“มิได้ทำอย่างอื่นหรือ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์โกรธจนหัวเราะออกมา“เดิมทีก็เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ” แม่นมกล่าว “คุณหนูใหญ่ ท่านจะโทษพวกบ่าวไม่ได้นะเจ้าคะ ที่นี่สร้างขึ้นมาใหญ่โตเสียเปล่า ทั้งยังไม่มีคนอยู่อาศัย เพียงแค่วางของก็นับว่าเป็นการใช้ประโยชน์ได้สูงสุดแล้ว พวกบ่าวมากินดื่มที่นี่ก็เพื่อเติมกลิ่นอายมนุษย์ใ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หันกายกลับไปในทันทีก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาเสื้อผ้าอาภรณ์สีขาวเรียบ ๆ ของนางถึงกับเปอะเปื้อนไปด้วยสีแดงเล็กน้อย ยามที่สายลมพัดผ่าน อาภรณ์ของนางจึงพลิ้วไหวเสมือนยมทูตที่เดินออกมาจากแดนนรก พร้อมทั้งปลดปล่อยรังสีอันน่าสะพรึงกลัวออกมาแทนบรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัดมากมาย พร้อมทั้งทุกสิ
ทันทีที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดจบ แม่นมผู้หนึ่งถึงกับทรุดนั่งลงพร้อมทั้งเอามือกุมหน้าท้องร้องโอดครวญออกมาในทันที “ใครร่ำสุรามากที่สุด คนผู้นั้นย่อมเกิดปฏิกิริยาตอบสนองเร็วกว่าผู้ใด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเดินเข้าไปหาแม่นมที่กลิ้งไปมาอยู่นั้น ก่อนจะเชยหน้าฝ่ายตรงข้ามขึ้นมา “เหอะ ดูท่าแล้ว คงเป็นเจ้าที่ดื่มม
แม่นมที่ทั้งรีบร้อนทั้งเจ็บปวดในคราวเดียวกันนั้น จึงมิอาจควบคุมเรี่ยวแรงของตนเองได้ เพียงแค่ใช้แรงเพียงเล็กน้อย ก็ทำเอาร่างที่ผอมบางของฉินเหยี่ยนเย่ว์ซวนเซไปในทันทีใบหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์แปรเปลี่ยนไปในทันที เมื่อเห็นว่าอาภรณ์ของนางมีคราบนิ้วมือเปรอะเปื้อนอยู่ ก่อนจะใช้แรงสะบัดแม่นมออกไป พลางเอ่ยต่
บิดาที่อ้างว่ารักมารดาของนางอย่างสุดหัวใจ เพียงพริบตาเดียวก็แต่งฮูหยินรองเข้ามา ทั้งยังมีบุตรอีกหลายคนกับฮูหยินรองอีกเรือนที่มารดาของนางเคยอาศัยอยู่ถูกทำลายจนมิเหลือชิ้นดีเช่นนี้ บิดาของนางหาได้รับรู้ไม่ น่าขันยิ่งนักฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินตรงไปยังด้านข้างของชิงช้า “เฟ่ยชุ่ย ไปหาขวานมา”เฟ่ยชุ่ยพบขวา
“เป็นเหล่าแม่นมที่ชอบเข้าไปแอบร่ำสุราอยู่ภายในสวนลั่วเสียเป็นคนย้ายขยะทั้งหมดมาที่สวนเหลิ่งซวงเจ้าค่ะ ชิงช้าตัวโปรดของคุณหนูรองก็ถูกคุณหนูใหญ่ใช้ขวานจามก่อนจะจุดไฟเผาไม่มีเหลือ คุณหนูใหญ่ยังสั่งไม่ให้คนดับไฟอีกด้วยเจ้าค่ะ จนไฟราวไปติดต้นไม้แล้ว” ชุนเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น“ฮูหยินรีบไปดู
“ไม่หรอก จากที่ข้าดูแล้ว นางยังโง่เขลาจนน่าขบขันเช่นเดิม หรือว่า…นางแค่แสร้งทำ?” ฮูหยินรองถามขึ้น“ไม่เสมอไปหรอก” ฮูหยินหัวฝูเอ่ยขึ้น “พี่หญิง ท่านอดกลั้นความโกรธไม่ไหวเกินไปแล้ว เฟิ่งซีเสียชีวิตไปนานแล้ว ไม่มีผู้ใดแย่งชิงกับท่านแล้ว ไยท่านถึงอดรนทนไม่ไหวล่ะ? เรือนนั้นจะเก็บก็ให้เก็บไว้สิ ทำเพื่อให้
“พระชายาเพคะ” เฟ่ยชุ่ยเอ่ยเรียกอย่างเป็นกังวลใจ “พวกเราพูดยุยงก่อปัญหาขนาดนี้ มิใช่เป็นการเปิดเผยการเสแสร้งของพวกเราหรือเพคะ? ความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดจะสูญเปล่าหรือไม่เพคะ?”“ไม่หรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตอบฮูหยินรองถือความมั่งคั่งเป็นดั่งชีวิตและมีนิสัยดื้อรั้น แม้จะมีข่าวโคมลอยสะพัดมาถึงหูนาง นางก
หลังจากลู่จิ้นป้อนยาที่มีชื่อว่ามังกรพ่นมุกนี้ให้นาง ก็ได้ทำลายสมดุลนี้ลงครั้นพิษของปลาทรายแดงครีบทองกลายพันธ์ถูกกดลง พิษของยาอีกหนึ่งชนิดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันยาพิษบางชนิดมีพิษมากกว่าพิษจากปลาทรายแดงครีบทอง จึงเท่ากับต้องพิษเป็นครั้งที่สองหลังจากสมดุลถูกทำลาย ซูเตี่ยนฉิงย่อมไม่มีชีวิตที่ดีแล้
“เจ้าตาบอดหรือ? มองไม่ออกว่านี่คือตัวหนอนหรือย่างไร? ก็คือตัวหนอนที่กลายเป็นแมลงวันได้อย่างไรเล่า รักษาให้ดี ๆ เถิด” ลู่จิ้นเอ่ยเสียงเย็นซูจิ้นยืนยันคำตอบอยู่ในใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองทันทีคนคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้ว เหตุใดถึงอาเจียนเอาของน่ารังเกียจพรรค์นี้ออกมาได้?
หากมีสุรารสเลิศก็ดียิ่งขึ้นไปอีกฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็คิดจะจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทว่า...นางเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงที่นอนอยู่บนเตียงปราดหนึ่งจากไปทั้งอย่างนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนักจำต้องตอบแทนอะไรบางอย่างกลับไปบ้างถึงจะได้ไม่มาเสียเที่ยว“ศิษย์พี่รอสักครู่นะเจ้าคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “
“ผู้ใดให้เจ้าไม่ตั้งใจเรียน ให้เจ้าทำยาคุณภาพต่ำออกมามั่วซั่ว หลายปีนี้เจ้ามัวทำอะไร? สิ่งที่เรียนนั้น เรียนไปที่ตัวสุนัขหมดแล้วหรืออย่างไร?” ลูจิ้นตะคอก“กล้าให้ศิษย์น้องหญิงได้รับความทรมานเช่นนั้น ข้าจะตีเด็กสารเลวอย่างเจ้าให้ตาย”ลู่ซิวถึงได้เข้าใจเป็นท่านบรรพบุรุษรังเกียจยาน้ำคุณภาพต่ำที่เขาทำข
ลู่จิ้นกลับไม่สนใจโดยสิ้นเชิงหัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนหน้านี้เขาคิดจะปิดประตูข่มขู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้รักษาฉิงเอ๋อร์ แม้ว่าจะเป็นการไม่เคารพต่อพวกเขาสองคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น ขอเพียงยืนกรานไม่ยอมรับ ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรได้ครั้นลู่จิ้นมาถึง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วต่อให้เขามีความกล้ายิ่งใ
ซูจื่ออายุยังน้อย ทนต่อการถูกฟาดได้ครั้นปล่อยให้ลู่จิ้นทุบตีระบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน หากยืนนิ่งไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียวลู่จิ้นที่ทุบตีจนเหนื่อยแล้วถึงได้ฝืนหยุดตี“ลูกชายของข้า” ฮูหยินซูเห็นท่าทีจมูกช้ำเขียวใบหน้าปูดบวมของซูจื่อ หยาดน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสาย ร้องไห้
นี่สิถึงจะเป็นอาวุธวิเศษในการแสร้งป่วยที่ถูกต้อง“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบกลืนยาเม็ดลงไปทันที“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า” รอจนกระทั่งนางกินยา ลู่จิ้นก็จับชีพจรให้นางอีกครั้งเทียบกับชีพจรยุ่งเหยิงเมื่อครู่แล้ว ชีพจรในยามนี้มั่นคงกว่ามาก ศิษย์น้องหญิงก็รู้
“หลีกไป หลีกไปให้พ้น ใครกล้ามาขัดขวางข้า!”เสียงนั้นดังกึกก้องเป็นอย่างยิ่ง ทรงพลังและดุดันก่อนจะตามมาด้วยเสียงล้มลงกับพื้นของคนหลายคน แล้วประตูใหญ่ก็ถูกคนถีบออกอย่างแรงจากนั้น ชายชราผมขาวเคราขาวคนหนึ่งบุกเข้ามาด้วยความกรุ่นโกรธคนที่เข้ามาคือลู่จิ้นบรรพบุรุษของสกุลลู่ที่ด้านหลังของลูจิ้น ยังมีลู
คนทั่วไปเมื่อรับเงินทองผู้อื่นไปแล้วต้องปัดเป่าความกังวลของผู้นั้นมีเพียงนาง ที่รับเงินไปแล้วยังหน้าไม่อายอย่างเปิดเผยเช่นนี้“นายท่าน ท่านเชื่อข้านะเจ้าคะ นางจงใจปล่อยให้ฉิงเอ๋อร์ตายโดยที่ไม่ช่วย” ฮูหยินซูนึกถึงคำเตือนของคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ใต้หล้านี้มีเพียงนางที่ช่วยชีวิตฉิงเอ