“จีอู๋เยียน หากเจ้าสังหารคนตามใจชอบ ข้อตกลงของพวกเราก็ไม่สำเร็จแล้ว...”“มีกลิ่นคาวเลือด” จีอู๋เยียนขัดจังหวะของฉินเหยี่ยนเย่ว์ คางเชิดขึ้นเล็กน้อย มองไปยังสถานที่ ๆ หนึ่ง “ทางนั้น”“อะไรนะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์โยนหวีทิ้ง ก่อนจะรีบสาวเท้าไปยังด้านนอกอย่างที่คาดเอาไว้ กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ลอยคละคลุ้งในอาก
คนที่อยู่ทั้งภายในและภายนอกห้องครัวต่างคุกเข่าลงในบรรดาพวกเขา มีหลายคนที่กล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหยามเหยียดอย่างเห็นได้ชัด ทว่าด้วยฐานะของฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงจำเป็นต้องทำความเคารพอย่างเสียมิได้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ได้พูดว่าไม่ต้องมากพิธี พวกเขาจึงได้แต่คุกเข่าอยู่เช่นนั้นนางมองพ
“ใช่ เป็นเช่นนั้น” ทุกคนได้ยินว่าจะถูกไล่ออก ทั้งยังต้องถูกปรับเป็นเงินเดือนสามเดือน สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไป ก่อนจะรีบร้อนเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้เป็นแม่นางเฝ่ยชุ่ยที่พุ่งเข้ามาเอง หาได้เกี่ยวกับพวกเราไม่ พระชายา ขอท่านรู้ผิดรู้ชอบด้วย”“เขาพูดจาเหลวไหลเพคะ” เฝ่ยชุ่ยเอ่ย “บ่าวเห็นทั้งหมดแล้ว เด็กคนนี้กำลั
“ทำลงไปหรือไม่เจ้าย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ข้าเพียงแค่เตือนเจ้าด้วยความหวังดีเท่านั้น ว่าทำเรื่องชั่วช้าไปมากย่อมพิฆาตตนเอง” นางเอ่ยจบ ก็กวาดสายตามองไปทั่วห้องครัว “อาหารมื้อเที่ยงวันนี้สายไปแล้ว ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อยได้ ทว่า นับตั้งแต่เย็นวันนี้เป็นต้นไป อาหารน้อยไปหนึ่งอย่าง หรือปริมาณน้อยลดไปแม้เพียงน้อ
นางมองดูมีซาลาเปาที่เพิ่งจะออกจากหม้อในห้องครัวยามนี้เลยเวลาอาหารมานานแล้ว ซาลาเปาเป็นอาหารที่สะดวกและสามารถแก้หิวได้ เหมาะสำหรับเป็นมื้อของว่างอาหารที่จีอู๋เยียนโปรดปรานมากที่สุดคือซาลาเปา นางจึงหยิบใส่ในถุงสิบกว่าลูก“พระชายา นั่นเป็นซาลาเปาของฮูหยินรองนะเพคะ” แม่นมคนหนึ่งสะดุ้งตกใจ รีบเอ่ยขึ้น
ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิ้วขมวดพลางมองตรงไปนางจำสาวใช้รุ่นใหญ่สองคนนี้ได้ พวกนางเคยติดตามฮูหยินรองไปที่จวนอ๋องเจ็ด เหมือนว่าจะชื่อชุ่ยเหมยและชุ่ยจวี๋สักอย่างในตอนนั้นเฝ่ยชุ่ยยังถูกสาวใช้สองคนนี้ตบหน้าอีกด้วยดูจากลักษณะท่าทางในยามนี้แล้ว สาวใช้รุ่นใหญ่สองคนนี้น่าจะรู้ว่าเฝ่ยชุ่ยกลับมาที่จวนสกุลฉิน จึงตั้ง
หลายวันมานี้ นางคิดว่าเฝ่ยชุ่ยขลุกอยู่กับไป๋โค้วทุกวัน ย่อมเรียนรู้ความสามารถมาไม่มากก็น้อยคาดไม่ถึงเลยว่า เฝ่ยชุ่ยยังคงเป็นเฝ่ยชุ่ยในอดีตอยู่ ความขี้ขลาดก็มากขึ้นกว่าเดิม“รังแกกันเกินไปแล้ว” นางคิดจะลุกขึ้นยืนจีอู๋เยียนกลับยิ้มพรายอย่างเย็นชา “ครานี้ถูกเจ้าพบเข้าแล้ว หากคราต่อไปเจ้าไม่อยู่ด้วยเล
ฉินเหยี่ยนเย่ว์โกรธมากเสียจนหัวแทบจะระเบิดออกมาแล้วคราวก่อนนางซื้อเครื่องประดับจากหอคอยหมิงเยว์มาไม่น้อยเลย นอกจากจะส่งเป็นของขวัญมอบให้เย่ว์ลู่แล้ว ยังมีเครื่องประดับอื่น ๆ ที่นางแจกให้กับเด็กสาวทั้งสามอีกด้วยของไป๋โค้วคือสร้อยข้อมือ ชื่อเจี้ยนคือปิ่นปักผม เฟ่ยชุ่ยคือสร้อยคอยามที่เฟ่ยชุ่ยได้รับส
หลังจากลู่จิ้นป้อนยาที่มีชื่อว่ามังกรพ่นมุกนี้ให้นาง ก็ได้ทำลายสมดุลนี้ลงครั้นพิษของปลาทรายแดงครีบทองกลายพันธ์ถูกกดลง พิษของยาอีกหนึ่งชนิดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันยาพิษบางชนิดมีพิษมากกว่าพิษจากปลาทรายแดงครีบทอง จึงเท่ากับต้องพิษเป็นครั้งที่สองหลังจากสมดุลถูกทำลาย ซูเตี่ยนฉิงย่อมไม่มีชีวิตที่ดีแล้
“เจ้าตาบอดหรือ? มองไม่ออกว่านี่คือตัวหนอนหรือย่างไร? ก็คือตัวหนอนที่กลายเป็นแมลงวันได้อย่างไรเล่า รักษาให้ดี ๆ เถิด” ลู่จิ้นเอ่ยเสียงเย็นซูจิ้นยืนยันคำตอบอยู่ในใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองทันทีคนคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้ว เหตุใดถึงอาเจียนเอาของน่ารังเกียจพรรค์นี้ออกมาได้?
หากมีสุรารสเลิศก็ดียิ่งขึ้นไปอีกฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็คิดจะจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทว่า...นางเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงที่นอนอยู่บนเตียงปราดหนึ่งจากไปทั้งอย่างนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนักจำต้องตอบแทนอะไรบางอย่างกลับไปบ้างถึงจะได้ไม่มาเสียเที่ยว“ศิษย์พี่รอสักครู่นะเจ้าคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “
“ผู้ใดให้เจ้าไม่ตั้งใจเรียน ให้เจ้าทำยาคุณภาพต่ำออกมามั่วซั่ว หลายปีนี้เจ้ามัวทำอะไร? สิ่งที่เรียนนั้น เรียนไปที่ตัวสุนัขหมดแล้วหรืออย่างไร?” ลูจิ้นตะคอก“กล้าให้ศิษย์น้องหญิงได้รับความทรมานเช่นนั้น ข้าจะตีเด็กสารเลวอย่างเจ้าให้ตาย”ลู่ซิวถึงได้เข้าใจเป็นท่านบรรพบุรุษรังเกียจยาน้ำคุณภาพต่ำที่เขาทำข
ลู่จิ้นกลับไม่สนใจโดยสิ้นเชิงหัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนหน้านี้เขาคิดจะปิดประตูข่มขู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้รักษาฉิงเอ๋อร์ แม้ว่าจะเป็นการไม่เคารพต่อพวกเขาสองคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น ขอเพียงยืนกรานไม่ยอมรับ ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรได้ครั้นลู่จิ้นมาถึง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วต่อให้เขามีความกล้ายิ่งใ
ซูจื่ออายุยังน้อย ทนต่อการถูกฟาดได้ครั้นปล่อยให้ลู่จิ้นทุบตีระบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน หากยืนนิ่งไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียวลู่จิ้นที่ทุบตีจนเหนื่อยแล้วถึงได้ฝืนหยุดตี“ลูกชายของข้า” ฮูหยินซูเห็นท่าทีจมูกช้ำเขียวใบหน้าปูดบวมของซูจื่อ หยาดน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสาย ร้องไห้
นี่สิถึงจะเป็นอาวุธวิเศษในการแสร้งป่วยที่ถูกต้อง“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบกลืนยาเม็ดลงไปทันที“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า” รอจนกระทั่งนางกินยา ลู่จิ้นก็จับชีพจรให้นางอีกครั้งเทียบกับชีพจรยุ่งเหยิงเมื่อครู่แล้ว ชีพจรในยามนี้มั่นคงกว่ามาก ศิษย์น้องหญิงก็รู้
“หลีกไป หลีกไปให้พ้น ใครกล้ามาขัดขวางข้า!”เสียงนั้นดังกึกก้องเป็นอย่างยิ่ง ทรงพลังและดุดันก่อนจะตามมาด้วยเสียงล้มลงกับพื้นของคนหลายคน แล้วประตูใหญ่ก็ถูกคนถีบออกอย่างแรงจากนั้น ชายชราผมขาวเคราขาวคนหนึ่งบุกเข้ามาด้วยความกรุ่นโกรธคนที่เข้ามาคือลู่จิ้นบรรพบุรุษของสกุลลู่ที่ด้านหลังของลูจิ้น ยังมีลู
คนทั่วไปเมื่อรับเงินทองผู้อื่นไปแล้วต้องปัดเป่าความกังวลของผู้นั้นมีเพียงนาง ที่รับเงินไปแล้วยังหน้าไม่อายอย่างเปิดเผยเช่นนี้“นายท่าน ท่านเชื่อข้านะเจ้าคะ นางจงใจปล่อยให้ฉิงเอ๋อร์ตายโดยที่ไม่ช่วย” ฮูหยินซูนึกถึงคำเตือนของคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ใต้หล้านี้มีเพียงนางที่ช่วยชีวิตฉิงเอ