เฝ่ยชุ่ยรีบเงียบเสียงลงทันทีฉินเหยี่ยนเย่ว์หรี่ตาลงในสถานที่ที่ได้กลายเป็นลานขยะไปแล้วนั้น นอกจากกลิ่นเหม็นเน่าแล้ว ยังมีกลิ่นสุรารุนแรงสายหนึ่งกลิ่นของสุราคุณภาพต่ำโชยออกมาจากข้างในห้อง รุนแรงจนเสียดจมูกยังมีเสียงกรนดังขึ้นอย่างแผ่วเบาในห้องมีคน!ยังมีคนจำนวนไม่น้อยเสียด้วย!ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้าว
“มิได้ทำอย่างอื่นหรือ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์โกรธจนหัวเราะออกมา“เดิมทีก็เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ” แม่นมกล่าว “คุณหนูใหญ่ ท่านจะโทษพวกบ่าวไม่ได้นะเจ้าคะ ที่นี่สร้างขึ้นมาใหญ่โตเสียเปล่า ทั้งยังไม่มีคนอยู่อาศัย เพียงแค่วางของก็นับว่าเป็นการใช้ประโยชน์ได้สูงสุดแล้ว พวกบ่าวมากินดื่มที่นี่ก็เพื่อเติมกลิ่นอายมนุษย์ใ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หันกายกลับไปในทันทีก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาเสื้อผ้าอาภรณ์สีขาวเรียบ ๆ ของนางถึงกับเปอะเปื้อนไปด้วยสีแดงเล็กน้อย ยามที่สายลมพัดผ่าน อาภรณ์ของนางจึงพลิ้วไหวเสมือนยมทูตที่เดินออกมาจากแดนนรก พร้อมทั้งปลดปล่อยรังสีอันน่าสะพรึงกลัวออกมาแทนบรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัดมากมาย พร้อมทั้งทุกสิ
ทันทีที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดจบ แม่นมผู้หนึ่งถึงกับทรุดนั่งลงพร้อมทั้งเอามือกุมหน้าท้องร้องโอดครวญออกมาในทันที “ใครร่ำสุรามากที่สุด คนผู้นั้นย่อมเกิดปฏิกิริยาตอบสนองเร็วกว่าผู้ใด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเดินเข้าไปหาแม่นมที่กลิ้งไปมาอยู่นั้น ก่อนจะเชยหน้าฝ่ายตรงข้ามขึ้นมา “เหอะ ดูท่าแล้ว คงเป็นเจ้าที่ดื่มม
แม่นมที่ทั้งรีบร้อนทั้งเจ็บปวดในคราวเดียวกันนั้น จึงมิอาจควบคุมเรี่ยวแรงของตนเองได้ เพียงแค่ใช้แรงเพียงเล็กน้อย ก็ทำเอาร่างที่ผอมบางของฉินเหยี่ยนเย่ว์ซวนเซไปในทันทีใบหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์แปรเปลี่ยนไปในทันที เมื่อเห็นว่าอาภรณ์ของนางมีคราบนิ้วมือเปรอะเปื้อนอยู่ ก่อนจะใช้แรงสะบัดแม่นมออกไป พลางเอ่ยต่
บิดาที่อ้างว่ารักมารดาของนางอย่างสุดหัวใจ เพียงพริบตาเดียวก็แต่งฮูหยินรองเข้ามา ทั้งยังมีบุตรอีกหลายคนกับฮูหยินรองอีกเรือนที่มารดาของนางเคยอาศัยอยู่ถูกทำลายจนมิเหลือชิ้นดีเช่นนี้ บิดาของนางหาได้รับรู้ไม่ น่าขันยิ่งนักฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินตรงไปยังด้านข้างของชิงช้า “เฟ่ยชุ่ย ไปหาขวานมา”เฟ่ยชุ่ยพบขวา
“เป็นเหล่าแม่นมที่ชอบเข้าไปแอบร่ำสุราอยู่ภายในสวนลั่วเสียเป็นคนย้ายขยะทั้งหมดมาที่สวนเหลิ่งซวงเจ้าค่ะ ชิงช้าตัวโปรดของคุณหนูรองก็ถูกคุณหนูใหญ่ใช้ขวานจามก่อนจะจุดไฟเผาไม่มีเหลือ คุณหนูใหญ่ยังสั่งไม่ให้คนดับไฟอีกด้วยเจ้าค่ะ จนไฟราวไปติดต้นไม้แล้ว” ชุนเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น“ฮูหยินรีบไปดู
“ไม่หรอก จากที่ข้าดูแล้ว นางยังโง่เขลาจนน่าขบขันเช่นเดิม หรือว่า…นางแค่แสร้งทำ?” ฮูหยินรองถามขึ้น“ไม่เสมอไปหรอก” ฮูหยินหัวฝูเอ่ยขึ้น “พี่หญิง ท่านอดกลั้นความโกรธไม่ไหวเกินไปแล้ว เฟิ่งซีเสียชีวิตไปนานแล้ว ไม่มีผู้ใดแย่งชิงกับท่านแล้ว ไยท่านถึงอดรนทนไม่ไหวล่ะ? เรือนนั้นจะเก็บก็ให้เก็บไว้สิ ทำเพื่อให้
งูมีพิษร้ายแรง หากกัดโดนเฮยตั้น เฮยตั้นก็ลำบากแล้ว“เมี้ยว!เฮยตั้ยคำรามเสียงต่ำ ก่อนจะใช้กรงเล็บน้อย ๆ ตะปบส่วนหัวของงูเพลิงแดงอย่างแรง ปากก็กัดเข้าที่หางของงู แล้วสะบัดอย่างแรง จนงูเพลิงแดงถูกสะบัดจนหมดสติไปอีกครั้งตัวของมันแตกต่างจากตัวอวบอ้วนของเฮยตั้น ความเร็วของมันก็รวดเร็วมาก ตั้งแต่ต้นจนจบ
“ไม่”“ท่านต้องพบอะไรเข้าแล้วแน่นอน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ตงฟางหลีมีนิสัยสุขุม หากไม่ใช่เขาได้รับข่าวอะไรมา คงไม่พูดถ้อยคำเช่นนี้ออกมาเขาไม่มีทางลองหยั่งเชิงขึ้นง่าย ๆ“พลั้งปากพูดเท่านั้น” ตงฟางหลีกล่าวเสียงเบา “เจ้าคิดไปถึงที่ใด?”“ล้วนเป็นแกะเหมือนกัน ท่าทีของเจ้ากลับไม่เหมือน
“ไม่ได้หรือ?” ตงฟางหลีหัวเราะเสียงเบา“ได้ก็ได้อยู่หรอกเพคะ แต่มักจะรู้สึกว่าท่านทำตัวแปลกชอบกล” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิด หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากัน “พี่เจ็ด ท่านคงไม่ได้ทำอะไรผิดมา จึงตั้งใจจัดงานเลี้ยงหงเหมินนี้ขึ้นเพื่อมาหลอกหม่อมฉันกระมัง?”“ไม่”“หม่อมฉันไม่เชื่อ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์วางตะเกียบลง“ไม่ม
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าพิพักพิพ่วนนางช่วยป้าฉาวางเตาไฟขนาดเล็กบนโต๊ะป้าฉาไปกลับยกเนื้อและผักที่หั่นไว้เรียบร้อยแล้วมา“น้ำแกงนี้ต้มมานานมากแล้ว ท่านลองชิมดูสักหน่อยว่ารสชาติพอใช้ได้บ้างหรือไม่?” ป้าฉาพูด “เครื่องปรุงรสที่ท่านชอบบ่าวได้ให้คนจัดเตรียมไว้แล้ว ซอสหอยนางรมนั่นบ่าวไม่เคยใช้มาก่อน จึงได้ทำ
มันเหมือนกับจะเริ่มขัดแย้งกับตงฟางหลี ทำแต่ละอย่างล้วนแต่จงใจทำให้เขาโกรธนางก้าวเข้าไปข้างหน้า ลูบท้องน้อยของมันเดิมทีแมวไม่ชอบให้ลูบท้องทว่าเฮยตั้นกลับเป็นข้อยกเว้น มันมีสีหน้ามีความสุข เปล่งเสียงครางอย่างมีความสุขจากในลำคอดวงตาสีทองคู่นั้นหรี่ลงน้อย ๆ ราวกับพออกพอใจกับการบริการของฉินเหยี่ยนเย่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองสีหน้าแปรเปลี่ยนไปของตงฟางหลี ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากได้ยินว่าเขาในวัยเยาว์ถูกไท่เฟยฉางขังไว้ในกรงสุนัข ภายในใจของนางก็ได้กลั้นโทสะนี้ไว้แล้วนางไม่เคยเห็นท่าทีน่าเวทนาของพี่เจ็ดตอนที่เขายังวัยเยาว์ก็จริงทว่า เคยเห็นเหตุการณ์ที่เจ้าเก้าถูกทารุณมาด้วยตาของตนเองแ
มันหาตำหนักซีอวิ๋นเจอได้อย่างไร?“เจ้ารู้จักแมวตัวนี้หรือ?” สีหน้าตงฟางหลีดำครึ้ม“รู้จักเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าสับสนเล็กน้อยเมื่อครู่นี้ในห้องมิได้จุดไฟไว้ มีเพียงแสงสว่างจากภายนอกที่ส่องเข้ามาเฮยตั้นขดตัวนอนหลับอยู่บนเตียง ภายใต้แสงสะท้อนจากแสงสว่างที่อยู่ไกลออกไป และภายใต้ความบังเอิญได้เกิ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้มาตลอดถูกทำให้ตกใจแล้วจริง ๆ จึงไม่กล้าอยู่ในห้องนี้ต่อ หมุนกายวิ่งออกไปข้างนอกเพิ่งจะถึงประตู พลันตกอยู่ในอ้อมกอดที่เย็นยะเยือก“ยัยหนู?” ตงฟางหลีเลิกคิ้ว “เจ้ากำลังทำอะไร?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เงยหน้า ครั้นมองเห็นใบหน้าตกตะลึงของตงฟางหลี พลันเบาใจลงทันควัน ก่อน
“ข้าไม่อยากเห็นสิ่งนั้น ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย ข้าจะหาคนที่มีดวงชะตาสอดคล้องกับข้าภายในเวลาสั้นที่สุดได้แน่นอน”ป้าผิงนิ่งไม่ไหวติงบนใบหน้าที่ดูคล้ายกับหน้าปลอมนั้นเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาครั้นนางจับจ้องไท่เฟยฉางที่อยู่ในอาการหวาดกลัวครู่ใหญ่ ก็ได้ใช้เสียงกลแหบพร่าพูดต่อไป “นับจากวันนี้เป็นต้นไป ท่า