Share

บทที่ 454

Author: หลันซานอวี่
ทว่าบนโลกนี้กลับไม่ขาดคนผู้มีดวงตากระจ่างชัดและหัวใจเฉียบแหลม

ข่าวลือนี้เหมือนจะพุ่งเป้าไปที่อวิ๋นฝูหลิง ทว่าในความเป็นจริงแล้วกลับพุ่งไปที่เซียวจิ่งอี้ต่างหาก

เมื่อเข้าใจเรื่องนี้ เช่นนั้นกระแสข่าวลือเช่นนี้มาจากทิศทางใด มีเจตนาเช่นไรนั้นก็ยิ่งมองเห็นได้ชัดยิ่ง!

สำหรับจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน อวิ๋นฝูหลิงมีผู้มีพระคุณ ฮูหยินฉู่ย่อมไม่อาจยืนเฉยดูนางถูกผู้อื่นสาดโคลนได้

“จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินให้กำเนิดฝาแฝดชายหญิง วันนี้จึงตั้งใจจัดงานเฉลิมฉลองแสดงความยินดี ทว่าแม่นางชุยกลับมาก่อความวุ่นวายในจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินของข้า คงจะมิได้เห็นจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินอยู่ในสายตานัก”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินก็ไม่ขอต้อนรับแม่นางชุยกับสหาย”

“ใครก็ได้ ส่งแม่นางชุยออกจากจวนที แล้วแจ้งไปยังสกุลชุยสักหน่อยว่า ในเมื่อสกุลไม่เห็นจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินอยู่ในสายตา เช่นนั้นนับแต่นี้ทั้งสองสกุลก็ไม่จำเป็นต้องไปมาหาสู่กันอีก!”

ชุยหย่าจิ้งนั่งนิ่งอยู่กับพื้น ตัวสั่นงันงกไปทั้งร่าง บัดนี้ถึงได้เกิดหวาดกลัวขึ้นมาจริง ๆ

จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดีมีอำนาจมากมาย สกุลชุยต้องเฟ้นหาวิธีการต
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 455

    ยามนี้ฉยงอวี้จวิ้นจู่มายืนอยู่ข้างกายอวิ๋นฝูหลิง ตอบคลายความสงสัยแก่นาง “นางคือชุยหย่าจิ้ง บุตรสาวของเฉิงเอินกง เพราะได้รับความโปรดปรานจากไทเฮา จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นจวิ้นจู่”แม้จะเป็นจวิ้นจู่เหมือนกัน ทว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่นั้นเกิดพร้อมกับสายเลือดของราชนิกุล ย่อมสูงกว่าชุยหย่าจิ้งหนึ่งขั้นโดยกำเนิดยามอวิ๋นฝูหลิงได้รู้ว่าชุยหย่าจิ้งมีแซ่ชุย ก็เดาได้ทันทีว่าแซ่ชุยนี้ เกรงว่าจะเป็นชุยเดียวกับชุยไทเฮาปกติแล้ว เพื่อเป็นการแสดงความโปรดปราน ตระกูลมารดาของฮองเฮามักจะได้รับการเพิ่มบรรดาศักดิ์เป็นเฉิงเอินโหว ส่วนตระกูลของไทเฮาจะได้รับการเพิ่มบรรดาศักดิ์เป็นเฉิงเอินกงเฉิงเอินกับเฉิงเอิน ได้รับพระเมตตา(เฉิง)จากสวรรค์(เอิน)แค่ได้ยินราชทินนาม ก็รู้ได้ว่าทั้งสองสายนี้เป็นญาติข้างมารดาชุยกุ้ยเฟยและชุยไทเฮาล้วนเกิดจากจวนเฉิงเอินกง ตามสายเลือดแล้วจึงเกี่ยวข้องกันโดยกำเนิด ดังนั้นจวนเฉิงเอินย่อมสนับสนุนองค์ชายสามซึ่งถือกำเนิดจากชุยกุ้ยเฟยและองค์ชายสามนั้นเห็นเซียวจิ่งอี้เป็นหนามทิ่มแทงตาเสมอมา แทบอยากจะกำจัดเซียวจิ่งอี้ไปให้พ้นทาง ย้ายหินขัดความเจริญที่ขวางเส้นทางการเดินไปสู่ตำแหน่งองค์รัชท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 456

    ฮูหยินรองชุยเห็นเช่นนั้น ก็รู้ได้ว่าชุยหย่าจิ้งได้ล่วงเกินอวิ๋นฝูหลิงอย่างร้ายแรงในใจนางทั้งโกรธทั้งเกลียดจอมก่อเรื่องอย่างชุยหย่าจิ้งผู้นี้เหลือเกิน วันทั้งวันไม่ทำอันใด รังแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้จวนเฉิงเอินกงเท่านั้นชุยหย่าจิ้งเป็นคนอารมณ์ขี้หงุดหงิด มีนิสัยจิตใจคับแคบ ยามนางกลับไปถึงสกุลชุย ไม่รู้ว่าจะไปฟ้องอันใดกับฮูหยินเฉิงเอินกงผู้เป็นมารดาของนางอีก!ถึงยามนั้น ไม่แน่ว่าตัวเองก็ยังถูกลากไปเกี่ยวข้องด้วยพอนึกถึงนิสัยไร้เหตุผลของแม่ลูกคู่นี้ ที่มีนิสัยเถียงเอาเป็นเอาตายไม่สนเหตุผลแล้ว ฮูหยินรองชุยก็ปวดศีรษะขึ้นมาทันทีถึงอย่างไรนางก็ขอโทษแสดงความสำนึกผิดต่อพระชายาอี้อ๋องแล้ว ส่วนพระชายาอี้อ๋องจะรับหรือไม่รับ นั่นก็มิได้เกี่ยวกับนางแล้วยามนี้ฮูหยินรองชุยมิได้สนใจอื่นใดแล้ว หลังจากกล่าวลากับฮูหยินฉู่ก็รีบกลับจวนเฉิงเอินกงทันทีใครจะคิดว่านางเพิ่งจะมาถึงเรือนไห่ถังที่ฮูหยินเฉิงเอินกงพักอยู่ ก็ได้ยินเสียงฟ้องของชุยหย่าจิ้งตั้งแต่หน้าประตูเสียแล้วฮูหยินรองชุยกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นเรื่องราวเป็นอย่างที่นางคิดจริง ๆ ด้วยสาวใช้ด้านหน้าประตูรายงาน “ฮูหยินรองมาเจ้าค่ะ” แ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 457

    ฮูหยินรองชุยเปล่งวาจาอยู่เพียงข้างเดียว พูดเสียจนฮูหยินเฉิงเอินกงน้ำท่วมปากนางคิดว่าฮูหยินรองกำลังพูดจาปลิ้นปล้อน ทว่ากลับจับไม่ได้ฮูหยินรองชุยนั้นแม้จะแสดงสีหน้าขอโทษขอโพย ทว่ากลับอดเบ้ปากใส่อยู่ในใจไม่ได้ชุยหย่าจิ้งเป็นสาวใหญ่ที่อายุตั้งสิบเก้าปีเข้าไปแล้ว มิใช่เด็กน้อยอายุสองสามขวบที่ต้องให้นางคอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลาเสียเมื่อไรยามอยู่ข้างนอกชุยหย่าจิ้งพูดจาไม่สำรวมเอง จนก่อเรื่องเดือดร้อนเข้า แต่กลับโยนความผิดมาใส่นางเสียนี่ ว่ากันแล้ว ก็เป็นฮูหยินเฉิงเอินกงนั่นแหละที่ปล่อยชุยหย่าจิ้งมากเกินไปมาแต่ไหนแต่ไรตามใจนางจนเป็นเฉกเช่นทุกวันนี้!หากไม่เข้มงวดกวดขันขึ้นมาสักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะมีวันที่ก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตกว่านี้เข้าสักวันก็ได้!เพียงแต่แม้คำพูดนี้จะมาอยู่ที่ลิ้นของฮูหยินรองชุยแล้ว ทว่านางก็ต้องกลืนลงไปในใจฮูหยินรองชุยรู้ดีว่าพี่สะใภ้ใหญ่ผู้นี้รักปกป้องลูกมากแค่ไหนแม้นางจะพูดไปแล้ว ทว่าฮูหยินเฉิงเอินกงไม่เพียงแต่ไม่ฟังเท่านั้น กลับยังจะต่อว่านางด้วยหลังจากที่ฮูหยินเฉิงเอินกงตำหนิฮูหยินรองชุยไปหนึ่งคำรบ ก็ไล่นางออกไปชุยหย่าจิ้งฟุบหมอบอยู่กับหัวเข่าของฮูหย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 458

    “เรื่องนี้ ไว้รอกั๋วกงกลับมาแล้วค่อยคิดหาทางอีกที”“ตอนนี้ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญกว่า!”ฮูหยินเฉิงเอินกงชะงักไปเล็กน้อย แล้วสั่งหมัวมัวนางนั้นไปว่า “เจ้าไปนำบัญชีรูปภาพคุณชายในเมืองหลวงที่ยังไม่ออกเรือนที่จัดการไปเมื่อหลายวันก่อนมาที”“คราวนี้ต้องช่วยกันดูให้ดี รีบหมั้นหมายหย่าจิ้งให้เร็วที่สุด จะได้ตัดความคิดฟุ้งซ่านของนาง วันข้างหน้าจะได้สงบสุข”หมัวมัวรับคำแล้วออกไป ไม่นานนักก็นำม้วนบัญชีหนาเตอะมาหนึ่งเล่มในบัญชีเล่มนั้นมีภาพวาดเหล่าบุรุษที่ยังไม่ได้ออกเรือน ข้าง ๆ รูปยังจดชาติตระกูล ลำดับ ผลงานหรือตำแหน่งขุนนางและรายละเอียดอื่น ๆ ไว้เรื่องที่ชุยหย่าจิ้งหลงใหลรักใคร่เซียวจิ่งอี้นั้น เป็นเรื่องหนักใจของฮูหยินเฉิงเอินกงมาโดยตลอดหากเซียวจิ่งอี้มิใช่ผู้ชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทที่มีอำนาจ ฮูหยินเฉิงเอินกงก็อยากให้บุตรสาวได้สมปรารถนาเช่นนั้นยังดึงแรงช่วยองค์ชายสามมาเพิ่มได้อีกหนึ่งทว่าเซียวจิ่งอี้ได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้จิ่งผิงเป็นอย่างยิ่ง คุณธรรมและความสามารถล้วนเป็นที่ประจักษ์ หากเขาเป็นองค์รัชทายาท ขุนนางเกินกว่าครึ่งในราชสำนักไม่มีทางไม่เห็นด้วยเฉิงเอินกงเองก็เคยคิดเช่นก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 459

    อวิ๋นฝูหลิงโอบไหล่ของฉยงอวี้จวิ้นจู่ไว้ แล้วกล่าวอย่างสนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องว่า “ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ข้าก็ต้องขอบคุณเจ้า!”“ขอบคุณที่เจ้าออกหน้าแทนข้า!”“วันข้างหน้าหากเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร ให้รีบมาหาข้า ข้าจะช่วยเจ้าแน่นอน!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่เม้มปาก ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้สลัดตัวออกจากอวิ๋นฝูหลิงผ่านไปครู่ใหญ่ นางก็ยื่นอาหารปลาในมือให้อวิ๋นฝูหลิง “อยากให้อาหารปลาด้วยกันไหม?”“เอาสิ” อวิ๋นฝูหลิงหยิบอาหารปลาขึ้นมาหนึ่งกำมือ แล้วโปรยลงไปบนผืนน้ำปลาหลีฮื้อนับไม่ถ้วนแหวกว่ายออกมา แย่งชิงว่ายพุ่งไปทางที่มีอาหารปลาฉยงอวี้จวิ้นจู่แย้มยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว นางให้อาหารปลากับอวิ๋นฝูหลิงไปพลาง มองดูปลากับอวิ๋นฝูหลิงไปพลางเรือนด้านหน้าจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินเทียนเฉวียนเดินมาอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้ โน้มตัวกระซิบข้างหูเขาอยู่สองสามคำแม้สีหน้าของเซียวจิ่งอี้จะไม่แปรเปลี่ยน ทว่าสายตากลับเย็นชาขึ้นมาไม่น้อยในชั่วพริบตาเขายกจอกสุรา มองไปทางเฉิงเอินกง“เฉิงเอินกง ข้าขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก!”จู่ ๆ เซียวจิ่งอี้ก็ดื่มสุราอวยพรให้เฉิงเอินกง สร้างความตกตะลึงให้แก่คนทั้งโต๊ะเฉิงเอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 460

    แรกคือคุณชายใหญ่จวนเฉิงเอินกงสร้างอีกเรือนไว้ข้างนอก เลี้ยงอนุภรรยาไว้ กราบไหว้ฟ้าดินกับสตรีนางนั้น เรียกขานกันว่าสามีภรรยาครั้นฮูหยินของคุณชายใหญ่รู้ข่าว ไหนเลยจะทนกับความอัปยศนี้ได้รีบพาสาวใช้ของตนที่ติดตามมาครั้งแต่งงานบุกเข้าไปในเรือนนอกหลังนั้น สั่งสอนอนุภรรยาผู้นั้นจากนั้นก็พาบุตรธิดากลับไปบ้านมารดาบ้านมารดาของฮูหยินคุณชายใหญ่ก็โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก เปล่งวาจาออกมาว่าจวนเฉิงเอินกงต้องมีคำชี้แจงให้แก่เรื่องนี้คุณชายใหญ่แต่งานมีภรรยาแล้ว ทว่ากลับไหวฟ้าดินกับสตรีนางอื่น เช่นนี้คือต้องการจะหย่าภรรยาแล้วไปแต่งงานใหม่ใช่หรือไม่?เรื่องของคุณชายใหญ่ยังไม่ทันแก้ไข เรื่องที่ฮูหยินเฉิงเอินกงปล่อยเงินกู้อยู่ข้างนอก ทั้งยังบีบบังคับจนคนตายก็ถูกเปิดโปงราชวงศ์นี้มีคำสั่งชัดเจนว่าห้ามปล่อยเงินกู้ฮูหยินเฉิงเอินกงเป็นถึงสตรีที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ ทว่ากลับฝ่าฝืนกฎหมายทั้งที่รู้ดี ทั้งยังก่อเรื่องคร่าชีวิตคนไปหลายรายครั้นผู้ตรวจการเมืองได้รับรายงานคดี ก็เดินทางมายังจวนเฉิงเอินกงในวันนั้น ด้วยต้องการคุมตัวฮูหยินเฉิงเอินกงฮูหยินเฉิงเอินกงตกใจจนเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้นเรื่องปล่อย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 461

    องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อไม่ได้พูดถึงเรื่องของชุยหย่าจิ้งกับเซียวจิ่งอี้ในวันนั้นเพราะนางรู้ว่าเรื่องนี้จะไปถึงหูของเซียวจิ่งอี้ในไม่ช้าก็เร็ว นางไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่ไม่จำเป็นและด้วยนิสัยของเซียวจิ่งอี้ ไม่มีทางปล่อยไปเช่นนั้นเด็ดขาดเป็นอย่างที่คิดไว้ เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเอง ทางสกุลชุยก็เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่แม้แต่องค์ชายสามก็ไม่รอดแม้องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อจะไม่สนใจเรื่องของราชสำนัก แต่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจวันนั้นชุยหย่าจิ้งสามารถพูดคำพูดเช่นนั้นออกมา นอกจากสกุลชุยสอนลูกสาวไม่ดีแล้ว อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมของนางด้วยการชิงตำแหน่งทายาทสายหลัก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อยินดีออกหน้าปกป้องอวิ๋นฝูหลิง แต่ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองยิ่งกว่านั้นถ้าหากเซียวจิ่งอี้ตัดสินใจะเลือกที่จะเดินบนเส้นทางที่นำไปสู่ความสูงศักดิ์ เช่นนั้นก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องบางเรื่องท้ายที่สุดก็ต้องให้เขาไปเผชิญหน้า ฝึกฝนขัดเกลาประสบการณ์ด้วยตัวเองขณะที่จวนเฉิงเอินกงกับเหล่าองค์ชายกำลังปวดหัว เซียวจิ่งอี้กลับถูกฮ่องเต้จิ่งผิงเรียกเข้าวังเซียวจิ่งอี้ก้าวเข้าต

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 462

    “อีกทั้งนี่เป็นความแค้นส่วนตัวของกระหม่อมกับสกุลชุย เอาคืนแค่นี้ก็พอประมาณแล้ว”“เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น กระหม่อมคิดไม่ถึงและไม่ได้มีส่วนร่วมจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมจะรู้ได้อย่างไรว่าต่อมายังจะส่งผลต่อเรื่องมากมายเช่นนี้?”ฮ่องเต้จิ่งผิงมองเซียวจิ่งอี้ที่สีหน้าเรียบเฉยและเหมือนไม่รู้อะไร เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลังเกินความคาดหมายของเขาเขาเลิกคิ้ว ถามอีก “บุตรสาวภรรยาเอกของสกุลชุยล่วงเกินพระชายาอี้อ๋อง จึงทำให้เจ้าไม่พอใจไม่ใช่หรือ?”“เจ้าไม่เล่นงานนาง แต่กลับไปเล่นงานคุณชายใหญ่สกุลชุย นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”เซียวจิ่งอี้กล่าวอธิบาย “ที่นางอวดดีถึงขั้นกล้ารังแกพระฉายาของกระหม่อม ก็เพราะอาศัยอิทธิพลของสกุลชุยไม่ใช่หรือ?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กระหม่อมจัดการสกุลชุยไม่ง่ายกว่าหรอกหรือ?”“สกุลชุยได้รับบทเรียน ย่อมรู้ว่าต้องสั่งสอนบุตรสาวของตัวเองอย่างไร”“เฉิงเอินกงรักลูกชายคนโตของเขาที่สุดไม่ใช่หรือ กระหม่อมก็เลยเอาลูกชายคนโตของเขามาทำให้ดูเป็นตัวอย่าง!”“อีกทั้งชุยหย่าจิ้งเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าหากกระหม่อมจัดการนางแค่คนเดียว ผู้อื่นจะไม่ว่ากระหม่อมที่เป็น

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 492

    อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 491

    “อี้อ๋องเป็นคนหนักแน่นและรอบคอบตลอด เขารู้จักแยกแยะอยู่แล้ว”“อีกทั้งจวนอี้อ๋องใหญ่เช่นนี้ เสวียซือก็พักอยู่ที่เรือนรับรองแขกด้านหน้า ไม่รบกวนพระชายาอี้อ๋องหรอก”มีหรือที่ฮูหยินเซียงกั๋วกงจะไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ นางก็แค่อดไม่ได้ที่จะบ่นนางถลึงตาใส่เซียงกั๋วกงแวบหนึ่ง “ท่านตามใจเขาเต็มที่เลย!”สำหรับลูกชายคนเล็กคนนี้ เซียงกั๋วกงย่อมลำเอียงกว่าเล็กน้อยแต่ถ้าพูดถึงการตามใจ ฮูหยินเซียงกั๋วกงตามใจมากกว่าแต่คำพูดนี้ เซียงกั๋วกงไม่กล้าพูดออกจากปาก ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าคืนนี้จะได้อยู่อย่างสงบเขากำลังจะเกลี้ยกล่อมฮูหยินเซียงกั๋วกงนอนเร็วหน่อย ก็ได้ยินนางกล่าวอีก “อี้อ๋องโตกว่าเสวียซือแค่ปีเดียว ปัจจุบันพระชายาก็มีแล้ว ลูกชายก็มีแล้ว แล้วหันมาดูเสวียซือของเรา ยังตัวคนเดียวอยู่เลย”“ข้าว่านะต้องหาคู่ให้เขาแล้ว”“เขารีบแต่งงานเร็วๆ ก็มีคนคุมเขาแล้ว!”เซียงกั๋วกงย่อมไม่มีความเห็น“เช่นนั้นเจ้าก็เลือกผู้หญิงดีๆ สักสองสามคนจากบรรดาคุณหนูในเมืองหลวงให้เขาไปดูตัว”เซียงกั๋วกงเป็นผู้ชาย ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเหล่าคุณหนูในเมืองหลวง เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ฮูหยินเซียงกั๋วกงไปจัดการใคร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 490

    ความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในใจจ้าวเสวียซือไม่หยุด จนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ“พระ... พระชายา ข้า...”เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ข้าใช้ไปสองครั้งแล้ว... จะทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ“โชคดีที่รู้ตัวได้ทันกาล เจ้าเสพไปไม่มาก”“ทว่าความบริสุทธิ์ของขี้ผึ้งทองนี้สูงมาก แม้จะใช้ไปเพียงสองครั้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความรู้สึกติดอยู่บ้าง”“ต่อไปเจ้าก็ห้ามแตะต้องของเช่นนี้อีกเด็ดขาด! นอกเสียจากเจ้าอยากจะกลายเป็นซากศพเดินได้ที่ถูกขี้ผึ้งทองนี้ควบคุม”“ต่อให้ในใจอยากจะเสพมันอีก ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ต้องเลิกให้ได้เสียตั้งแต่ตอนนี้”อวิ๋นฝูหลิงกังวลว่าจ้าวเสวียซือจะเสพติดมัน จึงปรึกษากับเซียวจิ่งอี้ว่า“ช่วงนี้ให้เขาอยู่ที่จวนอี้อ๋องก่อนเถิด”“หากเขาเสพติดเจ้าขี้ผึ้งทองนี่ ข้าก็จะได้ช่วยเขาเลิกได้ทันเวลา”“ไม่เช่นนั้น แค่คลาดสายตาไปเพียงนิด เขาก็จะไปซื้อขี้ผึ้งทองมาแอบเสพอีก จนถลำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ อยากจะช่วยเขาก็ไม่ทันกาลแล้ว!”จ้าวเสวียซือตะโกนลั่น “คงไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นหรอกกระมัง ข้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายัง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 489

    “เพียงแค่ค่าตั๋วเข้าคฤหาสน์ก็ตั้งสิบตำลึงแล้ว หากเข้าไปแล้วอยากจะเล่นอย่างอื่นก็ยังต้องจ่ายเงินอีกนะ”“สุรา เครื่องดื่มและอาหารก็แพงกว่าที่อื่น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น คนที่ไปเยือนก็มีไม่ขาดสาย”อวิ๋นฝูหลิงฟังถึงตรงนี้ก็ตกใจเล็กน้อยตั้งราคาไว้สูง ทว่าลูกค้ากลับไปเยือนไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่ากิจการของที่นี่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ที่อื่นไม่มีไม่ต้องรอให้นางเอ่ยถาม ก็ได้ยินจ้าวเสวียซือกล่าวว่า “ข้าก็สงสัยนัก ว่าสถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นอะไรกันแน่ ถึงได้ดึงดูคนเข้าไปเที่ยวเล่นได้มากมายเช่นนั้น”“ข้าเลยตั้งใจหาเวลาว่างไปเที่ยวเล่นที่นั่นมาครั้งหนึ่ง”“ที่นั่นสมแล้วที่ตั้งชื่อว่าเรือนเสินเซียน[1] เรื่องกินดื่มร้องรำทำเพลงน่ะเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งที่เป็นที่เลื่องลือมากที่สุดก็ต้องยกให้ขี้ผึ้งทอง”จ้าวเสวียซือพูดไป พลางควักกล่องเคลือบลายครามใบเล็กเท่ากำปั้นของเด็กแรกเกิดออกมาจากอ้อมแขน“กล่องเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็ตั้งห้าสิบตำลึงแล้ว...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นเนื้อขี้ผึ้งสีทองด้านในกล่องเคลือบลายคราม ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีทันทีนางแย่งกล่องเคลือบลายครามใบนั้นมา ใช้นิ้วป้ายเนื้อขี้ผึ้งสีทอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 488

    “คุณชายเจ้าสาวกลับมาพร้อมกับท่านอ๋องด้วย บอกว่าอยากอยู่ค้างคืนเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องขอให้พระชายาจัดเตรียมโต๊ะสุราไว้หนึ่งโต๊ะ คืนนี้จะได้ดื่มร่วมกันเจ้าค่ะ”คุณชายสามจ้าวที่บ่าวรับใช้พูดถึงนั้น ก็คือจ้าวเสวียซือสหายสนิทของเซียวจิ่งอี้ คุณชายสามแห่งจวนเซียงกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเช่นนั้น ก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “นี่ก็เย็นย่ำมากแล้ว ข้าควรกลับได้แล้ว”อวิ๋นฝูหลิงพูดรั้งนางให้อยู่ต่อ “อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ?”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ส่ายหน้าหากมีเพียงอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ นางก็คงจะอยู่ต่อทว่าคืนนี้มีจ้าวเสวียซืออยู่ด้วย นางเป็นสตรีแต่งงานแล้ว ทั้งเฉินเจิงก็ไม่ได้เดินทางมากับนางด้วย จึงเป็นการไม่สมควรที่จะนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับบุรุษอื่นอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่านางยืนกรานจะกลับ จึงไม่ได้รั้งนางไว้อีก และไปส่งนางถึงประตูรองด้วยตนเองใครจะคาดคิดว่าจะต้องเผชิญกับเซียวจิ่งอี้และจ้าวเสวียซือที่มาด้วยกันเข้าฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวทักทายเซียวจิ่งอี้กับจ้าวเสวียซือจ้าวเสวียซือกวาดสายตามองดวงหน้าของฉยงอวี้จวิ้นจู่ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยจนเทบมอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 487

    อวิ๋นฝูหลิงขบคิดอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วกล่าวว่า “อาจเป็นเพราะพวกข้าต่างเป็นคนที่ใช่ของกันและกันกระมัง!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่กะพริบตาปริบ ๆ เผยท่าทีว่าฟังไม่เข้าใจ“พี่สะใภ้ พูดให้ชัดเจนกว่านี้สักหน่อยได้หรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิง “ความจริงใจ ความจริงใจเป็นไม้ตายที่ใช้ได้ตลอดกาล!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ทรุดตัวอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยอย่างหมดเรี่ยวแรง แล้วพึมพำออกมาว่า “ข้ายังจริงใจไม่พอหรือ?”“ต่อให้เป็นก้อนหิน ก็น่าจะถูกข้าทำให้อุ่นจนร้อนแล้วไหม?”ทันทีที่อวิ๋นฝูหลิงได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ได้ว่านางกลัดกลุ้มเพราะเฉินเจิงอีกแล้วสำหรับอวิ๋นฝูหลิงแล้ว คางคกสามขาในใต้หล้านี้ไม่อาจหาเจอได้ง่าย ๆ ทว่าบุรุษสองขานั้นมีอยู่มากมาย ไยจะต้องเอาตัวไปยึดติดอยู่กับคนเพียงคนเดียวด้วยมีบุรุษบางจำพวก ต่อให้เจ้าทุ่มเทให้มากเท่าไร เขาก็ยังคงทำเป็นมองไม่เห็นอยู่ดีคนเช่นนี้ สมควรปล่อยให้เขาอยู่ไกลห่างได้มากเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น!เพียงแต่น่าเสียดายที่ ฉยงอวี้จวิ้นจู่หลงรักหัวปักหัวปำ ไม่ยอมฟังคำเตือนแม้แต่น้อยบางทีอาจจะมีแค่ต้องรอให้ถึงสักวันหนึ่ง ที่นางผิดหวังมากพอจนรู้สึกตัวได้ด้วยตนเองกระมังอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงก่อนหน้านั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 486

    อวิ๋นฝูหลิงพูดไปพลางลูบหีบไม้แดงเล็ก ๆ สองสามใบที่กอดอยู่ในอ้อมกอดพ่อบ้านหยวนเห็นดังนั้น จึงรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ถูกคนในวังหลวงรังแก ในทางกลับกันยังได้รางวัลกลับมาไม่น้อยเขาถึงกับรู้สึกโล่งใจอยู่ในใจ กลับมามีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าอีกครั้งอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถาม “ท่านอ๋องล่ะ?”พ่อบ้านหยวน “ท่านอ๋องไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงแล้วขอรับ วันนี้เป็นวันว่าราชการใหญ่”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า แล้วเดินไปดูเซียวจิงมั่วที่เรือนหลังอากาศเย็นขึ้นทุกวัน ๆใบไม้แห้งเหี่ยวปลิวหลิวลงมาจากกิ่งก้าน หลงเหลือไว้เพียงลำต้นโล้น ๆ เผยให้เห็นถึงความเงียบเหงาประจำต้นฤดูหนาวภายในเรือนหลักของจวนอี้อ๋องได้จุดเตาใต้ดินแล้ว ในห้องจึงอบอุ่นยิ่ง เทียบกับด้านนอกแล้วช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงฉยงอวี้จวิ้นจู่เอนตัวอยู่บนเตียง พลิกหน้าหนังสือนิยายในมือไปพลาง คุยเล่นกับอวิ๋นฝูหลิงไปพลางนับตั้งแต่หลังงานฉลองบริมาสที่จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน จะให้มีเหตุหรือไม่มีฉยงอวี้จวิ้นจู่ล้วนวิ่งมายังจวนอี้อ๋อง ค่อย ๆ สนิทสนมกับอวิ๋นฝูหลิงขึ้นเรื่อย ๆ อวิ๋นฝูหลิงเห็นท่าทางเบื่อหน่ายของฉยงอวี้จวิ้นจู่แล้ว จึงอดเอ่ยออกไปไม่ได้ว่า “

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 485

    หากเป็นไปได้ ติงหมิงรุ่ยอยากให้ตัวเองหายตัวได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำแบบนั้นอวิ๋นฝูหลิงจะได้ไม่เห็นเขาทว่าในความเป็นจริงแล้วกลับโหดร้ายเสียนี่กระไรติงหมิงรุ่ยไม่รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงยังจำเขาได้หรือไม่ แล้วจะนึกออกหรือไม่ว่าเป็นเขาเขาก้มหน้า ประสานมือคำนับพร้อมกล่าว “กระหม่อมขอคารวะพระชายาอี้อ๋อง”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น แล้วเดินตรงผ่านข้าง ๆ เข้าไปบุญคุณความแค้นระหว่างอวิ๋นฝูหลิงกับครอบครัวอวิ๋นกานซงนั้น แม้จะไม่ถึงขนาดที่พาลโมโหติงหมิงรุ่ยไปด้วย ทว่าเขาถึงขั้นยืมมืออวิ๋นกานซงให้แนะนำตนเองเข้ามาอยู่ในสำนักหมอหลวงได้ ดูแล้วคงใกล้ชิดสนิทสนมไม่น้อย บางทีอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ก็ได้คนเช่นนี้ อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์อันใดกับเขาเลยสักนิดขอแค่เขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับอวิ๋นกานซง ก่ออันตรายมาถึงตัวนาง เช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็จะไม่สร้างความลำบากให้เขายิ่งไปกว่านั้นพฤติกรรมและกิริยาท่าทางของติงหมิงรุ่ยช่วงที่อยู่ในเขาเฟิ่งลั่วตอนนั้น อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ใคร่จะชอบใจนักเดิมทีเป็นคนแปลกหน้าที่ได้พบกันโดยบังเอิญ มีเพียงวาสนาที่ได้ร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 484

    “ข้ากล้ารับรองด้วยชีวิตเลยว่า เทียบยานี้ไม่มีปัญหาแน่นอน และรักษาโรคไอเรื้อรังของไฉเหรินผู้นั้นได้...”เขายังไม่ทันได้พูดจนจบ คนก่อนหน้านี้ก็หัวเราะเสียงเย็นเยียบ“ติงหมิงรุ่ย ที่นี่คือวังหลวง ทุกเรื่องต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ!”“เป็นท่านหมออยู่ในโรงหมอนอกวังแล้วอย่างไร โดดเด่นมากนักหรือ?”“เจ้าอยากตรวจไข้ขนาดนี้ ไม่ออกนอกวังแล้วไปเป็นท่านหมอในโรงหมอที่เจ้าอยู่ต่อเสียเลยเล่า!”“หากเจ้าอยากอยู่ในสำนักหมอหลวง ก็จงทำตัวเป็นหมอฝึกหัดให้ดี อย่าเอาแต่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ทั้งวันเลย”“ข้าขอบอกเจ้าหน่อยแล้วกัน เจ้าอย่ายอมแพ้ ทุกคนในสำนักหมอหลวงแห่งนี้ล้วนไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น ๆ ทั้งนั้น”“นอกเสียจากฝีมือการแพทย์ของเจ้าจะยอดเยี่ยมจะไปเข้าตาคนใหญ่คนโตเข้า จนเจ้าได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษ”“มิเช่นนั้น เจ้าก็อยู่ในสำนักหมอหลวงอย่างสุจริต ทำหน้าที่เป็นหมอฝึกหัดให้ดี”“ข้านึกถึงบุญคุณที่เคยได้รับจากอวิ๋นกานซงในวันวาน ถึงได้คอยดูแลเจ้าเช่นนี้”“เจ้าเป็นคนที่อวิ๋นกานซงแนะนำเข้ามา บัดนี้อวิ๋นกานซงไม่อยู่แล้ว หากเจ้าไม่เก็บหางของตนไว้และไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ช้าก็เร็วเจ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status