“นี่ เรื่องมันยาว”“ท่านค่อย ๆ พูดเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เข้ามาในห้อง รินน้ำชา หยิบเมล็ดแตงจำนวนหนึ่งขึ้นมา ใบหน้าเฉกเช่นเดียวกับยามปกติ มองไม่เห็นถึงความเศร้าโศกหรือยินดี “หม่อมฉันมีเวลามาก”ตงฟางลีจึงนั่งลงฝั่งตรงข้ามนาง ก่อนผ่อนลมหายใจ “นั่นเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้น”“เข้าใจผิดหรือ?” ฉินเหยี่ย
“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?” ตงฟางหลีเอ่ย“ข้าเข้าร่วมกองทัพในฐานะทหารธรรมดา สิ่งของเครื่องใช้อาหารย่อมเหมือนกับพวกเขา สภาพในค่ายทหารนั้นยากลำบาก นอนบนที่นอนผืนใหญ่เดียวกัน ย่อมเห็นมามาก”“ในคราแรกข้าลอบหนีออกไป ต่อมาเนื่องจากอากาศหนาวเย็น ข้าผ่านการฝึกจนเหนื่อยล้ามาทั้งวัน ดังนั้นจึงหลับตาลงแสร้งทำเป็นมอง
ตงฟางหลีนั่งลง ช่วยนางนวดอย่างประณีตฉินเหยี่ยนเย่ว์เกิดความรู้สึกขัดแย้งกันอยู่เล็กน้อย“ไม่เจ็บแล้ว อดทนสักหน่อย” ตงฟางหลีกล่าวเสียงเบา “เหยี่ยนเย่ว์ ต่อจากนี้เรื่องที่เจ้าไม่ชอบข้าก็จะไม่บังคับ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ดมกลิ่นหอมที่แผ่ออกมาจากตัวเขา นัยน์ตาทอประกายขึ้นปราดหนึ่งนางผินหน้าไปอีกด้าน เอ่ยเสี
“เผาทิ้งเสีย” ตงฟางหลีได้ยินแล้วมีโทสะยิ่งนัก“ทำไมต้องเผาด้วยเล่า? นี่เป็นหลักฐานชั้นดีเลยนะเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ใช้ปิ่นปักผมอันหนึ่งปักลงบนศีรษะอย่างสบายอารมณ์ “ท่านอย่าเพิ่งสนใจ รออยู่ที่บ้านอย่างสบายใจเถิด หม่อมฉันจะกลับไปพักที่สกุลฉินสักสองสามวัน”มารดาทิ้งทรัพย์สินไว้ให้มากมายถึงเพียงนั้น แต่ท
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองแม่นมที่ยืนขวางประตูด้วยแววตาเย็นชา จากนั้นก็เพิ่มความเร็ว กระแทกเข้าไปอย่างแรงแม่นมยังมิทันได้เตรียมตัว ถูกกระแทกอย่างแรง พลันถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะล้มหงายหลัง“โอ๊ย” แม่นมอายุมากแล้ว ล้มลงครานี้ ได้ยินเสียงลั่นดังกรอบแกรบได้อย่างชัดเจน ราวกับว่ามีกระดูกหัก เจ็บจนลุกไม่ขึ้นฉ
“แต่เมื่อครู่ท่านแม่รองมิได้พูดเช่นนี้นี่เจ้าคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ใช้น้ำเสียงไร้เดียงสาเอ่ยขึ้น “ท่านแม่รองมิใช่พูดว่าเรื่องของจวนอ๋องเจ็ด สกุลฉินมิกล้าเข้าไปยุ่ง จึงไม่คิดจะให้ข้าอยู่ที่นี่หรอกหรือ?”ฮูหยินรองนัยน์ตาเป็นประกาย “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว แม่รองหมายความว่า สกุลฉินมิอาจเทียบกับราชวงศ์ พวกเราจะล
ฮูหยินหัวฝูมองเห็นพื้นที่ไม่เป็นระเบียบ หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากันน้อย ๆ จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้น “พี่หญิง เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”“ไม่มีอะไร น้องหญิง เจ้ามาแล้ว รีบเชิญเข้ามาเร็ว” ฮูหยินรองให้เหล่าสาวใช้เก็บกวาดภายในห้องจนสะอาด จากนั้นก็ดึงแขนฮูหยินหัวฝูเข้ามาข้างในขณะเดียวกัน...ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินตาม
เฝ่ยชุ่ยรีบเงียบเสียงลงทันทีฉินเหยี่ยนเย่ว์หรี่ตาลงในสถานที่ที่ได้กลายเป็นลานขยะไปแล้วนั้น นอกจากกลิ่นเหม็นเน่าแล้ว ยังมีกลิ่นสุรารุนแรงสายหนึ่งกลิ่นของสุราคุณภาพต่ำโชยออกมาจากข้างในห้อง รุนแรงจนเสียดจมูกยังมีเสียงกรนดังขึ้นอย่างแผ่วเบาในห้องมีคน!ยังมีคนจำนวนไม่น้อยเสียด้วย!ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้าว
เวลาเดียวกับที่เช็ดเลือดออก ได้ใส่ยาห้ามเลือด และในเวลาเดียวกันก็ฉีดยาฉุกเฉินเช่น ยากระตุ้นหัวใจอาการของเซียวเซี่ยงหวั่นค่อนข้างแย่แม้จะได้รับการรักษาฉุกเฉินแล้ว แต่การหายใจของนางยังคงอ่อนแรงมากโดยเฉพาะมือและเท้าเริ่มแข็ง ทำให้ไม่สามารถวัดชีพจรได้สิ่งที่เร่งด่วนที่สุด ทำได้เพียงตรวจคลื่นไฟฟ้าหัว
หลังจากกินยาช่วยชีวิตแล้ว เซียวเซี่ยงหวั่นก็เกิดอาการชักอย่างรุนแรงทันทีใบหน้าที่แทบจะจำไม่ได้บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดนางดิ้นรนด้วยความทรมาน มีเสียงร้องครวญครางอย่างไม่รู้สึกตัวออกมาจากลำคอ“แย่แล้ว” หัวใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังไม่ทันวางลง ก็ลอยขึ้นสูงอีกครั้งเซียวเซี่ยงหวั่นถูกเฉียนอ๋องทรมานจนหาย
เมื่อพวกเขาได้กลิ่นของฉินเหยี่ยนเย่ว์นั้น ทุกสายตาพลันหันไปหานางในทันที ก่อนจะน้ำลายไหลออกมา พร้อมทั้งนัยน์ตาที่แดงก่ำพวกเขาทั้งหมดล้วนแต่มีร่างกายสูงใหญ่ บนร่างกายนั้นกลับมีเงามันแปลก ๆ พร้อมทั้งเปรอะเปื้อนเลือดของพระชายาเฉียนอีกด้วยพวกมันราวกับสัตว์ร้ายที่จ้องมองนางด้วยสายตาราวกับอยากจะจับนางฉีก
ยามที่นางตกอยู่ในสภาวะว่างเปล่านั้น ย่อมมิอาจทำอันใดกับเฉียนอ๋องได้ทว่า นางในสภาวะปกติเช่นนี้ หาได้เห็นเขาอยู่ในสายตาไม่ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงในยามที่พลังแห่งจิตวิญญาณของนางได้เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าตัวเช่นนี้เลยเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับสารเลวอย่างเฉียนอ๋องที่รังแกสตรีเช่นนี้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ย่อมมิมีทางวิ่ง
“อ๊าก มือข้า”เฉียนอ๋องพลันมองไปยังข้อมือของตนเองที่กำลังมีเลือดไหลออกมาก่อนหน้านั้น มือนั้นยังอยู่บนข้อมือของเขา เพียงพริบตาเดียวมิรู้ว่าหายไปไหนแล้วหลงเหลือไว้เพียงข้อมือว่างเปล่าที่มีเลือดพุ่งกระฉูดออกมาเลือดสด ๆ ที่ไหลออกมาไม่หยุดนั้น พลันไหลปกคลุมเตียงหินที่มีรอยเลือดแห้งดำด่างเก่า ๆ ในทันที
ความโกรธเกรี้ยวที่โหมกระหน่ำราวกับคลื่นที่ซัดเข้ามาฉินเหยี่ยนเย่ว์แทบจะควบคุมความโกรธที่สุมอยู่เต็มอกของนางไม่ไหวนางพยายามดิ้นรน เพื่อที่จะหลุดออกจากโซ่ตรวนนี้ภายในห้องลับที่มืดมิดนั้น เสียงดังของโซ่ตรวนเหล็กที่กระทบกันไปมาพลันกลบเสียงร้องของพระชายาเฉียนไปจนหมด“โกรธหรือ? ดิ้นรนหรือ? ฮ่าฮ่า ฉินเห
นางมิคิดเลยว่า เฉียนอ๋องจักกล้าโยนชายาของตนเองลงไปในดงบุรุษเหล่านั้นได้หูของนางพลันได้ยินเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของพระชายาเฉียนดังขึ้นมาเสียงนั่น ดังกึกก้องลึกเข้าไปในใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์ในทันทีถึงแม้ว่านางจักมิไปเห็น มิได้ยิน แต่นางก็สัมผัสได้ว่าพระชายาเฉียนกำลังทุกข์ทรมานใจมากเพียงใดในยามน
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันลืมตาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวการมองในครานี้ กลับทำเอาทั่วร่างเย็นยะเยือก พร้อมทั้งเลือดในกายที่ถูกสูบฉีดไหลเวียนไปทั่วร่างยามที่นางกำลังปิดกั้นตนเองจากโลกภายนอก เพื่อมุ่งมั่นในการรวบรวมสมาธิของตนเองมิรู้ว่าเฉียนอ๋องไปนำบุรุษสามสี่คนมาจากที่ใดบุรุษเหล่านั้นรูปร่างสูงใหญ่กำยำมิต่างอัน
“หากมิใช่เพราะข้าคิดถึงเจ้ามากถึงเพียงนั้น จนถึงกับลอบสังเกตติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างใกล้ชิดแล้วละก็ ถึงได้พบนกกางเขนเงาที่บินไปที่จวนอ๋องเจ็ดตัวนั้น มิเช่นนั้นข้าก็คงมิมีทางหาเจ้าพบแน่”“เจ้าเป็นของของข้า แต่กลับคิดหาทางหลบหนี ผู้ใดให้ความกล้าแก่เจ้ากัน? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นตัวอันใด? ถึงกล้า