ทั้งชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋ต่างก็ตกตะลึงกับกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเฟ่ยชุ่ยพวกนางต่างก็มองหน้ากัน “เฟ่ยชุ่ย เจ้าจะทำอะไร? หากเจ้าไม่อยากถูกตบอีกละก็ ทำตัวดี ๆ อย่าได้คิดต่อต้านพวกข้า”“เฮอะ” เฟ่ยชุ่ยยิ้มเยาะออกมาด้วยความเย็นชาเชื่อฟัง ทำตัวเงียบ อย่าสร้างปัญหา อย่าต่อต้าน...นางถือคตินี้มานานน
เฟ่ยชุ่ยมองดูท่าทางที่น่าขยะแขยงของพวกนางด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหยิบเข็มเงินที่ซ่อนอยู่เอาไว้ออกมา พลางกัดฟันตนเองเอาไว้แน่น ก่อนจะฉวยโอกาสที่ชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋มัวแต่เก็บเครื่องประดับทองนั้น ใช้เข็มเงินแทงไปที่คอของพวกนางอย่างเต็มแรงทั้งชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋ที่รู้สึกเจ็บปวดนั้น พวกนางถึงกับสะดุ้งขึ้น
เฟ่ยชุ่ยตบพวกนางทั้งแรงทั้งรวดเร็ว ทำเอาทั้งชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋ใช้เวลานานกว่าจะได้สติกลับคืนมาดวงตาของพวกนางพลันเบิกกว้างไปในทันที “เจ้า เจ้ากล้าตบพวกข้างั้นหรือ?”“เหตุใดข้าต้องไม่กล้าด้วยเล่า?” เฟ่ยชุ่ยยิ้มเยาะออกมา“นังสารเลวนี่ กล้าดียังไงมาตบพวกข้า เจ้าเป็นตัวอันใดกัน?” ทั้งชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋
ครั้นพวกนางเห็นว่าเฟ่ยชุ่ยดื้อด้าน จึงหยุดเสแสร้งและตะโกนด่าทอเสียงดัง “นังคนเหลือขอ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่? พวกเราขอโทษแล้ว ไยเจ้าถึงดื้อดึงไม่ยอมจบ?”“เฟ่ยชุ่ย เจ้าอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปเลย มิเช่นนั้นพวกเราจะไม่เมตตาเจ้าแน่”เฟ่ยชุ่ยได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็หัวเราะด้วยความโกรธในใจของพวกนาง หากพวกนาง
เฟ่ยชุ่ยใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา “พระชายา...”“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปลอบโยนเสียงเบา “พวกเรากลับกัน เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่เสีย ไม่เป็นไร”เฟ่ยชุ่ยเห็นนางเข้ามาใกล้ก็รีบก้าวถอยหลัง “ท่านอย่าเข้ามาใกล้บ่าวเลย บ่าว บ่าวกลัวว่าบ่าวจะอดทำร้ายท่านไม่ได้”นางคุกเข่าลงและโขกหัวให้กับฉินเหยี
เฟ่ยชุ่ยพยักหน้า “ไม่เพียงแต่บ่าว ขอให้เป็นคนที่อ่อนแอกว่า ไร้ภูมิหลัง ล้วนถูกพวกนางขูดรีดไถทั้งนั้น คนอย่างพวกเรามิกล้าต่อต้าน จึงทำได้เพียงอดทนเงียบ ๆ เท่านั้นเพคะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วเล็กน้อยสาวใช้สองคนนั้นสมควรได้รับโทษแล้วจริง ๆแม้ว่านางจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการต่อสู้ด้วยความรุนแรงแบบนี้ แต
ในอีกด้านหนึ่งเมื่อเทียบกับอาการบาดเจ็บเล็กน้อยของเฟ่ยชุ่ยแล้ว ชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋ก็ไม่ได้โชคดีขนาดนั้นนักตอนที่พวกนางถูกคนแบกกลับไปยังเรือนของฮูหยินรอง ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว มีลมหายใจเข้าทว่าไม่หายใจออกฮูหยินรองตกใจกับภาพเหตุการณ์นองเลือดนี้ ถอยกรูดกลับไปหลายก้าวบนร่างของสาวใช้ทั
ฉินปี้เย่ว์ชิงชังฉินเหยี่ยนเย่ว์มากเสียจนกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น และนางก็พึมพำอยู่ข้างหูของฮูหยินรองเป็นเวลานานนัยน์ตาของฮูหยินรองประกายแวววับด้วยแสงอันตรายหลังจากที่ทั้งสองปรึกษาหารือกันอยู่นาน ฮูหยินรองจึงเรียกคนเข้ามาในห้องทีละคนแล้วให้กำชับลงไปอย่างระมัดระวังท้องฟ้าเริ่มมืดลง และภายใต้ก้อ
งูมีพิษร้ายแรง หากกัดโดนเฮยตั้น เฮยตั้นก็ลำบากแล้ว“เมี้ยว!เฮยตั้ยคำรามเสียงต่ำ ก่อนจะใช้กรงเล็บน้อย ๆ ตะปบส่วนหัวของงูเพลิงแดงอย่างแรง ปากก็กัดเข้าที่หางของงู แล้วสะบัดอย่างแรง จนงูเพลิงแดงถูกสะบัดจนหมดสติไปอีกครั้งตัวของมันแตกต่างจากตัวอวบอ้วนของเฮยตั้น ความเร็วของมันก็รวดเร็วมาก ตั้งแต่ต้นจนจบ
“ไม่”“ท่านต้องพบอะไรเข้าแล้วแน่นอน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ตงฟางหลีมีนิสัยสุขุม หากไม่ใช่เขาได้รับข่าวอะไรมา คงไม่พูดถ้อยคำเช่นนี้ออกมาเขาไม่มีทางลองหยั่งเชิงขึ้นง่าย ๆ“พลั้งปากพูดเท่านั้น” ตงฟางหลีกล่าวเสียงเบา “เจ้าคิดไปถึงที่ใด?”“ล้วนเป็นแกะเหมือนกัน ท่าทีของเจ้ากลับไม่เหมือน
“ไม่ได้หรือ?” ตงฟางหลีหัวเราะเสียงเบา“ได้ก็ได้อยู่หรอกเพคะ แต่มักจะรู้สึกว่าท่านทำตัวแปลกชอบกล” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิด หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากัน “พี่เจ็ด ท่านคงไม่ได้ทำอะไรผิดมา จึงตั้งใจจัดงานเลี้ยงหงเหมินนี้ขึ้นเพื่อมาหลอกหม่อมฉันกระมัง?”“ไม่”“หม่อมฉันไม่เชื่อ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์วางตะเกียบลง“ไม่ม
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าพิพักพิพ่วนนางช่วยป้าฉาวางเตาไฟขนาดเล็กบนโต๊ะป้าฉาไปกลับยกเนื้อและผักที่หั่นไว้เรียบร้อยแล้วมา“น้ำแกงนี้ต้มมานานมากแล้ว ท่านลองชิมดูสักหน่อยว่ารสชาติพอใช้ได้บ้างหรือไม่?” ป้าฉาพูด “เครื่องปรุงรสที่ท่านชอบบ่าวได้ให้คนจัดเตรียมไว้แล้ว ซอสหอยนางรมนั่นบ่าวไม่เคยใช้มาก่อน จึงได้ทำ
มันเหมือนกับจะเริ่มขัดแย้งกับตงฟางหลี ทำแต่ละอย่างล้วนแต่จงใจทำให้เขาโกรธนางก้าวเข้าไปข้างหน้า ลูบท้องน้อยของมันเดิมทีแมวไม่ชอบให้ลูบท้องทว่าเฮยตั้นกลับเป็นข้อยกเว้น มันมีสีหน้ามีความสุข เปล่งเสียงครางอย่างมีความสุขจากในลำคอดวงตาสีทองคู่นั้นหรี่ลงน้อย ๆ ราวกับพออกพอใจกับการบริการของฉินเหยี่ยนเย่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองสีหน้าแปรเปลี่ยนไปของตงฟางหลี ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากได้ยินว่าเขาในวัยเยาว์ถูกไท่เฟยฉางขังไว้ในกรงสุนัข ภายในใจของนางก็ได้กลั้นโทสะนี้ไว้แล้วนางไม่เคยเห็นท่าทีน่าเวทนาของพี่เจ็ดตอนที่เขายังวัยเยาว์ก็จริงทว่า เคยเห็นเหตุการณ์ที่เจ้าเก้าถูกทารุณมาด้วยตาของตนเองแ
มันหาตำหนักซีอวิ๋นเจอได้อย่างไร?“เจ้ารู้จักแมวตัวนี้หรือ?” สีหน้าตงฟางหลีดำครึ้ม“รู้จักเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าสับสนเล็กน้อยเมื่อครู่นี้ในห้องมิได้จุดไฟไว้ มีเพียงแสงสว่างจากภายนอกที่ส่องเข้ามาเฮยตั้นขดตัวนอนหลับอยู่บนเตียง ภายใต้แสงสะท้อนจากแสงสว่างที่อยู่ไกลออกไป และภายใต้ความบังเอิญได้เกิ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้มาตลอดถูกทำให้ตกใจแล้วจริง ๆ จึงไม่กล้าอยู่ในห้องนี้ต่อ หมุนกายวิ่งออกไปข้างนอกเพิ่งจะถึงประตู พลันตกอยู่ในอ้อมกอดที่เย็นยะเยือก“ยัยหนู?” ตงฟางหลีเลิกคิ้ว “เจ้ากำลังทำอะไร?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เงยหน้า ครั้นมองเห็นใบหน้าตกตะลึงของตงฟางหลี พลันเบาใจลงทันควัน ก่อน
“ข้าไม่อยากเห็นสิ่งนั้น ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย ข้าจะหาคนที่มีดวงชะตาสอดคล้องกับข้าภายในเวลาสั้นที่สุดได้แน่นอน”ป้าผิงนิ่งไม่ไหวติงบนใบหน้าที่ดูคล้ายกับหน้าปลอมนั้นเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาครั้นนางจับจ้องไท่เฟยฉางที่อยู่ในอาการหวาดกลัวครู่ใหญ่ ก็ได้ใช้เสียงกลแหบพร่าพูดต่อไป “นับจากวันนี้เป็นต้นไป ท่า