ในตรอกที่มืดสลัวและว่างเปล่า ตอนปลายมีดที่เป็นประกายวิบวับกดลงมา เสียงที่เบามากของฉู่เชียนหลีดังขึ้น “บางครั้ง การมีชีวิตก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง”ร่างกายเฟิงเจิ้งหลีสั่นเบาๆ ความแจ่มชัดเสี้ยวหนึ่งแลบผ่านดวงตาที่มึนเมา เห็นมีดสั้นเล่มนั้น ถอยร่างกายออกเหมือนกับสะดุ้งตกใจ“ฉู่เชียนหลี…”เขาโยนมีดทิ้งอย่างตื่นตระหนกเขากำลังทำอะไร?เมื่อครู่เขากำลังคิดอะไร?บ้าไปแล้ว?บ้าไปแล้วแน่ๆ!เขารู้สึกว่าชีวิตไม่มีอะไรเป็นดั่งหวัง ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา จมอยู่ในหุบเหวลึกมาโดยตลอด โลกทั้งใบของเขามืดมน ไม่มีแสงอาทิตย์ ไม่มีความหวัง มีเพียงความมืดที่ไม่รู้จบเหนื่อยมาก กลับตายไม่ได้ เขายังต้องตอบแทนบุญคุณเลี้ยงดูของฮูหยินเว่ยเขาไม่สามารถตัดสินใจแม้แต่ความเป็นความตายของตนเอง เขาก็เหมือนกับศพเดินได้ ไม่มีความคิด เหลือเพียงร่างกาย“ฉู่เชียนหลี…” ดวงตาที่ขุ่นมัวของเขาพยายามมองผู้หญิงตรงหน้า โซเซไปข้างหน้าสองก้าวอย่างมึนเมา พลันกระโจนลงพื้นอย่างเข่าอ่อน กอดต้นขาทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีไว้ พึมพำเสียงเบา“ฉู่เชียนหลี เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าอิจฉาเจ้ามากแค่ไหน…”อิจฉาที่นางปีนออกมาจากหุบเหวที่ลึกม
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร…“พระชายา!”“พระชายา…”นอกตรอก เจ้าดำน้อยที่ทำภารกิจเสร็จสับอุ้มเท้าวิ่งเข้ามา ข้างหลังตามมาด้วยเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิง และยังมีเด็กรับใช้ของจวนอ๋องหลี“ท่านอ๋อง ที่แท้ท่านอยู่นี่เอง! ท่านอ๋อง!”เด็กรับใช้วิ่งเข้าไปด้วยความตื่นเต้น เพิ่งสัมผัสโดนแขนของเฟิงเจิ้งหลี ร่างกายที่หนักอึ้งของเขายิ่งกดทับลงมาที่ตัวฉู่เชียนหลี“พระชายาระวัง!” อวิ๋นอิงรีบยันเอวของฉู่เชียนหลีไว้ กล่าวกับเฟิงเจิ้งหลี “อ๋องหลี พระชายาของเรามีครรภ์ ท่านโปรดลุกขึ้น”สิ้นเสียง ไม่ได้รับการตอบกลับ“อ๋องหลี?”พลันเยว่เอ๋อร์เข้ามาดู ก้มลง สังเกตอย่างละเอียดและระมัดระวังสองวินาที กลิ่นเหล้าที่เข้มข้นฉุนจนทำให้นางขมวดคิ้ว“เหมือนเขาหลับแล้ว?”ฉู่เชียนหลีดึงมือของเขา กลับพบว่ามือทั้งสองข้างของเขาโอบต้นขานางไว้แน่ เอาไม่ออกอวิ๋นอิงกับเยว่เอ๋อร์ก็ลองดูเช่นกัน มือของเขาเหมือนถูกเชื่อม ‘ติด’ กับตัวฉู่เชียนหลี แม้นอนหลับแล้ว ก็แยกไม่ออกฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วร้องไห้ก็ส่วนร้องไห้ โวยวายก็ส่วนโวยวาย กอดนางหมายความว่าอย่างไร?ในเมื่อหาคนเจอแล้ว เช่นนั้นก็วางใจแล้ว หันไปกล่าวกับเด็กรับใช้ของจวนอ๋
ฉู่เชียนหลีเงยหน้า มองเห็นเฟิงเย่เสวียนผลักประตูเข้ามาจากเงาสะท้อนของกระจกสัมฤทธิ์ บนใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนสายหนึ่ง“เสร็จงานแล้วหรือ?”“อืม”เฟิงเย่เสวียนเดินไปที่ข้างหลังนาง รับผ้าเช็ดหน้ามาจากมือนางอย่างเป็นธรรมชาติ ม้วนผมที่ยาวไปถึงเอวของนาง แล้วกดเบาๆ เพื่อซับน้ำให้แห้งหลังจากนั้นโคจรกำลังภายในมาที่ฝ่ามือ ปัดผ่านระหว่างเส้นผมของนางตั้งแต่บนลงล่าง ทุกที่ที่ฝ่ามือไปถึง ผมค่อยๆ แห้งทีละนิด เงางามเหมือนหมึกฉู่เชียนหลียิ้มแล้ว “กำลังภายในของเจ้าใช้ดียิ่งกว่าไดร์เป่าผมเสียอีก และไม่ทำร้ายเส้นผมด้วย ยังสามารถใช้ต้มน้ำแกง ทอดไข่ด้วยใช่หรือไม่?”เฟิงเย่เสวียนมองนางในกระจกสัมฤทธิ์ ดวงตาสีหมึกลึกล้ำไม่เห็นก้นบึ้ง ริมฝีปากบางโค้งเล็กน้อย“ถ้าเชียนหลีต้องการ ใช่ว่าจะไม่ได้”เสียงสงบเป็นพิเศษ ภายใต้การหนุนเสริมของยามราตรีฉู่เชียนหลีกลับอยากลองด้วยตนเอง แม้นางมีกำลังภายในที่แข็งแกร่ง และยังเป็นเคล็ดวิชาเหมันต์ แต่โอกาสที่ได้ใช้นั้นมีน้อยมาก ประกอบกับตั้งครรภ์ จึงไม่เหมาะที่จะลงมือหรือไม่พรุ่งนี้ลองทอดไข่ดู?อืม เช่นนั้นก็ลองดู!พลันใบหน้าเล็กเคร่งขรึม ครุ่นคิดอย่างจริงจ
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?” นางตะลึงงันแม้อ๋องหลีไม่ได้รับความโปรดปราน แต่ก็เป็นองค์ชาย ประกอบกับเรื่องที่พระชายาอ๋องหลีตั้งครรภ์ กำลังเป็นที่สนใจ ใครกันที่จะล่วงเกินอ๋องหลีในช่วงเวลานี้?อ๋องหลีอ่อนโยนและสงบเสงี่ยมมาโดยตลอด มีศัตรูไม่มาก แล้วใครกันที่ลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้?อวิ๋นอิงส่ายศีรษะเบาๆ “ข้าแค่ได้ยินมา แต่ความจริงก็ใกล้เคียงแล้ว ข้าก็ไม่รู้รายละเอียดเช่นกันเจ้าค่ะ”เยว่เอ๋อร์กุมหน้าอก ตกใจเล็กน้อย“ถูกทำร้ายจนมือหัก น่ากลัวจัง…ตกลงเป็นคนร้ายที่ไหนนะ! พระชายา โชคดีที่เมื่อคืนพวกเรากลับมาเร็ว ถ้าหากอยู่กับอ๋องหลีอีกสักพัก พวกเราจะไม่ซวยไปด้วยหรือ?!”คิ้วบางฉู่เชียนหลีขมวดเล็กน้อยทันทีที่นางไป อ๋องหลีก็เกิดเรื่อง?ไม่รู้เพราะเหตุใด มักจะรู้สึกว่ามันแปลกๆ…นางเม้มปาก สำหรับเรื่องนี้ไม่สะดวกที่จะพูดแทรก และไม่มีสถานะที่จะพูดแทรก กลืนความคิดที่อยู่ในลำคอลงไป เอ่ยปากอย่างเรียบเฉย“ล้างหน้าล้างตาให้ข้า”“เจ้าค่ะ พระชายา วันนี้แดดดีมากเลย บ่าวตั้งเก้าอี้นอนไว้ที่สวน ปูผ้านวมไว้แล้ว พอดีเลย ท่านกินข้าวเสร็จสามารถไปพักผ่อนสักครู่”อาหารถูกยกขึ้นโต๊ะฉู่เชียนหลีถือตะเกียบ คีบผั
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอกโดยไม่รู้ตัว เงยหน้ามองไป ประสานกับสายตาของเฟิงเย่เสวียนที่อ่อนโยนและมีเจตนายิ้ม เหตุใดจึงรู้สึกร้อนตัว…นางสงสัยเขาได้อย่างไร…รีบปัดความคิดฟุ้งซ่านในใจออกไป กล่าวอธิบาย“ดูเหมือนช่วงนี้เจ้ายุ่งมาก ข้าก็เลยลองถามหานเฟิง มีตรงไหนที่ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ ข้าอยากแบ่งเบาภาระของเจ้า”เฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามา “มันก็มีเรื่องให้เจ้าช่วยจริงๆ นั่นแหละ”“หืม?” ฉู่เชียนหลีเอียงศีรษะยินดีมากนางบำรุงครรภ์ในจวนทุกวัน สิ่งที่ทำเยอะที่สุดในแต่ละวันก็คือกินๆ ดื่มๆ กินจนอ้วนขึ้นยี่สิบชั่งแล้ว หากยังไม่หาอะไรทำหน่อย เกรงว่าจะกลายเป็นคนอ้วนที่หนักสองร้อยชั่งแล้ว เฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามาใกล้เก้าอี้นอน นั่งยองลงอย่างช้าๆ ฝ่ามือใหญ่ลูบท้องของนางเบาๆ สายตาลึกซึ้งและอ่อนโยน“คลอดเจ้าอ้วนน้อยให้ข้า หรือมันไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรทำมากที่สุด? เมื่อมีลูกแล้ว เจ้าน่าจะยุ่งจนไม่มีเวลาออกจากบ้านแล้วกระมัง?”ฟังเหมือนเป็นคำพูดที่ห่วงใย แต่ก็เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งแฝงอยู่ฉู่เชียนหลีไม่ทันได้คิดอย่างละเอียด เขากล่าวต่อ“ทางห้องครัวมารายงาน เจ้าไม่กินข้าว เกิดอะไรขึ้น?”“ข
เขามอบสิ่งที่ดีที่สุดในโลกให้นางจริงๆ——ความรักของเขาแต่นางก็ตอบสนองกลับอย่างสอดคล้องเช่นกัน อยู่เคียงข้างเขาอย่างสุดจิตสุดใจ ช่วยเขาแบ่งเบาภาระ เกื้อหนุนเขาและอบรมสั่งสอนลูกคนสองคนอยู่ด้วยกัน มันคือการเสียสละให้กันและกันฉู่เชียนหลีกลืนอาหารที่อยู่ในปากลงไปอย่างฝืนใจ “เจ้ารู้สึกว่าข้าไม่ได้เสียสละเลย?”“ข้าไม่เคยมีความคิดเช่นนี้” เขาส่ายศีรษะ “เจ้ามอบครอบครัวให้ข้า เป็นครอบครัวที่อบอุ่น สิ่งนี้มันล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใดในโลก”เขาหลุบตา มองไปที่ท้องของนางอีกห้าเดือนกว่า ลูกของพวกเขาก็จะเกิดแล้วสิ่งที่สวยงามที่สุดในความรัก ไม่มีอะไรมากไปกว่าคำว่าลูกเขาวางตะเกียบลงในมือของนาง “กินปลาตัวนี้ให้หมด”“ข้าไม่อยาก…”“หมอหลวงบอกว่ากินปลาดีต่อลูก ในโลกนี้มีผู้หญิงคนไหนไม่รักลูกของตัวเอง? ต่อให้คลื่นไส้ เชียนหลีก็จะกินให้หมดแต่โดยดีใช่หรือไม่?” เขาลูบศีรษะนางเบาๆ กล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนแสงอาทิตย์สาดส่องลงบนร่างกาย อบอุ่นเป็นพิเศษ แต่ฉู่เชียนหลีกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องความหมายของเขาคือหากนางไม่กิน ก็ไม่รักลูกอย่างนั้นหรือ?แม้รู้สึกว่าคำพูดของเขาแปลกมาก แต่เขายังคงเป็นห่วง
ฉู่เชียนหลีตักปลาไหลในจาน มีความคิดอีกอย่างปรากฏขึ้นในใจหากอ๋องหลีอยากประท้วง สามารถส่งคนไปก่อเรื่องในเมืองหลวงสักสองสามคน ดึงดูดความสนใจของฝ่าบาท เหตุใดต้องเอาร่างกายของตนเองมาล้อเล่น?คนคนหนึ่งต้องเหี้ยมเพียงใด จึงจะสามารถลงมือกับตนเอง?ความจริงเป็นอย่างที่เฟิงเย่เสวียนพูด?ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของอ๋องหลีเป็นอย่างไรบ้างแล้ว อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้างแล้ว หมอหลวงหยางสามารถจัดการได้หรือไม่ นางควรจะไปดูสักหน่อยใช่หรือไม่?เมื่อนึกถึงตรงนี้ เอ่ยปากถามกะทันหัน“เจ้าไม่ลองไปเยี่ยมเขาที่จวนอ๋องหลีหน่อยหรือ?”“เยี่ยมอะไร?” เฟิงเย่เสวียนมองนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “หากเขาแสดงและกำกับเอง อ่อนแอเช่นนี้ ไม่คู่ควรให้ข้าไปเยี่ยม หากถูกคนทำร้าย ไร้ประโยชน์เช่นนี้ ไปเยี่ยมอย่างเอิกเกริก มีแต่จะทำให้ราชวงศ์เสียหน้า”ฉู่เชียนหลีชะงักโดยตรงเขาพูดมีเหตุผลมาก…กล่าวอีกนัยก็คือเรื่องที่อ๋องหลีบาดเจ็บถูกปิดเป็นความลับ คนที่รู้เรื่องนี้มีน้อยมากนางก้มหน้าลง ตักปลาไหลที่อยู่ในจาน ไม่รู้ว่าควรพูดต่ออย่างไร จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบเฟิงเย่เสวียนมองนางครู่หนึ่ง “ในเมื่อไม่อยากกิน เช่นนั้นก็ไม่ต้
“ตกลงเป็นไอ้สารเลวคนไหนที่ทำเรื่องเช่นนี้! ตกลงเป็นใครกันแน่! ถ้าหากข้ารู้นะ ข้าจะเอาคืนเป็นสิบเท่าร้อยเท่าแน่นอน! จะเอาคืนแน่นอน!”ฉู่เจียวเจียวกำหมัดแน่น โมโหมากจนหายใจไม่ทัน ประกอบกับโลหิตจางเล็กน้อย หน้ามืดฉับพลัน ล้มนั่งลงบนเก้าอี้อย่างโซเซ“เจียวเจียว!”“พระชายา!”อย่าให้ความโกรธมากระทบต่อลูกนะ!ฮูหยินเว่ยรีบตบหลังมือฉู่เจียวเจียว ให้นางใจเย็นๆ รอสีหน้าของนางดูดีขึ้นเล็กน้อย ก้าวเท้ายาวไปที่หน้าเตียง“หลีเอ๋อร์…”ในน้ำเสียงที่ขมขื่น เต็มไปด้วยการสะอึกสะอื้นและการอ้อนวอน“แม่เคยบอกเจ้ากี่ครั้งแล้ว อย่าไปแย่งชิงสิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้า และอย่าไปแตะต้อง ยิ่งอย่าคิดเพ้อฝัน เป็นเพราะเจ้าไม่ฟังคำพูดของแม่ ล่วงเกินพวกเขาใช่หรือไม่ ดังนั้นจึง…”พวกเขาในที่นี้ หมายถึงองค์ชายองค์อื่นนางคิดว่าอ๋องหลีเกิดความคิดแย่งชิง จึงถูกองค์ชายองค์อื่นเล่นงาน จึงต้องพบกับภัยเช่นนี้“เหตุใดเจ้าจึงไม่เชื่อฟังแม่เลย นี่เจ้ากำลังจะทรมานตัวเองจนตายนะ!” ฮูหยินเว่ยกระทืบเท้าอย่างร้อนใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ คำพูดที่ดีและไม่ดีพูดออกมาหมด นางแค่อยากให้ลูกปลอดภัย!เฟิงเจิ้งหลีหลุบตาอย่างเรียบเฉย เหมือนกับร่าง
“อะไรนะ?!” จวินชิงอวี่ได้ยินคำนี้กะทันหัน ตะลึงไปชั่วขณะจวินลั่วยวนขมวดคิ้ว นางกล่าว“ฉู่เชียนหลีเลวมาก อีกทั้งยังขี้ริษยา ท่านสั่งสอนนาง นางต้องมารังแกข้าแน่นอน!”“ท่านพี่ ท่านฆ่านางเถอะ นางตายแล้ว ข้าจึงจะปลอดภัย”มีเพียงนางตายแล้ว นางจึงจะได้อ๋องเฉินมาครอบครอง!จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ฟังจากที่น้องหญิงพูด อดไม่ได้ที่จะนึกถึงท่าทางที่เย่อหยิ่งของฉู่เชียนหลี ตอนเขาใช้มีดสั้นแทงนาง สายตาของนางที่มองเขา หนักแน่นไม่ยอมก้มหัวนางบอกว่า นางไม่ผิดนางบอกว่า นางถามใจไม่รู้สึกผิดน้ำเสียงนั่น สายตานั่น ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเข้าใจผิดไปชั่วขณะมองยวนเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้า “ยวนเอ๋อร์ ฆ่านาง จะทำเกินไปหรือไม่?”ฉู่เชียนหลีแค่ว่าร้ายยวนเอ๋อร์สองสามประโยค เหมือนโทษยังไม่ถึงตายกระมัง?“หรือข้าจะถูกรังแกโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย?”“ยวนเอ๋อร์ ความหมายของข้าไม่ใช่เช่นนี้ ข้าแค่รู้สึกว่า…เมื่อก่อนเจ้าไม่กล้าดูคนฆ่าไก่ด้วยซ้ำ และยังมักจะไปขอพรให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ที่วัด กับช่วยคนในวังที่ทำผิดอยู่บ่อยๆ…”วันนี้ กลับพูดคำพูดที่โหดร้ายเช่นนี้ออกมาจวินลั่วยวนรู้ตัวว่าเผลอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ นา
กลับถึงศาลาพักมาเมื่อเปิดประตูเดินเข้าไป พบว่าเสด็จแม่กำลังนั่งมองเศษจี้หยกชิ้นหนึ่งในมืออย่างเหม่อลอยที่ข้างโต๊ะ“เสด็จแม่?”กระทั่งจวินชิงอวี่เดินไปถึงตรงหน้า ฮองเฮาหนานยวนจึงจะหวนคืนสติ “อ้าว…”นางเงยหน้าอย่างงงงวย มองใบหน้าของลูกชายที่คล้ายคลึงนางห้าส่วน สีหน้าดูสับสนเล็กน้อย“ชิงอวี่กลับมาแล้วหรือ”“สุขภาพของเจ้าเพิ่งหายดี อย่าเดินพล่านไปทั่ว”จวินชิงอวี่นั่งลงที่ข้างๆ นาง “เพิ่งมาเมืองน้ำเจียงหนานครั้งแรก ทิวทัศน์ของที่นี่แตกต่างจากแคว้นหนานยวน ข้าเกิดความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยเดินออกไปสูดอากาศ ทำให้เสด็จแม่เป็นห่วงแล้ว”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ยิ้มอย่างสง่างาม ทำให้ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเขายิ่งดูหล่อเหลามากขึ้นสายตาของเขามองไปที่มือนาง“เสด็จแม่ เหตุใดท่านจึงจ้องมันจนเหม่ออีกแล้ว?”จี้หยกชิ้นนี้มีเพียงครึ่งเดียวมันตกแตกเริ่มตั้งแต่เขามีความทรงจำ เสด็จแม่มักจะนั่งจ้องเศษจี้หยกชิ้นนี้จนเหม่อลอยตลอดสิบกว่าปีมานี้ เสด็จแม่มักจะทำเช่นนี้ตลอดเสด็จพ่อบอกว่า จี้หยกชิ้นนี้เป็นของแทนใจที่เสด็จพ่อมอบให้เสด็จแม่ตอนพบกันครั้งแรก เสด็จแม่ไม่ระวังทำตก เพราะคิดถึงความรักในอดีต จ
เจ็บ!แพร่กระจายไปทั่วร่าง คมมีดฉีกบาดแผล เลือดทะลักออกมาเหมือนสายน้ำ เขายังคงถือมีดสั้น ทำร้ายนางอย่างเจตนาร้ายฉู่เชียนหลีเจ็บจนกำหมัด สีหน้าซีดเผือก เกือบเป็นลมแล้ว นางกัดลิ้นอดกลั้นเอาไว้โต้ตอบไม่ได้!เพื่อการสนับสนุนจากกองทัพของแคว้นหนานยวน! “ข้าไม่ผิด” นางเงยหน้าอย่างยากลำบาก เลือดที่ทะลักออกมายิ่งทำให้หน้าของนางดูซีด ประกายแสงในแววตาดื้อรั้นเป็นพิเศษ“จวินลั่วยวนยั่วยวนผู้ชายของข้า หน้าของนางก็นางล้มเอง ข้าถามใจตัวเองไม่รู้สึกผิด”สีหน้าจวินชิงอวี่เย็นสุดขีด“ยังกล้าปากแข็งอีก!”ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาถือมีดสั้น แทงเข้าไปอย่างแรงอีกครั้ง“อ่า!” ฉู่เชียนหลีเจ็บจนเหงื่อไหลเหมือนสายน้ำ“ยวนเอ๋อร์จิตใจดี รักเนื้อสงวนตัว เจ้าไม่ควรไปรังแกเด็กผู้หญิงที่บริสุทธิ์เหมือนนางฟ้า ตอนที่เจ้าว่าร้ายนาง ไม่รู้สึกผิดเลยหรือ?” เขาตำหนิเสียงเย็นฉู่เชียนหลีเจ็บจนหัวเราะ“ฮ่าๆ!”จวินลั่วยวนจิตใจดี?นางฟ้า?บริสุทธิ์?“ฮ่าๆๆๆ!”สมกับที่ล้วนแซ่จวิน ไม่ใช่คนบ้านเดียวกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ“ดูเหมือนองค์ชายสามไม่เพียงตาบอด ใจยังบอดด้วย…อ่อ ขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว ตามความคิดของ
เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำพูดนี้ แค่อยากหัวเราะ“องค์ชายสามตั้งใจหลอกข้าออกมา ก็เพื่อระบายความคับข้องใจให้น้องสาว?”“บนถนน จวินลั่วยวนทำลายชื่อเสียงของข้าต่อหน้าผู้คน นางเป็นคนบอกว่าไม่ต้องการให้ข้าช่วย ตอนนี้กลับโยนความผิดให้ข้า ทำไม? ข้าไม่ช่วยท่านก็ผิดหรือ?”เห็นนางเป็นพระแม่ซานเซิ่ง?จวินชิงอวี่ขมวดคิ้ว“อย่ามาพูดให้ร้ายยวนเอ๋อร์”ตอนนั้น ถ้าหากไม่ใช่ยวนเอ๋อร์พาเขากลับศาลาพักม้า ไม่แน่เขาอาจจะโรคกำเริบตายไปแล้วในใจของเขา น้องหญิงดีที่สุด ใจดีที่สุด ชาตินี้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ก็ต้องปกป้องนางให้ได้ฉู่เชียนหลีกล้าทำร้ายยวนเอ๋อร์ เขาจะให้ฉู่เชียนหลีชดใช้!“นี่คือนิสัยเฉพาะของคนตระกูลจวินหรือ? ก้าวร้าว ไร้เหตุผล ปัดความรับผิดชอบ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็โยนความผิดให้ผู้อื่น”ฉู่เชียนหลีมองเขา กล่าวอย่างเย็นชา“ท่านไม่ได้ตรวจสอบเรื่องที่น้องหญิงของเจ้ายั่วยวนสามีข้าก่อนมาเลยหรือ”จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วแน่น “หุบปาก!”ยวนเอ๋อร์จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?“ยวนเอ๋อร์คือองค์หญิง เป็นแก้วตาดวงใจของแคว้นหนานยวน ราชบุตรเขยแบบไหนที่นางต้องการแล้วไม่มี? จำเป็นต้องไปยั่วยวนอ๋องเฉิน
“พระชายา ได้ยินมาว่าองค์ชายสามแห่งแคว้นหนานยวนมาแล้ว กำลังหารือกับท่านอ๋องที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” เสียวอูมารายงานฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วเมื่อเช้าเขาเพิ่งเป็นลมหมดสติ ช่วงบ่ายก็มาพบเฟิงเย่เสวียนแล้ว ฟื้นฟูเร็วเช่นนี้เลย?“อืม รู้แล้ว”ฉู่เชียนหลีพอจะคาดเดาเนื้อหาที่พวกเขาหารือกันได้ จึงไม่ได้สนใจผ่านไปสักพัก อวิ๋นเจี๋ยวน้อยก็ตื่นแล้วฉู่เชียนหลีอุ้มเด็กไปให้แม่นมป้อนนม หลังจากป้อนนมเสร็จ ก็เห็นองค์ชายสามหนานยวนเดินออกมาจากห้องหนังสือบทสนทนาจบเร็วเช่นนี้เลย?นางอุ้มเด็กกลับถึงห้องนอน คืนให้อวิ๋นอิง ตอนที่ออกมา เห็นผู้ชายสวมชุดเพ้าสีแดงยืนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของโถงทางเดินโดยบังเอิญเหมือนกำลังรอนางนางไม่รู้เพราะเหตุใดเดินเข้าไปทักทายเขาก่อน “องค์ชายสาม”จวินชิงอวี่พยักหน้าอย่างอ่อนโยน “พระชายาอ๋องเฉิน”หน้าตาของเขางดงามมาก ใบหน้าหล่อเหลา อวัยวะสัมผัสทั้งห้าละเอียดอ่อน ดวงตาเรียวยาว หางคิ้วชี้ขึ้นข้างบน ดูมีเสน่ห์มากเหมือนจิ้งจอก โดยเฉพาะดวงตาที่อ่อนโยนเหมือนน้ำ ทำให้อยากเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัวเสียงของเขานุ่มนวล“ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนวันนี้แล้ว ต้องขออภัยที่สร้างปัญหาให
ทำเนียบ“มีข่าวของแคว้นซีอวี้หรือไม่?” ฉู่เชียนหลีถามหานเฟิง ที่จริงก็เท่ากับกำลังถามข่าวของจิ่งอี้หานเฟิงส่ายศีรษะ“ไม่มีข่าวของจิ่งอี้ขอรับ แต่ว่าแคว้นซีอวี้ส่งทูตมาพบกับฮ่องเต้หลีที่ตงหลิง เกรงว่าทั้งสองฝ่ายใกล้จะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว”สถานการณ์สงครามในตอนนี้ ฮ่องเต้หลีพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง อยู่ในช่วงคับขันแล้วเมื่อไรที่แคว้นซีอวี้เข้ามาแทรก ด้วยกำลังสนับสนุนทางทหารที่แข็งแกร่ง ไม่นานฮ่องเต้หลีก็สามารถต่อกรกับอ๋องเฉินสงครามที่เดิมทีจะจบในสองเดือน กำลังจะเข้าสู่วงจรต่อไป“ตามที่คาดไว้”ฉู่เชียนหลีกล่าวเฟิงเจิ้งหลีไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เฟิงเย่เสวียนก็เช่นกัน“แคว้นซีอวี้ทหารแกร่งม้าแข็งแรง สิ่งที่แคว้นของพวกเขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คือการขี่ม้ากับยิงธนู และรวมถึงการเลี้ยงสัตว์ ทหารของพวกเขาร่างกายกำยำ แต่ละคนสามารถสู้หนึ่งต่อห้า ล้วนเป็นมือดีทั้งสิ้น” หานเฟิงกล่าวอย่างกังวลฉู่เชียนหลีจับประเด็นได้“ความหมายของเจ้าคือ เมื่อไรที่แคว้นซีอวี้แทรกแซง เฟิงเย่เสวียนยากจะต้านศัตรู”“ขอรับ”นายท่านครอบครองเจียงหนาน มีอิทธิพลเพียงครึ่งหนึ่งของแคว้น ส่วนฮ่องเต้หลีบวกกับแคว้นซีอวี้ เป็นสองแค
ศาลาพักม้า“ชิงอวี่ ไม่ต้องกลัวนะ เสด็จแม่อยู่นี่ เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร…ท่านหมอ จะต้องรักษาเขาให้หายนะ! ขอร้อง!”ฮองเฮาหนานยวนจับมือของจวินชิงอวี่ลูกชายคนที่สามไว้แน่น มองใบหน้าที่ซีดเผือกของลูกชาย พึมพำอย่างปวดใจหมอกำลังรักษาอย่างเต็มที่จวินลั่วยวนยืนอยู่ตรงประตู กัดฟันกล่าวเสียงเบา“ก็แค่เป็นไข้ ไม่ตายสักหน่อย ตั้งแต่เล็กจนโตอาการของเขาเคยกำเริบครั้งนับไม่ถ้วน มีอะไรต้องกังวล?”เมื่อซวงซวงได้ยิน รีบก้มหน้าอย่างหวาดกลัว“ข้าถูกฉู่เชียนหลีตบหน้าต่อหน้าผู้คน เสด็จแม่ไม่ช่วยข้า เสด็จพี่สามแค่เป็นลม ก็กังวลเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนนางจะให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“ไม่ยุติธรรมเลย แม่ที่ลำเอียงเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับแม่เลี้ยงของข้า”ซวงซวงหวาดกลัว“องค์หญิง…”จวินลั่วยวนหันไป จู่ๆ ใบหน้าน้อยที่งดงามก็บิดเบี้ยว “หรือข้าพูดผิด?”ซวงซวงจับแขนเสื้อของตัวเองอย่างตื่นตระหนกรับใช้องค์หญิงสิบกว่าปี นางเป็นคนสนิทขององค์หญิง ก็เพราะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าไปพูดอะไรข้างนอก หลายครั้งที่องค์หญิงอยู่ต่อหน้านาง จึงพูดจาไม่คิดเมื่อนางได้ยินก็เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าไปพูดกับคนอื่นนางก้มหน้ากล่าว
จวินลั่วยวนพูดโกหกหน้าตาย ฉวยโอกาสใส่ความฉู่เชียนหลีด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังต่างๆ“อ๋องเฉินไม่สามารถทำให้เจ้าพอใจหรือ?”“เจ้าเป็นแม่ที่มีลูกถึงสองคนแล้ว ไม่รู้จักคำว่า ‘ยางอาย’ เลยหรือ?”“เจ้าสำส่อนจัง!”สายตายฉู่เชียนหลีเย็นลง เดินไปที่ตรงหน้านางจู่ๆ ก็เข้าใกล้กลิ่นอายอันเย็นเยียบพุ่งเข้ามากะทันหัน ทำเอาจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก ถอยหลังครึ่งก้าวอย่างไม่สามารถควบคุม หลังจากตั้งสติได้ สีหน้าบูดบึ้งทันทีนางกลัวฉู่เชียนหลีได้อย่างไร?ไม่!เป็นไปไม่ได้!ฉู่เชียนหลีจ้องนาง “เสด็จพี่สามของเจ้าป่วยหนัก เขาขอให้ข้าช่วย ข้าจึงแสดงความเมตตา ประคองเขาไปที่โรงหมอ ถ้าหากเจ้าคิดว่าข้ามีเจตนาไม่ดี ข้าไม่สนใจเขาก็สิ้นเรื่อง”เมื่อสิ้นเสียง เดินไปที่ข้างกาย คลายจุดชีพจรที่สกัดไว้เมื่อครู่“อ่า!”ทันใดนั้น ลมปราณของเขาไหลเวียน สีหน้าเปลี่ยนฉับ อุณหภูมิร่างกายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาคว้าคอเสื้อของตัวเองอย่างเจ็บปวด หอบหายใจอย่างทรมานเมื่อจวินลั่วยวนเห็นแล้วเลิกคิ้ว“เจ้าช่วยเขา? น่าขำ เห็นได้ชัดว่าเจ้าพิศวาสในความงามของเขา”นางสั่งให้ซวงซวงเขียนจดหมายให้เสด็จพี่สาม คิดไม่ถึงว่าเสด็จพี่สาม
“อ่า…”ชายคนนั้นล้มอยู่บนพื้น สองมือกอดร่างกายตัวเองแน่น ใบหน้าที่ละเอียดละออจนยากจะแยกออกว่าเป็นเพศใดแดงก่ำ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทรมานดวงตาหงส์ที่เรียวยาวพร่ามัว เจ็บจนแทบไม่มีสติแล้วฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ตรวจชีพจรเขาครู่หนึ่งตัวร้อนจนหน้าตกใจชีพจรยุ่งเหยิงและอ่อนมากถูกพิษ แต่ก็ไม่เหมือนถูกพิษ ไข้สูง แต่ก็ไม่เหมือนไข้สูง ป่วย แต่ก็ไม่เหมือนป่วย รักษาคนมาหลายปี เพิ่งเคยพบอาการแปลกๆ เช่นนี้ครั้งแรกหลังจากครุ่นคิด ทำได้เพียงสกัดจุดชีพจรที่สำคัญต่างๆ ของเขา“ช่วย…ช่วยข้า…”เขาเจ็บมาก มีเส้นเลือดสีฟ้าปูดขึ้นที่หน้าผากเขาคว้าข้อมือของฉู่เชียนหลีไว้มือของเขาร้อนมาก!ดวงตาแดงก่ำฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปาก กวาดมองซ้ายขวา เมื่อเห็นมีโรงหมอที่ท้ายถนน ก็รีบประคองเขาขึ้นมาเตรียมตัวส่งคนไปที่โรงหมอ แต่เนื่องจากรูปร่างของเขาสูงใหญ่และหนักมาก กว่าจะลุกขึ้นได้ น้ำหนักตัวเขาก็ล้มทับไปทางฉู่เชียนหลีทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าชั่ง ทับจนฉู่เชียนหลีล้มลงบนพื้นทันทีปัง!ฉู่เชียนหลีอยู่ข้างล่าง เขาอยู่ข้างบนบนถนน ท่าทางที่เป็นจุดเด่นของคนทั้งสอง ดึงดูดผู้คนไม่น้อยทันที มีชาวบ้านคนหนึ่งยิ