คุณหนูหยูหงลี่วางแผนการณ์มานับเดือนเพื่อต้องการเผด็จศึกท่านอ๋องแปดซีเฉินอี้ให้ได้ เพราะนางหลงรักเขามานานปีแล้วแต่เขาก็มิเคยสนใจใยดีนาง ทุ่มเทติดตามเขา หากท่านอ๋องแปดไปงานเลี้ยงที่ใด นางมักจะไปเสมอพยายามไปวนเวียนข้างๆเขาไม่ห่าง หาโอกาสสนทนากับเขาแม้จะดูออกว่าเขาก็มิอยากจะสนทนากับนางเลย ถามคำก็มักจะตอบคำหรือทำเป็นไม่ได้ยิน และพยายามหลีกหนีไปทันทีเมื่อมีโอกาส
แต่หงลี่ที่ถือคติตื้อเท่านั้นที่ได้ครอง ขุนเขาสูงเพียงใดหากเรามุ่งมั่นก็ย่อมมีวันไปถึง จึงได้ไม่เคยละความพยายามนางหาโอกาสไปพบเขาเสมอ คอยกีดกันคุณหนูจวนอื่นๆไม่ให้ใกล้ชิดกับเขาได้ง่ายๆ บางครั้งถึงกับตบตีกันแต่นางก็ไม่เคยหวั่น จนเรื่องที่นางและคุณหนูผู้มีความมุ่งมั่นดังเช่นนางและคาดว่าคงจะถือคติเดียวกันนั้น มักจะปะทะกันเสมอเมื่อพบหน้ากัน ทั้งในงานเลี้ยงที่มีท่่านอ๋องแปดอยู่ด้วย หรืองานเลี้ยงนั้น หรือสถานที่นั้นไม่มีร่างของเขาปรากฎเลยก็ตาม
เมื่อสตรีที่มีความมุ่งหมายเดียวกันคือตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องแปดซีเฉินอี้ผู้นี้มาพบกัน หากที่ร้ายกาจพอสูสีก็จะปะทะกันอย่างไม่เกรงกลัวคำครหา ทุ่มเทความพยายามจะจับปลาใหญ่ตัวนี้ให้ได้ แต่ที่เขินอายและอ่อนแอก็จำต้องยอมถอยออกไปตามระเบียบ เพราะไม่กล้าปะทะกับเหล่าสตรีที่ร้ายกาจจนคนลือเหล่านี้ จนกระทั่งเหลือเพียงคุณหนูหยูหงลี่บุตรีเสนาบดีหยูหงเซิง และคุณหนูตระกูลขุนนางอีกเพียงสองสามคนที่ยังไม่ละความพยายามในการรบรากับคุณหนูหยู แต่ก็มีสตรีอีกผู้หนึ่งที่ไม่แสดงออกถึงความร้ายกาจ นางแสดงความอ่อนหวานต่อหน้าผู้อื่นเสมอ เป็นสตรีที่เพียบพร้อมศาสตร์ทั้งสี่และความงามของนางก็ไม่เป็นรองผู้ใด คือคุณหนูกู้ฟางเซียนบุตรีของท่านราชครูกู้ ที่ท่านอ๋องแปดก็พอจะทำใจยอมรับและคิดว่าเขาอาจจะเลือกนางเป็นพระชายาหากไม่มีตัวเลือกอื่น
เย็นวันงานเลี้ยงเพื่อฉลองชัยชนะที่กองทัพเพิ่งชนะศึกกลับมา จึงได้จัดงานเลี้ยงกันที่จวนแม่ทัพใหญ่ลู่ตงเหวิน บรรดาทหารทั้งหลาย ทั้งเหล่าแม่ทัพ นางกองแทบจะทุกตำแหน่งต่างก็ไปร่วมงานเลี้ยงนี้ รวมถึงราชวงศ์บางคน และขุนนางทั้งหลายและคหบดีพ่อค้าที่มักจะเกี่ยวข้องกับกองทัพและต้องการแสวงหาอำนาจและเส้นสายเพื่อการค้าบางอย่าง ก็ต่างพร้อมใจกันไปร่วมงานเลี้ยงนี้ และท่านอ๋องแปดซีเฉินอีและท่านอ๋องบางคนกับองค์ชายอีกสองสามคนก็ไปร่วมงานเลี้ยงฉลองนี้ด้วยเช่นกัน คุณหนูหยูหงลี่ก็ไปกับบิดาของนางเช่นเคย ทุกงานเลี้ยงที่มีท่านอ๋องแปดไปด้วย ส่วนมากแล้วนางจะต้องพยายามไปให้ได้ และครั้งนี้ยิ่งเป็นครั้งสำคัญที่นางอุตส่าห์วางแผนการณ์มาเกือบจะหนึ่งเดือนแล้ว ทบทวนแผนการณ์ไปมาอยู่หลายๆครั้งและคิดว่าครั้งนี้คงจะสำเร็จอย่างแน่นอน
และคุณหนูอีกสองสามคนรวมถึงคุณหนูกู้ฟางเซียนก็ย่อมต้องมาร่วมงานเลี้ยงนี้อย่างแน่นอน ไม่มีทางจะพลาดไปได้ เพราะตอนนี้ใกล้เวลาที่จะถึงวันคัดเลือกพระชายาของท่านอ๋องแปดแล้ว เช่่นนั้นยิ่งต้องรีบมาเพื่อแสดงตัวให้ท่านอ๋องเห็นบ่อยๆ เพื่อท่านอ๋องจะได้จดจำพวกนางได้ และจะได้มีโอกาสที่จะได้รับการคัดเลือก ทุกๆคนต่างแต่งกายมาอย่างงดงามที่สุด เพื่อจะให้เป็นที่สะดุดตาและสังเกตุเห็นได้อย่างง่ายดาย
เมื่อสองพ่อลูกตระกูลหยูมาถึงงานเลี้ยงและเข้าไปทักทายแม่ทัพใหญ่และร่วมสนทนากับเหล่าทหารชั้นผู้ใหญ่ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ สหายของบิดาของนางแล้ว จึึงได้แยกย้ายกันไปนั่งประจำยังที่นั่งของตนเองที่มีการจัดเอาไว้แล้ว เมื่อทุกคนประจำที่นั่งที่ในบริเวณด้้านหน้าเรือนหลัก ส่วนทหารที่มีชั้นยศที่น้อยๆก็ออกไปร่วมงานเลี้ยงยังบริเวณสนามที่กว้างขวางที่มีการจัดโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ไว้ให้เหล่าทหารไปเลือกหยิบอาหารหลากหลายที่จัดวางเอาไว้อย่างมากมาย ทั้งอาหารรสเลิศชั้นดีสั่งมาจากเหลาและสุราชั้นดีเช่นกัน ผลไม้และขนมก็มากมายเต็มไปหมด เสียงหัวเราะเสียงพูดคุยก็ดังขึ้นอย่างคึกคัก จนทั่วบริเวณงานเลี้ยงที่ลานกว้างหน้าเรือนหลักของแม่ทัพใหญ่
เมื่อคุณหนูหยูหงลี่ทรุดนั่งลงข้างๆบิดาของนางเรียบร้อยแล้ว ดวงตาเรียวยาวที่ได้รูปรับกับคิ้วโก่งของนางก็กวาดตามองหาท่านอ๋องบุรุษในดวงใจเช่นเคย ทันทีที่เห็นเขานั่งอยู่ประจำตำแหน่งกับเหล่าพี่น้องของเขา และถัดมาเป็นท่านแม่ทัพใหญ่และแม่ทัพทั้งหลาย และเหล่าขุนนางทั้งหลายที่นั่งกันตามลำดับที่นั่งของแต่ละคน หงลี่ก็คอยมองไปที่เขาเป็นระยะ แต่เขาก็เช่นเคยมิเคยมองมาที่นางเลย
แต่วันนี้มีอีกอย่างที่คุณหนูหยูหงลี่รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปก็คือสายตาของท่านอ๋องแปดคอยวนเวียนไปที่คุณหนูกู้ฟางเซียนเสมอๆ และหงลี่เห็นพวกเขาสบตากันหวานฉ่ำเหมือนส่งสัญญาณว่าพึงใจกันและกันทางสายตา และตลอดเวลาที่นั่งร่วมในงานเลี้ยงได้พักใหญ่มาแล้วนั้น คุณหนูหยูก็เห็นพวกเขาส่งสายตาให้กันเสมอๆหลายๆครั้ง นางยกสุราตรงหน้าของตนเองขึ้นมาดื่มรวดเดียวหลายๆจอกแล้ว และสายตาก็ยังคงคอยมองไปที่ทั้งสองคนนั่นและก็ยังคงเห็นพวกเขาสบตากันหวานฉ่ำอยู่เรื่อยๆ
เมื่อคุณหนูหยูแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่นางเห็นนั้นชัดเจนว่าท่านอ๋องแปดคงจะมีใจให้กับคุณหนูกู้ฟางเซียนบุตรีของท่านราชครูกู้อย่างแน่นอนแล้ว นางรู้สึกเจ็บแปลบอย่างมากมายที่กลางอก น้ำตาไหลซึมออกมาเล็กน้อย แต่นางพยายามอดกลั้นเอาไว้ เมื่อก่อนนางคิดมาเสมอว่าเขานั้นเป็นบุรุษที่เฉยชาไม่สนใจสตรีผู้ใดเลย เพราะเขาทำตัวเช่นนั้นมาเสมอ
นางเฝ้าติดตามเขามานานปีไม่เคยเห็นเขาสนใจสตรีใดเลย ไม่เคยมองสตรีด้วยดวงตาหวานฉ่ำอย่างที่นางก็เพิ่งจะเคยเห็นเขาทำเป็นคราแรก นางคิดว่าอีกไม่นานก็จะถึงวันที่เขาจะคัดเลือกพระชายาแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ เขาคงจะเลือกบุตรีของท่านราชครูผู้นี้เป็นแน่ แล้วบุตรีเสนาบดีเช่นนางก็คงจะถูกมองข้ามเช่นเคย เพราะที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยจะสนใจใยดีนางอยู่แล้ว ยิ่งมาพึงใจสตรีอื่นให้เห็นเช่นนี้ แสดงว่าเขาก็คงจะตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกสตรีจวนใดมาเป็นพระชายา
หงลี่พยายามกลั้นน้ำตาที่มันพร้อมจะรินไหลลงมาเมื่อนางได้ประจักษ์แน่แก่ใจของตนเองว่าเขามิได้เลือกนาง เขาไม่เคยจะคิดเลือกนาง และต่อไปเขาก็คงจะไม่เลือกนางเช่นเดิม คนไม่รักก็คือไม่รัก นางจะไปบังคับจิตใจผู้อื่นได้เช่นไร สายตาของเขาไม่เคยมีนางเลย ตอนนี้ก็ยังคงไม่มีนางในสายตา และยิ่งต่อไปก็คงไม่มีทางจะมี เมื่อนางรู้อยู่แก่ใจเช่นนี้แล้ว ก็สมควรจะยกเลิกแผนการณ์ที่วางเอาไว้เสีย นางมิอยากจะบังคับใจผู้ใด
เมื่อคุณหนูหยูคิดสรุปกับตนเองได้เช่นนี้แล้ว จึงได้ยกเลิกแผนการณ์ที่จะพิชิตอ๋องหนุ่มในวันนี้ลง “ ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกขอออกไปเดินเล่นสักหน่อย คงจะกินอิ่มมากจนเกินไปเจ้าคะ รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน ” นางเอ่ยบอกบิดาของตน ท่านเสนาบดีหยูพยักหน้า “ ถ้าเช่นนั้นก็ไปเถิด ไม่ต้องรีบร้อน เดินเล่นชมสวนที่จวนแม่ทัพใหญ่ก่อนก็ได้ หรือจะไปสนทนากับสหายวัยเดียวกันก็ได้ เพราะพ่อคงจะร่ำสุรากับสหายอีกนาน ” หงลี่หันไปรับคำบิดา “ เจ้าค่ะท่านพ่อ ” แล้วนางลุกขึ้นเดินออกไปจากที่นั่งของตนเองโดยที่มิได้เหลียวไปมองท่านอ๋องหนุ่มที่นางเคยหลงรักเขาอย่างมากมาย ด้านอ๋องหนุ่มเขามองตามหลังสตรีที่เคยมาวุ่นวายกับเขาจนเขาแสนจะรำคาญเหลือแสน วันนี้เขาจึงได้วางแผนเพื่อจะให้นางเห็นว่าเขามีใจให้สตรีอื่น นางจะได้เลิกวุ่นวายตามตอแยเขาเสียที เมื่อเขารู้ว่านางจับจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงได้หันไปส่งสายตาให้กับคุณหนูกู้ฟางเซียนบุตรีท่านราชครูหลาย ๆ ครั้ง และแอบมองคุณหนูหยูหงลี่ไปด้วยว่านางจะเห็นสิ่งที่เขากำลังทำหรือไม่ แต่แล้วริมฝีปากหนาก็ยกยิ้มอย่างสมใจ เพราะเขาเห็นนางจ้องมองมาหลาย ๆ ครั้งเขาแน่ใจว่านางต้องเห็นแล้วว่าเขาส่งสายตาหวานฉ่ำให้กั
เมื่อคุณหนูหยูหงลี่ได้ยินเรื่องที่เขาต่อว่า นางก็ทำหน้างงงันจนลืมไปว่าขณะนี้กายของตนเองนั้นเปลือยเปล่าไม่มีสิ่งใดปกปิดเลยแม้แต่น้อย นางโมโหที่อยู่ๆเขาก็มาต่อว่าเรื่องที่นางไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย จึงได้เถียงเขาคอเป็นเอ็น “ ท่านอ๋องแปด หม่อมฉันมิได้รู้เรื่องอันใดเลยนะเพคะ หม่อมฉันว่ายน้ำอยู่ดีๆพระองค์ก็มาต่อว่าหม่อมฉัน ”อ๋องหนุ่มยกยิ้มเหยียดอย่างจะเยาะหยันนาง “ หญิงแพศยา ทำเรื่องต่ำช้าวางยาบุรุษแล้วยังหน้าซื่อ บอกว่าไม่รู้เรื่องอีกหรือ หากหญิงร้ายกาจเช่นเจ้าไม่ได้ทำ แล้วจะมีผู้ใดทำได้เล่า คงอยากจะได้เปิ่นหวางเป็นสามีจนตัวสั่น ถึงกับกล้าทำเรื่องเช่นนี้ ”อ๋องหนุ่มยังคงต่อว่านางเขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าหงลี่ไม่ได้ทำเรื่องนี้ อดีตคุณหนูผู้ร้ายกาจจนคนลือที่ผ่านมานางก็ทำเรื่องวุ่นวายหลายเรื่องก็จริงอยู่ แต่คราวนี้นางไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่วางแผนการณ์ไว้เท่านั้นแต่ก็ยังไม่ได้ลงมือทำสิ่งใด เขาจะมาโทษนางเช่่นนี้ไม่ได้ “ เอ๊ะ !! ท่านอ๋องพูดไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร หม่อมฉันก็บอกอยู่นี่ว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ ก็ยังจะมากล่าวหากันอีก ” อ๋องหนุ่มจ้องมองใบหน้าหวานที่บึ้งตึงขึ้นไม่น้อย นางยังกล้าเถี
อ๋องหนุ่มประคองร่างอวบไว้ในอ้อมแขน เขาจ้องมองขณะที่นางโยกสะโพกอวบรับนิ้วแกร่งของเขาที่กระแทกนางเข้าออกอย่างรุนแรงและเร่งความเร็วจนกระทั่งสะโพกอวบของนางกระตุกเกร็งแล้วปลดปล่อยน้ำรักออกมาอย่างมากมาย นางสุขสมให้เขาเห็น ตอนที่นางปลดปล่อยตนเองไปตามอารมณ์ราคะที่เพิ่มขึ้นสูงจนหลงลืมความอับอายไปจนสิ้น นางร่าน นางร้อนถึงใจเขายิ่งนัก ยิ่งทำให้อ๋องหนุ่มอารมณ์เตลิดจนกู่ไม่กลับเขายกเจ้าลูกชายที่ตอนนี้ขยายใหญ่จนพองเกือบจะเต็มที่แล้ว หัวบานของมันมีน้ำรักปริ่มจนไหลยืดออกมาด้วยเขารู้สึกเสียวยิ่งนัก ยิ่งเห็นนางร่านร้อนเช่นนี้ทำอารมณ์เขาเตลิดไปหมด เขาค่อยๆสอดเจ้าลูกชายตาเดียวของเขาเข้าไปในร่องอวบของคุณหนูหยูหงลี่ช้าๆ เขารู้ว่าแม้นางจะร่านร้อนถูกอกถูกใจเขาเหลือเกิน แต่นางยังไม่เคยชาย ร่องอวบของนางนั้นยังคับแน่นจนมันตอดรัดนิ้วแกร่งของเขาจนเจ็บ แต่เขาก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว อยากจะรักนางแทบจะขาดใจ หากวันนี้เขาไม่ได้กระแทกนางเขาต้องขาดใจอย่างแน่นอน อ๋องหนุ่มไม่สนใจแล้วว่านางจะร้ายกาจ หรือเขาจะรังเกียจไม่อยากจะได้นางเป็นชายา เขารู้ดีว่าหากเขากระแทกนางจนสมใจของเขาในวันนี้แล้วจะต้องรับนางเป็นเมียอย่างแน่นอนคงจะหล
เมื่อเดินมาถึงด้านหน้า พบมีบ่าวไพร่อีกไม่กี่คนกำลังช่วยเก็บกวาดข้าวของที่เกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว อ๋องหนุ่มจึงได้เดินออกไปที่ประตูจวนแล้วเดินออกไปมองหารถม้าของตนเองที่จอดหลบมุมอยู่ องครักษ์ที่รีรอนายของตนอยู่ไม่ไกลรีบวิ่งมาหา “ ท่านอ๋องหายไปไหนมาพะยะคะ ทั้งงานวุ่นวายตามหาบุตรีของเสนาบดีหยูเห็นว่านางหายไป และพอดีท่านอ๋องก็หายไปด้วย แต่ท่านเสนาบดีเกิดนึกขึ้นมาได้ว่าบุตรสาวขออนุญาติออกไปเดินเล่นเพราะนางรู้สึกไม่ค่อยสบายจึงคิดว่านางอาจจะกลับไปกับสหายคนใดของนางก็เป็นได้ จึงได้รีบกลับจวนไปตามหานางพะยะคะ ส่วนท่านอ๋องที่หายไปเหมือนกันแต่องค์ชายสามบอกว่าท่านอ๋องติดราชกิจด่วนเพิ่งจะออกไป จึงได้รอดพ้นข้อสงสัยว่าท่านอ๋องจะหายไปกับคุณหนูหยู แต่.. ” องครักษ์หนุ่มชะงักไป เขาหยุดวาจาที่กำลังรายงานนายของตนแล้วก้มลงมองร่างอวบของคุณหนูหยูที่อยู่ในอ้อมแขนของเจ้านายของเขา คล้ายดังกับว่านางและท่านอ๋องหายไปด้วยกันสองต่อสองเกือบสองชั่วยาม องครักษ์หนุ่มไม่อยากจะคิดเรื่องต่อจากนี้ จึงได้แต่ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อแต่ไม่กล้าปริปากออกไปอย่างที่ใจคิด “ ไม่ต้องพูดมาก รีบกลับตำหนักกันก่อนดึกมากแล้ว ” เขาเอ่ยขัดจัง
เมื่อเดินมาถึงด้านหน้า พบมีบ่าวไพร่อีกไม่กี่คนกำลังช่วยเก็บกวาดข้าวของที่เกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว อ๋องหนุ่มจึงได้เดินออกไปที่ประตูจวนแล้วเดินออกไปมองหารถม้าของตนเองที่จอดหลบมุมอยู่ องครักษ์ที่รีรอนายของตนอยู่ไม่ไกลรีบวิ่งมาหา “ ท่านอ๋องหายไปไหนมาพะยะคะ ทั้งงานวุ่นวายตามหาบุตรีของเสนาบดีหยูเห็นว่านางหายไป และพอดีท่านอ๋องก็หายไปด้วย แต่ท่านเสนาบดีเกิดนึกขึ้นมาได้ว่าบุตรสาวขออนุญาติออกไปเดินเล่นเพราะนางรู้สึกไม่ค่อยสบายจึงคิดว่านางอาจจะกลับไปกับสหายคนใดของนางก็เป็นได้ จึงได้รีบกลับจวนไปตามหานางพะยะคะ ส่วนท่านอ๋องที่หายไปเหมือนกันแต่องค์ชายสามบอกว่าท่านอ๋องติดราชกิจด่วนเพิ่งจะออกไป จึงได้รอดพ้นข้อสงสัยว่าท่านอ๋องจะหายไปกับคุณหนูหยู แต่.. ” องครักษ์หนุ่มชะงักไป เขาหยุดวาจาที่กำลังรายงานนายของตนแล้วก้มลงมองร่างอวบของคุณหนูหยูที่อยู่ในอ้อมแขนของเจ้านายของเขา คล้ายดังกับว่านางและท่านอ๋องหายไปด้วยกันสองต่อสองเกือบสองชั่วยาม องครักษ์หนุ่มไม่อยากจะคิดเรื่องต่อจากนี้ จึงได้แต่ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อแต่ไม่กล้าปริปากออกไปอย่างที่ใจคิด “ ไม่ต้องพูดมาก รีบกลับตำหนักกันก่อนดึกมากแล้ว ” เขาเอ่ยขัดจัง
อ๋องหนุ่มประคองร่างอวบไว้ในอ้อมแขน เขาจ้องมองขณะที่นางโยกสะโพกอวบรับนิ้วแกร่งของเขาที่กระแทกนางเข้าออกอย่างรุนแรงและเร่งความเร็วจนกระทั่งสะโพกอวบของนางกระตุกเกร็งแล้วปลดปล่อยน้ำรักออกมาอย่างมากมาย นางสุขสมให้เขาเห็น ตอนที่นางปลดปล่อยตนเองไปตามอารมณ์ราคะที่เพิ่มขึ้นสูงจนหลงลืมความอับอายไปจนสิ้น นางร่าน นางร้อนถึงใจเขายิ่งนัก ยิ่งทำให้อ๋องหนุ่มอารมณ์เตลิดจนกู่ไม่กลับเขายกเจ้าลูกชายที่ตอนนี้ขยายใหญ่จนพองเกือบจะเต็มที่แล้ว หัวบานของมันมีน้ำรักปริ่มจนไหลยืดออกมาด้วยเขารู้สึกเสียวยิ่งนัก ยิ่งเห็นนางร่านร้อนเช่นนี้ทำอารมณ์เขาเตลิดไปหมด เขาค่อยๆสอดเจ้าลูกชายตาเดียวของเขาเข้าไปในร่องอวบของคุณหนูหยูหงลี่ช้าๆ เขารู้ว่าแม้นางจะร่านร้อนถูกอกถูกใจเขาเหลือเกิน แต่นางยังไม่เคยชาย ร่องอวบของนางนั้นยังคับแน่นจนมันตอดรัดนิ้วแกร่งของเขาจนเจ็บ แต่เขาก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว อยากจะรักนางแทบจะขาดใจ หากวันนี้เขาไม่ได้กระแทกนางเขาต้องขาดใจอย่างแน่นอน อ๋องหนุ่มไม่สนใจแล้วว่านางจะร้ายกาจ หรือเขาจะรังเกียจไม่อยากจะได้นางเป็นชายา เขารู้ดีว่าหากเขากระแทกนางจนสมใจของเขาในวันนี้แล้วจะต้องรับนางเป็นเมียอย่างแน่นอนคงจะหล
เมื่อคุณหนูหยูหงลี่ได้ยินเรื่องที่เขาต่อว่า นางก็ทำหน้างงงันจนลืมไปว่าขณะนี้กายของตนเองนั้นเปลือยเปล่าไม่มีสิ่งใดปกปิดเลยแม้แต่น้อย นางโมโหที่อยู่ๆเขาก็มาต่อว่าเรื่องที่นางไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย จึงได้เถียงเขาคอเป็นเอ็น “ ท่านอ๋องแปด หม่อมฉันมิได้รู้เรื่องอันใดเลยนะเพคะ หม่อมฉันว่ายน้ำอยู่ดีๆพระองค์ก็มาต่อว่าหม่อมฉัน ”อ๋องหนุ่มยกยิ้มเหยียดอย่างจะเยาะหยันนาง “ หญิงแพศยา ทำเรื่องต่ำช้าวางยาบุรุษแล้วยังหน้าซื่อ บอกว่าไม่รู้เรื่องอีกหรือ หากหญิงร้ายกาจเช่นเจ้าไม่ได้ทำ แล้วจะมีผู้ใดทำได้เล่า คงอยากจะได้เปิ่นหวางเป็นสามีจนตัวสั่น ถึงกับกล้าทำเรื่องเช่นนี้ ”อ๋องหนุ่มยังคงต่อว่านางเขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าหงลี่ไม่ได้ทำเรื่องนี้ อดีตคุณหนูผู้ร้ายกาจจนคนลือที่ผ่านมานางก็ทำเรื่องวุ่นวายหลายเรื่องก็จริงอยู่ แต่คราวนี้นางไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่วางแผนการณ์ไว้เท่านั้นแต่ก็ยังไม่ได้ลงมือทำสิ่งใด เขาจะมาโทษนางเช่่นนี้ไม่ได้ “ เอ๊ะ !! ท่านอ๋องพูดไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร หม่อมฉันก็บอกอยู่นี่ว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ ก็ยังจะมากล่าวหากันอีก ” อ๋องหนุ่มจ้องมองใบหน้าหวานที่บึ้งตึงขึ้นไม่น้อย นางยังกล้าเถี
เมื่อคุณหนูหยูคิดสรุปกับตนเองได้เช่นนี้แล้ว จึงได้ยกเลิกแผนการณ์ที่จะพิชิตอ๋องหนุ่มในวันนี้ลง “ ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกขอออกไปเดินเล่นสักหน่อย คงจะกินอิ่มมากจนเกินไปเจ้าคะ รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน ” นางเอ่ยบอกบิดาของตน ท่านเสนาบดีหยูพยักหน้า “ ถ้าเช่นนั้นก็ไปเถิด ไม่ต้องรีบร้อน เดินเล่นชมสวนที่จวนแม่ทัพใหญ่ก่อนก็ได้ หรือจะไปสนทนากับสหายวัยเดียวกันก็ได้ เพราะพ่อคงจะร่ำสุรากับสหายอีกนาน ” หงลี่หันไปรับคำบิดา “ เจ้าค่ะท่านพ่อ ” แล้วนางลุกขึ้นเดินออกไปจากที่นั่งของตนเองโดยที่มิได้เหลียวไปมองท่านอ๋องหนุ่มที่นางเคยหลงรักเขาอย่างมากมาย ด้านอ๋องหนุ่มเขามองตามหลังสตรีที่เคยมาวุ่นวายกับเขาจนเขาแสนจะรำคาญเหลือแสน วันนี้เขาจึงได้วางแผนเพื่อจะให้นางเห็นว่าเขามีใจให้สตรีอื่น นางจะได้เลิกวุ่นวายตามตอแยเขาเสียที เมื่อเขารู้ว่านางจับจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงได้หันไปส่งสายตาให้กับคุณหนูกู้ฟางเซียนบุตรีท่านราชครูหลาย ๆ ครั้ง และแอบมองคุณหนูหยูหงลี่ไปด้วยว่านางจะเห็นสิ่งที่เขากำลังทำหรือไม่ แต่แล้วริมฝีปากหนาก็ยกยิ้มอย่างสมใจ เพราะเขาเห็นนางจ้องมองมาหลาย ๆ ครั้งเขาแน่ใจว่านางต้องเห็นแล้วว่าเขาส่งสายตาหวานฉ่ำให้กั
คุณหนูหยูหงลี่วางแผนการณ์มานับเดือนเพื่อต้องการเผด็จศึกท่านอ๋องแปดซีเฉินอี้ให้ได้ เพราะนางหลงรักเขามานานปีแล้วแต่เขาก็มิเคยสนใจใยดีนาง ทุ่มเทติดตามเขา หากท่านอ๋องแปดไปงานเลี้ยงที่ใด นางมักจะไปเสมอพยายามไปวนเวียนข้างๆเขาไม่ห่าง หาโอกาสสนทนากับเขาแม้จะดูออกว่าเขาก็มิอยากจะสนทนากับนางเลย ถามคำก็มักจะตอบคำหรือทำเป็นไม่ได้ยิน และพยายามหลีกหนีไปทันทีเมื่อมีโอกาสแต่หงลี่ที่ถือคติตื้อเท่านั้นที่ได้ครอง ขุนเขาสูงเพียงใดหากเรามุ่งมั่นก็ย่อมมีวันไปถึง จึงได้ไม่เคยละความพยายามนางหาโอกาสไปพบเขาเสมอ คอยกีดกันคุณหนูจวนอื่นๆไม่ให้ใกล้ชิดกับเขาได้ง่ายๆ บางครั้งถึงกับตบตีกันแต่นางก็ไม่เคยหวั่น จนเรื่องที่นางและคุณหนูผู้มีความมุ่งมั่นดังเช่นนางและคาดว่าคงจะถือคติเดียวกันนั้น มักจะปะทะกันเสมอเมื่อพบหน้ากัน ทั้งในงานเลี้ยงที่มีท่่านอ๋องแปดอยู่ด้วย หรืองานเลี้ยงนั้น หรือสถานที่นั้นไม่มีร่างของเขาปรากฎเลยก็ตามเมื่อสตรีที่มีความมุ่งหมายเดียวกันคือตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องแปดซีเฉินอี้ผู้นี้มาพบกัน หากที่ร้ายกาจพอสูสีก็จะปะทะกันอย่างไม่เกรงกลัวคำครหา ทุ่มเทความพยายามจะจับปลาใหญ่ตัวนี้ให้ได้ แต่ที่เขินอายและอ