ม่านตาเขาหดฉับพลัน มีประกายของความผิดหวัง เศร้าโศก และเจ็บปวดแผ่ขยายออกมาที่แท้นี่จึงจะเป็นความในใจของนางในสายตาของนาง เขามันแย่และน่ารังเกียจมาก นางใช้คำว่า ‘ขยะแขยง’ นิยามเขาราวกับหัวใจแตกสลาย เจ็บปวดฉับพลัน แม้แต่หายใจก็ต้องพยายาม“เหอะ…เหอะๆ…”เขาเปิดริมฝีปากบาง หัวเราะเยาะตัวเอง หัวเราะอย่างเย้ยหยันความดีที่เขามีต่อนาง ในสายตาของนาง ไม่มีค่าแม้แต่แดงเดียวสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมด ล้วนคิดไปเอง“ที่แท้เจ้ามองข้าเช่นนี้นี่เอง…”เฟิงเย่เสวียนหาใช่คนดี ผู้ชายคนนั้นโหดเหี้ยมอำมหิต บีบคั้นฮูหยินเว่ยตาย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ลงคอ ก็เพราะเขาหวังดีต่อฉู่เชียนหลี จึงอยากให้ฉู่เชียนหลีไปจากเฟิงเย่เสวียนฉู่เชียนหลีไม่เพียงมองไม่เห็นความหวังดีของเขา และยังมองเขาเช่นนี้ดีดี!ดีมาก!“ฮ่าๆๆ!”เขาแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง หางตาเปล่งแสงระยิบระยับ ชั่วขณะมองไม่ออกว่าเป็นความปลื้มปีติ ความเศร้าโศก ความดีใจ หรือความโกรธ“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร…เสียวฉู่ สักวันเจ้าจะเข้าใจความหวังดีของข้า แม้ตอนนี้เจ้ามีความเข้าใจข้าผิด แต่ข้าจะไม่ถือสาเจ้า”“เจ้าถูกพิษของเฟิงเย่เสวียนแล้ว รอวันที่เจ้าฟื
ร่างกายฉู่เชียนหลีหดเกร็ง ตอนที่รู้เจตนาของเขา ก้มปกป้องท้องตามสัญชาตญาณ พลางคว้าแก้วน้ำบนโต๊ะที่อยู่ข้างเตียง ทุบไปที่เขาอย่างแรงเขาหลบ ถูกต้อนถอยหลังไปหลายก้าวนางได้รับอิสระ รีบลุกขึ้นจากเตียง พยุงท้องวิ่งไปที่หน้าต่าง“จิ่งอี้!”นางลืมไป นางสั่งให้จิ่งอี้ไปเก็บสมุนไพรที่หลังเขาแล้ว หลังเขาอยู่ห่างจากที่นี่หนึ่งถึงสองลี้ จิ่งอี้ไม่มีทางได้ยิน และไม่กลับมาเฟิงเจิ้งหลีกุมบาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือด ฝ่ามือที่แดงฉานคว้าไปทางนางนางโต้กลับเขายิ้มอย่างเย้ยหยัน“ท้องของเจ้าโตเช่นนี้ ต้องแบกท้องที่หนักหลายสิบชั่ง เจ้าดิ้นรนเลย ออกแรงเยอะๆ ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าเจ้าจะสามารถดิ้นรนไปถึงไหน”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งเครียดจนถึงขีดสุดท้องของนางใหญ่กว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ทั่วไปหนึ่งเท่า ประกอบกับแปดเดือนแล้ว ปกติเวลาเดินยังต้องประคอง เวลานอนก็ไม่สามารถนอนราบ อยากวิ่งก็วิ่งไม่เร็ว อยากต่อสู้ก็ไม่สามารถสู้ได้อย่างเต็มที่เมื่อปะทะกัน อย่างไรนางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงเจิ้งหลีนางยืนอยู่ตรงข้างหน้าต่าง จ้องเขาอย่างหวาดระแวง และทำท่าป้องกันเฟิงเจิ้งหลีกล่าว “ทำเจ้าเจ็บข้าจะปวดใจ เจ้ากินยาเม็
หลังจากเฟิงเย่เสวียนพูดจบ ก็ออกไปจากทางหน้าต่างมาก็ไว ไปก็ไว แต่กลับทิ้งเลือดและความยุ่งเหยิงไว้เต็มห้อง…“เจ้าดำน้อย…”ฉู่เชียนหลีเดินออกไปอย่างโซซัดโซเซ สองมือที่สั่นเทากอดร่างที่โชกไปด้วยเลือดของเจ้าดำน้อย แผลกระบี่ที่ลึกหลายสายกรีดลงบนหลังของมัน เลือดแดงฉานจนน่าตกใจ หูก็ถูกตัดขาดไปหนึ่งข้างนางเกลียดเขามากเพราะเหตุใดเรื่องระหว่างเขากับเฟิงเย่เสวียน ต้องเอาสัตว์เดรัจฉานที่ไร้เดียงสามาเกี่ยวข้องเขาบอกว่าเฟิงเย่เสวียนไม่เลือกวิธีการแต่แล้วเขาดีกว่าเฟิงเย่เสวียนตรงไหน?“บรู๊ว…” เสียงทุ้มต่ำดังออกมาจากในลำคอเจ้าดำน้อย เหมือนสะอึกสะอื้น แต่ก็เหมือนปลอบใจมันนอนหมอบอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรง ฝืนยกเปลือกตาขึ้น หน้าอกกระพือขึ้นลงเพราะหอบ แบกรับความทุกข์ทรมานอย่างมาก กลับอดกลั้นความเจ็บปวดไว้ ยกหัวขึ้นมาเลียฝ่ามือของนางอย่างยากลำบากท่าทางนั่นเหมือนกำลังบอกว่าไม่ต้องห่วงมันไม่เป็นอะไรเบ้าตาของฉู่เชียนหลีแดงก่ำทันที พลางห้ามเลือดให้มัน พลางหลั่งน้ำตา“ข้าเป็นคนทำร้ายเจ้า”“เมืองหลวงแห่งนี้ไม่ใช่เมืองหลวงในอดีตแล้ว ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าสามารถอยู่ได้ เจ้ากลับเขาคุนหลุนเถอ
รุ่งเช้า ทั้งกลุ่มกลับเมืองหลวงแล้วจวนอ๋องเฉิน“เมียเจ้าเจ็ด?!”อ๋องติ้งได้รับการไหว้วานจากอ๋องเฉิน ช่วยรับผิดชอบจวนอ๋องเฉิน ดูแลเรื่องเล็กใหญ่ทั้งหมดในจวน เขากำลังกินนกพิราบย่างข้างโต๊ะ จู่ๆ ก็เห็นฉู่เชียนหลีกลับมาแล้ว ก็ไหนบอกว่าจะไปอยู่สองเดือนไม่ใช่หรือ? นี่เพิ่งจะครึ่งเดือนก็กลับมาแล้ว?เขาไม่ได้ตาฝาดกระมัง?รีบเดินเข้าไป “เหตุใดถึงกลับมากะทันหันแล้ว? เกิดอะไรขึ้นหรือ?”“พี่สี่” ฉู่เชียนหลีทักทาย “เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอ๋องหลีในช่วงนี้ ท่านรู้แค่ไหน?”อ๋องติ้งเป็นคนร่างอ้วนใจกว้าง โผงผางแต่ตะกละกินมาโดยตลอด ไม่ค่อยสนใจเรื่องงานราชการมากนัก แต่เขารู้เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างอ๋องเฉินกับอ๋องหลีเขากล่าว“ครึ่งเดือนที่ผ่านมา อ๋องหลีได้สร้างผลงานติดต่อกันสามครั้ง ไขคดีสำคัญ ช่วยเหลือราษฎร ชาวบ้านพากันปรบมือชื่นชม เสด็จพ่อก็พอใจในตัวเขามาก”“สามารถพูดได้ว่าเขาอยู่ในช่วงจิตใจฮึกเหิม ชีวิตเป็นดั่งใจ”ทุกอย่างราบรื่นแต่เจตนาของอ๋องเฉินคือ ให้เขาเฝ้าจวนอ๋องเฉินกับฉู่เชียนหลีให้ดี ถ้าหากไม่เกิดเรื่อง ก็อย่าไปรบกวนฉู่เชียนหลีบำรุงครรภ์ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ส่งข่าวในเมืองหลวง
จวนอ๋องเฉินวันนี้ฉู่เชียนหลีอยู่กับเจ้าดำน้อยทั้งวัน หลังจากห้องครัวต้มแกงกระดูกเสร็จ ก็ยกมือ เจ้าดำน้อยหมอบอยู่บนเบาะที่อ่อนนุ่ม พลางเลียแปะๆๆ ฉู่เชียนหลีลูบขนที่อ่อนนุ่มของมันเบาๆ มองดูบาดแผลของมัน ในแววตาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก“กลับเขาคุนหลุนเถอะ จากนี้ไปจะไม่สงบมากนัก ข้าไม่อยากเห็นเจ้าเจ็บตัว”เจ้าดำน้อยเลียน้ำแกง“หมาป่าก็ควรอยู่ในป่าอย่างไร้กังวล ไม่ใช่ถูกขังอยู่ในจวนอ๋องเล็กๆ”มันแทะกระดูก“เจ้าดำน้อย!”มันแทะอย่างจริงจัง เหมือนไม่ได้ยินที่นางพูดฉู่เชียนหลีถูกโมโหจนหัวเราะแล้วจะว่าไปมันเป็นสัตว์ ไม่เข้าใจคำพูดของนางกระมัง แต่มันกลับรู้จักปฏิเสธนางด้วยการนิ่งเงียบบางครั้ง เมื่อเทียบกับมนุษย์ สัตว์กลับซื่อสัตย์และเชื่อถือได้มากกว่า“พระชายา ไม่ต้องดูเจ้าดำน้อยแล้ว บาดแผลของเจ้าดำน้อยไม่ถึงชีวิต ท่านก็รีบกินอะไรหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”เยว่เอ๋อร์พาสาวใช้สองคนของห้องครัวเข้ามา จัดวางอาหารเย็นไว้บนโต๊ะฉู่เชียนหลีเงยหน้า“อาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เยว่เอ๋อร์จับเอว “หลังจากนวดยาดองก็ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ แต่ยังไม่สามารถก้มตัว ข้าไม่เป็นอะไร อีกไม่กี่วันก็หายดีแล้วเจ
เขากล่าวพลางยกชามขึ้น ตักข้าวหนึ่งช้อนยื่นไปที่ปากนางคิ้วของฉู่เชียนหลีขมวดจนเป็นปม นางหงายหน้าถอยเพื่อเว้นระยะห่างกับเขา แต่เขากลับยื่นมือมาดึงนางเข้าไปกะทันหันข้าวหนึ่งช้อน ถูกใช้กำลังยัดเข้าปากนาง“อืม!”นางกำลังจะคลายทิ้ง“กิน!”เสียงของเขาแข็งกระด้าง “ความเป็นความตายของเฟิงเย่เสวียนอยู่ในมือข้า ถ้าหากเจ้ากล้าคลายทิ้ง ข้าจะฆ่าเขา!”การเคลื่อนไหวของนางชะงักฉับพลันดวงตาที่แดงฉานจ้องนางด้วยความโกรธ ในแววตาไม่มีอะไรเลยนอกจากความเกลียดชังและความโกรธในสายตาเขา เกลียดก็ดี โกรธก็ดี ขอแค่นางอยู่ข้างกายเขา มันก็เพียงพอแล้วมองดูท่าทางของนางที่ถึงแม้จะโกรธแค้น แต่ก็ยังฝืนกล้ำกลืน เขาหัวเราะแล้ว พลางลูบแก้มหน้าเบาๆ“เช่นนี้สิถึงจะเป็นเด็กดี”เขาตักข้าวอีกหนึ่งช้อน ยื่นไปที่ปากนางนางอยากดิ้นให้หลุด กลับถูกเขาบีบคาง แงะปากจนเปิดแล้วยัดเข้าไปอีกครั้งฉู่เชียนหลีดิ้นไม่หลุด ท้ายที่สุดก็เลิกดิ้นรน นางถาม“ตอนนี้เจ้าบุกเข้าจวนอ๋องเฉินอย่างอาจหาญเช่นนี้แล้วหรือ?”เมื่อก่อน เขาอาศัยความมืดปีนเข้ามาทางหน้าต่างปัจจุบันใช้ประตูใหญ่ เดินเข้ามาอย่างเปิดเผยต่อหน้าทุกคน“ข้ากับเฟิงเย่
พูดจบ เขาก็ก้มลงไปอุ้มนางขึ้นเตียง ลูบแล้วลูบใบหน้าเล็กๆ ที่ซีดเซียวของนางอย่างอ่อนโยน จากนั้นจัดแจงเสื้อเพ้าสีขาวเสี้ยวจันทร์อันหรูหราครู่หนึ่ง ก็จากไปอย่างอารมณ์ดีแล้วสีหน้าของฉู่เชียนหลีน่าเกลียดมากตอนที่เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงเข้ามาเก็บโต๊ะ รู้สึกถึงความผิดปกติ รู้ได้ในทันทีว่าเกี่ยวข้องกับอ๋องหลีมองสีหน้าที่มืดสลัวของพระชายา ทั้งสองปวดใจนัก“พระชายา ท่านไม่ต้องกังวล ในมือท่านอ๋องมีทหารองครักษ์เงาแปดหมื่นนาย อีกทั้งยังมีประสบการณ์ทำสงครามมากมาย เขาจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอนเจ้าค่ะ!” เยว่เอ๋อร์กล่าวอวิ๋นอิงพยักหน้า“ทุกคนรู้จักความสามารถของท่านอ๋องดี อ๋องหลีอยากทำร้ายเขา หาใช่เรื่องง่าย หานอิ๋งกับคนของสำนักอู๋จี๋ได้เดินทางไปรวมกลุ่มกับท่านอ๋องที่เป่ยเจียงอย่างเร่งด่วนแล้ว”“รอท่านอ๋องกลับเมือง ก็คือวันตายของอ๋องหลี!”ฉู่เชียนหลีเชื่อในความสามารถของเฟิงเย่เสวียน แต่ก็กลัวเฟิงเจิ้งหลีเล่นสกปรกไม่เจอเฟิงเย่เสวียนหนึ่งวัน นางก็ไม่สบายใจหนึ่งวันเยว่เอ๋อร์กล่าวเกลี้ยกล่อม“คุณชายจิ่งกำลังจับตาดูทางฝั่งของฝ่าบาท ขอแค่หาเบาะแสให้เจอ ก็สามารถจัดการอ๋องหลี แต่ก่อนหน้านี้ ท่
หัวข้อสนทนานี้จบลงฉู่เชียนหลีมองอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ ไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อย “ต่อไป ปิดประตูใหญ่ของจวนอ๋องให้หมด ไม่รับแขกใดๆ ทั้งสิ้น แล้วก็เพิ่มทหารยามอีกหนึ่งเท่า”นางไม่อยากเจอเฟิงเจิ้งหลีอีก“เจ้าค่ะ”เยว่เอ๋อร์ขานรับคำหนึ่ง ใช้มือจับเอวที่ยังเจ็บเป็นระยะ เดินออกไปถ่ายทอดคำสั่งของพระชายา“เหตุใดไม่เห็นเสด็จแม่?”คราวนี้ ฉู่เชียนหลีจึงจะสังเกตเห็นเรื่องนี้นางคิดในใจ เหมือนว่าวันนี้ไม่เจอถงเฟยเลยอวิ๋นอิงกล่าว “พระสนมถงเฟยเข้าวังตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนนี้ยังไม่กลับมาเจ้าค่ะ”ถงเฟยรับพระบัญชาดูแลฉู่เชียนหลี ไม่มีทางกลับตำหนัก ดูเหมือนนางเข้าวังเพราะเรื่องของอ๋องหลี แต่นี่ก็ทั้งวันแล้วยังไม่มีข่าวคราวอีกดูเหมือนไม่ราบรื่นฉู่เชียนหลีลูบท้องพลางกล่าวเสียงเบา“ฝ่าบาทไม่ยอมพบถงเฟย ถ้าหากข้าขอเข้าเฝ้า อวิ๋นอิง เจ้าว่าเขาจะยอมพบข้าหรือไม่?”อวิ๋นอิงเงียบนางไม่กล้าพูดปัจจุบันฮ่องเต้กับอ๋องหลีใกล้ชิดกัน ถ้าหากเขาไม่อยากตอบคำถามของพระชายา ก็ย่อมไม่พบพระชายาเช่นกัน ท่านอ๋องไม่อยู่บ้าน จวนอ๋องเฉินอยู่ในสถานะที่ตกเป็นเป้าไม่ว่าจะทำอะไร ก็ไม่มีความมั่นใจและเอิกเกริกเหม