ทุกคนตื่นตะลึงโดยเฉพาะฮองเฮา ทั้งตัวนางแข็งชะงักอยู่กับที่ ก่อนที่ร่างกายจะอ่อนยวบลงไป ต้องอาศัยเก้าอี้พยุงไว้ถึงจะฝืนยืนให้ตรงได้การที่ตงฟางหลียอมรับคำพูดของฉินเหยี่ยนเย่ว์ ก็หมายความว่ายอมรับว่าซูเตี่ยนฉิงไปชิงความโปรดปราณที่จวนอ๋องเจ็ดคราวนี้ ไม่ใช่เพียงซูเตี่ยนฉิงที่ชื่อเสียงถูกทำลายจนย่อยยับ
พูดกันตามตรง เป็นนางที่คิดใช้ซูเตี่ยนฉิงและมู่เหยี่ยมากำจัดฉินเหยี่ยนเย่ว์ทิ้งพร้อมกัน แต่กลับถูกซูเตี่ยนฉิงหลอกใช้แทนการที่นางถูกฉินเหยี่ยนเย่ว์บีบบังคับมาจนถึงจุดนี้ เกรงว่าจะอยู่ในการคำนวณของซูเตี่ยนฉิงเช่นกันฮองเฮาเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ รู้สึกเย็นยะเยือกอยู่ในใจนางและฮ่องเต้เป็นสามีภรรยากันมาหล
บรรยากาศในท้องพระโรงเริ่มตกอยู่ในความตึงเครียดไปในทันทีทุกคนต่างก็รับรู้เป็นอย่างดีว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์มีลักษณะนิสัยเป็นเช่นไรเป็นไปมิได้เลยที่สตรีโง่เง่าขี้ขลาดเช่นนาง จักมีความสามารถเช่นนี้ได้ ทั้งยังไม่น่าจะมีความกล้าหาญเช่นนี้อีกด้วยองค์จักรพรรดิถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมเขาเองก็เคยพบหน้าค่าตาฉินเห
“ก่อนหน้านั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์เป็นเช่นไรทุกคนต่างก็รู้กันดี นางในคราก่อนกับนางในยามนี้ช่างแตกต่างกันลิบลับ นี่มิใช่หลักฐานที่ดีที่สุดหรือ”“หึ” ตงฟางหลีเพียงส่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมทั้งรอยยิ้มที่เจือไปด้วยความโศกเศร้าบาง ๆ “จิตใจมนุษย์น่ากลัวเสียยิ่งกว่าเหล่าพวกปีศาจเสียอีก เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ พระองค
ฉินเหยียนเย่ว์พลางเหลือบมองตงฟางหลีอยู่ครู่หนึ่งยามที่นางกำลังถูกบีบคั้นให้จนมุมนั้น บุรุษผู้นี้กลับดึงนางขึ้นมาจากสถานการณ์ที่น่าลำบากได้อย่างง่ายดายถึงแม้ว่านางจักไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ตงฟางหลีเอ่ยออกมาก็ตาม ทว่า เมื่อเห็นพระพันปีและฮ่องเต้ถูกเบี่ยงเบนความสนใจออกไปนั้นนางจึงได้มีโอกาสหายใจได้โล
“ทว่า การทำแหวนปลอมขึ้นมา เพียงเพื่อหลอกลวงเสด็จพ่อนั้น หม่อมฉันจักได้ประโยชน์อันใดจากเรื่องนี้เพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดต่อ “วิธีการโง่เขลาเบาปัญญาเช่นนี้ ผู้ที่มีหัวคิดย่อมมิคิดทำเรื่องเช่นนี้ออกมากระมัง? หรือว่า ฮองเฮาคิดว่าหม่อมฉันกำลังหลอกลวงทุกคนอยู่งั้นหรือ?”เล็บมือของฮองเฮาพลันจิกเข้าไปในอุ้
หลังจากที่ฮ่องเต้เดินเข้ามาแล้วนั้น พระองค์ก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมทั้งสายลมสายหนึ่งที่พัดผ่านส่งกลิ่นเลือดจางๆ เข้ามา จากนั้นประตูห้องจึงปิดลงฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัวสั่นเทาเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองโดยไม่รู้ตัว กลับพบว่าด้านหลังนางหาได้มีผู้ใดไม่“ว่ามา” ฮ่องเต้กล่
ฮ่องเต้เคยชินกับพบเจอสถานการณ์ใหญ่ ๆ จึงรู้สึกประหลาดใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะกลับมาดั่งเช่นปกติ พยักพระพักตร์แล้วทรงตรัสขึ้น “อาการป่วยนี้มีมาหลายปีแล้ว กินยาก็ไม่ดีขึ้น ครั้นอายุมากขึ้น มีเวลานอนกลับน้อยลงเรื่อย ๆ”“เหตุใดพระองค์ไม่ลองเสวยสิ่งนี้เล่าเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยื่นขวดยา “แหวนวงนี้มีความอัศจ
นางมองฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างไม่อยากเชื่อ น้ำตาไหลทะลักลงมา “เหยี่ยนเย่ว์ เจ้า เจ้าหมายความว่า...”“ข้าคือพี่สาวที่เด็กคนนั้นต้องการตามหาหรือ?” นางต้องใช้เรี่ยวแรงเป็นอย่างมากถึงจะพูดประโยคนี้ออกมาได้“สวรรค์ จะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ได้อย่างไร” พระสนมเหยาไม่รอให้นางตอบคำถาม ก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นนางกุมใ
พระสนเหยาขวดคิ้วหากัน ที่หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเศร้าโศกนางจับจ้องภาพวาดอยู่เนิ่นนาน ถึงได้วางภาพลงข้าง ๆ ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เอ่ยถามขึ้น “คนวาดภาพนี้เป็นใคร?”“เป็นนักวาดภาพคนหนึ่งของพี่เจ็ด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดตัดบท “สนมเหยา แม้ข้าจะรู้ว่าท่านเจ็บปวดมาก ทว่า นี่เป็นเรื่องใหญ่มากจริง ๆ...”“ทั
ครั้นเห็นนางวิ่งหอบแฮกแฮกเข้ามา พลันเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ “เหยี่ยนเย่ว์ ท่าทางเร่งรีบ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”หลังจากฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นพระสนมเหยาที่เป็นที่โปรดปราณของสวรรค์ จิตใจพลันผ่อนคลายลงทันทีบุตรีสวรรค์อยู่ที่นี่ ของเละเทะวุ่นวายอะไรนั่นล้วนต้องถอยกลับไป“ข้ามาดูดซับโชคดีสักหน่อย” นางทรุดกา
“ของอะไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว“จีอู๋เยียน?”“ท่านพูดมาให้ชัดเจนสิ”จีอู๋เยียนเดินออกไปไกลแล้ว เสียงก็เลือนหายไปด้วยเช่นเดียวกัน“บ้าจริง!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ห่อไหล่ ลอบสบถคำหยาบออกมาหนึ่งคำจีอู๋เยียนไม่พูดคำพูดนั้นออกมายังดี หลังจากพูดออกมาแล้ว นางมักจะรู้สึกจั๊กจี้อยู่ในใจในห้องจะมีข
จีอู๋เยียนยังคงมีกลิ่นอายสังหารลอยวนเวียนอยู่ร่างกายกลิ่นอายสังหารนั้นแตกต่างจากกลิ่นอายสังหารทั่วไป คล้ายกับว่ามีกระบี่แหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากร่างของเขา บริเวณโดยรอบเงียบสงัดราวกับจักจั่นในหน้าหนาวสีหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยถึงอย่างไรนี่ก็กำลังอยู่ในวังหลวงจีอู๋เยียนถึงกับปล
“ใช่ แหวนขอแต่งงาน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ท่าทีจริงจัง “ในที่พวกเราอยู่นั้น หลังจากที่ชายหญิงสองฝ่ายมั่นใจในความรู้สึกแล้ว ฝ่ายชายก็จะมอบแหวนแต่งงานให้กับฝ่ายหญิง”“หากฝ่ายหญิงรับแหวนไว้ ก็เท่ากับยอมรับการขอแต่งงาน นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากเชียวนะ ท่านก็สู้ ๆ ล่ะ”ใบหน้าจีอู๋เยียนแดงก่ำเขาสังหารคนเหมือนเป็น
ไอเย็นสายนั้นแผ่มาจากในห้อง ทะลุผ่านผ้าห่ม ปกคลุมความร้อนในเตาไฟ เสียดแทงผิวหนังของนางจนรู้สึกเจ็บปวดไม่สบายตัวมากเลยทีเดียวฉินเหยี่ยนเย่ว์มุ่นหัวคิ้วดิ้นรนอยู่สักพัก ถูกความรู้สึกถูกเข็มทิ่มนี้รบกวนจนมิอาจนอนหลับได้อีก ได้แต่ลืมตาขึ้นในผ้าม่าน มีเงาร่างคนผู้หนึ่งยืนอยู่ที่ข้างเตียง กำลังจับจ้องน
“หม่อมฉันต้องการภาพเหมือนวัยเยาว์ของสนมเหยา ท่านให้สิ่งนี้กับหม่อมฉันทำไมหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองภาพนั้นขึ้นลงคนในภาพไม่คล้ายกับเด็กหนุ่มแม้แต่น้อยถือภาพที่น่าเกลียดขนาดนี้ไปตามหาคน ลำบากพวกฉยงฮวาแล้ว“ให้เจ้าได้เห็นความยากลำบากในการตามหาคนของพวกฉยงฮวาต่างหากเล่า” ตงฟางหลีกล่าวกลั้วหัวเราะ “ข้าเค
“เจ็บหรือไม่?”“ยังพอไหว”นางคว้าข้อมือของเขาขึ้นมาก่อนจะกัดลงไปอย่างแรงครานี้ได้ใช้แรงมหาศาล“ยัยหนู เจ้าเกิดปีสุนัขหรือ” รอยฟันฝังลึกบนข้อมือ นัยน์ตาตงฟางหลีเริ่มฉายแววดำคล้ำ“เจ็บหรือไม่?” ฉินเหยี่เย่ว์กล่าว พลางล้วงเข็มเล่มใหญ่ออกมา หมายจะลอบทิ่มบนร่างกายของเขาเงียบ ๆตงฟางหลีใบหน้าดำทะมึนเป็นแ