“ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ข้าจะสู้สุดชีวิตกับเจ้า” ฮูหยินรองที่เสียสติไปแล้วนั้น ส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว เจ้าทำลายใบหน้าของปี้เอ๋อร์ยังไม่พอ เจ้ายังทำลายชีวิตของนางจนหมดสิ้นอีก”นางฉีกทึ้งมาทางฉินเหยี่ยนเย่ว์เฝ่ยชุ่ยเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบเข้ามาขวางหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์นางมีเ
ฮูหยินรองมิอยากจะเชื่อเฝ่ยชุ่ยที่นอบน้อมคนนั้น เฝ่ยชุ่ยที่ปล่อยให้ใครก็ได้กลั่นแกล้งรังแกคนนั้น เปลี่ยนไปเป็นโหดร้ายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?กลิ่นอายบนตัวเฝ่ยชุ่ยน่าพรั่นพรึงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน“เฝ่ยชุ่ย เจ้ามันนังชั่นต่ำ...” นางก่นด่าด้วยความเคยชินเพี๊ยะ!เฝ่ยชุ่ยตวัดหนึ่งฝ่ามือไป “ฮูหยินรอง ท่า
“ถุย ถุย” ฮูหยินรองบังคับให้ตนเองสงบจิตใจเอาไว้ “เจ้าเป็นอันใด? ถึงได้กล้าพูดจาเช่นนี้กับข้า ข้าบอกว่าไม่รู้จักก็ไม่รู้จักสิ”“ใครก็ได้ พวกเจ้าเป็นคนตายไปหมดแล้วหรืออย่างไร? รีบมาเร็ว แล่หนังคนชั้นต่ำคนนี้และฉินเหยี่ยนเย่ว์นังคนป่านั่นเป็นหมื่น ๆ ชิ้นเสีย” เฝ่ยชุ่ยได้ยินนางกล่าววาจาสกปรก ก็หมายจะเข
“เหยี่ยนเย่ว์” ฉินอี้ใบหน้าเย็นชา “เจ้าพูดความจริงกับข้ามา เรื่องนี้เจ้าเป็นคนลงมือทำใช่หรือไม่?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองเขาพลางยิ้มคล้ายไม่ยิ้มออกมา “ใต้เท้าฉินคิดว่าอย่างไรหรือ?”“ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เป็นเพราะเจ้า ปี้เอ๋อร์ถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ ล้วนเป็นเจ้าที่ทำขึ้นมาด้วยตัวคนเดียว เจ้ามันเป็นหญิงอสรพิษ ป
ฉินอี้ถูกท่าทีของนางกระตุ้นจนสีหน้าคล้ำเขียวเขาไม่ค่อยเข้าใจนัก บุตรคนโตที่ว่านอนสอนง่ายมาโดยตลอด เหตุใดถึงกลายเป็นคนที่มีหนามแหลมรอบกายไปแล้ว?“นายท่าน จะต้องเป็นนางแน่นอน” ฮูหยินรองเห็นว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์ขัดแย้งกับฉินอี้แล้ว ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสใด ๆ ทิ้งไป “หากนางมิใช่คนทำ นางก็จะยอมรับอย่างตรงไปตรง
“ข้าไม่มีน้องสาว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขัดจังหวะเขา “ใต้เท้าฉิน ท่านโปรดแยกแยะให้ชัดเจนด้วย ลูกของท่านกับหมิ่นอวี้มิเกี่ยวข้องกับข้า ท่านแม่ของข้าจากไปเร็ว จึงยังมิทันคลอดน้องสาวให้ข้า”“เจ้า!” ฉินอี้โมโหจนสีหน้าคล้ำเขียว “เหยี่ยนเย่ว์ เจ้าบอกข้ามา เหตุใดเจ้าต้องทำเยี่ยงนี้ด้วย? เพียงเพราะสวนลั่วเสียถูกทำ
ฉินอี้ได้ยินฉินเหยี่ยนเย่ว์เรียกตนเองว่าเด็กกำพร้า ร่างกายพลันสั่นไม่หยุด ก่อนจะเอ่ยตะคอกด้วยความโกรธเคือง “เหยี่ยนเย่ว์ นี่เจ้าตัดสินใจที่จะตัดความสัมพันธ์กับข้าหรือ?”ประกายในแววตาฉินเหยี่ยนเย่ว์เย็นยะเยือกดั่งดวงดาวที่อยู่ห่างไกลออกไปมิใช่นางคิดจะสะบั้นความสัมพันธ์ หากเป็นเพราะ นางและฉินอี้เดิมก
เขาเดินเยื้องย่างเข้ามาในสวนฝูหรงอย่างช้า ๆ ใบหน้างดงามล่มเมืองนั้นเจือกลิ่นอายของความเย็นชาที่พาให้คนหวาดกลัว ทำให้ฤดูเหมันต์นับเก้านี้หนาวเหน็บขึ้นหลายส่วนแสงอาทิตย์ส่องทะลุผ่านกระเบื้องเคลือบลงมา สะท้อนลงบนอาภรณ์ปักลวดลายของเขา ดิ้นทองด้ายเงินลายมังกรบนร่างกำลังส่องประกายในแสงฤดูหนาว ยิ่งทำให้เข
งูมีพิษร้ายแรง หากกัดโดนเฮยตั้น เฮยตั้นก็ลำบากแล้ว“เมี้ยว!เฮยตั้ยคำรามเสียงต่ำ ก่อนจะใช้กรงเล็บน้อย ๆ ตะปบส่วนหัวของงูเพลิงแดงอย่างแรง ปากก็กัดเข้าที่หางของงู แล้วสะบัดอย่างแรง จนงูเพลิงแดงถูกสะบัดจนหมดสติไปอีกครั้งตัวของมันแตกต่างจากตัวอวบอ้วนของเฮยตั้น ความเร็วของมันก็รวดเร็วมาก ตั้งแต่ต้นจนจบ
“ไม่”“ท่านต้องพบอะไรเข้าแล้วแน่นอน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ตงฟางหลีมีนิสัยสุขุม หากไม่ใช่เขาได้รับข่าวอะไรมา คงไม่พูดถ้อยคำเช่นนี้ออกมาเขาไม่มีทางลองหยั่งเชิงขึ้นง่าย ๆ“พลั้งปากพูดเท่านั้น” ตงฟางหลีกล่าวเสียงเบา “เจ้าคิดไปถึงที่ใด?”“ล้วนเป็นแกะเหมือนกัน ท่าทีของเจ้ากลับไม่เหมือน
“ไม่ได้หรือ?” ตงฟางหลีหัวเราะเสียงเบา“ได้ก็ได้อยู่หรอกเพคะ แต่มักจะรู้สึกว่าท่านทำตัวแปลกชอบกล” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิด หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากัน “พี่เจ็ด ท่านคงไม่ได้ทำอะไรผิดมา จึงตั้งใจจัดงานเลี้ยงหงเหมินนี้ขึ้นเพื่อมาหลอกหม่อมฉันกระมัง?”“ไม่”“หม่อมฉันไม่เชื่อ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์วางตะเกียบลง“ไม่ม
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าพิพักพิพ่วนนางช่วยป้าฉาวางเตาไฟขนาดเล็กบนโต๊ะป้าฉาไปกลับยกเนื้อและผักที่หั่นไว้เรียบร้อยแล้วมา“น้ำแกงนี้ต้มมานานมากแล้ว ท่านลองชิมดูสักหน่อยว่ารสชาติพอใช้ได้บ้างหรือไม่?” ป้าฉาพูด “เครื่องปรุงรสที่ท่านชอบบ่าวได้ให้คนจัดเตรียมไว้แล้ว ซอสหอยนางรมนั่นบ่าวไม่เคยใช้มาก่อน จึงได้ทำ
มันเหมือนกับจะเริ่มขัดแย้งกับตงฟางหลี ทำแต่ละอย่างล้วนแต่จงใจทำให้เขาโกรธนางก้าวเข้าไปข้างหน้า ลูบท้องน้อยของมันเดิมทีแมวไม่ชอบให้ลูบท้องทว่าเฮยตั้นกลับเป็นข้อยกเว้น มันมีสีหน้ามีความสุข เปล่งเสียงครางอย่างมีความสุขจากในลำคอดวงตาสีทองคู่นั้นหรี่ลงน้อย ๆ ราวกับพออกพอใจกับการบริการของฉินเหยี่ยนเย่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองสีหน้าแปรเปลี่ยนไปของตงฟางหลี ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากได้ยินว่าเขาในวัยเยาว์ถูกไท่เฟยฉางขังไว้ในกรงสุนัข ภายในใจของนางก็ได้กลั้นโทสะนี้ไว้แล้วนางไม่เคยเห็นท่าทีน่าเวทนาของพี่เจ็ดตอนที่เขายังวัยเยาว์ก็จริงทว่า เคยเห็นเหตุการณ์ที่เจ้าเก้าถูกทารุณมาด้วยตาของตนเองแ
มันหาตำหนักซีอวิ๋นเจอได้อย่างไร?“เจ้ารู้จักแมวตัวนี้หรือ?” สีหน้าตงฟางหลีดำครึ้ม“รู้จักเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าสับสนเล็กน้อยเมื่อครู่นี้ในห้องมิได้จุดไฟไว้ มีเพียงแสงสว่างจากภายนอกที่ส่องเข้ามาเฮยตั้นขดตัวนอนหลับอยู่บนเตียง ภายใต้แสงสะท้อนจากแสงสว่างที่อยู่ไกลออกไป และภายใต้ความบังเอิญได้เกิ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้มาตลอดถูกทำให้ตกใจแล้วจริง ๆ จึงไม่กล้าอยู่ในห้องนี้ต่อ หมุนกายวิ่งออกไปข้างนอกเพิ่งจะถึงประตู พลันตกอยู่ในอ้อมกอดที่เย็นยะเยือก“ยัยหนู?” ตงฟางหลีเลิกคิ้ว “เจ้ากำลังทำอะไร?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เงยหน้า ครั้นมองเห็นใบหน้าตกตะลึงของตงฟางหลี พลันเบาใจลงทันควัน ก่อน
“ข้าไม่อยากเห็นสิ่งนั้น ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย ข้าจะหาคนที่มีดวงชะตาสอดคล้องกับข้าภายในเวลาสั้นที่สุดได้แน่นอน”ป้าผิงนิ่งไม่ไหวติงบนใบหน้าที่ดูคล้ายกับหน้าปลอมนั้นเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาครั้นนางจับจ้องไท่เฟยฉางที่อยู่ในอาการหวาดกลัวครู่ใหญ่ ก็ได้ใช้เสียงกลแหบพร่าพูดต่อไป “นับจากวันนี้เป็นต้นไป ท่า