“หม่อมฉันร่างกายอ่อนแอเพคะ หากมิได้ทานอาหารหม่อมฉันจักเป็นลมหมดสติ เกรงว่าอาการป่วยของหม่อมฉันจักส่งผลต่อทุกคน ดังนั้นหม่อมฉันจึงได้เตรียมของว่างมาด้วย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวออกมาหาได้มีท่าทีหยิ่งทระนงตนไม่ “ทว่า หม่อมฉันมิได้วางยาอ๋องสิบเพคะ”“ยังเล่นลิ้นอยู่อีก” ใบหน้าของฮองเฮาพลันฉายแววเย็นชาออกมา
“ เจ้า เจ้า ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้ายังเห็นเราอยู่ในสายหรือไม่” ฮองเฮาพลันโกรธโมโหจนตัวสั่นแม่นมทั้งสองเป็นนางกำนัลรับใช้ส่วนตัวของนาง หากว่าพวกนางถูกทุบตีนั้น นี่มิใช่ว่าเป็นการตบหน้านางโดยตรงหรอกหรือ “เสด็จแม่ ใจเย็นๆ ก่อนเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางยกมือโค้งคำนับ “แม่นมสองคนนี้ช่างหยาบคายและไร้มารยา
ฮองเฮาที่ผ่านคลื่นลมมามากมายนั้น ไม่นานนักพระนางพลันสงบจิตสงบใจได้อย่างรวดเร็ว นางรู้แล้วว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังช่วยนางหาทางลงให้กับเรื่องนี้อยู่ มามาสองคนมิอาจซ่อนพิษหรือทำการหลอกลวงได้อีกต่อไป ทั้งยังมีผู้คนมากมายที่เห็นภาพสถานการณ์ตรงหน้า การจะนำนางลงจากตำแหน่งฮองเฮานั้น หากนางก้าวพลาดพลั้งเพีย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นความโกรธเคืองในสายตาของฮองเฮา นางมิกล้าเอ่ยอันใดออกมา หากแต่เดินก้าวออกไปข้างหน้า "ฮองเฮาเพคะ ได้โปรดอนุญาตให้หม่อมฉันเข้าไปดูอ๋องสิบด้วยเถิดเพคะ"“หากอ๋องสิบตกตายขึ้นมาจริง ๆ เสด็จแม่ย่อมต้องเดือดร้อนมิใช่หรือ? ตราบใดที่ท่านยอมให้หม่อมฉันเข้าไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างใน ท่านสามา
ฮองเฮายังคงเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของนางนางเห็นด้วยตาตัวเองว่าหลังจากฉินเหยี่ยนเย่ว์ทำบางอย่างกับเจ้าสิบแล้ว เจ้าสิบก็คายอัลมอนด์ออกมาอัลมอนด์ลูกใหญ่ติดอยู่ในลำคอของเจ้าสิบ แน่นอนว่ามันทำให้หายใจไม่ออกเป็นแน่หลังจากพ่นอัลมอนด์ออกมา ลมหายใจของเจ้าสิบก็มั่นคงขึ้น และใบหน้าที่ม่วงเขียวของเขาก็ค่อยๆ กลับ
ไม่ว่าผลสรุปออกมาเป็นแบบไหน ล้วนแต่เป็นอันตรายถึงชีวิตทั้งนั้นฉินเหยี่ยนเย่ว์ยิ้มเยาะเย้ยออกมาในทันที ดูเหมือนว่านางจะต้องไปพูดคุยกับหมอหลวงหน่อยเสียแล้วหมอหลวงที่รู้สึกได้ถึงการจ้องมองของฉินเหยี่ยนเย่ว์นั้น พลันตัวสั่นเทาไปในทันที ก่อนจะรีบถอยกายกลับไปหลังจากที่ฝูงชนที่เหลือจากไปแล้วนั้น หลงเหลื
"เด็กน้อย" ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่ถอนหายใจออกมา "มีบางอย่างที่เจ้ายังไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ ดังนั้นอย่านึกฝืนตัวเองเลย การเติบโตขึ้นถือเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดสำหรับเจ้า"ตงฟางอิงที่มีท่าทีโศกเศร้าเช่นนี้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รู้ว่าจะปลอบเขาอย่างไรดีหลังจากมารดาของตนเองสิ้นใจเขากลับต้องมาอาศัยอยู่กับมา
ครั้นนางปรากฏตัวก็แทบจะดึงดูดสายตาของทุกคนสุดท้ายแล้ว การทุบตีแม่นมข้างกายฮองเฮาในที่สาธารณะ ทั้งยังบังคับให้ฮองเฮากำจัดแม่นมทั้งสองทิ้งนั้น เรื่องที่ใจกล้าบ้าบิ่นพรรค์นี้ ก็เป็นคนเสียสติคนนี้เท่านั้นที่ทำได้มิมีผู้ใดเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้อง ทว่าข่าวที่ว่าองค์ชายสิบได้รับการช่วยชีวิตนั้นแพร่กร
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได
เฉียนอ๋องทนไม่ไหวจึงกระอักเลือดออกมาเต็มปากในเลือดนั้น ยังพาให้ฟันขาวหลุดออกมาฟันตรงนั้นเต็มไปด้วยเลือด กลิ้งไปบนพื้นหลายรอบก่อนจะหยุดลงขากรรไกรของเฉียนอ๋องได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถปิดปากได้ชั่วขณะ เลือดและน้ำลายไหลลงมาไม่หยุด น่าคลื่นไส้นัก“ถุย ผู้หญิงอำมหิต เจ้ากำเริบเสิบสานได้ไม่นานหรอก คอยดูเถ
เฉียนอ๋องเพิ่งถูกเฆี่ยนไปเพียงไม่กี่ครั้ง เขาก็เจ็บปวดจนมีเหงื่อกาฬเม็ดใหญ่ไหลออกมา“ดูเหมือนท่านจะรู้สึกตัวแล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองใบหน้าซีดเผือดของเฉียนอ๋อง และออกแรงมากขึ้น “ข้าโรยบางอย่างลงบนแส้นิดหน่อย”“เมื่อแส้พบเลือด ความเจ็บปวดของท่านจะทวีคูณขึ้น และเมื่อข้าเฆี่ยนท่านหนึ่งแส้ ท่านจะเจ็บปวดไ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์นึกถึงท่าทางที่น่าสงสารขณะที่หายใจรวยรินของเซียวเซี่ยงหวั่นนึกถึงความทรมานอันไร้มนุษยธรรมที่เซียวเซียงหวั่นต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในช่วงเวลานี้...ไม่เพียงแค่เซียวเซี่ยงหวั่นเท่านั้นยังมีหญิงสาวคนอื่น ๆ เสียชีวิตอยู่ในห้องลับแห่งนี้ด้วยเดิมพวกนางอยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ
หลังจากพลิกสถานการณ์กลับแล้ว เขาจะต้องทำให้นางเสียใจที่ได้เกิดมาเป็นสตรี!เฉียนอ๋องหลุบสายตาลง และหาโอกาสที่เหมาะสมถือโอกาสตอนที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เข้ามาใกล้ จึงใช้มือข้างที่เหลืออยู่ลอบโจมตีไปฉินเหยี่ยนเย่ว์จับความเคลื่อนไหวของเขาได้นานแล้วคนชั่วร้ายวิปริตเช่นเฉียนอ๋อง ไม่มีคำว่าน่ารังเกียจที่สุด ม
สีหน้าเฉียนอ๋องดูน่าเกลียดมากเขากำหมัดแน่น เส้นเลือดปูดโปน และจ้องมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยความมาดร้าย“ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้าทะนงตนเกินไปหรือไม่? ร่างกายเจ้า ข้าได้ตรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่มียาพิษอยู่เลย เจ้าอย่าพยายามขู่ข้า”“สิ่งที่ท่านคิดนั้นเป็นเพียงสิ่งที่ท่านคิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “การใช้สมองอ
“เจ้าทำอะไร?” ขาของเฉียนอ๋องชาไร้ความรู้สึก และไม่สามารถขยับได้ จึงต้องคุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ และต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อื่น ความหวาดกลัวในก้นบึ้งหัวใจจึงยิ่งแข็งแกร่งขึ้น“เจ้าเป็นมนุษย์หรือผี? ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่?” เสียงของเฉียนอ๋องแหลมยิ่งนัก“ท่านคิด
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เต็มตื้นไปด้วยอารมณ์หลากหลายนางคิดเสมอว่าปู่เป็นชายชราขี้งกที่ไม่ยอมทิ้งแม้แต่ถุงเท้าขาด ๆเขาไม่ต่างอะไรจากชายชราข้างบ้านที่เล่นไพ่ ดื่มชา สวมรองเท้าแตะ และกางเกงขาสั้นทุกวันเลยหลังมาถึงที่นี่แล้วจึงได้รู้ ทุกสิ่งที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ซึ่งนำโดยชายชราทำนั้นยิ่งใหญ่เพียงใดหากผลการวิจั
เวลาเดียวกับที่เช็ดเลือดออก ได้ใส่ยาห้ามเลือด และในเวลาเดียวกันก็ฉีดยาฉุกเฉินเช่น ยากระตุ้นหัวใจอาการของเซียวเซี่ยงหวั่นค่อนข้างแย่แม้จะได้รับการรักษาฉุกเฉินแล้ว แต่การหายใจของนางยังคงอ่อนแรงมากโดยเฉพาะมือและเท้าเริ่มแข็ง ทำให้ไม่สามารถวัดชีพจรได้สิ่งที่เร่งด่วนที่สุด ทำได้เพียงตรวจคลื่นไฟฟ้าหัว