ในแววตาของเย่ว์ลู่ปรากฏความคับแค้นใจมิรู้จบความคับแค้นใจอันท่วมท้นเข้าครอบงำดวงตากลมโตไร้ชีวิตชีวาของนาง ในแววตาราวกับไฟลุกโชนนางอ้าปากค้างเสียงดัง คล้ายกับกำลังดิ้นรน กำลังต่อสู้ฉินเหยี่ยนเย่ว์กลั้นหายใจ ไม่กล้ารบกวนนาง “ข้าเกลียด”ผ่านไปเป็นเวลานาน ในที่สุดเย่ว์ลู่ก็พูดออกมาสองคำ“ข้าไม่เชื่อว
เสียงของนางแหบแห้ง และหลังจากตะโกนก็ไอโขลกอย่างรุนแรง“ท่านเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ ข้าจะฝากใบสั่งยาไว้ให้ท่าน ท่านควรกินยาให้ดี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “พักฟื้นให้ดีแล้วค่อยคิดเรื่องเหล่านี้”“ไม่ ข้าจะแต่งงานทั้งแบบนี้” เย่ว์ลู่พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ท่านคิดว่าตอนนี้ข้าดูเหมือนผีไหม?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์
“มันสวย แต่เอาไว้ให้ข้าจะสิ้นเปลืองเกินไป” เย่ว์ลู่ยังคงผลักปิ่นระย้าไปให้นางฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจ “เมื่อกดกลไก ปิ่นระย้าจะปรากฏหมอกจาง ๆ การออกแบบนี้ฉลาดมากและ มีกลไกก็หมายความว่าข้างในมันกลวง”นางหยิบเข็มพิษที่ได้รับการปรับแต่งแล้วออกมาสองสามอัน วางไว้ในที่ช่องว่าง แล้วปิดมัน “ในนี้ซ่อนเข็มพิษไ
“บาดแผลของท่านจำต้องพักฟื้น และรอให้เกิดสะเก็ดแผล อย่าวิ่งไปไหนมาไหน เพราะแผลจะเปิดอยู่ตลอดและจะหายช้า” นางกล่าวตงฟางหลีส่งเสียงหึอย่างเย็นชาในแสงสลัว สีหน้าของเขาไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเขายังคงนอนตะแคง โดยวางศีรษะอยู่บนหน้าตักของนาง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “เฝือกบนข้อมือเอาออกได้ไ
“เหยี่ยนเย่ว์ เรื่องนี้พยายามอย่าเข้ามายุ่งมากเกินไปเสียจะดีกว่า หากพี่สามรู้ว่าเป็นความเห็นของเจ้า เขาจักเป็นสุนัขจนตรอก วิธีการของคนผู้นั้นน่าหวาดกลัวมากทีเดียว” เนิ่นนานที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไร้คำตอบตงฟางหลีเหลือบสายตาขึ้นมอง ถึงได้พบว่า ระหว่างที่กำลังพูดนั้น หญิงผู้นี้ได้พิงพนักพิงผล็อยหลับไปแล้ว
ทว่า คนที่ยืนมองอยู่รอบ ๆ เอาแต่มองดู และพูดคุยซุบซิบเท่านั้น ตั้งแต่ต้นจนจบกลับไม่มีผู้ใดเดินออกมาช่วยเหลือข้าง ๆ ของสาวใช้ มีคนผู้หนึ่งนอนอยู่บนเสื่อ และถูกคลุมด้วยผ้าห่มผืนหนาหนึ่งชั้นคนในผ้าห่มสีหน้าซีดเผือด กลิ่นเลือดแผ่กระจายออกมาจากตัวของนาง“พี่ชาย ที่นี่เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว
“หญิงมีครรภ์คนนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย จำต้องหาสถานที่เงียบ ๆ ไร้คนเพื่อรักษานาง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินมาหยุดตรงหน้าของเขา “พานางขึ้นรถม้าของพวกเราเถอะเพคะ”ตงฟางหลีสีหน้ารังเกียจเสียเต็มประดา “ไม่มีทาง”“ตงฟางหลี สถานการณ์อันตรายยิ่งนัก หากล่าช้าอีกต่อไป นางอาจตายได้นะเพคะ”“ไม่มีทางเด็ดขาด” ตงฟางหลี
เพลิงโทสะสายหนึ่งของฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกขวางเอาไว้ ระบายออกไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงกัดเขาอย่างแรงตงฟางหลีรู้สึกเจ็บ ทว่าไม่ได้ปล่อยตัวนางเขาจุมพิตอย่างอ่อนโยน ราวกับว่ากำลังปลอบโยนฉินเหยี่ยนเย่ว์มิอาจฝืนทนต่อไปที่จะออกแรงกัด จึงหลับตาลง“เจ้าช่างโง่เขลาเสียจริง” ผ่านไปสักพัก ตงฟางหลีถึงได้ปล่อยนางไป
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได