“อืม…”จวินลั่วยวนยังไม่ทันลงมือ ฉู่เชียนหลีก็ฟื้นแล้ว นางตกใจจนก้อนหินหลุดจากมือ ตกลงไปที่ข้างๆนางร้อนตัว รีบหันไปล้มลงข้างๆ แสร้งหมดสติหนึ่งนาทีสองนาที…ฉู่เชียนหลียังไม่ฟื้น สิ่งที่ได้จากการรอคอย กลับเป็นผู้ติดตามคนหนึ่งที่ร่างกายเปื้อนเลือด“องค์หญิง องค์หญิง…ท่านอยู่นี่ได้อย่างไร…แค่กๆๆ…”อาการของผู้ติดตามสาหัสมาก เดินเข้ามาอย่างล้มลุกคลุกคลาน และหายใจลำบากจวินลั่วยวนรู้จักเขา เขาคือผู้ติดตามของเสด็จพี่รอง นางรีบเดินเข้าไปถาม“ช่วยอ๋องเฉินออกมาได้หรือไม่?”ผู้ติดตามชะงักเล็กน้อยองค์หญิงไม่ควรจะเป็นห่วงองค์ชายรองก่อนหรือ?แต่ในฐานะคนรับใช้ มีคำพูดมากมายไม่กล้าพูด เขากล่าวตอบ “อ๋องเฉินได้รับการช่วยเหลือแล้ว แต่องค์ชายรองถูกจับ ข้ากำลังจะกลับไปแจ้งข่าว และพาคนมาช่วย คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอท่านที่นี่”“ท่านกับพระชายาอ๋องเฉินข้ามแม่น้ำอูหลานแล้วไม่ใช่หรือ?”จวินลั่วยวนโล่งอกอ๋องเฉินปลอดภัยก็ดีแล้วพูดถึงเรื่องข้ามแม่น้ำ นางก็นึกถึงประสบการณ์ที่อันตรายเมื่อคืน อีกนิดเดียวนางก็จะตกเป็นของเล่นของทหารแล้ว อีกนิดเดียวก็จะตายแล้วนึกถึงภาพเมื่อคืน ทหารสิบกว่าคนทารุณกรรมผู้
“คนเยอะมาก!”จวินลั่วยวนซ่อนตัวในที่ลับตา มองออกไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง “เสด็จพี่รองของข้าเลือดไหลเยอะมาก เหมือนจะไม่ไหวแล้ว!”“พวกเขาทรมานเสด็จพี่รองของข้าเช่นนี้ ไม่รู้ว่าปฏิบัติต่ออ๋องเฉินอย่างไร ได้ยินมาว่าฮ่องเต้หลีเกลียดอ๋องเฉินมาก ต้องทรมานเขาจนตายทั้งเป็นเลยกระมัง?”น้ำเสียงของนางวิตกกังวล แต่คำพูดเหล่านี้กลับจงใจพูดให้ฉู่เชียนหลีฟังฉู่เชียนหลีถูกบีบจนร้อนใจแล้วจริงๆไม่เห็นเฟิงเย่เสวียน ไม่สามารถยืนยันความปลอดภัยของเขา นางก็วางใจไม่ลงสักทีจวินลั่วยวนกล่าว“แต่ว่าทรมานก็ส่วนทรมาน น่าจะไม่ฆ่าเขา ฉู่เชียนหลี พวกเรารออยู่ที่ข้างนอก ไม่เกินห้าช่วยยาม กำลังเสริมต้องมาแน่นอน”“...”ห้าชั่วยามรอกองทัพเดินทางจากเจียงหนานมาถึงที่นี่ อ๋องเฉินคงตายไปแล้วนางรอไม่ได้แล้วสายตาฉู่เชียนหลีเคร่งขรึม คอยสำรวจภูมิประเทศของค่ายทหาร พลางครุ่นคิดอย่างรวดเร็วหลังจากวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียอย่างรวดเร็ว จู่ๆ ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่”“เจ้าจะไปทำอะไร? นี่…ฉู่เชียนหลี?”จวินลั่งยวนปิดปาก ไม่กล้าพูดเสียงดัง เห็นเพียงฉู่เชียนหลีย่องเข้าไปเจ็ดแปดเมตรอย่างไร้เสียง
พวกเขาตั้งใจมาช่วยคน หานเฟิง หานอิ๋ง มีความจงรักภักดีต่ออ๋องเฉิน พวกเขาไม่มีทางถอนตัว โดยไม่สนใจเฟิงเย่เสวียนนอกเสียจาก…เฟิงเย่เสวียนไปแล้ว!ฉู่เชียนหลีวิ่งไปถึงกระโจมหลัก ไม่มีใครอีกแล้ว นี่จึงจะรู้ตัวว่าถูกหลอกแล้ว ตอนที่จะถอนตัว ก็ถูกทหารกลุ่มหนึ่งล้อมแล้ว“นางแพศยา! ที่แท้เจ้าเป็นคนวางเพลิง!”“จับนาง!”เหล่าทหารชักอาวุธ พุ่งเข้าไปเหมือนฝูงผึ้งสีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึม รีบสร้างกระบี่น้ำแข็งขึ้นหนึ่งเล่ม นางถือกระบี่น้ำแข็งแน่น พุ่งออกไปปะทะกับคนเหล่านี้การต่อสู้อันดุเดือดปะทุขึ้นทันทีขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง จวินอี้หลินตามหาคอกม้าจนเจอ ขณะที่ขึ้นขี่บนหลังม้า กำลังจะพาน้องสาวจากไป เห็นเหล่าทหารกรูกันไปทางทิศทางหนึ่ง การเคลื่อนไหวชะงักเล็กน้อยเหมือนฉู่เชียนหลีถูกจับได้แล้ว?ทิ้งนางไว้ทั้งเช่นนี้ เหมือนจะไม่ค่อยดีกระมัง?เขากำสายบังเหียน อยากพุ่งกลับไปช่วยคนจวินลั่วยวนสัมผัสได้ถึงเจตนาของเขา กลอกตาไปมาหนึ่งรอบ รีบกอดแขนของเขา กล่าวทั้งน้ำตา“เสด็จพี่รอง ดีจริงๆ ที่ท่านไม่เป็นอะไร! ท่านไม่รู้หรอกว่าข้าเป็นห่วงท่านแค่ไหน ข้าคิดว่าจะไม่ได้เจอตัวท่านเป็นๆ แล้วเสียอี
จำนวนทหารเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับคลื่นยักษ์ มือมากมายเช่นนั้น กระบี่มากมายเช่นนั้น ฉู่เชียนหลีถูกต้องจนถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถโต้ตอบเลยสองมือยากจะต้านสี่แขนเหนื่อยมาทั้งคืน ประกอบกับร่างกายได้รับบาดเจ็บ สู้จนหมดแรงนานแล้ว แม้แต่มือก็ยกไม่ขึ้น ร่างกายยิ่งอ่อนล้าจนถึงขีดสุดต้องรอด!นางตายไม่ได้!เว่ยซีกับจื่อเยี่ยยังรอนางกลับบ้าน!ความคิดนี้ลุกโชนอยู่ในสมองของนาง รวบรวมแหล่งเฮือกสุดท้าย ฟันกระบี่ฟาดกำลังภายในที่แข็งแกร่งสายหนึ่งออกไป กระแทกคนที่อยู่ตรงหน้าล้ม วิ่งออกจากทางช่องว่างตรงนั้น ปีนขึ้นม้าตัวหนึ่งได้สำเร็จ“ย่ะ!”ขี่ม้าจากไปเหล่าทหารชูกระบี่ไล่ตาม“ล้อมนาง!”“ห้ามปล่อยนางไปเด็ดขาด!”“ปล่อยธนู!”เหล่าทหารบางคนปล่อยธนู บางคนขี่ม้าไล่ตาม สถานการณ์วุ่นวายไปหมด เสียงตะโกนต่างๆ ประสานกัน ทำให้ค่ำคืนนี้ยิ่งดูกดดันและตึงเครียดกุกๆๆ!เสียงกีบเท้าม้าที่ยุ่งเหยิงดังลั่นในอากาศยามค่ำคืน ฉู่เชียนหลีหนีบท้องม้าแน่น โน้มกายเล็กน้อย สองตาจ้องข้างหน้า ไม่รู้ว่าวิ่งไปทางไหน แต่ไม่กล้าหยุด ทำได้เพียงวิ่งไปข้างหน้าท่ามกลางความมืด มองไม่เห็นทาง แยกทิศทางไม่ออก ด้วยเ
ทหารของฮ่องเต้หลีพากันหยิบคันธนู เล็งร่างเงาที่ปีนอยู่บนกำแพง ปล่อยธนูยิงฟิ้วๆๆฉู่เชียนหลีเหวี่ยงร่างกายหลบลูกธนู พลางหลบพลางปีนกำแพงเมืองสูงประมาณยี่สิบกว่าเมตร นางห้อยอยู่ตรงตำแหน่งที่สูงประมาณเจ็ดแปดเมตร กำลังค่อยๆ ปีนขึ้นไปฟิ้ว!ฟิ้วๆ!ลูกธนูแฝงไปด้วยจิตสังหารและอายเย็นนางหลบอย่างปราดเปรียว พลันไม่ระวังแขนถูกขุดจนถลอก แต่ยังคงจับเชือกแน่น ใช้เท้าถีบกำแพง ปีนขึ้นไปอย่างสุดชีวิตสิบเมตรสิบห้าเมตรสิบแปดเมตรใกล้แล้วขณะที่กำลังจะปีนถึงแล้ว จู่ๆ ก็มีร่างเงาสองสายปรากฏตัวบนกำแพงสูงจวินอี้หลินกับจวินลั่วยวน!นางห้อยอยู่บนกำแพง พวกเขายืนอยู่ที่ด้านหลังกำแพง คนหนึ่งอยู่ข้างบน คนหนึ่งอยู่ข้างล่าง คนหนึ่งแหงนมอง คนหนึ่งก้มมอง ระหว่างทั้งสองห่างกันเพียงห้าเมตรใกล้มากๆแต่มุมปากของจวินลั่วยวนเผยอขึ้นเป็นเส้นโค้ง ทำให้ฉู่เชียนหลีรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีในใจ“เจ้าจะทำอะไร!”จวินลั่ยยวนยิ้ม“เสด็จพี่รอง ท่านดูผู้หญิงเห็นแก่ตัวคนนี้สิ นางหนีมาถึงที่นี่จนได้ พวกเราอุตส่าห์ช่วยนาง ช่วยอ๋องเฉินด้วยความหวังดี แต่นางล่ะ?”“ทันทีที่อ๋องเฉินได้รับการช่วยเหลือ ก็ถอนกำลังทั้งห
ฉู่เชียนหลีร่วงจากที่สูงสิบกว่าเมตร ตกลงไปบนม้าตัวที่ชนกำแพงตาย ด้วยแรงปะทะของแรงเฉื่อย ร่างกายที่บอบบางหมดสติทันทีเดิมทีคิดว่าตายอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนที่ค่อยๆ ฟื้นคืนสติสัมปชัญญะ ได้ยินเสียงสนทนาเหมือนใกล้แต่ก็เหมือนไกล“องค์ชายใหญ่ สะพานหักแล้ว พวกเราข้ามไปไม่ได้…”“ข่าวถูกส่งข้ามไปแล้ว…ตำแหน่งที่พวกเราอยู่อันตรายมาก…”“ออกไป…”ใครกำลังพูด?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว หอบหายใจด้วยความเจ็บปวด ฝืนยกหนังตาที่หนักอึ้งขึ้นสายตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัดนางพยายามลืมตา ผ่านไปสิบกว่าวินาที จึงจะมองเห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหลังโต๊ะผู้ชายคนนี้อายุประมาณยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดปี ผมสีหมึกถูกครอบด้วยที่ครอบผมหยกสีดำ สวมชุดเกราะอ่อนสีดำเงิน เจตนาอันเย็นเยียบแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง กลิ่นอายความสูงศักดิ์ที่ไม่อาจล่วงล้ำฝังลึกอยู่ในกระดูก ฝ่ามือใหญ่ที่มองเห็นข้อต่อกระดูกอย่างชัดเจนถือฎีกา แค่การพลิกมืออย่างไม่ใส่ใจ ยังแผ่กลิ่นอายที่สูงศักดิ์และเฉียบคมของผู้อยู่เบื้องสูงเขาคือ…“ฟื้นแล้ว”เขาเงยหน้า ลุกขึ้นยืนร่างกายที่สูงเกือบหนึ่งเมตรเก้า ทำให้รู้สึกถึงแรงกดดัน “องค์ชายใหญ่หนานยวน จวินอวี้หยาง”แนะ
“ข้าไม่เป็นอะไร”ตอนที่นางตกลงมาจากกำแพงเมือง โชคดีที่ตกใส่บนหลังม้า แล้วถูกจวินอวี้หยางช่วยไว้ จึงโชคดีรอดชีวิตมาได้ถ้าหากตกใส่บนพื้นหิน เกรงว่านางคงตายคาที่ไปแล้ว“มีคนได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ข้าพอจะมีความรู้เรื่องยา เดี๋ยวข้าช่วยเจ้า” ฉู่เชียนหลีพลางกล่าว พลางนำยาที่ถูกต้องออกจากกล่องยาอย่างชำนาญแพทย์ทหารหญิงเห็นแล้ว ไม่ได้พูดอะไรมากเหล่าทหารมองนางด้วยความอยากรู้อยากเห็น สายตาของแต่ละคนแปลกประหลาดสงสัย สังเกต คาดเดา…พวกเขาไม่เคยเห็นพระชายาที่สูงศักดิ์คนไหน ลดตัวลงมาทำแผลให้พวกเขาด้วยตัวเองนางที่เป็นผู้หญิงบอบบางคนหนึ่ง เห็นบาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือด กลับไม่ตกใจเลยนางไม่กลัว?น่านับถือเล็กน้อยฉู่เชียนหลีคุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้น ทำแผลที่เกิดจากลูกธนูให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ต้นขาลูกธนูยิงทะลุต้นขาของเขา จากด้านหน้าไปด้านหลัง ทะลุจนเป็นรู บาดแผลสีแดง มีเลือดไหลออกมา เขาเจ็บจนกัดฟันแน่น เหงื่อท่วมศีรษะ ใบหน้าแดงก่ำ ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ปวดใจเล็กน้อย“ปีนี้เจ้าอายุเท่าไร?”“ฮะ?”จู่ๆ เด็กหนุ่มก็ถูกถาม เงยหน้าอย่างงงงวยเล็กน้อย หลังจากนั้นสองวินาที จึงจะรู้ตัวว่ากำลังถ
สายตาฉู่เชียนหลีขรึมลงเล็กน้อย คลายมือออกอย่างแข็งทื่อ เด็กหนุ่มร่วงลงไปจากหลังของนาง ลูกธนูยิงทะลุหน้าอกของเขา ตายคาที่ทันทีใบหน้าที่เพิ่งจะอายุสิบปี จะถูกแช่แข็งตลอดไปเขาบอกว่าปกป้องบ้านเมือง เขาไม่กลัวตายเขาบอกว่าขอแค่กองทัพศัตรูไม่กล้ารุกรานบ้านเมืองและครอบครัวของข้า ตายก็คุ้มค่าแล้วครอบครัวหนึ่งพังทลายแล้ว“พระชายาอ๋องเฉิน ท่านยืนอยู่ตรงนั้นทำไม! รีบไป! พวกเราไม่สามารถรวมตัวกับอ๋องเฉินได้ชั่วคราว และฮ่องเต้หลีกับแคว้นซีอวี้ร่วมมือกันแล้ว พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้หลี รีบไปเร็ว!”แพทย์ทหารหญิงคว้าแขนของฉู่เชียนหลี ลากนางวิ่งหนีฉู่เชียนหลีวิ่งอย่างโซซัดโซเซหันกลับไปมองเด็กหนุ่มคนนั้นอีกแวบหนึ่งเขานอนอยู่บนพื้นเงียบๆ ดวงตาเบิกกว้าง…สงครามปะทุขึ้นค่ายทหารถูกยึดอย่างรวดเร็ว แพทย์ทหารหญิงพาฉู่เชียนหลีวิ่งเข้าเมือง หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม จวินอวี้หยางนำกองทัพถอยเข้าเมือง วินาทีที่ประตูเมืองปิดลง ลูกธนูที่เย็นเยียนหนึ่งดอกถูกยิงมาปักที่ประตูเมืองฉึก!กลางคืนใจคนกระวนกระวายในเมือง ราษฎรหวาดกลัวมาก แต่ละคนนั่งไม่ติด ไม่กล้านอนด้วยซ้ำ มีชาวบ้านไม่น้อยได้รับบาด
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท