งานเลี้ยงฉลองยังคงดำเนินต่อ ส่วนใหญ่เป็นไปตามฉากตายตัวฮ่องเต้อาศัยเรื่องชนะสงคราม สร้างแรงบันดาลใจและปลุกความฝักใฝ่ให้ขุนนางฝ่ายบุ๋นและบู๊ ว่าควรมุ่งมั่นพัฒนา ปกบ้านป้องชาติส่วนเหล่าขุนนางพากันพยักหน้าเห็นด้วย และดื่มให้อ๋องเฉิน ถือโอกาสนี้ประจบสอพลอพูดจาดีไม่หยุดเจ้ามาข้าไป เจ้าชมข้าฟัง ฉู่เชียนหลีเบื่อหน่ายอย่างยิ่งในที่สุดก็จบแล้วงานเลี้ยงเลิกรา!ฉู่เชียนหลีรีบลุกขึ้นทันที นางนั่งจนเมื่อยก้นไปหมดแล้ว วิ่งปรู๊ดออกจากท้องพระโรงเป็นคนแรก วิ่งไปที่มุมอับไร้ผู้คน เล่นท่าบริหารร่างกายทางวิทยุชุดที่สิบแปดของเด็กประถมมัธยมเพื่อยืดเส้นยืดสายเฟิงเย่เสวียนที่เดินผ่านมาเห็นการเคลื่อนไหวแปลกๆ ของนาง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็ถือว่าคุ้นชินกับความแปลกประหลาดของนางแล้ว“ข้าจะไปเยี่ยมเสด็จแม่”ฉู่เชียนหลีหันกลับไป “เช่นนั้นข้า…”“เจ้าห้ามไป”“...”“ไปรอนอกประตูวัง” สิ้นเสียง เขาก็เดินผ่านนางและตรงไปยังทิศทางหนึ่ง ฉู่เชียนหลีเหลือบมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่งไม่ไปก็ไม่ไปสิ เขาคิดว่านางอยากไปหรืออย่างไร?ตั้งแต่ในอดีต ความสัมพันธ์แม่สามีกับลูกสะใภ้เข้ากันยากที่สุด นางไม่ต้อ
ร่างกายชายคนนั้นแข็งทื่อครู่หนึ่ง หันกายกลับมา ก็เห็นผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ใบหน้านั้น…พอเห็นปานบนใบหน้า เขาก็เดาสถานะของนางได้รางๆ พระชายาอ๋องเฉินสายตาฉู่เชียนหลีไปตกที่มือของเขา หลังจากผ่านความล่าช้าเมื่อครู่ พื้นข้างกายเขามีเลือดหยดสะสมเป็นแอ่งเล็กๆ แล้ว ส่วนทั้งฝ่ามือของเขากลายเป็นสีแดง แลดูน่าตกใจมากนางคิ้วหลิวขมวดเล็กน้อย หยิบผ้าเช็ดหน้าสะอาดผืนหนึ่งออกจากอก จับมือเขามาพันร่างของชายคนนั้นสะดุ้ง “เจ้า…”ตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเป็นฝ่ายเข้าหาเขาการกระทำของฉู่เชียนหลีกระฉับกระเฉง พันบาดแผลที่ถูกบาดอย่างรวดเร็ว พันอยู่สองรอบก็ผูกเป็นเงื่อนผีเสื้อ ห้ามเลือดเอาไว้แล้ว“กลับไปแล้วรีบล้างด้วยน้ำสะอาดสองรอบ เสร็จแล้วก็ทายาและพันแผล ระวังเรื่องการกิน อย่าโดนน้ำ ระวังการอักเสบนะ”นางพูดพลาง สอดมือเข้าไปในแขนเสื้อพลาง ครั้นจิตนึกคิด นำยาออกมาจากกำไลเฉียนคุนหนึ่งตลับ วางไว้บนมือของเขาฝ่ามือของชายคนนั้นกางออกอย่างแข็งทื่อ มองสิ่งของที่อยู่ในมืออย่างตะลึงงันยา…มีคนยินดีมอบยาให้เขาด้วย…ผ่านไปครู่ใหญ่ สติของเขาจึงจะหวนคืน เงยหน้าข
ก๊อกแก๊กๆ…ล้อรถม้าบดทับถนน ก่อให้เกิดเสียงการทำงานของกลไกซ้ำๆ แลดูน่าเบื่อหน่าย ยามดึกขณะงานเลี้ยงในวังหลวงจบก็เป็นเวลาค่ำมากแล้ว รถม้าแล่นอยู่บนถนน มีผู้คนเดินประปรายไม่กี่คน สายลมยามค่ำคืนพัดผ่าน เงาเทียนวูบไหว ยิ่งแลดูเงียบสงบในรถม้า ฉู่เชียนหลีตาปรือ กำลังหาวง่วงนอน มือเล็กวางอยู่บนต้นขาทั้งสอง พลางเคาะนิ้วชี้เบาๆทันใดนั้น มีเสียงที่เหี้ยมเกรียมสายหนึ่งปะทุกลางอากาศฉู่เชียนหลีเบิกตาโพลงฉับพลัน จากนั้นรถม้าโคลงเคลงอย่างรุนแรงแล้วหยุดฉับพลัน แรงเฉื่อยมหาศาลทำให้นางที่ไม่ทันตั้งตัวถลาตกนอกรถม้า เสียงของหานเฟิง“พระชายาโปรดอย่าออกมา!”สิ้นเสียง ก็เกิดเสียงการต่อสู้อย่างดุเดือดฉู่เชียนหลีจับกรอบประตูลุกขึ้น มือซ้ายประคบสีข้างที่ล้มจนเจ็บ มือขวาแง้มม่านขึ้นสองส่วน มองดูสถานการณ์ข้างนอกที่นี่เป็นถนนมืดสลัวไร้ผู้คน ชายชุดดำสิบกว่าคนไม่รู้โผล่ออกมาจากไหน พวกเขาคลุมหน้า มือถือกระบี่คม ปิดล้อมหานเฟิงไว้หานเฟิงตกอยู่ตรงกลาง หนึ่งสู้สิบ สู้จนยากจะแยกว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหนปัง!ซ่า!ผลัวะ!ดาบและกระบี่กระทบกัน เสียดสีจนเกิดประกายไฟที่รุนแรง ทำให้อากาศก็ดุดันขึ้นสามส่วน ป
ฉู่เชียนหลีสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตราย หันกายวิ่งทันทีขาเพิ่งก้าวออกไป ความเจ็บปวดถูกส่งมาจากก้น“โอ๊ย…!”ฆ่าหมูแล้ว!“พระชายา!”หานเฟิงเป็นห่วงสถานการณ์ทางนี้ การโจมตีที่มือรุนแรงขึ้นหลายส่วน เร่งบีบให้มือสังหารล่าถอยโดยเร็วที่สุด แล้ววิ่งไปทางตรอก เห็นเพียงฉู่เชียนหลีล้มคว่ำหน้า สองมือประคบบั้นท้าย คำพูดประโยคแรกคือ “เฟิงเย่เสวียนมารดามันเถอะ!”เขา “...”ฉู่เชียนหลีเจ็บจนสีหน้าบิดเบี้ยว รู้สึกเพียงเหมือนถูกคนเอามีดมาเฉือนเนื้อที่ก้นออกมาหนึ่งชิ้นภายใต้สภาวะที่ยังไม่ฉีดยาชา ความเจ็บปวดกระจายทั่วร่าง เจ็บจนนิ้วเท้านางงุ้มเข้าบ้าชิบ!บัดซบ!ในโลกปัจจุบัน ขนาดฉีดยานางก็ยังกลัวมาถึงยุคโบราณ แม่เอ๊ย!แค่ดูก็รู้ว่ามือสังหารเหล่านี้พุ่งเป้ามาที่อ๋องเฉิน นางนั่งรถม้าของอ๋องเฉิน ส่งผลให้มือสังหารเหล่านี้ทำร้ายนาง หากไม่ใช่เพราะนางมีกำไลเฉียนคุนติดตัว คืนนี้ต้องตายอย่างอนาถแน่“พระชายา ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือ” หานเฟิงเก็บกระบี่เข้าฝัก ประคองฉู่เชียนหลีลุกขึ้นโน้มเอวลงไป เห็นบั้นท้ายของฉู่เชียนหลีกลายเป็นสีแดง สะดุ้งแล้ว รีบหันศีรษะละสายตาทันที “พระชายาโปรดอดทนหน่อย ที่นี่ไม่
หลังจากก้นที่บาดเจ็บประคบยาชาก็ชาไปทั้งก้น ริมฝีปากเย็นนั้นประทับลงไป ความรู้สึกแปลกๆ สายหนึ่งแผ่ออก…ชาหนาวเย็นและยังรู้สึกสบาย…อย่างอธิบายไม่ถูก?ฉู่เชียนหลีนอนคว่ำอยู่บนเตียง กอดหมอนไว้ มีความตื้นตันผุดขึ้นในใจหลายส่วนอยู่ในต่างโลก นางโดดเดี่ยวลำพังไร้ที่พึ่ง มีเพียงเด็กน้อยเยว่เอ๋อร์คนนี้ ติดตามนางตั้งแต่เด็ก หลายปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของคนรับใช้ หรือถูกพ่อกากเดนและเหล่าพี่สาวดูหมิ่น เยว่เอ๋อร์ก็จะปกป้องนางตลอดตอนนี้ก็มาช่วยนางดูดสารพิษโดยไม่ห่วงตัวเอง…นางเม้มริมฝีปากเน้น กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“เยว่เอ๋อร์ ความดีที่เจ้ามีต่อข้า ข้าเห็นอยู่ในสายตา ข้าเป็นคนมีบุญคุณต้องตอบแทน มีแค้นต้องชำระ จะไม่ปล่อยให้เจ้าติดตามข้าโดยเปล่าประโยชน์แน่นอน”ฉู่เชียนหลีคนก่อนได้ตายไปแล้ว ฉู่เชียนหลีในตอนนี้ได้เกิดใหม่แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีใครสามารถรังแกพวกนางอีก“เยว่เอ๋อร์ เจ้าวางใจได้ รอข้าไปจากจวนอ๋องเฉิน จะหาสามีที่ดีให้เจ้าแน่นอน”พอพูดถึงจวนอ๋องเฉิน ฉู่เชียนหลี่รู้สึกโมโหขึ้นมาทันทีนึกถึงเรื่องที่เจอการลอบสังหารในคืนนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ยิ่งคิดก็ยิ่
ในใจเต็มไปด้วยคำหยาบคาย ใบหน้ายิ้มอย่างประจบสอพลอ พลันกล่าวด้วยรอยยิ้มจอมปลอม“ท่านอ๋องเข้าใจข้าผิดแล้ว เมื่อครู่ข้าด่า…นักฆ่าพวกนั้นต่างหาก นักฆ่าบัดซบพวกนั้นกล้าล่วงเกินท่านอ๋องผู้มีเกียรติ ผู้สูงศักดิ์ ผู้สูงส่งอย่างท่านได้อย่างไรกันนะ?”“ยังดีที่คืนนี้ข้าอยู่บนรถม้า รับเคราะห์ครั้งนี้แทนท่าน ไม่เช่นนั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บก็คือท่านอ๋องแล้วนะ!”นางยิ้มอย่างหวานแหวว มีอักษรตัวใหญ่สองคำเขียนอยู่บนใบหน้า :จริง ใจเฟิงเย่เสวียนชำเลืองมองนางอย่างเฉยเมย หากไม่ใช่เพราะสามารถได้ยินเสียงในใจนาง เขาอาจเชื่อคำพูดปลิ้นปล้อนของนางแล้วนังผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจ!เห็นแก่ที่นางได้รับบาดเจ็บเพราะเขา เขาจึงไม่ถือสานาง“นอนให้ดี”“หา?!”พลันฉู่เชียนหลีตะลึงงัน เมื่อเห็นท่าทางที่เลิกแขนเสื้อขึ้นของชายคนนี้ และยังเหมือนจะดูก้นของนาง นางปฏิเสธตามสัญชาตญาญทันที“บาดแผลแค่นี้ไม่ต้องถึงมือท่านอ๋องหรอก มีเยว่เอ๋อร์อยู่ที่นี่ เยว่เอ๋อร์สามารถช่วยข้าทำแผลได้”เพิ่งพูดจบ เยว่เอ๋อร์ก็หมุนกายเดินออกไปแล้ว “บ่าวไปตักน้ำมาให้เจ้าค่ะ”ฉู่เชียนหลี “?”นางไปทั้งเช่นนี้?ทิ้งนางไปทั้งเช่นนี้?เสียแรงที่ก่
วิ่งออกจากเรือนหานเฟิงในคราวเดียว เหวี่ยงประตูห้องแล้ววิ่งไปที่โต๊ะ สองมือจับขอบโต๊ะแน่น ภายในห้องที่มืดสลัวและเงียบ เมื่อครู่รู้สึกว่าลมหายใจของตนเองหนักและไม่บริสุทธิ์ในหัว ก้อนแป้งสีขาวที่นุ่มนิ่มสองก้อนปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน…ลมหายใจของเขาแน่นอีกครั้ง ปฏิกิริยาที่ผิดปกติทำให้เขาหงุดหงิดมากพลันโคจรกำลังภายใน กดลงสู่หน้าท้องแต่ไม่เพียงไม่สามารถระงับ กลับกันยิ่งขยายออกราวกับระเบิด แพร่กระจายไปทั่วร่างอยู่เหนือการควบคุมครั้งแรกในประวัติศาสตร์แม้แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกนี้ พลันเขาถีบโต๊ะพลิกคว่ำอย่างฉุนเฉียว และตามมาด้วยเก้าอี้ จานฝนหมึก สมุดพับ พู่กันและสิ่งของอื่นๆ ทุกอย่างตกระเนระนาดลงพื้นเรือนข้างเยว่เอ๋อร์ตักน้ำมาหนึ่งกะละมัง กลับพบว่าท่านอ๋องไม่อยู่แล้ว เงยหน้าขึ้นก็ประสานเข้ากับดวงตาที่ลึกล้ำคู่นั้นของพระชายานางร้อนตัวเล็กน้อย “พระชายา…”นางไม่ได้ตั้งใจนะ…ฉู่เชียนหลึจ้องนางอย่างลึกซึ้ง ถอนหายใจแล้วกล่าว “เฮ้อ ผู้หญิงเมื่อถึงคราวออกเรือน ห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่”“เจ้าพูดความจริงกับข้า เจ้าชอบอ๋องเฉินใช่หรือไม่? หากเจ้าชอบเขา ข้าก็จะยกเขาให้เจ้า”“!”
ค่ำคืนนี้ เฟิงเยว่เสวียนนอนเพียงลำพัง ยากจะเข้าสู่การหลับใหล…ฉู่เชียนหลีได้รับบาดเจ็บจนหมดแรง นอนจนตะวันโด่งฟ้า ก็ถูกเสียงพูดคุยรบกวนจนตื่นบาดแผลที่ก้นหายดีแล้วสามส่วน ไม่ได้เจ็บมากเช่นนั้นแล้ว นางลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง สวมรองเท้าปักลายดอกไม้แล้วลงจากเตียง ประคองร่างกายกับผนัง ขยับออกไปทีละก้าวอย่างยากลำบากเมื่อเดินไปถึงหน้าประตู ก็เห็นเยว่เอ๋อร์กำลังสนทนากับเซียวจือฮว่า“พระชายารอง พระชายายังไม่ตื่นจริงๆ เจ้าค่ะ”“แดดส่องก้นแล้วยังไม่ตื่นหรือ?”“ใครเป็นคนกำหนดว่าแดดส่องก้นแล้วห้ามนอนต่อ?” ฉู่เชียนหลีพูดแทรกเซียวจือฮว่าเงยหน้ามอง แม้มีความไม่พอใจเสี้ยวหนึ่งแล่นผ่านแววตา แต่ก็ข่มไว้เงียบๆ พลันก้าวเท้าเข้าไปในห้องพร้อมกับสาวใช้ตนเอง“พี่หญิง” นางทักทายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนคนโบราณว่าไว้ ง้างมือไม่ตบผู้ยิ้มตอบฉู่เชียนหลีหาวหนึ่งที “เยว่เอ๋อร์ ไปเตรียมอาหารเช้าให้ข้าเถอะ”เยว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากหันไปมองพระชายารองเซียวสองสามวินาที จึงจะถอนสายบัวถอยออกไปเซียวจือฮว่ายิ้ม “เหตุใดพี่หญิงจึงนอนจนถึงป่านนี้? เป็นเพราะไม่สบายหรือ? เหมือนว่าเมื่อคืนข้าจะได้ยินเสียงอะไร…”