ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอื้อมมืออกไปแตะหน้าผากตงฟางหลี เขากลับมาไข้สูงอีกครั้งจริงใบหน้าเขาซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด ทว่าหน้าผากกลับร้อนเสียจนน่าตกใจยาลดไข้ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว“บาดแผลของเขา ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้จริง” หัวใจฉินเหยี่ยนเย่ว์ราวกับถูกบีบรัดแน่น “เจ้าจะต้องหาตัวหมอหลวงหลินมาให้ได้”อาศั
ตู้เหิงที่ได้ยินคำพูดที่ไร้ยางอายของฉินเหยี่ยนเย่ว์นั้น ก็ชะงักราวกับกลายเป็นหินไป ณ ตรงนั้น ไม่รู้ว่าควรจะแสดงสีหน้าออกไปอย่างไรดีไปชั่วขณะ“พูดไม่อายปาก” ผ่านไปเนิ่นนาน เขาก็เอ่ยด้วยใบหน้าแดงซ่าน“ข้าพูดไม่รู้จักอายปาก? แม้ว่าตงฟงหลีจะไม่ชอบข้า รังเกลียดข้า ข้าก็ยังเป็นพระชายาของเขา ว่ากันตามหลักแ
ยาต้มได้ถูกปล่อยวางทิ้งไว้จนอุ่น ห่างจากเวลาที่ทานยาแก้อักเสบกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วนางถือช้อนขึ้นมาป้อนยาให้เขา ยาค่อย ๆ ไหลออกจากมุมปากของเขาอย่างช้า ๆ เช่นเดียวกับเมื่อสักครู่นี้เขาไม่สามารถดื่มยาได้เลย“ข้าจักต้องติดหนี้ท่านแน่ ๆ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจ ก่อนจะดื่มยาหนึ่งอึก แล้วป้อนให้เขาอย่างช้
ตงฟางหลีสีหน้าดำทะมึนขึ้นมาทันควัน ขณะที่คิดจะขับไล่นางให้ออกไปนั้น พลันนึกถึงความฝันเมื่อสักครู่ขึ้นมาทันทีเหตุการณ์ในความฝันนั้นค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ใบหน้าของเทพธิดาหญิงที่ป้อนยาเซียนตันให้แก่เขาทับซ้อนกับใบหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ เช่นนั้นแล้ว มิน่าจะเป็นเพียงแค่ความฝันหรือบางที เขาอาจจะเดิน
ตงฟางหลีพูดไม่ออกในความฝัน เขาก็เกือบจะตายแล้วเช่นเดียวกันเนื่องจากเทียนเผาไหม้มาเป็นระยะเวลานาน ไส้เทียนจึงส่งผลต่อแสงสว่าง ภายในห้องจึงแปรเปลี่ยนเป็นมืดมิด ฉินเหยี่ยนเย่ว์วางจานแอปเปิ้ลลงบนเก้าอี้ตัวเตี้ยข้าง ๆ โต๊ะ ก่อนจะหยัดกายขึ้นตัดไส้เทียน เทียนแดงกระพริบวูบวาบสองสามครั้ง ก่อนที่ภายในห้องจะ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็มิได้สนใจ “หลังจากที่อาการของท่านกำเริบ มีความเป็นไปได้สูงที่จะตกเข้าสู่สภาวะคลั่งเพคะ”“เมื่อถึงตอนนั้น ร่างกายของท่านจะอยู่ในจุดวิกฤต ประจวบเหมาะกับที่บาดแผลอยู่ในช่วงอ่อนแอ ในระหว่างท่านกำลังปวดศีรษะ ความเจ็บปวดตรงขาของท่านจึงมิได้แสดงออกมาในทันที ท่านอาจจะยังไม่ทันสังเกตเห็นก็เพ
“ไม่มี? เป็นไปไม่ได้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“พระชายาพระทัยเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอดูแผลของท่านอ๋องก่อนได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงหลินกล่าว“ท่านอ๋อง สามารถให้หมอหลวงดูบาดแผลของท่านได้ไหมเพคพะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองไปยังตงฟางหลีสีหน้าของตงฟางหลีดำทะมึนเขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วทอดมองไกลออกไปฉินเหยี
“ยานี้มิเหมาะให้ท่านอ๋องใช้” ใบหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ปรากฏเส้นดำหนึ่งแถบ “เกรงว่าราชาแห่งพิษผู้นั้นกำลังหลอกเจ้าอยู่กระมัง?”แม้จะมีประโยคที่ว่าใช้พิษต้านพิษ แต่ ใช่ว่าจะใช้ในทางที่ผิดได้การใช้ยาชนิดนี้ให้กับตงฟางหลีที่ร่างกายอ่อนแอ แม้แต่เทพต้าหลัวก็ช่วยให้กลับมามีชีวิตได้ยาก“เป็นไปไม่ได้” หลอหลวงห
สาลี่เป็นผลไม้ และก็เป็นยาจีนชนิดหนึ่งเมื่อเข้าสู่เส้นลมปราณของไตและปอด จะขจัดความร้อนและแก้เสมหะ ผลิตของเหลวทำให้ความแห้งกร้านชุ่มชื้น และมีประสิทธิภาพมากในการรักษาโรคกระหายน้ำจากการบอกเล่าของหมอหลวงและแม่นม ตลอดจนการวินิจฉัยของนาง เกือบจะยืนยันอาการป่วยของพระพันปีเป่าได้“พระชายาอ๋องเจ็ด” หมอหลว
“พระพันปีเป่าหมดสติ เข้าขั้นวิกฤต นี่คืออาการประชวรในปัจจุบันพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงหลินไม่รู้ว่านางหมายถึงอะไร“ไม่ใช่ สิ่งที่ข้าต้องการคือการวินิจฉัยก่อนหน้านี้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินมาที่ข้างเตียง และทำความเคารพฮ่องเต้ครั้นฮ่องเต้เห็นนางมาถึง คิ้วที่ขมวดแน่นก็ผ่อนคลายลงและเขาหลีกทางไปเองนิ้วของฉินเหย
“ไม่ได้”“แต่ว่า อาจารย์ของเจ้าเก้าหน้าตาดีมาก...”“ได้”“ถ้าเช่นนั้น ท่านช่วยสอนวิธีแต่งกายเป็นสตรีให้ข้าได้หรือไม่?”“ไม่ได้”“แต่อาจารย์ของเจ้าเก้าเป็นสตรี…”“เขาเป็นบุรุษ บุรุษปลอมตัวเป็นสตรี ถ้าเจ้าให้ข้าเลียนแบบเขา ข้าก็จะฆ่าเสี่ยวจีจวินและเจ้าเก้าในปากของเจ้าทิ้งเสีย เจ้าว่าดีหรือไม่?” ไป๋หลิ
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ตกตะลึงอยู่ตรงนั้นคนวิปริตไร้คู่ต่อสู้ผู้นี้ต้องการรับเจ้าสิบเป็นศิษย์?ตงฟางอิงเองก็ตกตะลึงเช่นกัน ใบหน้าแดงก่ำพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ร่างกายสั่นงันงกเขาไม่ต้องการกราบคนที่จะกินเด็กมาเป็นอาจารย์ไป๋หลินยวนบีบคางของตงฟางอิง และพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ตั
“ท่านต้องการทำอะไรกันแน่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังคงเดินไปข้างหน้าสีหน้าของนางเย็นชา “ท่านเป็นคนวิปริต จัดการกับเด็กคนหนึ่งจะนับเป็นอะไรได้? ปล่อยเจ้าสิบไปเสีย หากมีอะไรก็มาหาข้า”ไป๋หลินยวนยกตงฟางอิงขึ้น และจ้องมองเขาอย่างถี่ถ้วนอย่างไรก็ตามตงฟางอิงยังเป็นเด็ก เมื่อถูกคนวิปริตจ้องมองเหมือนจะเขมือบกินเ
ไป๋หลินยวนมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูอันน่าเกรงขาม รอยยิ้มบนใบหน้าก็กว้างขึ้นใบหน้านั้นเดิมทีเป็นของปลอม และท่าทีที่เขายิ้มก็ดูแปลกเล็กน้อยตงฟางอิงแอบสังเกตเขาอย่างระมัดระวังอยู่ตลอด“พี่สะใภ้เจ็ด” มือเล็ก ๆ ของเขาดึงแขนเสื้อของฉินเหยี่ยนเย่ว์ “หมอหลวงผู้นี้แปลกมาก”“มิใช่ว่า
เขาเอียงหัว “พวกท่านรู้จักกันหรือ?”“พี่สะใภ้เจ็ด ท่านพบบุรุษคนใหม่ลับหลังพี่เจ็ดหรือ?”สายตาของพี่สะใภ้เจ็ด ไม่ค่อยดีนักบุรุษผู้นี้เยือกเย็น ดูแล้วน่ากลัวมากยังห่างไกลจากพี่เจ็ดมากแล้วก็สู้เขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ“อย่าพูดเหลวไหล” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ็ดใส่ “หรือว่าเจ้าไม่เห็นหมวกบนศีรษะของเขาหรือ?”“สาม
ตงฟางอิงลูบจมูก เจ็บจนน้ำตาไหล “ทำไมตรงนี้ถึงมีกำแพงด้วย?”เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นใบหน้าของชายแปลกหน้าผู้นั้นก็ตกตะลึงทันทีที่เผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม เขาได้ปกป้องฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้อยู่ข้างหลังตน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านเป็นใคร? เข้าวังมาได้อย่างไร? ท่านคิดจะทำอะไร?”“โอ้ วีรบุรุษ
“เจ้ายอมให้ข้าหนาวตาย แต่จะไม่ยอมช่วยข้าใช่หรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดเสียงเบา“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่” ตงฟางอิงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงดูเหมือนเขาจะรวบรวมความกล้าไว้ให้มาก และในที่สุดก็หันหลังกลับมาราวกับกำลังเร่งรีบที่จะเข้าสู่สนามรบ มีรัศมีของไม่ยี่หระต่อความตายใด ๆ ทั้งสิ้นอย่างมากทีเดียวเขาเดินมาถึง