เมื่อคุณหนูหยูคิดสรุปกับตนเองได้เช่นนี้แล้ว จึงได้ยกเลิกแผนการณ์ที่จะพิชิตอ๋องหนุ่มในวันนี้ลง “ ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกขอออกไปเดินเล่นสักหน่อย คงจะกินอิ่มมากจนเกินไปเจ้าคะ รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน ” นางเอ่ยบอกบิดาของตน ท่านเสนาบดีหยูพยักหน้า “ ถ้าเช่นนั้นก็ไปเถิด ไม่ต้องรีบร้อน เดินเล่นชมสวนที่จวนแม่ทัพใหญ่ก่อนก็ได้ หรือจะไปสนทนากับสหายวัยเดียวกันก็ได้ เพราะพ่อคงจะร่ำสุรากับสหายอีกนาน ” หงลี่หันไปรับคำบิดา “ เจ้าค่ะท่านพ่อ ” แล้วนางลุกขึ้นเดินออกไปจากที่นั่งของตนเองโดยที่มิได้เหลียวไปมองท่านอ๋องหนุ่มที่นางเคยหลงรักเขาอย่างมากมาย
ด้านอ๋องหนุ่มเขามองตามหลังสตรีที่เคยมาวุ่นวายกับเขาจนเขาแสนจะรำคาญเหลือแสน วันนี้เขาจึงได้วางแผนเพื่อจะให้นางเห็นว่าเขามีใจให้สตรีอื่น นางจะได้เลิกวุ่นวายตามตอแยเขาเสียที เมื่อเขารู้ว่านางจับจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงได้หันไปส่งสายตาให้กับคุณหนูกู้ฟางเซียนบุตรีท่านราชครูหลาย ๆ ครั้ง และแอบมองคุณหนูหยูหงลี่ไปด้วยว่านางจะเห็นสิ่งที่เขากำลังทำหรือไม่ แต่แล้วริมฝีปากหนาก็ยกยิ้มอย่างสมใจ เพราะเขาเห็นนางจ้องมองมาหลาย ๆ ครั้ง
เขาแน่ใจว่านางต้องเห็นแล้วว่าเขาส่งสายตาหวานฉ่ำให้กับคุณหนูกู้ฟางเซียน แต่เขาก็แปลกใจเล็กน้อยที่นางมิได้แสดงที่ท่าขัดเคืองไม่พอใจและอาละวาดเช่นเคย นางเพียงลุกออกไปเงียบๆ แล้วเดินตรงออกไปบริเวณสวนกว้างหน้าเรือนหลักของท่านแม่ทัพใหญ่โดยเลี่ยงไปทางอื่นที่ีไม่ใช่บริเวณที่กำลังจัดงานเลี้ยงอยู่ เขามองตามหลังนางไปจนลับสายตา เขาแปลกใจมากที่นางไม่สนใจจะหันมามองเขาตอนที่นางลุกออกไป และนางก็เดินไปโดยไม่หันกลับมามองทางเขาอีกเลย นางมุ่งเดินตรงไปที่สวนมืดๆนั่น เกิดอะไรขึ้นกับนาง หรือนางจะมีแผนการณ์ร้ายอะไรอีกหรือไม่ อ๋องแปดรู้สึกฉงนในใจเล็กน้อย
ในเมื่อคนที่เขาต้องการให้เห็นว่าเขามีใจให้คุณหนูกู้ฟางเซียนลุกออกไปแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องแสดงท่าทางของบุรุษที่กำลังจะเกี้ยวสาวงามอีก เขาทำตัวเช่นปกติ ยกสุราจิบแล้วก็หันไปสนทนากับเหล่าพี่น้องของเขาบ้าง สนทนากับเหล่าแม่ทัพทั้งหลาย ขุนนางผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ไม่ไกลบ้าง โดยไม่ได้หันมองไปทางคุณหนูกู้ฟางเซียนอีกเลย ซึ่งท่าทางที่เปลี่ยนไปกระทันหันของเขาเช่นนี้ทำให้คุณหนูกู้ที่หลงคิดไปว่าเขาพึงใจนาง จนส่งสายตาให้นางไม่ขาดระยะนั้นงุนงงไม่น้อยกับท่าทางที่เปลี่ยนไปกระทันหันของเขา นางหันไปมองเขาหลาย ๆ ครั้งมาก แต่เขาก็ไม่หันมาสนใจนางเช่นเมื่อครู่อีกเลย
ขณะที่ท่านอ๋องหนุ่มยกสุราขึ้นจิบเรืื่อย ๆนั้น สุรากานั้นมีคนรับใช้ของจวนแม่ทัพนำมาเติมให้ไม่ขาดระยะ แต่คนรับใช้ผู้นั้นรับเงินว่าจ้างจากคุณหนูเผยอันอันบุตรีของคหบดีเผยที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองหลวงนี้ เพื่อวางยาปลุกกำหนัดท่านอ๋องแปด และเมื่อเขาดื่มสุรานี้ไปได้ครู่หนึ่งก็ให้นำจดหมายน้อยของนางส่งให้เขา เพื่อที่เขาจะได้ออกมาพบนางที่เรือนเล็กข้างๆเรือนหลักนางจะรอเขาอยู่ที่นี่ นางเขียนจดหมายไปหลอกให้เขาออกมาพบโดยอ้างชื่อบิดาของนางมีเรื่องด่วนที่เป็นความลับต้องการปรึกษาเขาและห้ามบอกกับผู้ใด แต่เมื่อท่านอ๋องแปดดื่มไปได้เพียงครู่เขาก็ลุกออกไปทันที โดยที่สาวใช้ที่ได้รับการว่าจ้างนั้นยังไม่ได้ส่งจดหมายให้กับเขาเลยด้วยซ้ำ สาวใช้ผู้นั้นจึงได้แต่ทำท่าเลิกลั่กแล้วหันไปมา ด้วยมิรู้จะทำเช่นไร และไม่อาจจะแก้ไขสิ่งใดได้
ท่านอ๋องหนุ่มรู้สึกถึงความกำหนัดที่พุ่งขึ้นสูงและความร้อนรุ่มที่อยู่ ๆก็เกิดขึ้นอย่างมากมาย เขาคิดว่าเขาน่าจะถูกสตรีวางยาปลุกกำหนัดเข้าแล้ว และสตรีที่ร้ายกาจพอที่จะทำเรื่องเช่นนี้ เขาคิดออกอยู่ผู้เดียวคือคุณหนูหยูหงลี่ที่เดินออกไปจากงานเลี้ยงเมื่อครู่ เขาจึงได้รีบวิ่งออกมาจากงานเลี้ยงและใช้กำลังภายในเหาะไปให้เร็วยิ่งขึ้นเพื่อมุ่งตรงไปที่ลำธารเล็กด้านหลังจวนแม่ทัพใหญ่ที่มันอยู่เลยจากลานฝึกยุทธ์ด้านหลังจวนไปสักหน่อย เขาเคยไปที่นั่นมาแล้ว เมื่อครั้งที่มาฝึกยุทธ์ที่นี่เมื่อปีก่อน คราวนี้เขานึกถึงมันขึ้นมาได้จึงรีบมุ่งตรงไปที่นั่นทันที
ส่วนคุณหนูหยูหงลี่ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขา นางเพียงแค่ช้ำรักและเป็นหญิงอกหักที่ร้องไห้จนเจ็บแปลบที่กลางอกไปหมด และนางไม่อยากจะร้องไห้ให้ผู้อื่นเห็นจึงได้หลบออกมาจากบริเวณงานเลี้ยงและเดินร้องไห้มาเรื่อย ๆจนผ่านโรงครัวที่ยังคงมีบ่าวไพร่จัดเตรียมข้าวของกันอย่างขะมักขะเม้นนางจึงเดินเลี่ยงมาจนถึงลานฝึกยุทธ์และได้ยินเสียงน้ำไหลจึงได้เดินตามเสียงมาเรื่อย ๆจนพบลำธารสายหนึ่งนางจึงได้นั่งลงที่โขดหินและร้องไห้ออกมาอย่างอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป จนเมื่อร้องไห้จนสาแก่ใจตนเองแล้ว นางก็กลั้นสะอื้นและคิดได้ว่านางจะตัดใจจากท่านอ๋องแปดผู้นั้นแล้วจะหันไปมองบุรุษอื่นๆดูบ้าง บุรุษก็มีออกจะมากมายเช่นดังที่นางเห็นในงานเลี้ยงนี้เหตุใดต้องปักใจเพียงบุรุษผู้นั้นด้วย
เมื่อหงลี่คิดได้แล้ว และนางรู้สึกว่าตอนนี้อากาศร้อนอบอ้าวไม่น้อยหากได้แหวกว่ายน้ำเล่นก่อนจะกลับจวนคงจะดีไม่น้อยจึงได้ค่อย ๆ ถอดอาภรณ์ออกจนหมดแล้วกองไว้บนโขดหินข้างลำธารแล้วก็ลงแหวกว่ายเล่นไปมา นางรู้สึกสดชื่นสบายใจขึ้น แม้มันจะดูแผลงๆที่นางลงมาว่ายน้ำตอนกลางคืนเช่นนี้ แต่นางก็คิดว่าอย่างน้อยทุกคนต่างก็กำลังสนุกสนานอยู่ที่งานเลี้ยงคงไม่มีใครอุตริมาว่ายน้ำหรือมาทำอะไรที่ลำธารเช่นที่นางกำลังทำอยู่นี้หรอก แต่นั่นเป็นเพียงความคิดคำนึงของนางเพียงผู้เดียว เพราะอีกครู่ใหญ่ต่อมาร่างสูงสง่าของท่านอ๋องแปดก็มุ่งตรงมาที่ลำธารสายนี้เช่นกัน
เมื่อมาถึงเขารีบถอดอาภรณ์ออกอย่างรวดเร็วแล้วกระโดดลงไปในลำธารอย่างรีบร้อนเพราะทนกับอาการร้อนรุ่มไม่ไหว ทั้งร้อนรุ่มทั้งกำหนัดพุ่งขึ้นสูง เจ้าลูกชายตาเดียวของเขาที่ตอนนี้มันผงาดง้ำเหลือเกินมันพร้อมจะสู้รบกับสตรีเป็นอย่างมาก ตอนนี้จะเป็นสตรีใดก็ได้มันก็ยอมทั้งนั้น แต่อ๋องหนุ่มพยายามอดกลั้นและห้ามปรามเจ้าลูกชายของเขาไม่ให้คิดเรื่องน่าสยดสยองเช่นนั้น จึงได้เร่งลงน้ำอย่างรีบร้อน เพื่อให้สายน้ำเย็นๆช่วยคลายความร้อนรุ่มและกำหนัดลง
ด้านหงลี่ที่ได้ยินเสียงกระโดดน้ำตูมใหญ่ นางตกใจเป็นอย่างมากรีบว่ายไปหลบที่หลังโขดหิน และแอบจ้องมองชายที่แหวกว่ายน้ำอยู่ นางพยายามหลบให้ตัวลีบที่สุด ไม่น่าจะรนหาที่เลย ไม่รู้ว่าใครอุตริมากระโดดน้ำเล่นค่ำมืดเช่่นนี้ แล้วนี่ข้าจะขึ้นจากน้ำได้อย่างไรเล่า เจ้าบ้าเอ้ย หงลี่รำพึงกับตนเอง นางหันมองไปมา พลางคิดหาหนทางที่จะไปจากลำธารนี้ให้เร็วที่สุด แต่อาภรณ์ของข้าก็อยู่บนโขดหินนั่น จะทำเช่นไรดี ท่านเทพเซียนเจ้าขาช่วยลูกด้วย นางหันซ้ายขวาละล้าละลังไม่รู้จะทำเช่นไรดี
แต่เหมือนเทพเซียนอุ้มสม อ๋องหนุ่มเป็นผู้ฝึกยุทธ์ประสาทสัมผัสของเขาจึงดีกว่าคนปกติเท่าไปหลายเท่า เขาได้ยินเสียงหายใจและเสียงน้ำกระเพื่อมเบาๆ จึงได้ค่อยแหวกว่ายน้ำช้าๆอ้อมก้อนหินที่หงลี่หลบอยู่จนพบนางเข้า “ คุณหนูหยู ไม่ผิดจากที่คิดจริงๆ เจ้ามารอเปิ่นหวางอยู่แล้ว เจ้านี่ร้ายไม่เบา วางยาปลุกกำหนัดบุรุษทั้ง ๆที่เขาไม่สนใจเจ้า ตามตอแยเปิ่นหวางมานาน คงเห็นว่าทำเช่นไรเปิ่นหวางก็ไม่สนใจจึงได้ทำเช่นนี้ หญิงร้ายกาจเช่นเจ้าไม่รู้จักเกรงกลัวสิ่งใดบ้างเลยหรือ ” อ๋องหนุ่มเอ่ยปากต่อว่านางทันที เพราะเขาคิดอยู่แล้วว่าเรื่องต่ำช้าเช่่นนี้ต้องเป็นนางอย่างแน่นอน
เมื่อคุณหนูหยูหงลี่ได้ยินเรื่องที่เขาต่อว่า นางก็ทำหน้างงงันจนลืมไปว่าขณะนี้กายของตนเองนั้นเปลือยเปล่าไม่มีสิ่งใดปกปิดเลยแม้แต่น้อย นางโมโหที่อยู่ๆเขาก็มาต่อว่าเรื่องที่นางไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย จึงได้เถียงเขาคอเป็นเอ็น “ ท่านอ๋องแปด หม่อมฉันมิได้รู้เรื่องอันใดเลยนะเพคะ หม่อมฉันว่ายน้ำอยู่ดีๆพระองค์ก็มาต่อว่าหม่อมฉัน ”อ๋องหนุ่มยกยิ้มเหยียดอย่างจะเยาะหยันนาง “ หญิงแพศยา ทำเรื่องต่ำช้าวางยาบุรุษแล้วยังหน้าซื่อ บอกว่าไม่รู้เรื่องอีกหรือ หากหญิงร้ายกาจเช่นเจ้าไม่ได้ทำ แล้วจะมีผู้ใดทำได้เล่า คงอยากจะได้เปิ่นหวางเป็นสามีจนตัวสั่น ถึงกับกล้าทำเรื่องเช่นนี้ ”อ๋องหนุ่มยังคงต่อว่านางเขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าหงลี่ไม่ได้ทำเรื่องนี้ อดีตคุณหนูผู้ร้ายกาจจนคนลือที่ผ่านมานางก็ทำเรื่องวุ่นวายหลายเรื่องก็จริงอยู่ แต่คราวนี้นางไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่วางแผนการณ์ไว้เท่านั้นแต่ก็ยังไม่ได้ลงมือทำสิ่งใด เขาจะมาโทษนางเช่่นนี้ไม่ได้ “ เอ๊ะ !! ท่านอ๋องพูดไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร หม่อมฉันก็บอกอยู่นี่ว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ ก็ยังจะมากล่าวหากันอีก ” อ๋องหนุ่มจ้องมองใบหน้าหวานที่บึ้งตึงขึ้นไม่น้อย นางยังกล้าเถี
อ๋องหนุ่มประคองร่างอวบไว้ในอ้อมแขน เขาจ้องมองขณะที่นางโยกสะโพกอวบรับนิ้วแกร่งของเขาที่กระแทกนางเข้าออกอย่างรุนแรงและเร่งความเร็วจนกระทั่งสะโพกอวบของนางกระตุกเกร็งแล้วปลดปล่อยน้ำรักออกมาอย่างมากมาย นางสุขสมให้เขาเห็น ตอนที่นางปลดปล่อยตนเองไปตามอารมณ์ราคะที่เพิ่มขึ้นสูงจนหลงลืมความอับอายไปจนสิ้น นางร่าน นางร้อนถึงใจเขายิ่งนัก ยิ่งทำให้อ๋องหนุ่มอารมณ์เตลิดจนกู่ไม่กลับเขายกเจ้าลูกชายที่ตอนนี้ขยายใหญ่จนพองเกือบจะเต็มที่แล้ว หัวบานของมันมีน้ำรักปริ่มจนไหลยืดออกมาด้วยเขารู้สึกเสียวยิ่งนัก ยิ่งเห็นนางร่านร้อนเช่นนี้ทำอารมณ์เขาเตลิดไปหมด เขาค่อยๆสอดเจ้าลูกชายตาเดียวของเขาเข้าไปในร่องอวบของคุณหนูหยูหงลี่ช้าๆ เขารู้ว่าแม้นางจะร่านร้อนถูกอกถูกใจเขาเหลือเกิน แต่นางยังไม่เคยชาย ร่องอวบของนางนั้นยังคับแน่นจนมันตอดรัดนิ้วแกร่งของเขาจนเจ็บ แต่เขาก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว อยากจะรักนางแทบจะขาดใจ หากวันนี้เขาไม่ได้กระแทกนางเขาต้องขาดใจอย่างแน่นอน อ๋องหนุ่มไม่สนใจแล้วว่านางจะร้ายกาจ หรือเขาจะรังเกียจไม่อยากจะได้นางเป็นชายา เขารู้ดีว่าหากเขากระแทกนางจนสมใจของเขาในวันนี้แล้วจะต้องรับนางเป็นเมียอย่างแน่นอนคงจะหล
เมื่อเดินมาถึงด้านหน้า พบมีบ่าวไพร่อีกไม่กี่คนกำลังช่วยเก็บกวาดข้าวของที่เกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว อ๋องหนุ่มจึงได้เดินออกไปที่ประตูจวนแล้วเดินออกไปมองหารถม้าของตนเองที่จอดหลบมุมอยู่ องครักษ์ที่รีรอนายของตนอยู่ไม่ไกลรีบวิ่งมาหา “ ท่านอ๋องหายไปไหนมาพะยะคะ ทั้งงานวุ่นวายตามหาบุตรีของเสนาบดีหยูเห็นว่านางหายไป และพอดีท่านอ๋องก็หายไปด้วย แต่ท่านเสนาบดีเกิดนึกขึ้นมาได้ว่าบุตรสาวขออนุญาติออกไปเดินเล่นเพราะนางรู้สึกไม่ค่อยสบายจึงคิดว่านางอาจจะกลับไปกับสหายคนใดของนางก็เป็นได้ จึงได้รีบกลับจวนไปตามหานางพะยะคะ ส่วนท่านอ๋องที่หายไปเหมือนกันแต่องค์ชายสามบอกว่าท่านอ๋องติดราชกิจด่วนเพิ่งจะออกไป จึงได้รอดพ้นข้อสงสัยว่าท่านอ๋องจะหายไปกับคุณหนูหยู แต่.. ” องครักษ์หนุ่มชะงักไป เขาหยุดวาจาที่กำลังรายงานนายของตนแล้วก้มลงมองร่างอวบของคุณหนูหยูที่อยู่ในอ้อมแขนของเจ้านายของเขา คล้ายดังกับว่านางและท่านอ๋องหายไปด้วยกันสองต่อสองเกือบสองชั่วยาม องครักษ์หนุ่มไม่อยากจะคิดเรื่องต่อจากนี้ จึงได้แต่ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อแต่ไม่กล้าปริปากออกไปอย่างที่ใจคิด “ ไม่ต้องพูดมาก รีบกลับตำหนักกันก่อนดึกมากแล้ว ” เขาเอ่ยขัดจัง
คุณหนูหยูหงลี่วางแผนการณ์มานับเดือนเพื่อต้องการเผด็จศึกท่านอ๋องแปดซีเฉินอี้ให้ได้ เพราะนางหลงรักเขามานานปีแล้วแต่เขาก็มิเคยสนใจใยดีนาง ทุ่มเทติดตามเขา หากท่านอ๋องแปดไปงานเลี้ยงที่ใด นางมักจะไปเสมอพยายามไปวนเวียนข้างๆเขาไม่ห่าง หาโอกาสสนทนากับเขาแม้จะดูออกว่าเขาก็มิอยากจะสนทนากับนางเลย ถามคำก็มักจะตอบคำหรือทำเป็นไม่ได้ยิน และพยายามหลีกหนีไปทันทีเมื่อมีโอกาสแต่หงลี่ที่ถือคติตื้อเท่านั้นที่ได้ครอง ขุนเขาสูงเพียงใดหากเรามุ่งมั่นก็ย่อมมีวันไปถึง จึงได้ไม่เคยละความพยายามนางหาโอกาสไปพบเขาเสมอ คอยกีดกันคุณหนูจวนอื่นๆไม่ให้ใกล้ชิดกับเขาได้ง่ายๆ บางครั้งถึงกับตบตีกันแต่นางก็ไม่เคยหวั่น จนเรื่องที่นางและคุณหนูผู้มีความมุ่งมั่นดังเช่นนางและคาดว่าคงจะถือคติเดียวกันนั้น มักจะปะทะกันเสมอเมื่อพบหน้ากัน ทั้งในงานเลี้ยงที่มีท่่านอ๋องแปดอยู่ด้วย หรืองานเลี้ยงนั้น หรือสถานที่นั้นไม่มีร่างของเขาปรากฎเลยก็ตามเมื่อสตรีที่มีความมุ่งหมายเดียวกันคือตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องแปดซีเฉินอี้ผู้นี้มาพบกัน หากที่ร้ายกาจพอสูสีก็จะปะทะกันอย่างไม่เกรงกลัวคำครหา ทุ่มเทความพยายามจะจับปลาใหญ่ตัวนี้ให้ได้ แต่ที่เขินอายและอ
เมื่อเดินมาถึงด้านหน้า พบมีบ่าวไพร่อีกไม่กี่คนกำลังช่วยเก็บกวาดข้าวของที่เกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว อ๋องหนุ่มจึงได้เดินออกไปที่ประตูจวนแล้วเดินออกไปมองหารถม้าของตนเองที่จอดหลบมุมอยู่ องครักษ์ที่รีรอนายของตนอยู่ไม่ไกลรีบวิ่งมาหา “ ท่านอ๋องหายไปไหนมาพะยะคะ ทั้งงานวุ่นวายตามหาบุตรีของเสนาบดีหยูเห็นว่านางหายไป และพอดีท่านอ๋องก็หายไปด้วย แต่ท่านเสนาบดีเกิดนึกขึ้นมาได้ว่าบุตรสาวขออนุญาติออกไปเดินเล่นเพราะนางรู้สึกไม่ค่อยสบายจึงคิดว่านางอาจจะกลับไปกับสหายคนใดของนางก็เป็นได้ จึงได้รีบกลับจวนไปตามหานางพะยะคะ ส่วนท่านอ๋องที่หายไปเหมือนกันแต่องค์ชายสามบอกว่าท่านอ๋องติดราชกิจด่วนเพิ่งจะออกไป จึงได้รอดพ้นข้อสงสัยว่าท่านอ๋องจะหายไปกับคุณหนูหยู แต่.. ” องครักษ์หนุ่มชะงักไป เขาหยุดวาจาที่กำลังรายงานนายของตนแล้วก้มลงมองร่างอวบของคุณหนูหยูที่อยู่ในอ้อมแขนของเจ้านายของเขา คล้ายดังกับว่านางและท่านอ๋องหายไปด้วยกันสองต่อสองเกือบสองชั่วยาม องครักษ์หนุ่มไม่อยากจะคิดเรื่องต่อจากนี้ จึงได้แต่ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อแต่ไม่กล้าปริปากออกไปอย่างที่ใจคิด “ ไม่ต้องพูดมาก รีบกลับตำหนักกันก่อนดึกมากแล้ว ” เขาเอ่ยขัดจัง
อ๋องหนุ่มประคองร่างอวบไว้ในอ้อมแขน เขาจ้องมองขณะที่นางโยกสะโพกอวบรับนิ้วแกร่งของเขาที่กระแทกนางเข้าออกอย่างรุนแรงและเร่งความเร็วจนกระทั่งสะโพกอวบของนางกระตุกเกร็งแล้วปลดปล่อยน้ำรักออกมาอย่างมากมาย นางสุขสมให้เขาเห็น ตอนที่นางปลดปล่อยตนเองไปตามอารมณ์ราคะที่เพิ่มขึ้นสูงจนหลงลืมความอับอายไปจนสิ้น นางร่าน นางร้อนถึงใจเขายิ่งนัก ยิ่งทำให้อ๋องหนุ่มอารมณ์เตลิดจนกู่ไม่กลับเขายกเจ้าลูกชายที่ตอนนี้ขยายใหญ่จนพองเกือบจะเต็มที่แล้ว หัวบานของมันมีน้ำรักปริ่มจนไหลยืดออกมาด้วยเขารู้สึกเสียวยิ่งนัก ยิ่งเห็นนางร่านร้อนเช่นนี้ทำอารมณ์เขาเตลิดไปหมด เขาค่อยๆสอดเจ้าลูกชายตาเดียวของเขาเข้าไปในร่องอวบของคุณหนูหยูหงลี่ช้าๆ เขารู้ว่าแม้นางจะร่านร้อนถูกอกถูกใจเขาเหลือเกิน แต่นางยังไม่เคยชาย ร่องอวบของนางนั้นยังคับแน่นจนมันตอดรัดนิ้วแกร่งของเขาจนเจ็บ แต่เขาก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว อยากจะรักนางแทบจะขาดใจ หากวันนี้เขาไม่ได้กระแทกนางเขาต้องขาดใจอย่างแน่นอน อ๋องหนุ่มไม่สนใจแล้วว่านางจะร้ายกาจ หรือเขาจะรังเกียจไม่อยากจะได้นางเป็นชายา เขารู้ดีว่าหากเขากระแทกนางจนสมใจของเขาในวันนี้แล้วจะต้องรับนางเป็นเมียอย่างแน่นอนคงจะหล
เมื่อคุณหนูหยูหงลี่ได้ยินเรื่องที่เขาต่อว่า นางก็ทำหน้างงงันจนลืมไปว่าขณะนี้กายของตนเองนั้นเปลือยเปล่าไม่มีสิ่งใดปกปิดเลยแม้แต่น้อย นางโมโหที่อยู่ๆเขาก็มาต่อว่าเรื่องที่นางไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย จึงได้เถียงเขาคอเป็นเอ็น “ ท่านอ๋องแปด หม่อมฉันมิได้รู้เรื่องอันใดเลยนะเพคะ หม่อมฉันว่ายน้ำอยู่ดีๆพระองค์ก็มาต่อว่าหม่อมฉัน ”อ๋องหนุ่มยกยิ้มเหยียดอย่างจะเยาะหยันนาง “ หญิงแพศยา ทำเรื่องต่ำช้าวางยาบุรุษแล้วยังหน้าซื่อ บอกว่าไม่รู้เรื่องอีกหรือ หากหญิงร้ายกาจเช่นเจ้าไม่ได้ทำ แล้วจะมีผู้ใดทำได้เล่า คงอยากจะได้เปิ่นหวางเป็นสามีจนตัวสั่น ถึงกับกล้าทำเรื่องเช่นนี้ ”อ๋องหนุ่มยังคงต่อว่านางเขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าหงลี่ไม่ได้ทำเรื่องนี้ อดีตคุณหนูผู้ร้ายกาจจนคนลือที่ผ่านมานางก็ทำเรื่องวุ่นวายหลายเรื่องก็จริงอยู่ แต่คราวนี้นางไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่วางแผนการณ์ไว้เท่านั้นแต่ก็ยังไม่ได้ลงมือทำสิ่งใด เขาจะมาโทษนางเช่่นนี้ไม่ได้ “ เอ๊ะ !! ท่านอ๋องพูดไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร หม่อมฉันก็บอกอยู่นี่ว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ ก็ยังจะมากล่าวหากันอีก ” อ๋องหนุ่มจ้องมองใบหน้าหวานที่บึ้งตึงขึ้นไม่น้อย นางยังกล้าเถี
เมื่อคุณหนูหยูคิดสรุปกับตนเองได้เช่นนี้แล้ว จึงได้ยกเลิกแผนการณ์ที่จะพิชิตอ๋องหนุ่มในวันนี้ลง “ ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกขอออกไปเดินเล่นสักหน่อย คงจะกินอิ่มมากจนเกินไปเจ้าคะ รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน ” นางเอ่ยบอกบิดาของตน ท่านเสนาบดีหยูพยักหน้า “ ถ้าเช่นนั้นก็ไปเถิด ไม่ต้องรีบร้อน เดินเล่นชมสวนที่จวนแม่ทัพใหญ่ก่อนก็ได้ หรือจะไปสนทนากับสหายวัยเดียวกันก็ได้ เพราะพ่อคงจะร่ำสุรากับสหายอีกนาน ” หงลี่หันไปรับคำบิดา “ เจ้าค่ะท่านพ่อ ” แล้วนางลุกขึ้นเดินออกไปจากที่นั่งของตนเองโดยที่มิได้เหลียวไปมองท่านอ๋องหนุ่มที่นางเคยหลงรักเขาอย่างมากมาย ด้านอ๋องหนุ่มเขามองตามหลังสตรีที่เคยมาวุ่นวายกับเขาจนเขาแสนจะรำคาญเหลือแสน วันนี้เขาจึงได้วางแผนเพื่อจะให้นางเห็นว่าเขามีใจให้สตรีอื่น นางจะได้เลิกวุ่นวายตามตอแยเขาเสียที เมื่อเขารู้ว่านางจับจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงได้หันไปส่งสายตาให้กับคุณหนูกู้ฟางเซียนบุตรีท่านราชครูหลาย ๆ ครั้ง และแอบมองคุณหนูหยูหงลี่ไปด้วยว่านางจะเห็นสิ่งที่เขากำลังทำหรือไม่ แต่แล้วริมฝีปากหนาก็ยกยิ้มอย่างสมใจ เพราะเขาเห็นนางจ้องมองมาหลาย ๆ ครั้งเขาแน่ใจว่านางต้องเห็นแล้วว่าเขาส่งสายตาหวานฉ่ำให้กั
คุณหนูหยูหงลี่วางแผนการณ์มานับเดือนเพื่อต้องการเผด็จศึกท่านอ๋องแปดซีเฉินอี้ให้ได้ เพราะนางหลงรักเขามานานปีแล้วแต่เขาก็มิเคยสนใจใยดีนาง ทุ่มเทติดตามเขา หากท่านอ๋องแปดไปงานเลี้ยงที่ใด นางมักจะไปเสมอพยายามไปวนเวียนข้างๆเขาไม่ห่าง หาโอกาสสนทนากับเขาแม้จะดูออกว่าเขาก็มิอยากจะสนทนากับนางเลย ถามคำก็มักจะตอบคำหรือทำเป็นไม่ได้ยิน และพยายามหลีกหนีไปทันทีเมื่อมีโอกาสแต่หงลี่ที่ถือคติตื้อเท่านั้นที่ได้ครอง ขุนเขาสูงเพียงใดหากเรามุ่งมั่นก็ย่อมมีวันไปถึง จึงได้ไม่เคยละความพยายามนางหาโอกาสไปพบเขาเสมอ คอยกีดกันคุณหนูจวนอื่นๆไม่ให้ใกล้ชิดกับเขาได้ง่ายๆ บางครั้งถึงกับตบตีกันแต่นางก็ไม่เคยหวั่น จนเรื่องที่นางและคุณหนูผู้มีความมุ่งมั่นดังเช่นนางและคาดว่าคงจะถือคติเดียวกันนั้น มักจะปะทะกันเสมอเมื่อพบหน้ากัน ทั้งในงานเลี้ยงที่มีท่่านอ๋องแปดอยู่ด้วย หรืองานเลี้ยงนั้น หรือสถานที่นั้นไม่มีร่างของเขาปรากฎเลยก็ตามเมื่อสตรีที่มีความมุ่งหมายเดียวกันคือตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องแปดซีเฉินอี้ผู้นี้มาพบกัน หากที่ร้ายกาจพอสูสีก็จะปะทะกันอย่างไม่เกรงกลัวคำครหา ทุ่มเทความพยายามจะจับปลาใหญ่ตัวนี้ให้ได้ แต่ที่เขินอายและอ