ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิ้วขมวดพลางมองตรงไปนางจำสาวใช้รุ่นใหญ่สองคนนี้ได้ พวกนางเคยติดตามฮูหยินรองไปที่จวนอ๋องเจ็ด เหมือนว่าจะชื่อชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋สักอย่างในตอนนั้นเฝ่ยชุ่ยยังถูกสาวใช้สองคนนี้ตบหน้าอีกด้วยดูจากลักษณะท่าทางในยามนี้แล้ว สาวใช้รุ่นใหญ่สองคนนี้น่าจะรู้ว่าเฝ่ยชุ่ยกลับมาที่จวนสกุลฉิน จึงตั้ง
หลายวันมานี้ นางคิดว่าเฝ่ยชุ่ยขลุกอยู่กับไป๋โค้วทุกวัน ย่อมเรียนรู้ความสามารถมาไม่มากก็น้อยคาดไม่ถึงเลยว่า เฝ่ยชุ่ยยังคงเป็นเฝ่ยชุ่ยในอดีตอยู่ ความขี้ขลาดก็มากขึ้นกว่าเดิม“รังแกกันเกินไปแล้ว” นางคิดจะลุกขึ้นยืนจีอู๋เยียนกลับยิ้มพรายอย่างเย็นชา “ครานี้ถูกเจ้าพบเข้าแล้ว หากคราต่อไปเจ้าไม่อยู่ด้วยเล
ฉินเหยี่ยนเย่ว์โกรธมากเสียจนหัวแทบจะระเบิดออกมาแล้วคราวก่อนนางซื้อเครื่องประดับจากหอคอยหมิงเยว์มาไม่น้อยเลย นอกจากจะส่งเป็นของขวัญมอบให้เย่ว์ลู่แล้ว ยังมีเครื่องประดับอื่น ๆ ที่นางแจกให้กับเด็กสาวทั้งสามอีกด้วยของไป๋โค้วคือสร้อยข้อมือ ชื่อเจี้ยนคือปิ่นปักผม เฟ่ยชุ่ยคือสร้อยคอยามที่เฟ่ยชุ่ยได้รับส
“ปล่อยข้านะ” นางพยายามสะบัดไม้สะบัดมือมาเพื่อปัดเฟ่ยชุ่ยออกไปให้พ้นทางเฟ่ยชุ่ยที่มิรู้ว่าไปเอาพละกำลังมาจากที่ใด หาได้ยอมปล่อยมือไม่ทั้งสามคนยื้อยุดฉุดกระชากกันไปกันมา ยามที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด หวีไม้เล่มหนึ่งพลันลอยออกมา ก่อนจะไปกระทบเข้าที่ดวงตาของชุ่ยจวี๋ชุ่ยจวี๋กรีดร้องออกมาสองครั้ง ก่อนจ
ทั้งชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋ต่างก็ตกตะลึงกับกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเฟ่ยชุ่ยพวกนางต่างก็มองหน้ากัน “เฟ่ยชุ่ย เจ้าจะทำอะไร? หากเจ้าไม่อยากถูกตบอีกละก็ ทำตัวดี ๆ อย่าได้คิดต่อต้านพวกข้า”“เฮอะ” เฟ่ยชุ่ยยิ้มเยาะออกมาด้วยความเย็นชาเชื่อฟัง ทำตัวเงียบ อย่าสร้างปัญหา อย่าต่อต้าน...นางถือคตินี้มานานน
เฟ่ยชุ่ยมองดูท่าทางที่น่าขยะแขยงของพวกนางด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหยิบเข็มเงินที่ซ่อนอยู่เอาไว้ออกมา พลางกัดฟันตนเองเอาไว้แน่น ก่อนจะฉวยโอกาสที่ชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋มัวแต่เก็บเครื่องประดับทองนั้น ใช้เข็มเงินแทงไปที่คอของพวกนางอย่างเต็มแรงทั้งชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋ที่รู้สึกเจ็บปวดนั้น พวกนางถึงกับสะดุ้งขึ้น
เฟ่ยชุ่ยตบพวกนางทั้งแรงทั้งรวดเร็ว ทำเอาทั้งชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋ใช้เวลานานกว่าจะได้สติกลับคืนมาดวงตาของพวกนางพลันเบิกกว้างไปในทันที “เจ้า เจ้ากล้าตบพวกข้างั้นหรือ?”“เหตุใดข้าต้องไม่กล้าด้วยเล่า?” เฟ่ยชุ่ยยิ้มเยาะออกมา“นังสารเลวนี่ กล้าดียังไงมาตบพวกข้า เจ้าเป็นตัวอันใดกัน?” ทั้งชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋
ครั้นพวกนางเห็นว่าเฟ่ยชุ่ยดื้อด้าน จึงหยุดเสแสร้งและตะโกนด่าทอเสียงดัง “นังคนเหลือขอ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่? พวกเราขอโทษแล้ว ไยเจ้าถึงดื้อดึงไม่ยอมจบ?”“เฟ่ยชุ่ย เจ้าอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปเลย มิเช่นนั้นพวกเราจะไม่เมตตาเจ้าแน่”เฟ่ยชุ่ยได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็หัวเราะด้วยความโกรธในใจของพวกนาง หากพวกนาง
“ตงฟางหลี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สาวเท้าเดินไปหยุดข้างกายเขา พลางจับมือเขาแน่น “หม่อมฉัน...”นางมีคำพูดมากมายที่ต้องการพูด ครั้นเห็นความเศร้าโศกในแววตารวมถึงใบหน้าซีดขาวของเขา สุดท้ายก็ต้องกลืนคำพูดกลับเข้าไปพระสนมอวิ๋นจากไปแล้ว ตงฟางหลีน่าจะโทษนางกระมัง“ขอโทษ” นางสูดจมูก“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ” ตงฟางหล
ความรู้สึกต่าง ๆ นานา พวยพุ่งขึ้นมาในใจ จนทำให้ฮ่องเต้นัยน์ตาแดงก่ำร่างกายของเขา เปี่ยมล้นไปด้วยความเศร้า ความเจ็บปวด และความเสียใจ...แตกต่างไปจากความจริงจังในยามปกติ เขาในยามนี้ อ่อนแอจนดูเปราะบาง“เสด็จพ่อ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นปฏิกิริยาของฮ่องเต้ผิดแปลกไป จึงหมายจะก้าวเข้าไปห้ามปราม“ออกไป”“เสด็
ผ่านไปเพียงไม่นาน ฮ่องเต้ก็อุ้มโถยาโถหนึ่งเดินเข้ามา“หาเจอแล้ว” เขาหยิบยาเม็ดที่บรรจุด้วยขี้ผึ้งออกมาจากโถยาหนึ่งเม็ด หลังจากเปิดขี้ผึ้งหนา ๆ ออกหนึ่งชั้นแล้ว ภายในยังห่อด้วยหีบห่อไว้อีกหนึ่งชั้นหีบห่อชั้นนั้น ก็คือลูกบอลพลาสติกที่อยู่ด้านนอกยาลูกกลอนน้ำผึ้งเม็ดใหญ่ครั้นเปิดลูกบอลพลาสติกออก ด้าน
ฮ่องเต้ยืนอยู่ห่างจากเจ้าสิ่งนั้นไม่ไกลมากเขามองสิ่งประหลาดชิ้นนั้นขยายตัวด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลังจากที่มันเจอกับเปลวไฟ พลันเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านในทันทีกลิ่นหอมประหลาดสายหนึ่งฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้อง“ระบายอากาศเร็วเข้า” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตะโกนร้องหนึ่งคำ ฮ่องเต้รีบเปิดหน้าต
นางกำชับทุกคนให้เปลี่ยนอาภรณ์ให้เรียบร้อยแสงเทียนทั้งหมดกระจุกตัวกันอยู่ในจุด ๆ เดียวเมื่อแสงยังสว่างไม่มากพอ ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้องครักษ์จื่ออวี๋นำไข่มุกราตรีในคลังเก็บสมบัติมาแสงสว่างของไข่มุกราตรีสะท้อนอยู่ภายในห้องจนดูคล้ายกับตอนกลางวันฉินเหยี่ยนเย่ว์มิสนใจพูดขอบคุณ หลังจากแบ่งงานกันอย่างช
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกลำบากใจยิ่งนักในสายตานาง เทียบกับชีวิตแล้ว ความเป็นส่วนตัวเท่านี้ไม่นับว่าเป็นอันใดด้วยซ้ำ“ป้าฉา บางครั้งเจ้ามิอาจเข้าใจได้ ทว่าข้ายังจะต้องบอกกับเจ้าว่า ในระหว่างขั้นตอนการผ่าตัด ต่อให้สวมอาภรณ์ก็จำเป็นต้องตัดทิ้ง โดยเฉพาะสถานการณ์ในยามนี้นั้นยากลำบากยิ่งนัก”การผ่าตัดเปิดช่อ
นางจับข้อมือของพระสนมอวิ๋น หากแต่ยังไร้ชีพจร หัวใจก็แทบหยุดเต้น “เสด็จแม่ ขอประทานอภัยเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกผิดอย่างยิ่งยวดนางรู้มาตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าพระสนมอวิ๋นสุขภาพไม่ดี ควรจะเตรียมการให้รอบด้านถึงจะถูกนางมั่นใจในตัวเองมากเกินไป มิได้คำนึงว่ากระเพาะอาหารจะยังมีแมลงพิษกู่ด้วยเช่นกัน จึง
ฮ่องเต้ทรงกุมมือของพระสนมอวิ๋นแน่น“เรื่องเช่นนั้น สามารถทำได้หรือ?” เขามองพระสนมอวิ๋นที่อ่อนแรง ก่อนตรัสถามด้วยเสียงเบาทำเอาฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจยาวเหยียดตามหลักแล้วทำไม่ได้พระสนมอวิ๋นมีความดันโลหิตต่ำ ชีพจรแทบจะไม่มี ไม่เหมาะจะฉีดยาชา และไม่เหมาะจะทำการผ่าตัดเช่นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงื่อนไข
หากมิใช่เพราะนางยังสามารถสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นอย่างอ่อนแรง ก็แทบจะคิดว่าพระสนมอวิ๋นตายไปแล้วต้องเกิดปัญหาขึ้นที่ไหนสักที่!ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำมือแน่น สมองหมุนวนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกำจัดกู่นั้น นางได้ตรวจร่างกายของพระสนมอวิ๋นแล้ว นอกเสียจากถูกพิษกู่กัดกร่อนจนทำให้รู้สึกเจ็บปวดร่างกาย แล้ว ก็มีเพี