ทันทีที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดจบ แม่นมผู้หนึ่งถึงกับทรุดนั่งลงพร้อมทั้งเอามือกุมหน้าท้องร้องโอดครวญออกมาในทันที “ใครร่ำสุรามากที่สุด คนผู้นั้นย่อมเกิดปฏิกิริยาตอบสนองเร็วกว่าผู้ใด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเดินเข้าไปหาแม่นมที่กลิ้งไปมาอยู่นั้น ก่อนจะเชยหน้าฝ่ายตรงข้ามขึ้นมา “เหอะ ดูท่าแล้ว คงเป็นเจ้าที่ดื่มม
แม่นมที่ทั้งรีบร้อนทั้งเจ็บปวดในคราวเดียวกันนั้น จึงมิอาจควบคุมเรี่ยวแรงของตนเองได้ เพียงแค่ใช้แรงเพียงเล็กน้อย ก็ทำเอาร่างที่ผอมบางของฉินเหยี่ยนเย่ว์ซวนเซไปในทันทีใบหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์แปรเปลี่ยนไปในทันที เมื่อเห็นว่าอาภรณ์ของนางมีคราบนิ้วมือเปรอะเปื้อนอยู่ ก่อนจะใช้แรงสะบัดแม่นมออกไป พลางเอ่ยต่
บิดาที่อ้างว่ารักมารดาของนางอย่างสุดหัวใจ เพียงพริบตาเดียวก็แต่งฮูหยินรองเข้ามา ทั้งยังมีบุตรอีกหลายคนกับฮูหยินรองอีกเรือนที่มารดาของนางเคยอาศัยอยู่ถูกทำลายจนมิเหลือชิ้นดีเช่นนี้ บิดาของนางหาได้รับรู้ไม่ น่าขันยิ่งนักฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินตรงไปยังด้านข้างของชิงช้า “เฟ่ยชุ่ย ไปหาขวานมา”เฟ่ยชุ่ยพบขวา
“เป็นเหล่าแม่นมที่ชอบเข้าไปแอบร่ำสุราอยู่ภายในสวนลั่วเสียเป็นคนย้ายขยะทั้งหมดมาที่สวนเหลิ่งซวงเจ้าค่ะ ชิงช้าตัวโปรดของคุณหนูรองก็ถูกคุณหนูใหญ่ใช้ขวานจามก่อนจะจุดไฟเผาไม่มีเหลือ คุณหนูใหญ่ยังสั่งไม่ให้คนดับไฟอีกด้วยเจ้าค่ะ จนไฟราวไปติดต้นไม้แล้ว” ชุนเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น“ฮูหยินรีบไปดู
“ไม่หรอก จากที่ข้าดูแล้ว นางยังโง่เขลาจนน่าขบขันเช่นเดิม หรือว่า…นางแค่แสร้งทำ?” ฮูหยินรองถามขึ้น“ไม่เสมอไปหรอก” ฮูหยินหัวฝูเอ่ยขึ้น “พี่หญิง ท่านอดกลั้นความโกรธไม่ไหวเกินไปแล้ว เฟิ่งซีเสียชีวิตไปนานแล้ว ไม่มีผู้ใดแย่งชิงกับท่านแล้ว ไยท่านถึงอดรนทนไม่ไหวล่ะ? เรือนนั้นจะเก็บก็ให้เก็บไว้สิ ทำเพื่อให้
“พระชายาเพคะ” เฟ่ยชุ่ยเอ่ยเรียกอย่างเป็นกังวลใจ “พวกเราพูดยุยงก่อปัญหาขนาดนี้ มิใช่เป็นการเปิดเผยการเสแสร้งของพวกเราหรือเพคะ? ความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดจะสูญเปล่าหรือไม่เพคะ?”“ไม่หรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตอบฮูหยินรองถือความมั่งคั่งเป็นดั่งชีวิตและมีนิสัยดื้อรั้น แม้จะมีข่าวโคมลอยสะพัดมาถึงหูนาง นางก
จีอู๋เยียนเป็นคนคุ้มดีคุ้มร้าย และยังมีความกลัวสกปรกประหลาด ๆ นิดหน่อยด้วยไอสังหารรุนแรงแผ่ออกมาจากแววตาของเขา หากเขาลงมือ ฉินปี้เย่ว์ก็จะกลายเป็นคนตายในวินาทีถัดไป“ช่างเถิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกมือขึ้น “ฉินปี้เย่ว์ ความผิดของเจ้ามิถึงขั้นนำไปสู่ความตาย ข้าไม่อยากยุ่งกับเจ้าอีกแล้ว เชิญเจ้าไสหัวออกไป
ประมาณหนึ่งเค่อต่อมา ฉินปี้เย่ว์ผู้ที่เสียเปรียบก็พาบ่าวรับใช้หลายคนเข้ามาดั่งคาดคนรับใช้สองสามคนช่วยกันออกแรงยกตั่งแก้วหลากสีอันล้ำค่ามาวางไว้ตรงทางเข้าสวนเลิ่งซวงฉินเหยี่ยนเย่ว์หรี่ตาเล็กลงเดิมทีนางคิดว่าด้วยนิสัยที่เสียเปรียบไม่ได้แม้แต่น้อยของฉินปี้เย่ว์ จะต้องไปหาอันธพาลมาอย่างแน่นอน นางยังไ
หลังจากพลิกสถานการณ์กลับแล้ว เขาจะต้องทำให้นางเสียใจที่ได้เกิดมาเป็นสตรี!เฉียนอ๋องหลุบสายตาลง และหาโอกาสที่เหมาะสมถือโอกาสตอนที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เข้ามาใกล้ จึงใช้มือข้างที่เหลืออยู่ลอบโจมตีไปฉินเหยี่ยนเย่ว์จับความเคลื่อนไหวของเขาได้นานแล้วคนชั่วร้ายวิปริตเช่นเฉียนอ๋อง ไม่มีคำว่าน่ารังเกียจที่สุด ม
สีหน้าเฉียนอ๋องดูน่าเกลียดมากเขากำหมัดแน่น เส้นเลือดปูดโปน และจ้องมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยความมาดร้าย“ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้าทะนงตนเกินไปหรือไม่? ร่างกายเจ้า ข้าได้ตรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่มียาพิษอยู่เลย เจ้าอย่าพยายามขู่ข้า”“สิ่งที่ท่านคิดนั้นเป็นเพียงสิ่งที่ท่านคิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “การใช้สมองอ
“เจ้าทำอะไร?” ขาของเฉียนอ๋องชาไร้ความรู้สึก และไม่สามารถขยับได้ จึงต้องคุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ และต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อื่น ความหวาดกลัวในก้นบึ้งหัวใจจึงยิ่งแข็งแกร่งขึ้น“เจ้าเป็นมนุษย์หรือผี? ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่?” เสียงของเฉียนอ๋องแหลมยิ่งนัก“ท่านคิด
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เต็มตื้นไปด้วยอารมณ์หลากหลายนางคิดเสมอว่าปู่เป็นชายชราขี้งกที่ไม่ยอมทิ้งแม้แต่ถุงเท้าขาด ๆเขาไม่ต่างอะไรจากชายชราข้างบ้านที่เล่นไพ่ ดื่มชา สวมรองเท้าแตะ และกางเกงขาสั้นทุกวันเลยหลังมาถึงที่นี่แล้วจึงได้รู้ ทุกสิ่งที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ซึ่งนำโดยชายชราทำนั้นยิ่งใหญ่เพียงใดหากผลการวิจั
เวลาเดียวกับที่เช็ดเลือดออก ได้ใส่ยาห้ามเลือด และในเวลาเดียวกันก็ฉีดยาฉุกเฉินเช่น ยากระตุ้นหัวใจอาการของเซียวเซี่ยงหวั่นค่อนข้างแย่แม้จะได้รับการรักษาฉุกเฉินแล้ว แต่การหายใจของนางยังคงอ่อนแรงมากโดยเฉพาะมือและเท้าเริ่มแข็ง ทำให้ไม่สามารถวัดชีพจรได้สิ่งที่เร่งด่วนที่สุด ทำได้เพียงตรวจคลื่นไฟฟ้าหัว
หลังจากกินยาช่วยชีวิตแล้ว เซียวเซี่ยงหวั่นก็เกิดอาการชักอย่างรุนแรงทันทีใบหน้าที่แทบจะจำไม่ได้บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดนางดิ้นรนด้วยความทรมาน มีเสียงร้องครวญครางอย่างไม่รู้สึกตัวออกมาจากลำคอ“แย่แล้ว” หัวใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังไม่ทันวางลง ก็ลอยขึ้นสูงอีกครั้งเซียวเซี่ยงหวั่นถูกเฉียนอ๋องทรมานจนหาย
เมื่อพวกเขาได้กลิ่นของฉินเหยี่ยนเย่ว์นั้น ทุกสายตาพลันหันไปหานางในทันที ก่อนจะน้ำลายไหลออกมา พร้อมทั้งนัยน์ตาที่แดงก่ำพวกเขาทั้งหมดล้วนแต่มีร่างกายสูงใหญ่ บนร่างกายนั้นกลับมีเงามันแปลก ๆ พร้อมทั้งเปรอะเปื้อนเลือดของพระชายาเฉียนอีกด้วยพวกมันราวกับสัตว์ร้ายที่จ้องมองนางด้วยสายตาราวกับอยากจะจับนางฉีก
ยามที่นางตกอยู่ในสภาวะว่างเปล่านั้น ย่อมมิอาจทำอันใดกับเฉียนอ๋องได้ทว่า นางในสภาวะปกติเช่นนี้ หาได้เห็นเขาอยู่ในสายตาไม่ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงในยามที่พลังแห่งจิตวิญญาณของนางได้เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าตัวเช่นนี้เลยเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับสารเลวอย่างเฉียนอ๋องที่รังแกสตรีเช่นนี้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ย่อมมิมีทางวิ่ง
“อ๊าก มือข้า”เฉียนอ๋องพลันมองไปยังข้อมือของตนเองที่กำลังมีเลือดไหลออกมาก่อนหน้านั้น มือนั้นยังอยู่บนข้อมือของเขา เพียงพริบตาเดียวมิรู้ว่าหายไปไหนแล้วหลงเหลือไว้เพียงข้อมือว่างเปล่าที่มีเลือดพุ่งกระฉูดออกมาเลือดสด ๆ ที่ไหลออกมาไม่หยุดนั้น พลันไหลปกคลุมเตียงหินที่มีรอยเลือดแห้งดำด่างเก่า ๆ ในทันที