เสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์สั่นเทา “ท่านผู้เฒ่า ท่านบอกข้าได้หรือไม่ ตัวอักษรเหล่านี้ท่านเห็นจากที่ใดหรือเจ้าคะ? และผู้ใดเคยพูดถึงเรื่องหมู่โลหิตกัน?”ผู้เฒ่าไม่พอใจยิ่งนัก “เจ้าเรียกว่าท่านผู้เฒ่าหรือ? ไร้มารยาท เจ้าต้องเรียกข้าว่าศิษย์พี่สิ”หน้าผากของฉินเหยี่ยนเย่ว์กระตุกศิษย์พี่?ศิษย์พี่สูงอายุปาน
ฮองเฮาไม่เคยคิดเลยว่าบรรพบุรุษเฒ่าสกุลลู่ซึ่งเกษียณอายุไปนานแล้วจะก้าวเข้ามาแทรกแซงการที่ผู้เฒ่ายอมรับสถานะศิษย์น้องของฉินเหยี่ยนเย่ว์ ก็เท่ากับว่าผู้เฒ่ายอมรับสถานะศิษย์นักพรตเต๋าเทียนหลิงของฉินเหยี่ยนเย่ว์เช่นกันนางจัดการสิ่งต่าง ๆ มามากมายเพียงนี้แล้ว ยังคว้าน้ำเหลวอีกจนได้“ฮ่องเต้เพคะ” เมื่อฮ
มู่เหยี่ยเองก็เติบโตจากเด็กสาวตัวน้อยไปสู่ผู้ใหญ่แล้วด้วยทว่า ความโหดเหี้ยมและความกระหายเลือดของนางกลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด“เจ้าคิดว่าควรลงโทษอย่างไร?” ฮ่องเต้ทรงตรัสถามฉินเหยี่ยนเย่ว์ฉินเหยี่ยนเย่ว์คารวะอย่างนบนอบ “ทูลฮ่องเต้ มีเหตุถึงจะมีผลเพคะ มู่เหยี่ยควรได้รับการลงโทษที่หนักกว่าลูกถึงจ
ท้องพระโรงเงียบสงัดฮองเฮาเองก็มิกล้าเอ่ยวาจาอะไรอีกต่อไป เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อตัวเองท่าทีของฮองเฮาล้วนเข้ามาในครรลองพระเนตรขององค์ฮ่องเต้พระดัชนีแตะที่วางแขนโดยไม่รู้ตัวและปิดพระเนตรลงเล็กน้อยสกุลซูยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ฮองเฮาซูก็เคลื่อนไหวมิได้เช่นกันครั้นสกุลซูเคลื่อนไหว ความสมดุลที่รักษ
“เสด็จพ่อโปรดรับสั่ง”“เพิ่มอีกยี่สิบไม้” ฮ่องเต้ทรงตรัส “ถ้าต้องการรับโทษแทนนาง ก็ไปรับเจ็ดสิบไม้”“ลูกขอน้อมรับสั่ง” ตงฟางหลีน้อมรับพระราชกระแสรับสั่งฉินเหยี่ยนเย่ว์กังวลใจเล็กน้อยเจ็ดสิบไม้เชียวนะเขาเพิ่งกลับมาจากประตูนรก อาการบาดเจ็บยังไม่หายดีนัก หากเขาถูกโบยอีกเจ็ดสิบไม้ เกรงว่าจะพิการได้“
“เสด็จพ่อ ในฐานะที่ลูกเป็นพี่ชายคนโต สมควรปกป้องน้องชายและน้องสาวให้ดี น้องรองร่างกายอ่อนแอ ซ้ำยังเดินไม่ได้อีก หากถูกโบยไปอีกหลายไม้ เกรงว่าจะอันตรายถึงชีวิตได้พ่ะย่ะค่ะ”“เสด็จพ่อทรงอนุญาตให้ลูกรับโทษแทนพวกเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายใหญ่ก้มศีรษะลงและพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจในที่ที่ไม่มีผู้ใดมองเห็น แว
อากาศหนาวเย็น ลมหายใจที่พ่นออกมานั้นควบแน่นจนกลายเป็นหมอกสีขาว ซึ่งทำให้เสียงของเขาเลือนรางเล็กน้อย “นึกแล้วเชียวว่าซ่อนจากท่านอ๋องรองมิได้”รอยยิ้มบนมุมริมฝีปากของตงฟางเจวี๋ยยังคงขยายกว้างไม่หยุด “เจ้าเจ็ดแตกต่างจากเมื่อก่อนจริง ๆ แล้วมันเริ่มตั้งแต่เมื่อใดกัน?”ลู่ซิวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “น่าจะเริ
“ไม่น่าเชื่อถือ” ลู่จิ้นลูบเคราพลางพูดขึ้น “หากข้าหยดเลือดหมูลงในเลือดของข้า เป็นไปได้หรือไม่ที่หมูจะเป็นลูกของข้า?”หลังจากที่เขาพูดจบ จึงรู้สึกว่าคำเปรียบเปรยเช่นนี้ไม่เหมาะสมอีกแล้ว จึงโบกมือ “อย่างไรก็ตาม ข้าสามารถเป็นพยานได้ว่าการหยดเลือดเพื่อทดสอบความเป็นสายเลือดเป็นเรื่องไร้สาระ ถ้าข้ารู้ว่าเ
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได