คุณหนูหยูหงลี่วางแผนการณ์มานับเดือนเพื่อต้องการเผด็จศึกท่านอ๋องแปดซีเฉินอี้ให้ได้ เพราะนางหลงรักเขามานานปีแล้วแต่เขาก็มิเคยสนใจใยดีนาง ทุ่มเทติดตามเขา หากท่านอ๋องแปดไปงานเลี้ยงที่ใด นางมักจะไปเสมอพยายามไปวนเวียนข้างๆเขาไม่ห่าง หาโอกาสสนทนากับเขาแม้จะดูออกว่าเขาก็มิอยากจะสนทนากับนางเลย ถามคำก็มักจะตอบคำหรือทำเป็นไม่ได้ยิน และพยายามหลีกหนีไปทันทีเมื่อมีโอกาสแต่หงลี่ที่ถือคติตื้อเท่านั้นที่ได้ครอง ขุนเขาสูงเพียงใดหากเรามุ่งมั่นก็ย่อมมีวันไปถึง จึงได้ไม่เคยละความพยายามนางหาโอกาสไปพบเขาเสมอ คอยกีดกันคุณหนูจวนอื่นๆไม่ให้ใกล้ชิดกับเขาได้ง่ายๆ บางครั้งถึงกับตบตีกันแต่นางก็ไม่เคยหวั่น จนเรื่องที่นางและคุณหนูผู้มีความมุ่งมั่นดังเช่นนางและคาดว่าคงจะถือคติเดียวกันนั้น มักจะปะทะกันเสมอเมื่อพบหน้ากัน ทั้งในงานเลี้ยงที่มีท่่านอ๋องแปดอยู่ด้วย หรืองานเลี้ยงนั้น หรือสถานที่นั้นไม่มีร่างของเขาปรากฎเลยก็ตามเมื่อสตรีที่มีความมุ่งหมายเดียวกันคือตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องแปดซีเฉินอี้ผู้นี้มาพบกัน หากที่ร้ายกาจพอสูสีก็จะปะทะกันอย่างไม่เกรงกลัวคำครหา ทุ่มเทความพยายามจะจับปลาใหญ่ตัวนี้ให้ได้ แต่ที่เขินอายและอ
เมื่อคุณหนูหยูคิดสรุปกับตนเองได้เช่นนี้แล้ว จึงได้ยกเลิกแผนการณ์ที่จะพิชิตอ๋องหนุ่มในวันนี้ลง “ ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกขอออกไปเดินเล่นสักหน่อย คงจะกินอิ่มมากจนเกินไปเจ้าคะ รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน ” นางเอ่ยบอกบิดาของตน ท่านเสนาบดีหยูพยักหน้า “ ถ้าเช่นนั้นก็ไปเถิด ไม่ต้องรีบร้อน เดินเล่นชมสวนที่จวนแม่ทัพใหญ่ก่อนก็ได้ หรือจะไปสนทนากับสหายวัยเดียวกันก็ได้ เพราะพ่อคงจะร่ำสุรากับสหายอีกนาน ” หงลี่หันไปรับคำบิดา “ เจ้าค่ะท่านพ่อ ” แล้วนางลุกขึ้นเดินออกไปจากที่นั่งของตนเองโดยที่มิได้เหลียวไปมองท่านอ๋องหนุ่มที่นางเคยหลงรักเขาอย่างมากมาย ด้านอ๋องหนุ่มเขามองตามหลังสตรีที่เคยมาวุ่นวายกับเขาจนเขาแสนจะรำคาญเหลือแสน วันนี้เขาจึงได้วางแผนเพื่อจะให้นางเห็นว่าเขามีใจให้สตรีอื่น นางจะได้เลิกวุ่นวายตามตอแยเขาเสียที เมื่อเขารู้ว่านางจับจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงได้หันไปส่งสายตาให้กับคุณหนูกู้ฟางเซียนบุตรีท่านราชครูหลาย ๆ ครั้ง และแอบมองคุณหนูหยูหงลี่ไปด้วยว่านางจะเห็นสิ่งที่เขากำลังทำหรือไม่ แต่แล้วริมฝีปากหนาก็ยกยิ้มอย่างสมใจ เพราะเขาเห็นนางจ้องมองมาหลาย ๆ ครั้งเขาแน่ใจว่านางต้องเห็นแล้วว่าเขาส่งสายตาหวานฉ่ำให้กั
เมื่อคุณหนูหยูหงลี่ได้ยินเรื่องที่เขาต่อว่า นางก็ทำหน้างงงันจนลืมไปว่าขณะนี้กายของตนเองนั้นเปลือยเปล่าไม่มีสิ่งใดปกปิดเลยแม้แต่น้อย นางโมโหที่อยู่ๆเขาก็มาต่อว่าเรื่องที่นางไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย จึงได้เถียงเขาคอเป็นเอ็น “ ท่านอ๋องแปด หม่อมฉันมิได้รู้เรื่องอันใดเลยนะเพคะ หม่อมฉันว่ายน้ำอยู่ดีๆพระองค์ก็มาต่อว่าหม่อมฉัน ”อ๋องหนุ่มยกยิ้มเหยียดอย่างจะเยาะหยันนาง “ หญิงแพศยา ทำเรื่องต่ำช้าวางยาบุรุษแล้วยังหน้าซื่อ บอกว่าไม่รู้เรื่องอีกหรือ หากหญิงร้ายกาจเช่นเจ้าไม่ได้ทำ แล้วจะมีผู้ใดทำได้เล่า คงอยากจะได้เปิ่นหวางเป็นสามีจนตัวสั่น ถึงกับกล้าทำเรื่องเช่นนี้ ”อ๋องหนุ่มยังคงต่อว่านางเขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าหงลี่ไม่ได้ทำเรื่องนี้ อดีตคุณหนูผู้ร้ายกาจจนคนลือที่ผ่านมานางก็ทำเรื่องวุ่นวายหลายเรื่องก็จริงอยู่ แต่คราวนี้นางไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่วางแผนการณ์ไว้เท่านั้นแต่ก็ยังไม่ได้ลงมือทำสิ่งใด เขาจะมาโทษนางเช่่นนี้ไม่ได้ “ เอ๊ะ !! ท่านอ๋องพูดไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร หม่อมฉันก็บอกอยู่นี่ว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ ก็ยังจะมากล่าวหากันอีก ” อ๋องหนุ่มจ้องมองใบหน้าหวานที่บึ้งตึงขึ้นไม่น้อย นางยังกล้าเถี
อ๋องหนุ่มประคองร่างอวบไว้ในอ้อมแขน เขาจ้องมองขณะที่นางโยกสะโพกอวบรับนิ้วแกร่งของเขาที่กระแทกนางเข้าออกอย่างรุนแรงและเร่งความเร็วจนกระทั่งสะโพกอวบของนางกระตุกเกร็งแล้วปลดปล่อยน้ำรักออกมาอย่างมากมาย นางสุขสมให้เขาเห็น ตอนที่นางปลดปล่อยตนเองไปตามอารมณ์ราคะที่เพิ่มขึ้นสูงจนหลงลืมความอับอายไปจนสิ้น นางร่าน นางร้อนถึงใจเขายิ่งนัก ยิ่งทำให้อ๋องหนุ่มอารมณ์เตลิดจนกู่ไม่กลับเขายกเจ้าลูกชายที่ตอนนี้ขยายใหญ่จนพองเกือบจะเต็มที่แล้ว หัวบานของมันมีน้ำรักปริ่มจนไหลยืดออกมาด้วยเขารู้สึกเสียวยิ่งนัก ยิ่งเห็นนางร่านร้อนเช่นนี้ทำอารมณ์เขาเตลิดไปหมด เขาค่อยๆสอดเจ้าลูกชายตาเดียวของเขาเข้าไปในร่องอวบของคุณหนูหยูหงลี่ช้าๆ เขารู้ว่าแม้นางจะร่านร้อนถูกอกถูกใจเขาเหลือเกิน แต่นางยังไม่เคยชาย ร่องอวบของนางนั้นยังคับแน่นจนมันตอดรัดนิ้วแกร่งของเขาจนเจ็บ แต่เขาก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว อยากจะรักนางแทบจะขาดใจ หากวันนี้เขาไม่ได้กระแทกนางเขาต้องขาดใจอย่างแน่นอน อ๋องหนุ่มไม่สนใจแล้วว่านางจะร้ายกาจ หรือเขาจะรังเกียจไม่อยากจะได้นางเป็นชายา เขารู้ดีว่าหากเขากระแทกนางจนสมใจของเขาในวันนี้แล้วจะต้องรับนางเป็นเมียอย่างแน่นอนคงจะหล
เมื่อเดินมาถึงด้านหน้า พบมีบ่าวไพร่อีกไม่กี่คนกำลังช่วยเก็บกวาดข้าวของที่เกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว อ๋องหนุ่มจึงได้เดินออกไปที่ประตูจวนแล้วเดินออกไปมองหารถม้าของตนเองที่จอดหลบมุมอยู่ องครักษ์ที่รีรอนายของตนอยู่ไม่ไกลรีบวิ่งมาหา “ ท่านอ๋องหายไปไหนมาพะยะคะ ทั้งงานวุ่นวายตามหาบุตรีของเสนาบดีหยูเห็นว่านางหายไป และพอดีท่านอ๋องก็หายไปด้วย แต่ท่านเสนาบดีเกิดนึกขึ้นมาได้ว่าบุตรสาวขออนุญาติออกไปเดินเล่นเพราะนางรู้สึกไม่ค่อยสบายจึงคิดว่านางอาจจะกลับไปกับสหายคนใดของนางก็เป็นได้ จึงได้รีบกลับจวนไปตามหานางพะยะคะ ส่วนท่านอ๋องที่หายไปเหมือนกันแต่องค์ชายสามบอกว่าท่านอ๋องติดราชกิจด่วนเพิ่งจะออกไป จึงได้รอดพ้นข้อสงสัยว่าท่านอ๋องจะหายไปกับคุณหนูหยู แต่.. ” องครักษ์หนุ่มชะงักไป เขาหยุดวาจาที่กำลังรายงานนายของตนแล้วก้มลงมองร่างอวบของคุณหนูหยูที่อยู่ในอ้อมแขนของเจ้านายของเขา คล้ายดังกับว่านางและท่านอ๋องหายไปด้วยกันสองต่อสองเกือบสองชั่วยาม องครักษ์หนุ่มไม่อยากจะคิดเรื่องต่อจากนี้ จึงได้แต่ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อแต่ไม่กล้าปริปากออกไปอย่างที่ใจคิด “ ไม่ต้องพูดมาก รีบกลับตำหนักกันก่อนดึกมากแล้ว ” เขาเอ่ยขัดจัง
อ๋องหนุ่มประคองร่างอวบไว้ในอ้อมแขน เขาจ้องมองขณะที่นางโยกสะโพกอวบรับนิ้วแกร่งของเขาที่กระแทกนางเข้าออกอย่างรุนแรงและเร่งความเร็วจนกระทั่งสะโพกอวบของนางกระตุกเกร็งแล้วปลดปล่อยน้ำรักออกมาอย่างมากมาย นางสุขสมให้เขาเห็น ตอนที่นางปลดปล่อยตนเองไปตามอารมณ์ราคะที่เพิ่มขึ้นสูงจนหลงลืมความอับอายไปจนสิ้น นางร่าน นางร้อนถึงใจเขายิ่งนัก ยิ่งทำให้อ๋องหนุ่มอารมณ์เตลิดจนกู่ไม่กลับเขายกเจ้าลูกชายที่ตอนนี้ขยายใหญ่จนพองเกือบจะเต็มที่แล้ว หัวบานของมันมีน้ำรักปริ่มจนไหลยืดออกมาด้วยเขารู้สึกเสียวยิ่งนัก ยิ่งเห็นนางร่านร้อนเช่นนี้ทำอารมณ์เขาเตลิดไปหมด เขาค่อยๆสอดเจ้าลูกชายตาเดียวของเขาเข้าไปในร่องอวบของคุณหนูหยูหงลี่ช้าๆ เขารู้ว่าแม้นางจะร่านร้อนถูกอกถูกใจเขาเหลือเกิน แต่นางยังไม่เคยชาย ร่องอวบของนางนั้นยังคับแน่นจนมันตอดรัดนิ้วแกร่งของเขาจนเจ็บ แต่เขาก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว อยากจะรักนางแทบจะขาดใจ หากวันนี้เขาไม่ได้กระแทกนางเขาต้องขาดใจอย่างแน่นอน อ๋องหนุ่มไม่สนใจแล้วว่านางจะร้ายกาจ หรือเขาจะรังเกียจไม่อยากจะได้นางเป็นชายา เขารู้ดีว่าหากเขากระแทกนางจนสมใจของเขาในวันนี้แล้วจะต้องรับนางเป็นเมียอย่างแน่นอนคงจะหล
เมื่อคุณหนูหยูหงลี่ได้ยินเรื่องที่เขาต่อว่า นางก็ทำหน้างงงันจนลืมไปว่าขณะนี้กายของตนเองนั้นเปลือยเปล่าไม่มีสิ่งใดปกปิดเลยแม้แต่น้อย นางโมโหที่อยู่ๆเขาก็มาต่อว่าเรื่องที่นางไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย จึงได้เถียงเขาคอเป็นเอ็น “ ท่านอ๋องแปด หม่อมฉันมิได้รู้เรื่องอันใดเลยนะเพคะ หม่อมฉันว่ายน้ำอยู่ดีๆพระองค์ก็มาต่อว่าหม่อมฉัน ”อ๋องหนุ่มยกยิ้มเหยียดอย่างจะเยาะหยันนาง “ หญิงแพศยา ทำเรื่องต่ำช้าวางยาบุรุษแล้วยังหน้าซื่อ บอกว่าไม่รู้เรื่องอีกหรือ หากหญิงร้ายกาจเช่นเจ้าไม่ได้ทำ แล้วจะมีผู้ใดทำได้เล่า คงอยากจะได้เปิ่นหวางเป็นสามีจนตัวสั่น ถึงกับกล้าทำเรื่องเช่นนี้ ”อ๋องหนุ่มยังคงต่อว่านางเขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าหงลี่ไม่ได้ทำเรื่องนี้ อดีตคุณหนูผู้ร้ายกาจจนคนลือที่ผ่านมานางก็ทำเรื่องวุ่นวายหลายเรื่องก็จริงอยู่ แต่คราวนี้นางไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่วางแผนการณ์ไว้เท่านั้นแต่ก็ยังไม่ได้ลงมือทำสิ่งใด เขาจะมาโทษนางเช่่นนี้ไม่ได้ “ เอ๊ะ !! ท่านอ๋องพูดไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร หม่อมฉันก็บอกอยู่นี่ว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ ก็ยังจะมากล่าวหากันอีก ” อ๋องหนุ่มจ้องมองใบหน้าหวานที่บึ้งตึงขึ้นไม่น้อย นางยังกล้าเถี
เมื่อคุณหนูหยูคิดสรุปกับตนเองได้เช่นนี้แล้ว จึงได้ยกเลิกแผนการณ์ที่จะพิชิตอ๋องหนุ่มในวันนี้ลง “ ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกขอออกไปเดินเล่นสักหน่อย คงจะกินอิ่มมากจนเกินไปเจ้าคะ รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน ” นางเอ่ยบอกบิดาของตน ท่านเสนาบดีหยูพยักหน้า “ ถ้าเช่นนั้นก็ไปเถิด ไม่ต้องรีบร้อน เดินเล่นชมสวนที่จวนแม่ทัพใหญ่ก่อนก็ได้ หรือจะไปสนทนากับสหายวัยเดียวกันก็ได้ เพราะพ่อคงจะร่ำสุรากับสหายอีกนาน ” หงลี่หันไปรับคำบิดา “ เจ้าค่ะท่านพ่อ ” แล้วนางลุกขึ้นเดินออกไปจากที่นั่งของตนเองโดยที่มิได้เหลียวไปมองท่านอ๋องหนุ่มที่นางเคยหลงรักเขาอย่างมากมาย ด้านอ๋องหนุ่มเขามองตามหลังสตรีที่เคยมาวุ่นวายกับเขาจนเขาแสนจะรำคาญเหลือแสน วันนี้เขาจึงได้วางแผนเพื่อจะให้นางเห็นว่าเขามีใจให้สตรีอื่น นางจะได้เลิกวุ่นวายตามตอแยเขาเสียที เมื่อเขารู้ว่านางจับจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงได้หันไปส่งสายตาให้กับคุณหนูกู้ฟางเซียนบุตรีท่านราชครูหลาย ๆ ครั้ง และแอบมองคุณหนูหยูหงลี่ไปด้วยว่านางจะเห็นสิ่งที่เขากำลังทำหรือไม่ แต่แล้วริมฝีปากหนาก็ยกยิ้มอย่างสมใจ เพราะเขาเห็นนางจ้องมองมาหลาย ๆ ครั้งเขาแน่ใจว่านางต้องเห็นแล้วว่าเขาส่งสายตาหวานฉ่ำให้กั
คุณหนูหยูหงลี่วางแผนการณ์มานับเดือนเพื่อต้องการเผด็จศึกท่านอ๋องแปดซีเฉินอี้ให้ได้ เพราะนางหลงรักเขามานานปีแล้วแต่เขาก็มิเคยสนใจใยดีนาง ทุ่มเทติดตามเขา หากท่านอ๋องแปดไปงานเลี้ยงที่ใด นางมักจะไปเสมอพยายามไปวนเวียนข้างๆเขาไม่ห่าง หาโอกาสสนทนากับเขาแม้จะดูออกว่าเขาก็มิอยากจะสนทนากับนางเลย ถามคำก็มักจะตอบคำหรือทำเป็นไม่ได้ยิน และพยายามหลีกหนีไปทันทีเมื่อมีโอกาสแต่หงลี่ที่ถือคติตื้อเท่านั้นที่ได้ครอง ขุนเขาสูงเพียงใดหากเรามุ่งมั่นก็ย่อมมีวันไปถึง จึงได้ไม่เคยละความพยายามนางหาโอกาสไปพบเขาเสมอ คอยกีดกันคุณหนูจวนอื่นๆไม่ให้ใกล้ชิดกับเขาได้ง่ายๆ บางครั้งถึงกับตบตีกันแต่นางก็ไม่เคยหวั่น จนเรื่องที่นางและคุณหนูผู้มีความมุ่งมั่นดังเช่นนางและคาดว่าคงจะถือคติเดียวกันนั้น มักจะปะทะกันเสมอเมื่อพบหน้ากัน ทั้งในงานเลี้ยงที่มีท่่านอ๋องแปดอยู่ด้วย หรืองานเลี้ยงนั้น หรือสถานที่นั้นไม่มีร่างของเขาปรากฎเลยก็ตามเมื่อสตรีที่มีความมุ่งหมายเดียวกันคือตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องแปดซีเฉินอี้ผู้นี้มาพบกัน หากที่ร้ายกาจพอสูสีก็จะปะทะกันอย่างไม่เกรงกลัวคำครหา ทุ่มเทความพยายามจะจับปลาใหญ่ตัวนี้ให้ได้ แต่ที่เขินอายและอ