ระหว่างความคลุมเครือ ราวกับมีคนกำลังเรียกนางเสียงนั่นเหมือนใกล้แต่ก็เหมือนไกล ราวกับอยู่ข้างหู แต่ก็เหมือนอยู่ไกลสุดขอบฟ้า นางถูกหมอกปกคลุม แยกทิศทางไม่ออก มองไม่เห็นอะไรเลย“อวิ๋นอิง…”ใครกำลังเรียกนาง?นางเริ่มออกวิ่ง วิ่งแล้ววิ่งอีก“อวิ๋นอิง…”ไม่รู้วิ่งไปนานเท่าไร ในที่สุดก็ฝ่าออกมาจากหมอก แสงที่แสบตาพวยพุ่งเข้ามาในดวงตาของนาง แสบจนทำให้นางต้องหลับตาผ่านไปหลายวินาที ค่อยๆ ลืมตา…“อวิ๋นอิง ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว!”เสียงดีใจมากหลิงเชียนอี้มองนางด้วยความตื่นเต้น น้ำตาล้นออกมาจากหางตาสองวันแล้วนางหมดสติไปสองวัน ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว!อวิ๋นอิงนอนเหม่ออยู่บนเตียง มองม่านสีขาวที่อยู่เหนือศีรษะ มีความเจ็บปวดอย่างที่สุดแลบแววตาอันว่างเปล่าที่แท้ เป็นฝัน…อยากจมอยู่ในความฝันนั่นเพียงใด ไม่อยากตื่นทั้งชีวิต“อวิ๋นอิง ข้าจะแต่งงานเจ้า!”คำพูดที่หนักแน่นของเขา ดึงความคิดของนางกลับมาแววตาที่ว่างเปล่าค่อยๆ มีจุดสนใจ มองไปทางเขาอย่างอ่อนแอ เผยอมุมปาก “ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร…”เสียงแหบมากเจ็บคอ ในช่องปาก ยังมีกลิ่นสมุนไพรที่เข้มข้นสายหนึ่งตกค้างวันก่อน หลิงเชียนอี้ได้ร
หลิงเชียนอี้ฟังนางกล่าวจบ สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง มองไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเขาถาม “ทุกอย่างที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือ?”นางหลุบตา “อืม”“เขาดีกับเจ้าหรือไม่?”นางนิ่งไปครู่หนึ่ง พยักหน้า “อืม”หลังจากสองประโยคสั้นๆ บรรยากาศนิ่งเงียบอีกครั้งไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร…เขาจีงจะเอ่ยปาก “ในเมื่อนี่คือสิ่งที่เจ้าเลือก ข้าเคารพเจ้า ที่จริงแค่เจ้ามีความสุข อยู่กับใครมันก็ไม่สำคัญ แค่เจ้ามีความสุขก็พอ”“พวกเรายังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันใช่หรือไม่?”เขามองนางอวิ๋นอิงเม้มปาก พยักหน้าเบาๆ “อืม”“ในเมื่อพวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เช่นนั้นเจ้าก็ฟังข้า ดื่มข้าวต้มชามนี้ให้หมด รีบพักฟื้นร่างกายให้หายดี ทางน้าสะใภ้ข้ายังต้องการเจ้า นางตัวคนเดียว ดูแลลูกสองคนไม่ทัน”เขากล่าวยกชามข้าวต้มที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา ตักหนึ่งช้อน ป้อนไปที่ข้างปากนางอวิ๋นอิงชะงักเล็กน้อยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังอ้าปากแล้วสี่วันเต็มๆ ไม่ได้รับน้ำแม้แต่หยดเดียว ข้าวต้มที่เข้มข้นนุ่มหนึบ กลืนลงไป อุ่นๆ ที่คอ รู้สึกดีมากเมื่อมีของลงท้อง เมื่อกำลังฟื้นฟูคืนมาบ้าง และรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น ราวกับในเว
เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากเจ้าคลอดลูกชาย ข้าก็คลอดลูกสาว ถ้าหากเจ้าคลอดลูกสาว ข้าก็ให้ลูกชายของข้าสู่ขอนาง ดีหรือไม่?”เมื่ออวิ๋นได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มที่มุมปากแข็งเล็กน้อยหมั้นหมายกันตั้งแต่เด็ก?ห่างไกลเสียเหลือเกินรอลูกๆ เติบโต อย่างน้อยก็ต้องรออีกสิบห้าปีกระมังร่างกายที่อ่อนแอผุพังนี้ของนาง อาจจะอยู่ไม่ถึงวันนั้น“ได้” นางพยักนางด้วยรอยยิ้ม มือที่ซ่อนไว้ในผ้าห่ม กลับค่อยๆ กำแน่น พยายามข่มความรู้สึกในเวลานี้นางรู้ นางรอไม่ถึงวันนั้นแล้วแต่นางก็ยังตอบตกลงแล้วลูกคงจะเป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่สุดระหว่างพวกเขาแล้ว นางฝากความเสียใจของทั้งชีวิตไว้ที่ลูก ให้ลูกแบกความฝันของนาง ไปทำความปรารถนาที่ยังไม่สำเร็จให้เป็นจริงแล้วกันนางยิ้ม เขาก็ยิ้มเช่นกันระหว่างพวกเขา เหมือนมีอะไรเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็เหมือนไม่เคยเปลี่ยน…ผ่านไปพักใหญ่อวิ๋นอิงเหนื่อย ฝืนไม่ไหวจนนอนหลับแล้ว หลังจากหลิงเชียนอี้ห่มผ้าให้นาง ก็ลุกขึ้นยืนตอนหมุนกาย หางตาที่แดงของเขามีน้ำตาไหลออกมาหนึ่งหยด ใช้แขนเสื้อปิดหน้า เช็ดคราบน้ำตาอย่างฉับไว จากนั้นแสร้งไม่เป็นอะไร ก้าวเท้าเดินออกไปแล้วเมื่อประตูปิดลง
ปัง!หลิงเชียนอี้ต่อยเข้าไปที่ดั้งจมูกจิ่งอี้อย่างแรงจนเลือดไหล ไร้ความปรานีใดๆเขาโกรธโกรธมาก!เขากับอวิ๋นอิงมีใจให้กัน เข้าใจกันและกัน รู้จักกันมาเกือบหนึ่งปี เขาถึงกับตัดสินใจพานางกลับไปพบพ่อแม่ปรึกษาเรื่องวันแต่งงานแล้วอีกเพียงก้าวเดียว เขาก็สามารถแต่งอวิ๋นอิงกลับบ้านแล้วอีกเพียงก้าวเดียว เขากับอวิ๋นอิงก็สามารถเกื้อหนุนกันและกัน จับมือกันจนแก่เฒ่าอีกเพียงก้าวเดียว…ความแตกต่างของหนึ่งก้าวนี้ ก็คือทั้งชีวิต ก็คือทั้งชาติ“จิ่งอี้ ข้าเกลียดเจ้า! เหตุใดตอนแรกเจ้าไม่สืบความจริงให้กระจ่างก่อน? เหตุใดต้องเอาความโกรธของเจ้า ระบายใส่ผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่ง! เจ้ายังเป็นผู้ชายหรือไม่ เจ้าคู่ควรหรือไม่!”เขากระชากคอเสื้อจิ่งอี้อย่างเกรี้ยวกราด กระหน่ำหมัดใส่อย่างแรงอยากชกเขาให้ตายทั้งเป็นเสียเดี๋ยวนี้!“เจ้าทำลายนาง และทำลายข้าด้วย ข้าจะฆ่าเจ้า”“อ๊า!”เขาโกรธจนตาแดง เหมือนกับสัตว์ป่าที่กำลังคลั่ง คว้าจิ่งอี้ไว้ ฉีกกระชากและทุบตีอย่างรุนแรงใบหน้า ท้อง ต้นขา ไหล่ทำร้ายเขาอย่างบ้าคลั่งเขาจะนำความคับข้องใจของอวิ๋นอิง คืนให้จิ่งอี้ทั้งหมด เขาจะให้จิ่งอี้ได้ลองลิ้มรสความเจ
หลังจากพูดทิ้งท้ายประโยคนี้ หลิงเชียนอี้มองไปทางห้องนอนอย่างลึกซึ้ง ผ่านไปเจ็ดวินาทีเต็มๆ เดินจากไปทั้งน้ำตาในเมื่อถูกลิขิตให้อยู่ด้วยกันไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็ปล่อยมือหลังจากวันนี้ เขาปกป้องนางในฐานะเพื่อน ถ้าหากมีใครกล้ารังแกนาง ก็คือเป็นศัตรูกับเขาหลิงเชียนอี้!“แค่ก…”จิ่งอี้ที่สูญเสียแรงยึดกระแอมสองที ร่างกายที่อ่อนแอเซถอยหลังหลายก้าว“จิ่งอี้!”เฟิ่งหรานพุ่งพรวดเข้ามาประคองเขาไว้ “เจ้า…ไม่เป็นอะไรกระมัง?”หลิงเชียนอี้ลงมือหนักมาก ทั้งร่างกายจิ่งอี้มีแต่บาดแผล ทุกที่ที่สามารถมองเห็นเต็มไปด้วยเลือด ตรงจุดที่มองไม่เห็น แม้แต่กระดูกก็ปวดร้าวไปหมดเขาพักหายใจอยู่หลายวินาที จึงจะสามารถยืนอย่างมั่นคง และฝืนส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไร…”เทียบกับความเจ็บปวดทางกาย บาดแผลทางจิตใจต่างหากที่รักษาไม่ได้เขาจับกำแพง ก้าวขึ้นบันไดอย่างทุลักทุเล เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูประตูปิดอยู่บนเตียง อวิ๋นอิงนอนอยู่บนเตียงเงียบๆข้างนอกเสียงดังเช่นนั้น เป็นไปไม่ได้ที่นางไม่ได้ยิน ความเงียบของนาง ก็เพราะผิดหวังไม่ใช่หรือ?จิ่งอี้เม้มปากที่ขมขื่นและมีกลิ่นคาวเลือด ยืนอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน จ้องนางอยู่
คำพูดเหล่านี้ นางแทบจะคำรามออกมา แสดงความเศร้าโศก ความผิดหวัง และความโกรธออกมาทั้งหมดตอนงานเลี้ยงอาหารค่ำตระกูลกู้ หานเฟิงรับคำสั่ง ทำสงครามอยู่ที่เจียงเป่ย ไม่เข้าใจรายละเอียดการระเบิดในตอนนั้นเขาถาม“เหตุผลที่เยว่เอ๋อร์ทำร้ายเขาคืออะไร?”ดวงตาจิ่งอี้แดงก่ำ จ้องเยว่เอ๋อร์ตรงๆ สายตาเย็นเยียบเหมือนปีศาจร้ายที่ตามเอาชีวิต“เหตุใดไม่ยอมรับ!”เขาก้าวเข้าไป กระบี่ในมือชี้เยว่เอ๋อร์“ตอนนั้นข้ามอบขลุ่ยไม้ไผ่ให้เจ้า ให้เจ้านำไปคืนอวิ๋นอิง แต่เจ้าไม่ได้คืนให้นาง!”เขาก้าวไปข้างหน้าด้วยความโกรธ เจตนาฆ่าในแววตาแทบระเบิดออกมาแล้ว“ต่อมา ขลุ่ยไม้ไผ่ของอวิ๋นอิงไปปรากฏในมือจางเฟย เจ้าจงใจนำไปใส่! เจ้าเป็นคนใส่ร้ายอวิ๋นอิง!”“อ๊ะ…”เยว่เอ๋อร์ตกใจจนสติหลุดเรื่องราวในตอนนั้นถูกเปิดโปง นางหาคำอธิบายไม่ได้ เริ่มร้อนตัวแล้ว จับเสื้อของหานเฟิงไว้แน่น หลบที่ข้างหลังเขา กล่าวอย่างตื่นตระหนก“ข้าเปล่านะ!”“ข้าไม่ได้ทำร้ายจางเฟย ไม่ได้ใส่ร้ายอวิ๋นอิง! ข้าไม่เคยทำเรื่องเช่นนั้น และคืนขลุ่ยไม้ไผ่ให้อวิ๋นอิงแล้วด้วย! ใต้เท้าหานเฟิง ท่านเชื่อข้านะ ข้าถูกปรักปรำ!”นางตะโกนร้องหาความเป็นธรรมจิ่งอ
ตอนพูดช้า แต่จังหวะนั้นเร็วมากพริบตาที่กระบี่แทงไปหาเยว่เอ๋อร์ หนามน้ำแข็งแท่งหนึ่งถูกเหวี่ยงเข้ามา ตีคมกระบี่พลาดเป้า กระบี่ที่เดิมทีเล็งไปที่หัวใจ แทงโดนมือเยว่เอ๋อร์แทนฉึก…เลือดสาดกระเซ็น“เกิดอะไรขึ้น!”“พระชายาช่วยด้วย!”เมื่อเยว่เอ๋อร์เห็นกำลังเสริม ไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดที่แขน พุ่งพรวดเข้าไปราวกับบิน “พระชายา ช่วยบ่าวด้วย คุณชายจิ่งอี้จะฆ่าข้า!” ฉู่เชียนหลีมาอย่างเร่งรีบเสื้อผ้าจิ่งอี้ยุ่งเหยิง มุมปากแตก ใบหน้าฟกช้ำ แม้แต่ที่ครอบผมก็เอียง ตั้งแต่รู้จักกันมา ไม่เคยเห็นเขาสะบักสะบอมเช่นนี้หานเฟิงเก็บกระบี่ กล่าวรายงาน“พระชายา จิ่งอี้บอกว่าตอนนั้นที่บ้านตระกูลกู้ การตายของจางเฟยเกิดจากเยว่เอ๋อร์ ภายใต้ความโกรธจึงบุกมา ข้าน้อยห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว เหตุใดจึงโยงไปถึงเรื่องที่ไกลเช่นนั้น เรื่องนั้นเป็นฝีมือของตระกูลกู้ และคลี่คลายแล้วไม่ใช่หรือ?เหตุใดโยงกลับมาที่ตัวเยว่เอ๋อร์อีก?นางเชื่อในตัวของจิ่งอี้ เขาไม่ใช่คนประเภทชอบหาเรื่องขณะเดียวกัน นางก็เชื่อเยว่เอ๋อร์ เยว่เอ๋อร์เป็นสาวใช้ที่ติดตามนางมาตอนแต่งงาน ใช้ชีวิตร่วมกับนางเกือบสิบปี นางซื่
ปกติฉู่เชียนหลีคุยกับนางอย่างอ่อนโยน ไม่มีการตั้งคำถาม ไม่มีการสงสัย และไม่เคยตรวจสอบนาง มันเป็นความเชื่อใจที่มีต่อนางมาหลายปีเหตุผลของนางง่ายมากเจ้าสามารถใช้ประโยชน์จากความเชื่อใจของข้า และทำผิดต่อข้าหนึ่งครั้ง แต่จะไม่มีครั้งที่สองเด็ดขาดโอกาส มีแค่ครั้งเดียวนางกำลังให้โอกาสเยว่เอ๋อร์เยว่เอ๋อร์ค่อยๆ กำหมัด และเม้มปากเป็นเส้นตรง…นางรู้ความหมายของพระชายานางรู้แต่มาถึงขั้นนี้ นางหันหลังกลับไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงกัดฟันเดินหน้าต่อ นางก็ไม่อยากทำเช่นนี้ แต่เมื่อวันเวลาค่อยๆ ผ่านไป เหตุใดจึงไม่ตรงกับที่ต้องการแล้ว?นางค่อยๆ หลุบตา ยังคงกล่าว“พระชายา ที่บ่าวพูดล้วนเป็นความจริง ถ้าหากไม่เชื่อท่านไปตรวจสอบได้”“ข้าไม่ตรวจสอบเจ้า” ฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะ “เจ้าติดตามข้าเกือบปี ข้าเชื่อเจ้า แต่เจ้าต้องรู้เอาไว้ ข้าอาจจะเชื่อผิดคนจึงทำผิดพลาด แต่เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว”นางตบไหล่ของเยว่เอ๋อร์แล้วยกเท้าเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีกเยว่เอ๋อร์ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม หน้าซีดเล็กน้อยนางสามารถสัมผัสได้ ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับพระชายา ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว…“แม่นางเยว่เอ๋อร์ มือของ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท