปีนี้เจ้ามัวทำอะไร? สิ่งที่เรียนนั้น เรียนไปที่ตัวสุนัขหมดแล้วหรืออย่างไร?” ลูจิ้นตะคอก“กล้าให้ศิษย์น้องหญิงได้รับความทรมานเช่นนั้น ข้าจะตีเด็กสารเลวอย่างเจ้าให้ตาย”ลู่ซิวถึงได้เข้าใจเป็นท่านบรรพบุรุษรังเกียจยาน้ำคุณภาพต่ำที่เขาทำข
ลู่จิ้นกลับไม่สนใจโดยสิ้นเชิงหัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนหน้านี้เขาคิดจะปิดประตูข่มขู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้รักษาฉิงเอ๋อร์ แม้ว่าจะเป็นการไม่เคารพต่อพวกเขาสองคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น ขอเพียงยืนกรานไม่ยอมรับ ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรได้ครั้นลู่จิ้นมาถึง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วต่อให้เขามีความกล้ายิ่งใ
ซูจื่ออายุยังน้อย ทนต่อการถูกฟาดได้ครั้นปล่อยให้ลู่จิ้นทุบตีระบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน หากยืนนิ่งไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียวลู่จิ้นที่ทุบตีจนเหนื่อยแล้วถึงได้ฝืนหยุดตี“ลูกชายของข้า” ฮูหยินซูเห็นท่าทีจมูกช้ำเขียวใบหน้าปูดบวมของซูจื่อ หยาดน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสาย ร้องไห้
นี่สิถึงจะเป็นอาวุธวิเศษในการแสร้งป่วยที่ถูกต้อง“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบกลืนยาเม็ดลงไปทันที“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า” รอจนกระทั่งนางกินยา ลู่จิ้นก็จับชีพจรให้นางอีกครั้งเทียบกับชีพจรยุ่งเหยิงเมื่อครู่แล้ว ชีพจรในยามนี้มั่นคงกว่ามาก ศิษย์น้องหญิงก็รู้
“หลีกไป หลีกไปให้พ้น ใครกล้ามาขัดขวางข้า!”เสียงนั้นดังกึกก้องเป็นอย่างยิ่ง ทรงพลังและดุดันก่อนจะตามมาด้วยเสียงล้มลงกับพื้นของคนหลายคน แล้วประตูใหญ่ก็ถูกคนถีบออกอย่างแรงจากนั้น ชายชราผมขาวเคราขาวคนหนึ่งบุกเข้ามาด้วยความกรุ่นโกรธคนที่เข้ามาคือลู่จิ้นบรรพบุรุษของสกุลลู่ที่ด้านหลังของลูจิ้น ยังมีลู
คนทั่วไปเมื่อรับเงินทองผู้อื่นไปแล้วต้องปัดเป่าความกังวลของผู้นั้นมีเพียงนาง ที่รับเงินไปแล้วยังหน้าไม่อายอย่างเปิดเผยเช่นนี้“นายท่าน ท่านเชื่อข้านะเจ้าคะ นางจงใจปล่อยให้ฉิงเอ๋อร์ตายโดยที่ไม่ช่วย” ฮูหยินซูนึกถึงคำเตือนของคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ใต้หล้านี้มีเพียงนางที่ช่วยชีวิตฉิงเอ