ม่านตาเขาหดฉับพลัน มีประกายของความผิดหวัง เศร้าโศก และเจ็บปวดแผ่ขยายออกมาที่แท้นี่จึงจะเป็นความในใจของนางในสายตาของนาง เขามันแย่และน่ารังเกียจมาก นางใช้คำว่า ‘ขยะแขยง’ นิยามเขาราวกับหัวใจแตกสลาย เจ็บปวดฉับพลัน แม้แต่หายใจก็ต้องพยายาม“เหอะ…เหอะๆ…”เขาเปิดริมฝีปากบาง หัวเราะเยาะตัวเอง หัวเราะอย่างเย้ยหยันความดีที่เขามีต่อนาง ในสายตาของนาง ไม่มีค่าแม้แต่แดงเดียวสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมด ล้วนคิดไปเอง“ที่แท้เจ้ามองข้าเช่นนี้นี่เอง…”เฟิงเย่เสวียนหาใช่คนดี ผู้ชายคนนั้นโหดเหี้ยมอำมหิต บีบคั้นฮูหยินเว่ยตาย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ลงคอ ก็เพราะเขาหวังดีต่อฉู่เชียนหลี จึงอยากให้ฉู่เชียนหลีไปจากเฟิงเย่เสวียนฉู่เชียนหลีไม่เพียงมองไม่เห็นความหวังดีของเขา และยังมองเขาเช่นนี้ดีดี!ดีมาก!“ฮ่าๆๆ!”เขาแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง หางตาเปล่งแสงระยิบระยับ ชั่วขณะมองไม่ออกว่าเป็นความปลื้มปีติ ความเศร้าโศก ความดีใจ หรือความโกรธ“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร…เสียวฉู่ สักวันเจ้าจะเข้าใจความหวังดีของข้า แม้ตอนนี้เจ้ามีความเข้าใจข้าผิด แต่ข้าจะไม่ถือสาเจ้า”“เจ้าถูกพิษของเฟิงเย่เสวียนแล้ว รอวันที่เจ้าฟื
ร่างกายฉู่เชียนหลีหดเกร็ง ตอนที่รู้เจตนาของเขา ก้มปกป้องท้องตามสัญชาตญาณ พลางคว้าแก้วน้ำบนโต๊ะที่อยู่ข้างเตียง ทุบไปที่เขาอย่างแรงเขาหลบ ถูกต้อนถอยหลังไปหลายก้าวนางได้รับอิสระ รีบลุกขึ้นจากเตียง พยุงท้องวิ่งไปที่หน้าต่าง“จิ่งอี้!”นางลืมไป นางสั่งให้จิ่งอี้ไปเก็บสมุนไพรที่หลังเขาแล้ว หลังเขาอยู่ห่างจากที่นี่หนึ่งถึงสองลี้ จิ่งอี้ไม่มีทางได้ยิน และไม่กลับมาเฟิงเจิ้งหลีกุมบาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือด ฝ่ามือที่แดงฉานคว้าไปทางนางนางโต้กลับเขายิ้มอย่างเย้ยหยัน“ท้องของเจ้าโตเช่นนี้ ต้องแบกท้องที่หนักหลายสิบชั่ง เจ้าดิ้นรนเลย ออกแรงเยอะๆ ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าเจ้าจะสามารถดิ้นรนไปถึงไหน”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งเครียดจนถึงขีดสุดท้องของนางใหญ่กว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ทั่วไปหนึ่งเท่า ประกอบกับแปดเดือนแล้ว ปกติเวลาเดินยังต้องประคอง เวลานอนก็ไม่สามารถนอนราบ อยากวิ่งก็วิ่งไม่เร็ว อยากต่อสู้ก็ไม่สามารถสู้ได้อย่างเต็มที่เมื่อปะทะกัน อย่างไรนางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงเจิ้งหลีนางยืนอยู่ตรงข้างหน้าต่าง จ้องเขาอย่างหวาดระแวง และทำท่าป้องกันเฟิงเจิ้งหลีกล่าว “ทำเจ้าเจ็บข้าจะปวดใจ เจ้ากินยาเม็
หลังจากเฟิงเย่เสวียนพูดจบ ก็ออกไปจากทางหน้าต่างมาก็ไว ไปก็ไว แต่กลับทิ้งเลือดและความยุ่งเหยิงไว้เต็มห้อง…“เจ้าดำน้อย…”ฉู่เชียนหลีเดินออกไปอย่างโซซัดโซเซ สองมือที่สั่นเทากอดร่างที่โชกไปด้วยเลือดของเจ้าดำน้อย แผลกระบี่ที่ลึกหลายสายกรีดลงบนหลังของมัน เลือดแดงฉานจนน่าตกใจ หูก็ถูกตัดขาดไปหนึ่งข้างนางเกลียดเขามากเพราะเหตุใดเรื่องระหว่างเขากับเฟิงเย่เสวียน ต้องเอาสัตว์เดรัจฉานที่ไร้เดียงสามาเกี่ยวข้องเขาบอกว่าเฟิงเย่เสวียนไม่เลือกวิธีการแต่แล้วเขาดีกว่าเฟิงเย่เสวียนตรงไหน?“บรู๊ว…” เสียงทุ้มต่ำดังออกมาจากในลำคอเจ้าดำน้อย เหมือนสะอึกสะอื้น แต่ก็เหมือนปลอบใจมันนอนหมอบอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรง ฝืนยกเปลือกตาขึ้น หน้าอกกระพือขึ้นลงเพราะหอบ แบกรับความทุกข์ทรมานอย่างมาก กลับอดกลั้นความเจ็บปวดไว้ ยกหัวขึ้นมาเลียฝ่ามือของนางอย่างยากลำบากท่าทางนั่นเหมือนกำลังบอกว่าไม่ต้องห่วงมันไม่เป็นอะไรเบ้าตาของฉู่เชียนหลีแดงก่ำทันที พลางห้ามเลือดให้มัน พลางหลั่งน้ำตา“ข้าเป็นคนทำร้ายเจ้า”“เมืองหลวงแห่งนี้ไม่ใช่เมืองหลวงในอดีตแล้ว ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าสามารถอยู่ได้ เจ้ากลับเขาคุนหลุนเถอ
รุ่งเช้า ทั้งกลุ่มกลับเมืองหลวงแล้วจวนอ๋องเฉิน“เมียเจ้าเจ็ด?!”อ๋องติ้งได้รับการไหว้วานจากอ๋องเฉิน ช่วยรับผิดชอบจวนอ๋องเฉิน ดูแลเรื่องเล็กใหญ่ทั้งหมดในจวน เขากำลังกินนกพิราบย่างข้างโต๊ะ จู่ๆ ก็เห็นฉู่เชียนหลีกลับมาแล้ว ก็ไหนบอกว่าจะไปอยู่สองเดือนไม่ใช่หรือ? นี่เพิ่งจะครึ่งเดือนก็กลับมาแล้ว?เขาไม่ได้ตาฝาดกระมัง?รีบเดินเข้าไป “เหตุใดถึงกลับมากะทันหันแล้ว? เกิดอะไรขึ้นหรือ?”“พี่สี่” ฉู่เชียนหลีทักทาย “เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอ๋องหลีในช่วงนี้ ท่านรู้แค่ไหน?”อ๋องติ้งเป็นคนร่างอ้วนใจกว้าง โผงผางแต่ตะกละกินมาโดยตลอด ไม่ค่อยสนใจเรื่องงานราชการมากนัก แต่เขารู้เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างอ๋องเฉินกับอ๋องหลีเขากล่าว“ครึ่งเดือนที่ผ่านมา อ๋องหลีได้สร้างผลงานติดต่อกันสามครั้ง ไขคดีสำคัญ ช่วยเหลือราษฎร ชาวบ้านพากันปรบมือชื่นชม เสด็จพ่อก็พอใจในตัวเขามาก”“สามารถพูดได้ว่าเขาอยู่ในช่วงจิตใจฮึกเหิม ชีวิตเป็นดั่งใจ”ทุกอย่างราบรื่นแต่เจตนาของอ๋องเฉินคือ ให้เขาเฝ้าจวนอ๋องเฉินกับฉู่เชียนหลีให้ดี ถ้าหากไม่เกิดเรื่อง ก็อย่าไปรบกวนฉู่เชียนหลีบำรุงครรภ์ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ส่งข่าวในเมืองหลวง
จวนอ๋องเฉินวันนี้ฉู่เชียนหลีอยู่กับเจ้าดำน้อยทั้งวัน หลังจากห้องครัวต้มแกงกระดูกเสร็จ ก็ยกมือ เจ้าดำน้อยหมอบอยู่บนเบาะที่อ่อนนุ่ม พลางเลียแปะๆๆ ฉู่เชียนหลีลูบขนที่อ่อนนุ่มของมันเบาๆ มองดูบาดแผลของมัน ในแววตาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก“กลับเขาคุนหลุนเถอะ จากนี้ไปจะไม่สงบมากนัก ข้าไม่อยากเห็นเจ้าเจ็บตัว”เจ้าดำน้อยเลียน้ำแกง“หมาป่าก็ควรอยู่ในป่าอย่างไร้กังวล ไม่ใช่ถูกขังอยู่ในจวนอ๋องเล็กๆ”มันแทะกระดูก“เจ้าดำน้อย!”มันแทะอย่างจริงจัง เหมือนไม่ได้ยินที่นางพูดฉู่เชียนหลีถูกโมโหจนหัวเราะแล้วจะว่าไปมันเป็นสัตว์ ไม่เข้าใจคำพูดของนางกระมัง แต่มันกลับรู้จักปฏิเสธนางด้วยการนิ่งเงียบบางครั้ง เมื่อเทียบกับมนุษย์ สัตว์กลับซื่อสัตย์และเชื่อถือได้มากกว่า“พระชายา ไม่ต้องดูเจ้าดำน้อยแล้ว บาดแผลของเจ้าดำน้อยไม่ถึงชีวิต ท่านก็รีบกินอะไรหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”เยว่เอ๋อร์พาสาวใช้สองคนของห้องครัวเข้ามา จัดวางอาหารเย็นไว้บนโต๊ะฉู่เชียนหลีเงยหน้า“อาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เยว่เอ๋อร์จับเอว “หลังจากนวดยาดองก็ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ แต่ยังไม่สามารถก้มตัว ข้าไม่เป็นอะไร อีกไม่กี่วันก็หายดีแล้วเจ
เขากล่าวพลางยกชามขึ้น ตักข้าวหนึ่งช้อนยื่นไปที่ปากนางคิ้วของฉู่เชียนหลีขมวดจนเป็นปม นางหงายหน้าถอยเพื่อเว้นระยะห่างกับเขา แต่เขากลับยื่นมือมาดึงนางเข้าไปกะทันหันข้าวหนึ่งช้อน ถูกใช้กำลังยัดเข้าปากนาง“อืม!”นางกำลังจะคลายทิ้ง“กิน!”เสียงของเขาแข็งกระด้าง “ความเป็นความตายของเฟิงเย่เสวียนอยู่ในมือข้า ถ้าหากเจ้ากล้าคลายทิ้ง ข้าจะฆ่าเขา!”การเคลื่อนไหวของนางชะงักฉับพลันดวงตาที่แดงฉานจ้องนางด้วยความโกรธ ในแววตาไม่มีอะไรเลยนอกจากความเกลียดชังและความโกรธในสายตาเขา เกลียดก็ดี โกรธก็ดี ขอแค่นางอยู่ข้างกายเขา มันก็เพียงพอแล้วมองดูท่าทางของนางที่ถึงแม้จะโกรธแค้น แต่ก็ยังฝืนกล้ำกลืน เขาหัวเราะแล้ว พลางลูบแก้มหน้าเบาๆ“เช่นนี้สิถึงจะเป็นเด็กดี”เขาตักข้าวอีกหนึ่งช้อน ยื่นไปที่ปากนางนางอยากดิ้นให้หลุด กลับถูกเขาบีบคาง แงะปากจนเปิดแล้วยัดเข้าไปอีกครั้งฉู่เชียนหลีดิ้นไม่หลุด ท้ายที่สุดก็เลิกดิ้นรน นางถาม“ตอนนี้เจ้าบุกเข้าจวนอ๋องเฉินอย่างอาจหาญเช่นนี้แล้วหรือ?”เมื่อก่อน เขาอาศัยความมืดปีนเข้ามาทางหน้าต่างปัจจุบันใช้ประตูใหญ่ เดินเข้ามาอย่างเปิดเผยต่อหน้าทุกคน“ข้ากับเฟิงเย่
พูดจบ เขาก็ก้มลงไปอุ้มนางขึ้นเตียง ลูบแล้วลูบใบหน้าเล็กๆ ที่ซีดเซียวของนางอย่างอ่อนโยน จากนั้นจัดแจงเสื้อเพ้าสีขาวเสี้ยวจันทร์อันหรูหราครู่หนึ่ง ก็จากไปอย่างอารมณ์ดีแล้วสีหน้าของฉู่เชียนหลีน่าเกลียดมากตอนที่เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงเข้ามาเก็บโต๊ะ รู้สึกถึงความผิดปกติ รู้ได้ในทันทีว่าเกี่ยวข้องกับอ๋องหลีมองสีหน้าที่มืดสลัวของพระชายา ทั้งสองปวดใจนัก“พระชายา ท่านไม่ต้องกังวล ในมือท่านอ๋องมีทหารองครักษ์เงาแปดหมื่นนาย อีกทั้งยังมีประสบการณ์ทำสงครามมากมาย เขาจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอนเจ้าค่ะ!” เยว่เอ๋อร์กล่าวอวิ๋นอิงพยักหน้า“ทุกคนรู้จักความสามารถของท่านอ๋องดี อ๋องหลีอยากทำร้ายเขา หาใช่เรื่องง่าย หานอิ๋งกับคนของสำนักอู๋จี๋ได้เดินทางไปรวมกลุ่มกับท่านอ๋องที่เป่ยเจียงอย่างเร่งด่วนแล้ว”“รอท่านอ๋องกลับเมือง ก็คือวันตายของอ๋องหลี!”ฉู่เชียนหลีเชื่อในความสามารถของเฟิงเย่เสวียน แต่ก็กลัวเฟิงเจิ้งหลีเล่นสกปรกไม่เจอเฟิงเย่เสวียนหนึ่งวัน นางก็ไม่สบายใจหนึ่งวันเยว่เอ๋อร์กล่าวเกลี้ยกล่อม“คุณชายจิ่งกำลังจับตาดูทางฝั่งของฝ่าบาท ขอแค่หาเบาะแสให้เจอ ก็สามารถจัดการอ๋องหลี แต่ก่อนหน้านี้ ท่
หัวข้อสนทนานี้จบลงฉู่เชียนหลีมองอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ ไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อย “ต่อไป ปิดประตูใหญ่ของจวนอ๋องให้หมด ไม่รับแขกใดๆ ทั้งสิ้น แล้วก็เพิ่มทหารยามอีกหนึ่งเท่า”นางไม่อยากเจอเฟิงเจิ้งหลีอีก“เจ้าค่ะ”เยว่เอ๋อร์ขานรับคำหนึ่ง ใช้มือจับเอวที่ยังเจ็บเป็นระยะ เดินออกไปถ่ายทอดคำสั่งของพระชายา“เหตุใดไม่เห็นเสด็จแม่?”คราวนี้ ฉู่เชียนหลีจึงจะสังเกตเห็นเรื่องนี้นางคิดในใจ เหมือนว่าวันนี้ไม่เจอถงเฟยเลยอวิ๋นอิงกล่าว “พระสนมถงเฟยเข้าวังตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนนี้ยังไม่กลับมาเจ้าค่ะ”ถงเฟยรับพระบัญชาดูแลฉู่เชียนหลี ไม่มีทางกลับตำหนัก ดูเหมือนนางเข้าวังเพราะเรื่องของอ๋องหลี แต่นี่ก็ทั้งวันแล้วยังไม่มีข่าวคราวอีกดูเหมือนไม่ราบรื่นฉู่เชียนหลีลูบท้องพลางกล่าวเสียงเบา“ฝ่าบาทไม่ยอมพบถงเฟย ถ้าหากข้าขอเข้าเฝ้า อวิ๋นอิง เจ้าว่าเขาจะยอมพบข้าหรือไม่?”อวิ๋นอิงเงียบนางไม่กล้าพูดปัจจุบันฮ่องเต้กับอ๋องหลีใกล้ชิดกัน ถ้าหากเขาไม่อยากตอบคำถามของพระชายา ก็ย่อมไม่พบพระชายาเช่นกัน ท่านอ๋องไม่อยู่บ้าน จวนอ๋องเฉินอยู่ในสถานะที่ตกเป็นเป้าไม่ว่าจะทำอะไร ก็ไม่มีความมั่นใจและเอิกเกริกเหม
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา
จวินลั่วยวนตื่นตระหนกแล้วนางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะตกหลุมพรางของฉู่เชียนหลี ตอนนี้ไม่สามารถทำให้นางตาย และยังทำให้เสด็จพี่สามสงสัย ไม่เพียงไม่ได้อะไรเลย แถมยังเสียอีกต่างหาก“เสด็จ เสด็จพี่สาม…”จบแล้ว!นางจะสูญเสียความรักของเสด็จพี่สามไม่ได้!จะปล่อยให้นางแพศยาฉู่เชียนหลีทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!สมองของจวินลั่วยวนแล่นอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆ สองวินาที คิดแผนรับมือได้แล้ว เบ้าตาแดงก่ำโดยตรง มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่กลมโต นางกล่าว“เสด็จพี่สาม ดีจังที่ท่านไม่เป็นอะไร!”“ข้าได้ยินซวงซวงบอกว่าท่านกับพระชายาอ๋องเฉินออกมาด้วยกัน และยังมาสถานที่ลับเช่นนี้อีก ข้าคิดว่าพวกท่านทำ…เรื่องอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เสียอีก”“ข้าเป็นห่วงท่านจึงตามมา เสด็จพี่สาม ท่านไม่โทษข้ากระมัง?”น้ำตาแห่งความกังวลและไร้เดียงสาไหลออกมาจากหางตาของนางจวินชิงอวี่ชะงักเล็กน้อย“เป็นห่วง?”“ใช่แล้ว ท่านเป็นพี่ชายของข้า พระชายาอ๋องเฉินก็เป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว พวกท่านสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน และยังอยู่ด้วยกันนานเช่นนี้ จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร?”ทุกคำพูดของจวินลั่วยวนฟังดูมีเหตุผลมาก“ข้าคิดว่าพวกท่านกำลัง…
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ
“ดื่มเยอะๆ”“...เสด็จแม่ยังไม่ฟื้นหรือ?”“หมอบอกว่าอาจจะต้องพรุ่งนี้ เสด็จพี่สาม ฉู่เชียนหลีโกหก ไม่ว่าเวลาไหน ท่านก็ห้ามเชื่อคำพูดของนางเด็ดขาด และไม่ว่ายวนเอ๋อร์ทำอะไร ก็ล้วนทำเพราะหวังดีต่อท่านพี่ ยวนเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง”จวินลั่วยวนเงยหน้า กล่าวอย่างจริงจังมากจวินชิงอวี่เชื่อคำพูดของนางอย่างไม่มีเงื่อนไขเขามีแค่น้องสาวคนเดียว เขาไม่ตามใจแล้วใครจะตามใจ? เขาไม่รักแล้วใครจะรัก?“เป็นเด็กดีนะ”วันรุ่งขึ้นตามที่นัดหมายกับฉู่เชียนหลี เดิมทีจวินชิงอวี่ไม่อยากไป ยี่สิบกว่าปีมานี้ มีหมอนับไม่ถ้วนเคยรักษาเขา ไม่มีใครสามารถรักษาโรคร้อนของเขาได้เลยกล่าวอีกนัยคือ เขาไม่เชื่อฉู่เชียนหลี แต่การเดิมพันนั่น…เขาไม่เคยสงสัยยวนเอ๋อร์การเดิมพันนี้ ก็ย่อมไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์ลับกล่าว “องค์ชาย ท่านไปดีกว่า ในแคว้นตงหลิง ไม่มีใครไม่รู้ว่าทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ ถ้าหากนางสามารถรักษาได้จริงๆ ต่อไปท่านก็ไม่ต้องเจ็บปวดเพราะโรคกำเริบแล้ว”หลังจากจวินชิงอวี่ครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจไปชานเมืองบ้านหลังหนึ่งที่เงียบสงบเอี๊ยด…“ท่านมา
“เช่นนั้นพวกเราเหมือนเดิมพันกัน”“เดิมพันก็เดิมพัน!”นอกหอน้ำชาจวินลั่วยวนมาถึง หลังจากสอบถามข้อมูลคร่าวๆ จากเด็กในร้าน ก็ย่องขึ้นไปบนชั้นสอง เข้าใกล้ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง เพิ่งแนบหูเข้าไป ก็ได้ยินเสียงสนทนาข้างในเสียงของฉู่เชียนหลี“โรคร้อนอันตรายมาก แค่ไม่ระวังเล็กน้อยก็จะกำเริบ ตอนที่ข้ารักษาเจ้า ต้องเปิดจุดชีพจร กรีดเปิดแผลบนมือและเท้าสี่จุด ใช้เลือดของข้าแลกกับเจ้าครึ่งหนึ่ง ในระหว่างนี้ห้ามถูกรบกวนเด็ดขาด”ลดเสียงกล่าวอย่างจริงจัง“ไม่เช่นนั้น กำลังภายในจะย้อนกลับ ห้ามเลือดไม่ได้ ถึงเวลา ข้าจะตาย เจ้าก็เจ้าตาย”จวินลั่วยวนประหลาดใจฉู่เชียนหลีสามารถรักษาโรคร้อน?ยิ่งกว่านั้น!ประเด็นสำคัญคือ!ห้ามถูกขัดจังหวะกลางคันเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นฉู่เชียนหลีกับองค์ชายสามล้วนจะตาย!ฉู่เชียนหลีตายแล้ว ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินก็ว่าง อยากได้อ๋องเฉิน ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือแล้วไม่ใช่หรือ?ทันใดนั้น แววตาเร่าร้อนทันทีตื่นเต้นคาดหวังแทบรอไม่ไหวนางกำลังจะเป็นพระชายาอ๋องเฉินแล้ว!การสนทนาภายในห้องกินเวลานานหนึ่งเค่อ ก่อนจะจบลง จวินลั่วยวนรีบวิ่งไปซ่อนตัวที่หัวมุม ประตูห้องเปิดออ
จวินลั่วยวนยกมือทั้งสองข้างขึ้น วางลงไปที่คอของฮองเฮาทันใดนั้น ร่างกายของฮองเฮาหนานยวนขยับเล็กน้อย นางรีบดึงมือกลับ ลุกขึ้นยืน และกลับมาดูเป็นเด็กดีอีกครั้ง“ซวงซวง ทางเสด็จพี่สามของข้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”ซวงซวงวิ่งเข้ามา“เมื่อครู่ทางองครักษ์มารายงาน หลังจากเสด็จพี่สามออกไป เจอสามีภรรยาอ๋องเฉิน ตอนนี้พวกเขาเข้าไปในหอน้ำชาแล้ว ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันลับๆ เจ้าค่ะ”“?”พวกเขายังมีเรื่องให้คุยกันอีกหรือ?เสด็จพี่สามไม่ได้ไปสืบเรื่องของคนร้าย?เหตุใดยังสามารถคุยกับสามีภรรยาอ๋องเฉินดีๆ อีก?คุยอะไรกัน?หรือเป็นความลับที่นางไม่รู้?จวินลั่วยวนไม่อนุญาตให้มีเรื่องที่อยู่เหนือกันควบคุมของนาง กล่าวทันที “ซวงซวง เจ้าเฝ้าเสด็จแม่ไว้ ข้าลองไปดูหน่อย!”“เจ้าค่ะ องค์หญิง!”หอน้ำชาห้องส่วนตัวจวินชิงอวี่นั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ สีหน้าดูไม่ดีนัก และยังบึ้งตึงเหมือนจะกินคน กัดฟันจนดังก๊อกๆ“ท่านกล้าบอกว่ายวนเอ๋อร์เป็นคนวางยา!”จ้องฉู่เชียนหลีด้วยความโกรธโมโหมากถ้าหากไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินนั่งอยู่ที่ข้างๆ เกรงว่าเขาลงมือโดยตรงแล้วฉู่เชียนหลีกล่าว“ตอนที่พวกเราออกจากศาลาพักม้า องครักษ์ลับ
ฉู่เชียนหลี “องค์หญิงมั่นใจในตัวเองจริงๆ เหมือนจะลืมไปแล้วว่าผู้หญิงที่ถูกอ๋องเฉินโยนออกไปเป็นใคร?”“...”รออ๋องเฉินถีบฉู่เชียนหลีทิ้ง นางจะจับฉู่เชียนหลีมาขังไว้ ทรมานทุกวัน ทำให้นางทรมานยิ่งกว่าตายจวินลั่วยวนเถียงไม่ไหว พลันเบ้าตาแดงก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของจวินชิงอวี่ หาที่ปลอบใจตัวเองจวินชิงอวี่ย่อมเข้าข้างน้องสาว“ฉู่เชียนหลี ดูจากพฤติกรรมที่ชอบบีบคั้นคนของเจ้า มันก็ไม่แปลกอะไรที่เจ้าจะสามารถวางยาพิษ”อาศัยเพียงแค่การคาดเดา ก็ตัดสินโทษของนางแล้ว?น่าขำ!พี่น้องคู่นี้ คนหนึ่งหน้าไหว้หลังหลอก อีกคนความรักบังตา ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ“มันน่าอัศจรรย์จริงๆ ที่แคว้นหนานยวนของพวกท่านสามารถพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน”จวินชิงอวี่หน้าบึ้งทันที “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ปัญหาส่วนตัว ตอนนี้จะลามปามไปถึงบ้านเมืองแล้ว?“ตามที่พูด”“เจ้า!”เขาโมโหจนจะเดินเข้าไปหานางพลันเฟิงเย่เสวียนยกฝ่ามือใหญ่ ดึงนางมาที่ข้างกาย “ข้าตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกอะไร”ทุกคนรีบหันไปมอง รอคอยคำพูดต่อจากนี้เฟิงเย่เสวียนกล่าวอย่างใจเย็น“แคว้นหนานยวนต่ำช้าเช่นนี้ ต่อให้ข้าแพ้ศึกครั้งนี้ ก็ไม่ร่วม