หลังจากที่ฮูหยินรองดีขึ้นแล้ว นางก็จ้องเขม็งไปยังฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้า เจ้าดูสิว่าเจ้าได้ทำเรื่องงามหน้าอะไรไปบ้าง! เจ้าทำลายเรือนของน้องรองเจ้า ตบน้องสามของเจ้า กระทั่งทำลายตั่งแก้วที่พระพันปีพระราชทานให้ เจ้า เจ้าทำเช่นนี้เป็นการทำลายสกุลฉินของพวกเรา นายท่าน
ฉินอี้ไม่พอใจกับท่าทีของนางเป็นอย่างมาก ขึ้นเสียงเล็กน้อย “มิใช่ว่าเจ้ายอมรับทั้งหมดแล้วรึ?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังยิ้มรอยยิ้มเจิดจรัสยิ่งกว่าเมื่อครู่ในรอยยิ้มที่เจิดจรัสกลับแฝงความหนาวสะท้านที่น่ากลัวยิ่งกว่าฤดูหนาวอันโหดร้ายนี้ฉินอี้มองใบหน้าของนางพลันหงุดหงิดขึ้นโดยไร้เหตุผล กระแสเสียงไร้ความอด
ฉินอี้ถูกฉินเหยี่ยนเย่ว์ระเบิดความโกรธใส่จนพูดอะไรไม่ออกแม้สักคำเขาอ้าปากพะงาบราวกับว่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าในที่สุดก็ส่ายศีรษะ “เหยี่ยนเย่ว์ อย่าพูดถึงเรื่องของแม่เจ้าอีกเลย ที่เจ้าตบน้องสาวของเจ้าเป็นความจริง ที่เจ้าทำลายสวนเลิ่งซวงเป็นความจริง ที่เจ้าทุบตั่งแก้วก็เป็นความจริงเช่นกัน เถียงข้
“เข้าใจผิดหรือ? โยนขยะทิ้งนิดหน่อยหรือ?” ราวกับว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินเรื่องตลกมาก ๆ เข้า “ฮูหยินรอง เบิกตากว้าง ๆ ดูให้ดี ๆ สิ ขยะทั้งหมดในสวนเลิ่งซวงถูกย้ายไปจากสวนลั่วเสีย ขยะกองพะเนินเต็มสวนเลิ่งซวง ในสายตาของฮูหยินรอง นี่คือนิดหน่อยหรือ? ในเวลาเพียงสามเดือน ขยะสะสมได้มามากมายเช่นนี้ เกรงว่าขยะ
ฉินอี้มองลูกสาวคนนี้ไม่ออกเลยเด็กคนนี้ต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิงโดยเฉพาะความเย็นชาในดวงตาของนาง แม้จะเป็นเขา ก็ยังรู้สึกว่ามันน่ากลัวฉินปี้เย่ว์ถูกตบสามครั้งในเวลาอันสั้น โดยเฉพาะครั้งที่สาม สมองของนางถูกตบอย่างแรงจนมึนงง ไม่สามารถตอบสนองได้เป็นเวลานานสมองสับสน ใบหน้าทั้งเจ็บทั้งคัน นางเกาใ
คำพูดร่ายยาวเหยียดของฉินเหยี่ยนเย่ว์หยุดคำพูดทั้งหมดของฉินอี้ ชั่วขณะหนึ่ง กลับไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี“ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ข้าจะสู้กับท่าน นังคนแพศยา คนโง่เง่า” ความเจ็บปวดบนใบหน้าของฉินปี้เย่ว์แปรเปลี่ยนเป็นอาการคัน เล็บข่วนเกาแก้ม บนมือเต็มไปด้วยเลือด เกรงว่าใบหน้าของนางจะถูกทำลายไปแล้วเมื่อนางคิดว่า
“เจ้า!” ฮูหยินรองทั้งโมโหทั้งร้อนใจ อยากจะฉีกทึ้งฉินเหยี่ยนเย่ว์เป็นชิ้น ๆ แต่กลัวว่าฉินปี้เย่ว์จะเสียโฉมเข้าจริง ๆ จึงไม่สนใจที่จะฉีกทึ้งฉินเหยี่ยนเย่ว์แล้วรีบพาฉินปี้เย่ว์กลับเรือนไปหลังจากผู้คนที่เกะกะขวางทางจากไปแล้ว จึงเหลือเพียงฉินอี้และฉินเหยี่ยนเย่ว์เท่านั้นสีหน้าที่เผยออกมาของฉินอี้ค่อนข้
ในที่สุดนางก็โยนตะบันไฟลงบนน้ำมันสนน้ำมันสนถูกจุดไฟขึ้น ในไม่ช้าลานเรือนก็กลายเป็นทะเลเพลิง ลิ้นเปลวไฟทะยานขึ้นสูง เปลวไฟที่ค่อย ๆ รุกคืบราวมังกรแหวกว่ายน้ำและลัดเลาะไปทั่วลานเรือน กระทั่งกลืนกินทุกอย่างในลานเรือนนี้ไฟลุกลามกลายเป็นดอกไม้ไฟบานสะพรั่ง เผาผลาญความเละเทะ เผาไหม้เต็มกำลัง แผดเผาความเศ
งูมีพิษร้ายแรง หากกัดโดนเฮยตั้น เฮยตั้นก็ลำบากแล้ว“เมี้ยว!เฮยตั้ยคำรามเสียงต่ำ ก่อนจะใช้กรงเล็บน้อย ๆ ตะปบส่วนหัวของงูเพลิงแดงอย่างแรง ปากก็กัดเข้าที่หางของงู แล้วสะบัดอย่างแรง จนงูเพลิงแดงถูกสะบัดจนหมดสติไปอีกครั้งตัวของมันแตกต่างจากตัวอวบอ้วนของเฮยตั้น ความเร็วของมันก็รวดเร็วมาก ตั้งแต่ต้นจนจบ
“ไม่”“ท่านต้องพบอะไรเข้าแล้วแน่นอน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ตงฟางหลีมีนิสัยสุขุม หากไม่ใช่เขาได้รับข่าวอะไรมา คงไม่พูดถ้อยคำเช่นนี้ออกมาเขาไม่มีทางลองหยั่งเชิงขึ้นง่าย ๆ“พลั้งปากพูดเท่านั้น” ตงฟางหลีกล่าวเสียงเบา “เจ้าคิดไปถึงที่ใด?”“ล้วนเป็นแกะเหมือนกัน ท่าทีของเจ้ากลับไม่เหมือน
“ไม่ได้หรือ?” ตงฟางหลีหัวเราะเสียงเบา“ได้ก็ได้อยู่หรอกเพคะ แต่มักจะรู้สึกว่าท่านทำตัวแปลกชอบกล” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิด หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากัน “พี่เจ็ด ท่านคงไม่ได้ทำอะไรผิดมา จึงตั้งใจจัดงานเลี้ยงหงเหมินนี้ขึ้นเพื่อมาหลอกหม่อมฉันกระมัง?”“ไม่”“หม่อมฉันไม่เชื่อ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์วางตะเกียบลง“ไม่ม
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าพิพักพิพ่วนนางช่วยป้าฉาวางเตาไฟขนาดเล็กบนโต๊ะป้าฉาไปกลับยกเนื้อและผักที่หั่นไว้เรียบร้อยแล้วมา“น้ำแกงนี้ต้มมานานมากแล้ว ท่านลองชิมดูสักหน่อยว่ารสชาติพอใช้ได้บ้างหรือไม่?” ป้าฉาพูด “เครื่องปรุงรสที่ท่านชอบบ่าวได้ให้คนจัดเตรียมไว้แล้ว ซอสหอยนางรมนั่นบ่าวไม่เคยใช้มาก่อน จึงได้ทำ
มันเหมือนกับจะเริ่มขัดแย้งกับตงฟางหลี ทำแต่ละอย่างล้วนแต่จงใจทำให้เขาโกรธนางก้าวเข้าไปข้างหน้า ลูบท้องน้อยของมันเดิมทีแมวไม่ชอบให้ลูบท้องทว่าเฮยตั้นกลับเป็นข้อยกเว้น มันมีสีหน้ามีความสุข เปล่งเสียงครางอย่างมีความสุขจากในลำคอดวงตาสีทองคู่นั้นหรี่ลงน้อย ๆ ราวกับพออกพอใจกับการบริการของฉินเหยี่ยนเย่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองสีหน้าแปรเปลี่ยนไปของตงฟางหลี ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากได้ยินว่าเขาในวัยเยาว์ถูกไท่เฟยฉางขังไว้ในกรงสุนัข ภายในใจของนางก็ได้กลั้นโทสะนี้ไว้แล้วนางไม่เคยเห็นท่าทีน่าเวทนาของพี่เจ็ดตอนที่เขายังวัยเยาว์ก็จริงทว่า เคยเห็นเหตุการณ์ที่เจ้าเก้าถูกทารุณมาด้วยตาของตนเองแ
มันหาตำหนักซีอวิ๋นเจอได้อย่างไร?“เจ้ารู้จักแมวตัวนี้หรือ?” สีหน้าตงฟางหลีดำครึ้ม“รู้จักเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าสับสนเล็กน้อยเมื่อครู่นี้ในห้องมิได้จุดไฟไว้ มีเพียงแสงสว่างจากภายนอกที่ส่องเข้ามาเฮยตั้นขดตัวนอนหลับอยู่บนเตียง ภายใต้แสงสะท้อนจากแสงสว่างที่อยู่ไกลออกไป และภายใต้ความบังเอิญได้เกิ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้มาตลอดถูกทำให้ตกใจแล้วจริง ๆ จึงไม่กล้าอยู่ในห้องนี้ต่อ หมุนกายวิ่งออกไปข้างนอกเพิ่งจะถึงประตู พลันตกอยู่ในอ้อมกอดที่เย็นยะเยือก“ยัยหนู?” ตงฟางหลีเลิกคิ้ว “เจ้ากำลังทำอะไร?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เงยหน้า ครั้นมองเห็นใบหน้าตกตะลึงของตงฟางหลี พลันเบาใจลงทันควัน ก่อน
“ข้าไม่อยากเห็นสิ่งนั้น ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย ข้าจะหาคนที่มีดวงชะตาสอดคล้องกับข้าภายในเวลาสั้นที่สุดได้แน่นอน”ป้าผิงนิ่งไม่ไหวติงบนใบหน้าที่ดูคล้ายกับหน้าปลอมนั้นเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาครั้นนางจับจ้องไท่เฟยฉางที่อยู่ในอาการหวาดกลัวครู่ใหญ่ ก็ได้ใช้เสียงกลแหบพร่าพูดต่อไป “นับจากวันนี้เป็นต้นไป ท่า