ฉินเหยี่ยนเย่ว์ฟังเสียงขลุ่ยอันแสนเศร้านี้พลางกอดอกกลิ่นอายเศร้าสร้อยที่กำจายออกมาจากตัวของฉินอี้ มิใช่ของปลอม เขารักท่านแม่และเรือนนี้อย่างสุดซึ้งทว่า สิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไรอีก?คนตายไปแล้ว เรือนถูกทำลายไปแล้ว ไม่ว่าจะโศกเศร้าแค่ไหนก็เป็นเพียงความประทับใจในตนเองที่ได้หลอกตัวเองและผู้อื่นเท่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มุ่นคิ้วแม้ว่านางจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของฉินอี้ แต่ไม่คิดว่าเขาจะโกหกหมิ่นอวี้ให้กำเนิดบุตรติดต่อกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมากจริง ๆ“ท่านมิรู้สึกถึงความแตกต่างเลยหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถามฉินอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็มีบ้างน่ะ แต่...”“ความแตกต่างคืออะไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถา
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หยัดกายลุกขึ้นยืน ปัดเศษฝุ่นที่เกาะติดอยู่ตามร่างกายนางล้วงหาอะไรบางอย่างจากในแขนเสื้อ ก่อนจะหาขวดยาขวดเล็กเจอ“ให้ท่าน” นางเอ่ย“สิ่งนี้คืออะไร?”“ยาถอนพิษ หากท่านรู้สึกว่าจิตใจถูกควบคุมหรือตอนที่รู้สึกไม่ชอบมาพากล ก็ให้หยิบขึ้นมากินหนึ่งเม็ด บางที อาจจะมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นก็ได้เจ้า
“พวกเราไปสวนจิ่นซิ่วกัน” นางก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันหลังกลับเฝ่ยชุ่ยยืนถอนหายใจอยู่เป็นนาน ก่อนจะตามไปอย่างรีบร้อน......ขณะเดียวกัน ในเรือนพักของฮูหยินรองหมอกำลังทำความสะอาดบาดแผลบนใบหน้าของฉินปี้เย่ว์“ฮูหยิน ใบหน้าของคุณหนูมิอาจลดบวมได้ น่าจะโดนพิษมา” เขากล่าว“โดนพิษ?” ฮูหยินรองขมวดคิ้
สวนจิ่นซิ่วในท้ายที่สุดฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ได้อยู่อย่างเงียบสงบได้อยู่ข้างกองเพลิงและกองขยะมาเป็นเวลานาน ตามร่างกายล้วนมีแต่กลิ่นควันและกลิ่นเหม็น กลิ่นเหม็นหึ่งอย่างยิ่ง นางจึงสั่งให้เฝ่ยชุ่ยต้มน้ำร้อนมาอาบหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ก็เป็นเวลาประมาณบ่ายสามโมงห้องครัวยังไม่นำสำรับอาหารมาส่งก่อนหน้านี้ฉ
“จีอู๋เยียน หากเจ้าสังหารคนตามใจชอบ ข้อตกลงของพวกเราก็ไม่สำเร็จแล้ว...”“มีกลิ่นคาวเลือด” จีอู๋เยียนขัดจังหวะของฉินเหยี่ยนเย่ว์ คางเชิดขึ้นเล็กน้อย มองไปยังสถานที่ ๆ หนึ่ง “ทางนั้น”“อะไรนะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์โยนหวีทิ้ง ก่อนจะรีบสาวเท้าไปยังด้านนอกอย่างที่คาดเอาไว้ กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ลอยคละคลุ้งในอาก
คนที่อยู่ทั้งภายในและภายนอกห้องครัวต่างคุกเข่าลงในบรรดาพวกเขา มีหลายคนที่กล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหยามเหยียดอย่างเห็นได้ชัด ทว่าด้วยฐานะของฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงจำเป็นต้องทำความเคารพอย่างเสียมิได้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ได้พูดว่าไม่ต้องมากพิธี พวกเขาจึงได้แต่คุกเข่าอยู่เช่นนั้นนางมองพ
“ใช่ เป็นเช่นนั้น” ทุกคนได้ยินว่าจะถูกไล่ออก ทั้งยังต้องถูกปรับเป็นเงินเดือนสามเดือน สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไป ก่อนจะรีบร้อนเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้เป็นแม่นางเฝ่ยชุ่ยที่พุ่งเข้ามาเอง หาได้เกี่ยวกับพวกเราไม่ พระชายา ขอท่านรู้ผิดรู้ชอบด้วย”“เขาพูดจาเหลวไหลเพคะ” เฝ่ยชุ่ยเอ่ย “บ่าวเห็นทั้งหมดแล้ว เด็กคนนี้กำลั
หลังจากพลิกสถานการณ์กลับแล้ว เขาจะต้องทำให้นางเสียใจที่ได้เกิดมาเป็นสตรี!เฉียนอ๋องหลุบสายตาลง และหาโอกาสที่เหมาะสมถือโอกาสตอนที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เข้ามาใกล้ จึงใช้มือข้างที่เหลืออยู่ลอบโจมตีไปฉินเหยี่ยนเย่ว์จับความเคลื่อนไหวของเขาได้นานแล้วคนชั่วร้ายวิปริตเช่นเฉียนอ๋อง ไม่มีคำว่าน่ารังเกียจที่สุด ม
สีหน้าเฉียนอ๋องดูน่าเกลียดมากเขากำหมัดแน่น เส้นเลือดปูดโปน และจ้องมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยความมาดร้าย“ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้าทะนงตนเกินไปหรือไม่? ร่างกายเจ้า ข้าได้ตรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่มียาพิษอยู่เลย เจ้าอย่าพยายามขู่ข้า”“สิ่งที่ท่านคิดนั้นเป็นเพียงสิ่งที่ท่านคิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “การใช้สมองอ
“เจ้าทำอะไร?” ขาของเฉียนอ๋องชาไร้ความรู้สึก และไม่สามารถขยับได้ จึงต้องคุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ และต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อื่น ความหวาดกลัวในก้นบึ้งหัวใจจึงยิ่งแข็งแกร่งขึ้น“เจ้าเป็นมนุษย์หรือผี? ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่?” เสียงของเฉียนอ๋องแหลมยิ่งนัก“ท่านคิด
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เต็มตื้นไปด้วยอารมณ์หลากหลายนางคิดเสมอว่าปู่เป็นชายชราขี้งกที่ไม่ยอมทิ้งแม้แต่ถุงเท้าขาด ๆเขาไม่ต่างอะไรจากชายชราข้างบ้านที่เล่นไพ่ ดื่มชา สวมรองเท้าแตะ และกางเกงขาสั้นทุกวันเลยหลังมาถึงที่นี่แล้วจึงได้รู้ ทุกสิ่งที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ซึ่งนำโดยชายชราทำนั้นยิ่งใหญ่เพียงใดหากผลการวิจั
เวลาเดียวกับที่เช็ดเลือดออก ได้ใส่ยาห้ามเลือด และในเวลาเดียวกันก็ฉีดยาฉุกเฉินเช่น ยากระตุ้นหัวใจอาการของเซียวเซี่ยงหวั่นค่อนข้างแย่แม้จะได้รับการรักษาฉุกเฉินแล้ว แต่การหายใจของนางยังคงอ่อนแรงมากโดยเฉพาะมือและเท้าเริ่มแข็ง ทำให้ไม่สามารถวัดชีพจรได้สิ่งที่เร่งด่วนที่สุด ทำได้เพียงตรวจคลื่นไฟฟ้าหัว
หลังจากกินยาช่วยชีวิตแล้ว เซียวเซี่ยงหวั่นก็เกิดอาการชักอย่างรุนแรงทันทีใบหน้าที่แทบจะจำไม่ได้บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดนางดิ้นรนด้วยความทรมาน มีเสียงร้องครวญครางอย่างไม่รู้สึกตัวออกมาจากลำคอ“แย่แล้ว” หัวใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังไม่ทันวางลง ก็ลอยขึ้นสูงอีกครั้งเซียวเซี่ยงหวั่นถูกเฉียนอ๋องทรมานจนหาย
เมื่อพวกเขาได้กลิ่นของฉินเหยี่ยนเย่ว์นั้น ทุกสายตาพลันหันไปหานางในทันที ก่อนจะน้ำลายไหลออกมา พร้อมทั้งนัยน์ตาที่แดงก่ำพวกเขาทั้งหมดล้วนแต่มีร่างกายสูงใหญ่ บนร่างกายนั้นกลับมีเงามันแปลก ๆ พร้อมทั้งเปรอะเปื้อนเลือดของพระชายาเฉียนอีกด้วยพวกมันราวกับสัตว์ร้ายที่จ้องมองนางด้วยสายตาราวกับอยากจะจับนางฉีก
ยามที่นางตกอยู่ในสภาวะว่างเปล่านั้น ย่อมมิอาจทำอันใดกับเฉียนอ๋องได้ทว่า นางในสภาวะปกติเช่นนี้ หาได้เห็นเขาอยู่ในสายตาไม่ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงในยามที่พลังแห่งจิตวิญญาณของนางได้เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าตัวเช่นนี้เลยเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับสารเลวอย่างเฉียนอ๋องที่รังแกสตรีเช่นนี้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ย่อมมิมีทางวิ่ง
“อ๊าก มือข้า”เฉียนอ๋องพลันมองไปยังข้อมือของตนเองที่กำลังมีเลือดไหลออกมาก่อนหน้านั้น มือนั้นยังอยู่บนข้อมือของเขา เพียงพริบตาเดียวมิรู้ว่าหายไปไหนแล้วหลงเหลือไว้เพียงข้อมือว่างเปล่าที่มีเลือดพุ่งกระฉูดออกมาเลือดสด ๆ ที่ไหลออกมาไม่หยุดนั้น พลันไหลปกคลุมเตียงหินที่มีรอยเลือดแห้งดำด่างเก่า ๆ ในทันที