หลายวันมานี้ นางคิดว่าเฝ่ยชุ่ยขลุกอยู่กับไป๋โค้วทุกวัน ย่อมเรียนรู้ความสามารถมาไม่มากก็น้อยคาดไม่ถึงเลยว่า เฝ่ยชุ่ยยังคงเป็นเฝ่ยชุ่ยในอดีตอยู่ ความขี้ขลาดก็มากขึ้นกว่าเดิม“รังแกกันเกินไปแล้ว” นางคิดจะลุกขึ้นยืนจีอู๋เยียนกลับยิ้มพรายอย่างเย็นชา “ครานี้ถูกเจ้าพบเข้าแล้ว หากคราต่อไปเจ้าไม่อยู่ด้วยเล
ฉินเหยี่ยนเย่ว์โกรธมากเสียจนหัวแทบจะระเบิดออกมาแล้วคราวก่อนนางซื้อเครื่องประดับจากหอคอยหมิงเยว์มาไม่น้อยเลย นอกจากจะส่งเป็นของขวัญมอบให้เย่ว์ลู่แล้ว ยังมีเครื่องประดับอื่น ๆ ที่นางแจกให้กับเด็กสาวทั้งสามอีกด้วยของไป๋โค้วคือสร้อยข้อมือ ชื่อเจี้ยนคือปิ่นปักผม เฟ่ยชุ่ยคือสร้อยคอยามที่เฟ่ยชุ่ยได้รับส
“ปล่อยข้านะ” นางพยายามสะบัดไม้สะบัดมือมาเพื่อปัดเฟ่ยชุ่ยออกไปให้พ้นทางเฟ่ยชุ่ยที่มิรู้ว่าไปเอาพละกำลังมาจากที่ใด หาได้ยอมปล่อยมือไม่ทั้งสามคนยื้อยุดฉุดกระชากกันไปกันมา ยามที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด หวีไม้เล่มหนึ่งพลันลอยออกมา ก่อนจะไปกระทบเข้าที่ดวงตาของชุ่ยจวี๋ชุ่ยจวี๋กรีดร้องออกมาสองครั้ง ก่อนจ
ทั้งชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋ต่างก็ตกตะลึงกับกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเฟ่ยชุ่ยพวกนางต่างก็มองหน้ากัน “เฟ่ยชุ่ย เจ้าจะทำอะไร? หากเจ้าไม่อยากถูกตบอีกละก็ ทำตัวดี ๆ อย่าได้คิดต่อต้านพวกข้า”“เฮอะ” เฟ่ยชุ่ยยิ้มเยาะออกมาด้วยความเย็นชาเชื่อฟัง ทำตัวเงียบ อย่าสร้างปัญหา อย่าต่อต้าน...นางถือคตินี้มานานน
เฟ่ยชุ่ยมองดูท่าทางที่น่าขยะแขยงของพวกนางด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหยิบเข็มเงินที่ซ่อนอยู่เอาไว้ออกมา พลางกัดฟันตนเองเอาไว้แน่น ก่อนจะฉวยโอกาสที่ชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋มัวแต่เก็บเครื่องประดับทองนั้น ใช้เข็มเงินแทงไปที่คอของพวกนางอย่างเต็มแรงทั้งชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋ที่รู้สึกเจ็บปวดนั้น พวกนางถึงกับสะดุ้งขึ้น
เฟ่ยชุ่ยตบพวกนางทั้งแรงทั้งรวดเร็ว ทำเอาทั้งชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋ใช้เวลานานกว่าจะได้สติกลับคืนมาดวงตาของพวกนางพลันเบิกกว้างไปในทันที “เจ้า เจ้ากล้าตบพวกข้างั้นหรือ?”“เหตุใดข้าต้องไม่กล้าด้วยเล่า?” เฟ่ยชุ่ยยิ้มเยาะออกมา“นังสารเลวนี่ กล้าดียังไงมาตบพวกข้า เจ้าเป็นตัวอันใดกัน?” ทั้งชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋
ครั้นพวกนางเห็นว่าเฟ่ยชุ่ยดื้อด้าน จึงหยุดเสแสร้งและตะโกนด่าทอเสียงดัง “นังคนเหลือขอ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่? พวกเราขอโทษแล้ว ไยเจ้าถึงดื้อดึงไม่ยอมจบ?”“เฟ่ยชุ่ย เจ้าอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปเลย มิเช่นนั้นพวกเราจะไม่เมตตาเจ้าแน่”เฟ่ยชุ่ยได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็หัวเราะด้วยความโกรธในใจของพวกนาง หากพวกนาง
เฟ่ยชุ่ยใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา “พระชายา...”“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปลอบโยนเสียงเบา “พวกเรากลับกัน เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่เสีย ไม่เป็นไร”เฟ่ยชุ่ยเห็นนางเข้ามาใกล้ก็รีบก้าวถอยหลัง “ท่านอย่าเข้ามาใกล้บ่าวเลย บ่าว บ่าวกลัวว่าบ่าวจะอดทำร้ายท่านไม่ได้”นางคุกเข่าลงและโขกหัวให้กับฉินเหยี
หลังจากพลิกสถานการณ์กลับแล้ว เขาจะต้องทำให้นางเสียใจที่ได้เกิดมาเป็นสตรี!เฉียนอ๋องหลุบสายตาลง และหาโอกาสที่เหมาะสมถือโอกาสตอนที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เข้ามาใกล้ จึงใช้มือข้างที่เหลืออยู่ลอบโจมตีไปฉินเหยี่ยนเย่ว์จับความเคลื่อนไหวของเขาได้นานแล้วคนชั่วร้ายวิปริตเช่นเฉียนอ๋อง ไม่มีคำว่าน่ารังเกียจที่สุด ม
สีหน้าเฉียนอ๋องดูน่าเกลียดมากเขากำหมัดแน่น เส้นเลือดปูดโปน และจ้องมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยความมาดร้าย“ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้าทะนงตนเกินไปหรือไม่? ร่างกายเจ้า ข้าได้ตรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่มียาพิษอยู่เลย เจ้าอย่าพยายามขู่ข้า”“สิ่งที่ท่านคิดนั้นเป็นเพียงสิ่งที่ท่านคิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “การใช้สมองอ
“เจ้าทำอะไร?” ขาของเฉียนอ๋องชาไร้ความรู้สึก และไม่สามารถขยับได้ จึงต้องคุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ และต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อื่น ความหวาดกลัวในก้นบึ้งหัวใจจึงยิ่งแข็งแกร่งขึ้น“เจ้าเป็นมนุษย์หรือผี? ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่?” เสียงของเฉียนอ๋องแหลมยิ่งนัก“ท่านคิด
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เต็มตื้นไปด้วยอารมณ์หลากหลายนางคิดเสมอว่าปู่เป็นชายชราขี้งกที่ไม่ยอมทิ้งแม้แต่ถุงเท้าขาด ๆเขาไม่ต่างอะไรจากชายชราข้างบ้านที่เล่นไพ่ ดื่มชา สวมรองเท้าแตะ และกางเกงขาสั้นทุกวันเลยหลังมาถึงที่นี่แล้วจึงได้รู้ ทุกสิ่งที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ซึ่งนำโดยชายชราทำนั้นยิ่งใหญ่เพียงใดหากผลการวิจั
เวลาเดียวกับที่เช็ดเลือดออก ได้ใส่ยาห้ามเลือด และในเวลาเดียวกันก็ฉีดยาฉุกเฉินเช่น ยากระตุ้นหัวใจอาการของเซียวเซี่ยงหวั่นค่อนข้างแย่แม้จะได้รับการรักษาฉุกเฉินแล้ว แต่การหายใจของนางยังคงอ่อนแรงมากโดยเฉพาะมือและเท้าเริ่มแข็ง ทำให้ไม่สามารถวัดชีพจรได้สิ่งที่เร่งด่วนที่สุด ทำได้เพียงตรวจคลื่นไฟฟ้าหัว
หลังจากกินยาช่วยชีวิตแล้ว เซียวเซี่ยงหวั่นก็เกิดอาการชักอย่างรุนแรงทันทีใบหน้าที่แทบจะจำไม่ได้บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดนางดิ้นรนด้วยความทรมาน มีเสียงร้องครวญครางอย่างไม่รู้สึกตัวออกมาจากลำคอ“แย่แล้ว” หัวใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังไม่ทันวางลง ก็ลอยขึ้นสูงอีกครั้งเซียวเซี่ยงหวั่นถูกเฉียนอ๋องทรมานจนหาย
เมื่อพวกเขาได้กลิ่นของฉินเหยี่ยนเย่ว์นั้น ทุกสายตาพลันหันไปหานางในทันที ก่อนจะน้ำลายไหลออกมา พร้อมทั้งนัยน์ตาที่แดงก่ำพวกเขาทั้งหมดล้วนแต่มีร่างกายสูงใหญ่ บนร่างกายนั้นกลับมีเงามันแปลก ๆ พร้อมทั้งเปรอะเปื้อนเลือดของพระชายาเฉียนอีกด้วยพวกมันราวกับสัตว์ร้ายที่จ้องมองนางด้วยสายตาราวกับอยากจะจับนางฉีก
ยามที่นางตกอยู่ในสภาวะว่างเปล่านั้น ย่อมมิอาจทำอันใดกับเฉียนอ๋องได้ทว่า นางในสภาวะปกติเช่นนี้ หาได้เห็นเขาอยู่ในสายตาไม่ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงในยามที่พลังแห่งจิตวิญญาณของนางได้เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าตัวเช่นนี้เลยเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับสารเลวอย่างเฉียนอ๋องที่รังแกสตรีเช่นนี้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ย่อมมิมีทางวิ่ง
“อ๊าก มือข้า”เฉียนอ๋องพลันมองไปยังข้อมือของตนเองที่กำลังมีเลือดไหลออกมาก่อนหน้านั้น มือนั้นยังอยู่บนข้อมือของเขา เพียงพริบตาเดียวมิรู้ว่าหายไปไหนแล้วหลงเหลือไว้เพียงข้อมือว่างเปล่าที่มีเลือดพุ่งกระฉูดออกมาเลือดสด ๆ ที่ไหลออกมาไม่หยุดนั้น พลันไหลปกคลุมเตียงหินที่มีรอยเลือดแห้งดำด่างเก่า ๆ ในทันที