“อย่านะ…ช่วยด้วย…”มือของอวิ๋นอิงโบกสะบัดและเหวี่ยงอย่างตื่นตระหนก สีหน้าซีดเซียวไร้ร่องรอยเลือด ราวกับฝันเห็นปีศาจร้าย ตกใจจนมือเท้าเย็นเฉียบฉู่เชียนหลีก็ตกใจเล็กน้อยเช่นกัน“อวิ๋นอิง ตื่นสิ! เจ้าเป็นอะไรกันแน่!”“ปล่อยข้า…ปล่อยข้า…”เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินเสียงพึมพำของนางชัดเจน ก็อึ้งไปครู่หนึ่งปล่อยนาง…ตั้งแต่งานเลี้ยงอาหารค่ำในบ้านตระกูลกู้คืนนั้น อวิ๋นอิงก็ผิดปกติมาโดยตลอด มักจะเหม่อลอย ไม่เป็นตัวเอง เหมือนเปลี่ยนไปเป็นอีกคนนางให้จิ่งอี้ไปตรวจสอบ แต่ไม่พบอะไรเลยตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ใครกำลังขู่นาง? ใครทำให้นางกลายเป็นเช่นนี้?ฉู่เชียนหลีจับมือที่เย็นเฉียบของนางไว้แน่น ทำให้นางรู้สึกปลอดภัย แล้วโน้มตัวไปที่ข้างปากของนาง ฟังอย่างตั้งใจ“อวิ๋นอิง ใครกำลังขู่เจ้า? เจ้าฝันเห็นอะไร? บอกข้า!”อวิ๋นอิงส่ายศีรษะอย่างหวาดกลัว“อย่าเข้ามา…ไปให้พ้น…ไปให้พ้น…”จวนเฟิงเหรินที่นี่เรียกได้ว่าเป็นสถานที่อัปมงคลมาก คนที่ถูกส่งตัวเข้าจวนเฟิงเหริน ล้วนเป็นคนของราชวงศ์ที่ทำผิดอย่างมหันต์ และไม่สมควรได้รับการให้อภัย โดยทั่วไปคนที่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ จะไม่มีโอกาสได้ออกไปอีกเป
ครึ่งเดือนต่อมา ชีวิตค่อนข้างสงบและมั่นคงจวนอ๋องเฉินมีอ๋องติ้งค่อยดูแล แม้ฉู่เชียนหลีไม่อยู่ที่จวน อ๋องติ้งก็จัดการจวนอ๋องเฉินได้อย่างมีระบบระเบียบ สงบสุขเหมือนปกติอีกด้านหนึ่ง เฟิงเจิ้งหลีพลางตามหาฉู่เชียนหลี พลางอาศัยโอกาสตอนที่เฟิงเย่เสวียนไม่อยู่เมืองหลวง ชักชวนหาคนมาเป็นพวกของตัวเองอย่างเปิดเผยในเวลาครึ่งเดือนกว่า มีแต่ชื่อเสียงที่ดีงามในราชสำนักวังหลวงตำหนักต้าเฉิน“ฝ่าบาท คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ทำให้ผู้คนในเมืองหลวงอกสั่นขวัญแขวน ถูกอ๋องหลีไขคดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ! คนร้ายถูกจับ ราษฎรสามารถนอนหลับอย่างสบายใจแล้ว” ขุนนางท่านหนึ่งกล่าวด้วยความปลื้มปีติขุนนางใหญ่อีกท่านกล่าว“เขตตะวันออกเกิดภัยตั๊กแตน อ๋องหลีใช้เงินของตัวเองช่วยเหลือราษฎร การกระทำที่เห็นแก่ส่วนรวมเช่นนี้ คุ้มค่าแก่การเป็นตัวอย่างของพวกกระหม่อม…”“อ๋องหลีเขา…”เหล่าขุนนางเจ้าหนึ่งคำ ข้าหนึ่งคำ เล่าคุณความดีของอ๋องหลีในราชสำนัก เต็มไปด้วยคำชื่นชมในหมู่ราษฎร มีแต่เสียงชื่นชมชั่วขณะ อ๋องหลีได้ใจราษฎรอย่างล้นหลามบนราชบัลลังก์ ฮ่องเต้มองอ๋องหลีที่ยืนอยู่หน้าขุนนางนับร้อย กล่าวชมด้วยรอยยิ้ม“หลีเอ๋อร์ทำได
เยว่เอ๋อร์กลับถึงหุบเขา ก็ใกล้พลบค่ำแล้ว นางหิ้วตะกร้าไว้ พลางก้มหน้า สองมือกำตะกร้าแน่นแล้วคลายออกเป็นระยะ ดูกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด“เยว่เอ๋อร์?”“หา?!”เสียงที่ดังขึ้นกะทันหัน ทำเอานางเงยหน้าด้วยความตกใจ เกือบกระโดดลอยตัวขึ้นในห้องครัวถงเฟยสวมผ้ากันเปื้อน มือซ้ายถือตะหลิว เอียงศีรษะมองมาทางนาง“คิดอะไรอยู่หรือ? แค่ซื้อเห็ดก็ไปตั้งนาน รีบเอามา เย็นนี้ข้าจะตุ๋นไก่”“เจ้าค่ะ…”เยว่เอ๋อร์ก้มศีรษะ เม้มปากแน่น ก้าวเท้าเข้าไปในห้องครัวถงเฟยนำเห็ดหอมออกจากตะกร้า หลังจากล้างจนสะอาด ก็หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วไปยุ่งอยู่ที่หลังเตาแล้ว เดินไปเดินมา ดูมีความสุขเลยทีเดียวเยว่เอ๋อร์มองดูแผ่นหลังที่ยุ่งอยู่กับการทำอาหารของนาง สองมือจิกชายเสื้อ เม้มปากไม่หยุด… นางอ้าปาก อยากพูดแต่ก็อดกลั้นเอาไว้ในแววตาเต็มไปด้วยความลังเลยืนอยู่ตรงนั้นสองนาทีเต็มๆ…ตอนที่ถงเฟยมองมา นางรีบหมุนกายวิ่งออกไป พลันสังเกตเห็นไก่เป็ดห่านที่ถูกขังอยู่ในกรง สายตาเหี้ยมเกรียม ในที่สุดก็ตัดสินใจแล้วนางเปิดกรงออกเป็นช่องเล็กๆ คว้าข้าวสาลี่มาหนึ่งกำมือแล้วโยนออกไปทันใดนั้นไก่ก็บิน และมีเป็ดกับห่านวิ่งต
จิ่งอี้เดินเข้ามา“ตอนนี้ยังไม่มืด เจ้าลองไปดูที่หลังหุบเขาหน่อย หาสมุนไพรแก้หวัดมาสองสามอย่าง ต้มสองส่วน แล้วส่งไปให้อวิ๋นอิงหนึ่งส่วน”ฉู่เชียนหลีกล่าว“อวิ๋นอิงมีท่านโหวน้อยค่อยดูแล ข้าไม่ไปทางนั้นแล้ว เดี๋ยวข้าดูเยว่เอ๋อร์เอง”จิ่งอี้พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็ไปหาสมุนไพรหลังหุบเขาที่ห่างออกไปร้อยกว่าเมตรแล้วเพิ่งมาหุบเขาครั้งแรก ทรัพยากรมีจำกัด ไม่สะดวกเหมือนจวนอ๋องเฉินฉู่เชียนหลีกลับไปที่ห้องของตนเอง นำผ้าห่มของตนเองมาคลุมบนตัวเยว่เอ๋อร์ไว้อย่างแน่นหนาเยว่เอ๋อร์จะลุกขึ้นทันที“พระชายา ข้าไม่เอาเจ้าค่ะ ข้าห่มแล้ว กลางคืนท่านจะห่มอะไร?”“นอนดีๆ”ฉู่เชียนหลีกดหัวไหล่ของนาง “ตอนนี้เจ้าโดนลมไม่ได้ เจ้าพักฟื้นไปก่อน คืนนี้ข้าไปนอนกับเสด็จแม่”“วันหลังอย่าไปที่ลำธารอีก เรื่องแทงปลาปล่อยให้ผู้ชายไปทำ ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งอย่างเจ้าแค่ยืนดูอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว”นางกล่าวกำชับถงเฟยไม่อยู่ น่าจะยังจับไก่ไม่เสร็จ ฉู่เชียนหลีเทน้ำร้อนหนึ่งแก้วจากหม้อดินเผาในห้องครัว ยกมาให้เยว่เอ๋อร์เยว่เอ๋อร์ถือแก้วร้อนๆ ไว้ ฝ่ามืออุ่นทันทีมองดูน้ำที่มีไอร้อนพวยพุ่งออกมา ดวงตาพร่ามัวเล็กน้อย“
นางตกเป็นเป้าของเขาแล้ว ชาตินี้จะไม่ปล่อยนางไปเด็ดขาด!เฟิงเจิ้งหลียิ้มอย่างชั่วร้าย ใบหน้าเปล่งแสงแปลกประหลาดแต่อันตราย ยกเท้าเดินเข้าไปหานาง“ห้ามเข้าใกล้พระชายานะ!”เยว่เอ๋อร์ฝืนร่างกายที่วิงเวียนเพราะไม่สบาย พุ่งเข้าไปขวางอยู่ตรงหน้าฉู่เชียนหลี กางแขนทั้งสองข้างออก ป้องฉู่เชียนหลีไว้อย่างแน่นหนา“ใครก็ได้! รีบมาเร็ว! ปกป้องพระชายา!”นางตะโกนเสียงดังแต่ คนถูกล่อออกไปหมดแล้ว…พลันเฟิงเจิ้งหลีสะบัดแขนเสื้อ เหวี่ยงกำลังภายในที่แข็งแกร่งสายหนึ่งออกไป ก็ซัดเยว่เอ๋อร์ที่เป็นหวัดลอยกระเด็นไปข้างหลัง“อ๊ะ!”“เยว่เอ๋อร์!”ฉู่เชียนหลีรีบวิ่งเข้าไป ท้องที่โตเป็นพิเศษขืนร่างกายนางไว้จนแทบนั่งไม่ลง แม้แต่ลุกขึ้นก็ลำบากไม่ทันได้ประคองเยว่เอ๋อร์ เฟิงเจิ้งหลีได้คว้ามาทางนางแล้ว“ห้ามทำร้ายพระชายานะ!”เยว่เอ๋อร์รีบกระโจนเข้าไปกอดขาของอ๋องหลีด้วยเบ้าตาที่แดงก่ำ“พระชายา ท่านรีบหนีไป! รีบไปหาคุณชายจิ่งกับท่านโหวน้อย รีบไป!”“เยว่เอ๋อร์!”“พระชายา ไม่ต้องสนใจข้า ท่านรีบไป!”เยว่เอ๋อร์ฉุดรั้งอ๋องหลีอย่างสุดกำลัง พลันอ้าปาก ก็กัดไปที่ต้นขาของเขาอย่างแรง“ซี้ด….”เฟิงเจิ้งหลีเจ็บ คิ้ว
ม่านตาเขาหดฉับพลัน มีประกายของความผิดหวัง เศร้าโศก และเจ็บปวดแผ่ขยายออกมาที่แท้นี่จึงจะเป็นความในใจของนางในสายตาของนาง เขามันแย่และน่ารังเกียจมาก นางใช้คำว่า ‘ขยะแขยง’ นิยามเขาราวกับหัวใจแตกสลาย เจ็บปวดฉับพลัน แม้แต่หายใจก็ต้องพยายาม“เหอะ…เหอะๆ…”เขาเปิดริมฝีปากบาง หัวเราะเยาะตัวเอง หัวเราะอย่างเย้ยหยันความดีที่เขามีต่อนาง ในสายตาของนาง ไม่มีค่าแม้แต่แดงเดียวสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมด ล้วนคิดไปเอง“ที่แท้เจ้ามองข้าเช่นนี้นี่เอง…”เฟิงเย่เสวียนหาใช่คนดี ผู้ชายคนนั้นโหดเหี้ยมอำมหิต บีบคั้นฮูหยินเว่ยตาย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ลงคอ ก็เพราะเขาหวังดีต่อฉู่เชียนหลี จึงอยากให้ฉู่เชียนหลีไปจากเฟิงเย่เสวียนฉู่เชียนหลีไม่เพียงมองไม่เห็นความหวังดีของเขา และยังมองเขาเช่นนี้ดีดี!ดีมาก!“ฮ่าๆๆ!”เขาแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง หางตาเปล่งแสงระยิบระยับ ชั่วขณะมองไม่ออกว่าเป็นความปลื้มปีติ ความเศร้าโศก ความดีใจ หรือความโกรธ“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร…เสียวฉู่ สักวันเจ้าจะเข้าใจความหวังดีของข้า แม้ตอนนี้เจ้ามีความเข้าใจข้าผิด แต่ข้าจะไม่ถือสาเจ้า”“เจ้าถูกพิษของเฟิงเย่เสวียนแล้ว รอวันที่เจ้าฟื
ร่างกายฉู่เชียนหลีหดเกร็ง ตอนที่รู้เจตนาของเขา ก้มปกป้องท้องตามสัญชาตญาณ พลางคว้าแก้วน้ำบนโต๊ะที่อยู่ข้างเตียง ทุบไปที่เขาอย่างแรงเขาหลบ ถูกต้อนถอยหลังไปหลายก้าวนางได้รับอิสระ รีบลุกขึ้นจากเตียง พยุงท้องวิ่งไปที่หน้าต่าง“จิ่งอี้!”นางลืมไป นางสั่งให้จิ่งอี้ไปเก็บสมุนไพรที่หลังเขาแล้ว หลังเขาอยู่ห่างจากที่นี่หนึ่งถึงสองลี้ จิ่งอี้ไม่มีทางได้ยิน และไม่กลับมาเฟิงเจิ้งหลีกุมบาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือด ฝ่ามือที่แดงฉานคว้าไปทางนางนางโต้กลับเขายิ้มอย่างเย้ยหยัน“ท้องของเจ้าโตเช่นนี้ ต้องแบกท้องที่หนักหลายสิบชั่ง เจ้าดิ้นรนเลย ออกแรงเยอะๆ ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าเจ้าจะสามารถดิ้นรนไปถึงไหน”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งเครียดจนถึงขีดสุดท้องของนางใหญ่กว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ทั่วไปหนึ่งเท่า ประกอบกับแปดเดือนแล้ว ปกติเวลาเดินยังต้องประคอง เวลานอนก็ไม่สามารถนอนราบ อยากวิ่งก็วิ่งไม่เร็ว อยากต่อสู้ก็ไม่สามารถสู้ได้อย่างเต็มที่เมื่อปะทะกัน อย่างไรนางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงเจิ้งหลีนางยืนอยู่ตรงข้างหน้าต่าง จ้องเขาอย่างหวาดระแวง และทำท่าป้องกันเฟิงเจิ้งหลีกล่าว “ทำเจ้าเจ็บข้าจะปวดใจ เจ้ากินยาเม็
หลังจากเฟิงเย่เสวียนพูดจบ ก็ออกไปจากทางหน้าต่างมาก็ไว ไปก็ไว แต่กลับทิ้งเลือดและความยุ่งเหยิงไว้เต็มห้อง…“เจ้าดำน้อย…”ฉู่เชียนหลีเดินออกไปอย่างโซซัดโซเซ สองมือที่สั่นเทากอดร่างที่โชกไปด้วยเลือดของเจ้าดำน้อย แผลกระบี่ที่ลึกหลายสายกรีดลงบนหลังของมัน เลือดแดงฉานจนน่าตกใจ หูก็ถูกตัดขาดไปหนึ่งข้างนางเกลียดเขามากเพราะเหตุใดเรื่องระหว่างเขากับเฟิงเย่เสวียน ต้องเอาสัตว์เดรัจฉานที่ไร้เดียงสามาเกี่ยวข้องเขาบอกว่าเฟิงเย่เสวียนไม่เลือกวิธีการแต่แล้วเขาดีกว่าเฟิงเย่เสวียนตรงไหน?“บรู๊ว…” เสียงทุ้มต่ำดังออกมาจากในลำคอเจ้าดำน้อย เหมือนสะอึกสะอื้น แต่ก็เหมือนปลอบใจมันนอนหมอบอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรง ฝืนยกเปลือกตาขึ้น หน้าอกกระพือขึ้นลงเพราะหอบ แบกรับความทุกข์ทรมานอย่างมาก กลับอดกลั้นความเจ็บปวดไว้ ยกหัวขึ้นมาเลียฝ่ามือของนางอย่างยากลำบากท่าทางนั่นเหมือนกำลังบอกว่าไม่ต้องห่วงมันไม่เป็นอะไรเบ้าตาของฉู่เชียนหลีแดงก่ำทันที พลางห้ามเลือดให้มัน พลางหลั่งน้ำตา“ข้าเป็นคนทำร้ายเจ้า”“เมืองหลวงแห่งนี้ไม่ใช่เมืองหลวงในอดีตแล้ว ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าสามารถอยู่ได้ เจ้ากลับเขาคุนหลุนเถอ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท