“หากว่ามิมีผู้ใดเข้าไปใกล้ตำหนักจริง ๆ แล้วนั้น เช่นนั้นแล้วองค์หญิงเย่ว์ลู่เข้าไปในตำหนักเยว่ชูได้อย่างไรกัน?” ตงฟางหลีพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก “เกรงว่านางคงจะจงใจหลีกเลี่ยงขันทีและนางกำนัลสาวใช้เข้าไปเป็นแน่”“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?” ท่านอ๋องหลูหยางเอ่ยถาม“เมื่อครู่กระหม่อมได้เข้าไปด
ทว่า หากเป็นกลิ่นที่ติดตัวจริง ๆ ย่อมต้องติดตัวไปตลอดหรือค่อยๆ จางหายไป แทนที่จะส่งกลิ่นออกมาเป็นระยะๆ เช่นนี้เว้นแต่ว่า......ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมาในทันทีเมื่อมีความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวนั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันขมวดคิ้วพร้อมทั้งหัวใจที่เต้นรัวออกมาไม่หยุด นับว่าเป็นการ
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ทรงอนุญาตให้นางดูด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ท่านอ๋องหลูหยางที่มีท่าทีร้อนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้น เมื่อรู้ว่าหลานสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนเองอาจจะยังมีชีวิตอยู่ บุรุษชายชาตรีที่ร่างกายกำยำพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือไปในทันที “หากว่าเป็นเสมือนกับแมวตาบอดเจอหนูตายเล่า?” มุมปากของฉินเหย
องค์จักรพรรดิหาได้ตำหนิที่ท่านอ๋องหลูหยางทำตัวไร้มารยาทไม่ เมื่อคนตายฟื้นคืนชีพขึ้นมาเช่นนี้ ท่านอ๋องหลูหยางเองก็มิจำเป็นต้องให้คนผมขาวส่งคนผมดำไปเสียก่อน นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่องหนึ่งองค์จักรพรรดิจึงหันกลับมามองไปที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์อีกครั้งฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันรีบคุกเข่าลงกับพื้นไปใน
หลังจากที่ตงฟางหลีเห็นซูเตี่ยนฉิง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความมืดครึ้มของเขาพลันอันตรธานหายไปในทันที ก่อนจะปรากฏร่องรอยความนุ่มนวลอันอบอุ่นขึ้นมาแทน น้ำเสียงยังกดแผ่วเบาลงมาหลายส่วน “ฉิงเอ๋อร์ อากาศหนาวยิ่งนัก เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปพักที่เรือนรับรองข้าง ๆ เล่า?”ซูเตี่ยนฉิงเพียงขบเม้มริมฝีปากของตนเอง ก่อนจะก
ซูเตี่ยนฉิงหาได้หยุดฝีเท้าตัวเองไม่ ก่อนจะรับจ้ำก้าวเข้าไปในเรือนรับรองในทันที เมื่อแผนการของตงฟางอิงประสบความสำเร็จแล้วนั้น เขาพลันแลบลิ้นปลิ้นตาออกมา ด้วยใบหน้าน้อย ๆ ที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ“นางให้เจ้ามาหรือ?” น้ำเสียงของตงฟางหลีเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชา พร้อมทั้งกลิ่นอายรังสีฆ่าฟันที่แผ่กระจาย
“แย่แล้ว ไม่ดีแล้ว เกิดเรื่องขึ้นกับท่านอ๋องสิบ” นางกำนัลผู้หนึ่งพลางร่ำไห้กรีดร้องออกมา “หมอหลวง รีบไปตามหมอหลวงมาเร็วเข้า”ผู้คนที่อยู่ภายในห้องโถงต่างก็ตกใจไปในทันที ไม่นานนักทุกคนจึงพากันมารวมตัวกัน นางกำนัลขันทีต่างก็รีบเร่งเข้าไปแจ้งแก่ฮองเฮาในทันใดในยามนี้ บรรยากาศภายในห้องโถวพลันเริ่มเกิดค
“พวกเจ้าเห็นอ๋องสิบกินสิ่งใดลงไปหรือไม่?” ฮองเฮาเอ่ยถามทุกคนด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลังจากที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกปลุกด้วยเสียงวุ่นวาย นางยังคงมีท่าทีสับสนเล็กน้อย เมื่อนางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น เหงื่อเย็น ๆ พลันไหลออกมาทั่วตัวในทันทีเมื่อได้ยินคำถามของฮองเฮานั้น นางพลันมีใบหน้าลำบากใจยิ่งนักอ๋องสิบคือตง
“ข้าไม่อยากเห็นสิ่งนั้น ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย ข้าจะหาคนที่มีดวงชะตาสอดคล้องกับข้าภายในเวลาสั้นที่สุดได้แน่นอน”ป้าผิงนิ่งไม่ไหวติงบนใบหน้าที่ดูคล้ายกับหน้าปลอมนั้นเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาครั้นนางจับจ้องไท่เฟยฉางที่อยู่ในอาการหวาดกลัวครู่ใหญ่ ก็ได้ใช้เสียงกลแหบพร่าพูดต่อไป “นับจากวันนี้เป็นต้นไป ท่า
เถี่ยตั้นยังก่อเรื่องได้ไม่หนำใจ และอยากจะวิ่งเข้าไปในลานเรือนต่อ แต่ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบคว้าตัวเอาไว้“โฮ่งโฮ่ง”เถี่ยตั้นดิ้นไม่หลุด จึงส่งเสียงเห่าอย่างสิ้นหวังไปทางเรือนด้านหลังไท่เฟยฉางรู้สึกหวาดระแวงอยู่แล้ว พอได้ยินเถี่ยตั้นส่งเสียงเห่าอย่างดุเดือด ก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวสิ่งมีชีวิตอย่างสุนัขนั้
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตรวจดูของที่ถูกทำลายเบา ๆ และรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก“ไท่เฟยฉาง หม่อมฉันนับแล้ว ข้าวของเหล่านี้ที่เถี่ยตั้นทำเสียหาย ถึงแม้ว่าจะล้ำค่า กลับไม่ใช่สิ่งที่ทดแทนไม่ได้ และไม่ได้ทำลายข้าวของที่อดีตฮ่องเต้พระราชทานเสียหายด้วย ตามคำเดิมของพระองค์คือ ของที่อดีตฮ่องเต้พระราชทานเป็นสมบัติล้
“เหลวไหล!” ไท่เฟยฉางตะโกนน้ำเสียงเฉียบขาด “นี่จะเป็นของปลอมได้อย่างไร! นี่เป็นกระถางธูปเคลือบหลิวหลีของแท้ที่อดีตฮ่องเต้พระราชทานให้ข้า เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”“ถ้าเป็นของจริง กระถางธูปเคลือบหลิวหลีนี้ที่ล้ำค่าเหลือล้น ก็ควรเก็บไว้ในที่ปลอดภัยเป็นอย่างดี เหตุใดถึงอยู่ในลานเรือนเล่าเพคะ?”
เห็นได้ชัดว่านางอาลัยอาวรณ์สุนัขตัวนี้ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย ปีศาจเฒ่าตระหนักจุดนี้เป็นอย่างดี และตอบโต้กลับมาประโยคที่ดูเหมือนลอยละล่องนั้น ชัดเจนว่าผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดีโหดร้ายยิ่งนัก!“ไท่เฟยฉางแน่ใจหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยายามทำให้เสียงของตนสงบที่สุด เคลือบรอยยิ้มบนใบหน้า และสมองทำงาน
ทิศทางที่กลิ่นเน่าของศพโชยมา คือจุดที่สุนัขส่งเสียงร้องดังลั่นนั่นเองในฤดูเหมันต์ ความเร็วที่ศพจะเน่าเปื่อยนั้นค่อนข้างช้าตามอุณหภูมิของชั้นดินเยือกแข็งและกลิ่นเน่าที่กำจายออกมา สามารถแยกแยะได้ว่า เวลาเสียชีวิตอยู่ที่สองเดือนโดยประมาณครั้นพิจารณาจากท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างมากของไท่เฟยฉางแล้ว ความเป
ฉินเหยี่ยนเย่ว์กดถูกใจให้ไท่เฟยฉางในใจอย่างเงียบ ๆไท่เฟยฉางกล่างถูกแล้ว นางจงใจมาก่อปัญหาจริง ๆ“ไท่เฟยฉาง พระองค์กำลังตรัสถึงเรื่องอะไรหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ทำหน้าเหมือนดอกบัวขาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ใบหน้าเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ กระตุกจมูกสองครั้ง ราวกับน้อยใจใหญ่หลวง “ไท่เฟยฉางต้องตรัสเพียงนี
ไท่เฟยฉางโกรธมากนางจ้องฉินเหยี่ยนเย่ว์ พลางขบกรามแน่น “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”“อ๋า?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปรบมือ และโค้งคำนับขอโทษ “เป็นเช่นนี้เพคะ สุนัขของหม่อมฉันตกใจตื่นกลัวจนหลุดจากเชือกแล้ววิ่งหนีไป หม่อมฉันจึงรีบไล่ตาม ไล่ตามอยู่นานมากก็ตามไม่ทัน เห็นมันวิ่งมาถึงที่นี่ก็หายไปอย่างไร้ร
“ฉากกั้นน้ำของข้า” ไท่เฟยฉางรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่งเพล้ง!“เครื่องเคลือบลายครามของข้า”ตึง!“คันฉ่องเปลี่ยนอาภรณ์ของข้า!”“ใครก็ได้ มานี่เร็วเข้า” ไท่เฟยฉางเฝ้าดูของหายากในเรือนถูกสุนัขชนพังเป็นชิ้น ๆ ในใจมีเลือดซึมหยดขอบตาของนางแดงก่ำ “ใครก็ได้ รีบมาตีสัตว์ร้ายตัวนี้ให้ตายเสีย”“สุนัขตัวนี้มาจาก