“ตำแหน่งที่โดนลูกธนูยิง”ตู้เหิงลังเลเล็กน้อย “ตรง ตรงขาพ่ะย่ะค่ะ นั่นเป็นบาดแผลเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ไม่น่าเกี่ยวกับอาการป่วยครั้งนี้หรอกกระมังพ่ะย่ะค่ะ?”“ข้าดูบาดแผลก่อนแล้วค่อยคุยกัน” ฉินเหยี่ยนเยว่ห์กล่าว ขณะกำลังจะปลดกางเกงของตงฟางหลี“ท่านทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ?” ตู้เหิงตกใจ พลางรีบขัดขวางนาง“ข้าจะดู
“ตู้เหิง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองไปยังตู้เหิงด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ก่อนหน้านี้เจ้าเกลียดข้า คิดว่าเป็นข้าที่บีบบังคับให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าตัดเส้นเอ็นข้อมือใช่หรือไม่?”ตู้เหิงเยาะหยัน นางยังมีหน้ามากล่าวอีกหรือ?“ข้าคิดว่าพวกเจ้าควรจะขอบคุณข้า” นางกล่าวเสียงอ่อน “แม้ว่าตงฟางหลีจะได้รับบาดเจ็บ แต่ ข้อม
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอื้อมมืออกไปแตะหน้าผากตงฟางหลี เขากลับมาไข้สูงอีกครั้งจริงใบหน้าเขาซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด ทว่าหน้าผากกลับร้อนเสียจนน่าตกใจยาลดไข้ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว“บาดแผลของเขา ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้จริง” หัวใจฉินเหยี่ยนเย่ว์ราวกับถูกบีบรัดแน่น “เจ้าจะต้องหาตัวหมอหลวงหลินมาให้ได้”อาศั
ตู้เหิงที่ได้ยินคำพูดที่ไร้ยางอายของฉินเหยี่ยนเย่ว์นั้น ก็ชะงักราวกับกลายเป็นหินไป ณ ตรงนั้น ไม่รู้ว่าควรจะแสดงสีหน้าออกไปอย่างไรดีไปชั่วขณะ“พูดไม่อายปาก” ผ่านไปเนิ่นนาน เขาก็เอ่ยด้วยใบหน้าแดงซ่าน“ข้าพูดไม่รู้จักอายปาก? แม้ว่าตงฟงหลีจะไม่ชอบข้า รังเกลียดข้า ข้าก็ยังเป็นพระชายาของเขา ว่ากันตามหลักแ
ยาต้มได้ถูกปล่อยวางทิ้งไว้จนอุ่น ห่างจากเวลาที่ทานยาแก้อักเสบกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วนางถือช้อนขึ้นมาป้อนยาให้เขา ยาค่อย ๆ ไหลออกจากมุมปากของเขาอย่างช้า ๆ เช่นเดียวกับเมื่อสักครู่นี้เขาไม่สามารถดื่มยาได้เลย“ข้าจักต้องติดหนี้ท่านแน่ ๆ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจ ก่อนจะดื่มยาหนึ่งอึก แล้วป้อนให้เขาอย่างช้
ตงฟางหลีสีหน้าดำทะมึนขึ้นมาทันควัน ขณะที่คิดจะขับไล่นางให้ออกไปนั้น พลันนึกถึงความฝันเมื่อสักครู่ขึ้นมาทันทีเหตุการณ์ในความฝันนั้นค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ใบหน้าของเทพธิดาหญิงที่ป้อนยาเซียนตันให้แก่เขาทับซ้อนกับใบหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ เช่นนั้นแล้ว มิน่าจะเป็นเพียงแค่ความฝันหรือบางที เขาอาจจะเดิน
ตงฟางหลีพูดไม่ออกในความฝัน เขาก็เกือบจะตายแล้วเช่นเดียวกันเนื่องจากเทียนเผาไหม้มาเป็นระยะเวลานาน ไส้เทียนจึงส่งผลต่อแสงสว่าง ภายในห้องจึงแปรเปลี่ยนเป็นมืดมิด ฉินเหยี่ยนเย่ว์วางจานแอปเปิ้ลลงบนเก้าอี้ตัวเตี้ยข้าง ๆ โต๊ะ ก่อนจะหยัดกายขึ้นตัดไส้เทียน เทียนแดงกระพริบวูบวาบสองสามครั้ง ก่อนที่ภายในห้องจะ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็มิได้สนใจ “หลังจากที่อาการของท่านกำเริบ มีความเป็นไปได้สูงที่จะตกเข้าสู่สภาวะคลั่งเพคะ”“เมื่อถึงตอนนั้น ร่างกายของท่านจะอยู่ในจุดวิกฤต ประจวบเหมาะกับที่บาดแผลอยู่ในช่วงอ่อนแอ ในระหว่างท่านกำลังปวดศีรษะ ความเจ็บปวดตรงขาของท่านจึงมิได้แสดงออกมาในทันที ท่านอาจจะยังไม่ทันสังเกตเห็นก็เพ
อาการปวดศีรษะจนยากจะทนรับไหวถาโถมเข้ามาไม่หยุดราวกับมีเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงที่ศีรษะ เป็นความรู้สึกอันน่าหวาดกลัวที่ไม่เคยประสบมาก่อนเวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เหงื่อเม็ดโตก็ไหลพรากอาภรณ์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นกันนางทนรับความเจ็บปวดเช่นนั้นไม่ไหว น้ำตาจึงไหลลงมาอย่างยากจะต้านทานร้องไห้สะอึ
“พี่เจ็ด หม่อมฉันคิดว่ามิอาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพียงแค่คิดว่าคนดีอย่างเช่นพี่รองจะต้องแต่งกับซูเตี่ยนฉิงที่เป็นดอกบัวขาวเช่นนั้น ในใจก็รู้สึกอึดอัดจนว้าวุ่น“ซูเตี่ยนฉิงมิใช่ว่าคบชู้กับพี่หกหรอกหรือ? นางเคยคบกับพี่หก เกรงว่าคงจะขึ้นเตียงกันไปแล้ว มาแต่งกับพี่รองอีกนับเป็นเรื่
“มิใช่เช่นนั้น ยกตัวอย่างแล้วกัน หากอยู่ในท้องพระโรงใหญ่ในตำหนักไท่อี๋ แล้วเสด็จพ่อทรงประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร สวมอาภรณ์ลายมังกรสี่เล็บของฮ่องเต้ พระองค์ในตอนนั้นคือผู้มีอำนาจสูงสุดของราชวงศ์ตงลู่ ลู่จิ้นจักต้องคารวะตามกฎระเบียบ และรักษามารยาทระหว่างฮ่องเต้และขุนนางตามกฎระเบียบด้วย” ตงฟางหลีพูดอธิบ
“...” หน้าผากของฉินเหยี่ยนเย่ว์ทะมึนเป็นแถบเพื่อถ้อยคำที่ดูเพ้อฝันเช่นนี้ เขายังอุตส่าห์หึงหวงได้“ศิษย์พี่บอกว่าจะแนะนำให้กับหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ต้อบรีบไปแต่งกับคนนั้นเลยหรือ? ท่านใช้สมองคิดสักหน่อยว่าเรื่องเช่นนี้เป็นไปได้ด้วยหรือ? อีกอย่าง ท่านขึ้นชื่อว่าถูกเลือกเป็นหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งเมือ
“เจ้ามีความเห็นหรือไม่” ตงฟางหลีมุ่นคิ้ว“อืม หลังจากท่านน้าท่านน้าสะใภ้ตายไป ท่านตาก็เป็นคนเก็บรักษากล่องเล็กใบนั้น และท่านตาก็มีอาการสติฟั่นเฟือนเช่นกัน หลังจากที่กล่องใบเล็กถูกพระสนมอวิ๋นถือเอาไป อาการสติฟั่นเฟือนของท่านตาก็ดีขึ้นมาก คำตอบมิใช่ว่าชัดเจนมากหรอกหรือเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เจ้า
ผู้เฒ่าเฮ่อขัดขืนอย่างรุนแรง จนฉินเหยี่ยนเย่ว์มิอาจเข้าใกล้ได้ถูกผู้อาวุโสกว่าอย่างบิดาของพระสนมอวิ๋นมาโขกศีรษะให้ จะทำให้อายุสั้นลงได้นางรับการคารวะเต็มพิธีการถึงขั้นนี้ไม่ไหว ทำได้เพียงคุกเข่าลงเช่นเดียวกันผู้เฒ่าเฮ่อโขกศีรษะให้นางหนึ่งครั้ง นางก็จะโขกกลับคืนหนึ่งครั้งหลังจากตงฟางหลีเดินออกมาจ
“เจ้าเป็นใคร? เจ้าคิดจะทำอะไรข้า? ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น อ๊าก ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น อย่าตีข้านะ”เขากุมศีรษะ น้ำเสียงเจ็บปวดอย่างรุนแรง ก่อนจะขดตัวเป็นก้อน ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว“อย่าตีข้า อย่าตีข้านะ”เขาพูดซ้ำไปซ้ำมา ท่าทีอกสั่นขวัญแขวน“ท่านตา ท่านอย่าเพิ่งตื่นเต้น ข้าไม่มีวันตีท่านหรอก
ผู้เฒ่าเฮ่อขมวดคิ้วแน่น “สถานการณ์โดยละเอียดข้าเองก็จำไม่ได้แล้ว จำได้เพียงลาง ๆ ว่าเป็นสตรีนางหนึ่ง”“สตรีหรือ?”“ใช่ เป็นสตรี”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วแน่นคำตอบนี้เกินความคาดหมายไปบ้างจริง ๆนางไม่มีทางจินตนาการได้เลยว่า นอกจากท่านปู่แล้ว แหวนยังจะมีความเกี่ยวข้องกับคนอื่นอีกอีกทั้งยังเป็นสตรีด้ว
“ท่านตา ท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากถามว่าตอนที่เสด็จแม่แต่งเข้าวังหลวง สาวใช้ที่ติดตามไปด้วยมีผู้ใดบ้างทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”ผู้เฒ่าเฮ่อได้ยินว่านางมิได้ถามถึงเรื่องนั้น ก็ถอนหายใจเบา ๆ เขาขมวดคิ้วแน่นพลางครุ่นคิด “สาวใช้ที่ติดตามไปในตอนนั้นมีทั้งหมดแปดคน สาวใช้ระดับหนึ่งมีสองคน