แชร์

บทที่ 459

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
อวิ๋นฝูหลิงโอบไหล่ของฉยงอวี้จวิ้นจู่ไว้ แล้วกล่าวอย่างสนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องว่า “ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ข้าก็ต้องขอบคุณเจ้า!”

“ขอบคุณที่เจ้าออกหน้าแทนข้า!”

“วันข้างหน้าหากเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร ให้รีบมาหาข้า ข้าจะช่วยเจ้าแน่นอน!”

ฉยงอวี้จวิ้นจู่เม้มปาก ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้สลัดตัวออกจากอวิ๋นฝูหลิง

ผ่านไปครู่ใหญ่ นางก็ยื่นอาหารปลาในมือให้อวิ๋นฝูหลิง “อยากให้อาหารปลาด้วยกันไหม?”

“เอาสิ” อวิ๋นฝูหลิงหยิบอาหารปลาขึ้นมาหนึ่งกำมือ แล้วโปรยลงไปบนผืนน้ำ

ปลาหลีฮื้อนับไม่ถ้วนแหวกว่ายออกมา แย่งชิงว่ายพุ่งไปทางที่มีอาหารปลา

ฉยงอวี้จวิ้นจู่แย้มยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว นางให้อาหารปลากับอวิ๋นฝูหลิงไปพลาง มองดูปลากับอวิ๋นฝูหลิงไปพลาง

เรือนด้านหน้าจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน

เทียนเฉวียนเดินมาอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้ โน้มตัวกระซิบข้างหูเขาอยู่สองสามคำ

แม้สีหน้าของเซียวจิ่งอี้จะไม่แปรเปลี่ยน ทว่าสายตากลับเย็นชาขึ้นมาไม่น้อยในชั่วพริบตา

เขายกจอกสุรา มองไปทางเฉิงเอินกง

“เฉิงเอินกง ข้าขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก!”

จู่ ๆ เซียวจิ่งอี้ก็ดื่มสุราอวยพรให้เฉิงเอินกง สร้างความตกตะลึงให้แก่คนทั้งโต๊ะ

เฉิงเอ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 460

    แรกคือคุณชายใหญ่จวนเฉิงเอินกงสร้างอีกเรือนไว้ข้างนอก เลี้ยงอนุภรรยาไว้ กราบไหว้ฟ้าดินกับสตรีนางนั้น เรียกขานกันว่าสามีภรรยาครั้นฮูหยินของคุณชายใหญ่รู้ข่าว ไหนเลยจะทนกับความอัปยศนี้ได้รีบพาสาวใช้ของตนที่ติดตามมาครั้งแต่งงานบุกเข้าไปในเรือนนอกหลังนั้น สั่งสอนอนุภรรยาผู้นั้นจากนั้นก็พาบุตรธิดากลับไปบ้านมารดาบ้านมารดาของฮูหยินคุณชายใหญ่ก็โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก เปล่งวาจาออกมาว่าจวนเฉิงเอินกงต้องมีคำชี้แจงให้แก่เรื่องนี้คุณชายใหญ่แต่งานมีภรรยาแล้ว ทว่ากลับไหวฟ้าดินกับสตรีนางอื่น เช่นนี้คือต้องการจะหย่าภรรยาแล้วไปแต่งงานใหม่ใช่หรือไม่?เรื่องของคุณชายใหญ่ยังไม่ทันแก้ไข เรื่องที่ฮูหยินเฉิงเอินกงปล่อยเงินกู้อยู่ข้างนอก ทั้งยังบีบบังคับจนคนตายก็ถูกเปิดโปงราชวงศ์นี้มีคำสั่งชัดเจนว่าห้ามปล่อยเงินกู้ฮูหยินเฉิงเอินกงเป็นถึงสตรีที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ ทว่ากลับฝ่าฝืนกฎหมายทั้งที่รู้ดี ทั้งยังก่อเรื่องคร่าชีวิตคนไปหลายรายครั้นผู้ตรวจการเมืองได้รับรายงานคดี ก็เดินทางมายังจวนเฉิงเอินกงในวันนั้น ด้วยต้องการคุมตัวฮูหยินเฉิงเอินกงฮูหยินเฉิงเอินกงตกใจจนเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้นเรื่องปล่อย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 461

    องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อไม่ได้พูดถึงเรื่องของชุยหย่าจิ้งกับเซียวจิ่งอี้ในวันนั้นเพราะนางรู้ว่าเรื่องนี้จะไปถึงหูของเซียวจิ่งอี้ในไม่ช้าก็เร็ว นางไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่ไม่จำเป็นและด้วยนิสัยของเซียวจิ่งอี้ ไม่มีทางปล่อยไปเช่นนั้นเด็ดขาดเป็นอย่างที่คิดไว้ เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเอง ทางสกุลชุยก็เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่แม้แต่องค์ชายสามก็ไม่รอดแม้องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อจะไม่สนใจเรื่องของราชสำนัก แต่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจวันนั้นชุยหย่าจิ้งสามารถพูดคำพูดเช่นนั้นออกมา นอกจากสกุลชุยสอนลูกสาวไม่ดีแล้ว อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมของนางด้วยการชิงตำแหน่งทายาทสายหลัก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อยินดีออกหน้าปกป้องอวิ๋นฝูหลิง แต่ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองยิ่งกว่านั้นถ้าหากเซียวจิ่งอี้ตัดสินใจะเลือกที่จะเดินบนเส้นทางที่นำไปสู่ความสูงศักดิ์ เช่นนั้นก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องบางเรื่องท้ายที่สุดก็ต้องให้เขาไปเผชิญหน้า ฝึกฝนขัดเกลาประสบการณ์ด้วยตัวเองขณะที่จวนเฉิงเอินกงกับเหล่าองค์ชายกำลังปวดหัว เซียวจิ่งอี้กลับถูกฮ่องเต้จิ่งผิงเรียกเข้าวังเซียวจิ่งอี้ก้าวเข้าต

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 462

    “อีกทั้งนี่เป็นความแค้นส่วนตัวของกระหม่อมกับสกุลชุย เอาคืนแค่นี้ก็พอประมาณแล้ว”“เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น กระหม่อมคิดไม่ถึงและไม่ได้มีส่วนร่วมจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมจะรู้ได้อย่างไรว่าต่อมายังจะส่งผลต่อเรื่องมากมายเช่นนี้?”ฮ่องเต้จิ่งผิงมองเซียวจิ่งอี้ที่สีหน้าเรียบเฉยและเหมือนไม่รู้อะไร เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลังเกินความคาดหมายของเขาเขาเลิกคิ้ว ถามอีก “บุตรสาวภรรยาเอกของสกุลชุยล่วงเกินพระชายาอี้อ๋อง จึงทำให้เจ้าไม่พอใจไม่ใช่หรือ?”“เจ้าไม่เล่นงานนาง แต่กลับไปเล่นงานคุณชายใหญ่สกุลชุย นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”เซียวจิ่งอี้กล่าวอธิบาย “ที่นางอวดดีถึงขั้นกล้ารังแกพระฉายาของกระหม่อม ก็เพราะอาศัยอิทธิพลของสกุลชุยไม่ใช่หรือ?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กระหม่อมจัดการสกุลชุยไม่ง่ายกว่าหรอกหรือ?”“สกุลชุยได้รับบทเรียน ย่อมรู้ว่าต้องสั่งสอนบุตรสาวของตัวเองอย่างไร”“เฉิงเอินกงรักลูกชายคนโตของเขาที่สุดไม่ใช่หรือ กระหม่อมก็เลยเอาลูกชายคนโตของเขามาทำให้ดูเป็นตัวอย่าง!”“อีกทั้งชุยหย่าจิ้งเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าหากกระหม่อมจัดการนางแค่คนเดียว ผู้อื่นจะไม่ว่ากระหม่อมที่เป็น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 463

    เกิดความวุ่นวายในราชสำนักหลายวัน สุดท้ายฮ่องเต้จิ่งผิงไม่ได้สั่งให้คนตรวจสอบ อีกทั้งลงโทษองค์ชายทั้งหมดโดยตรงบ้างก็หักเบี้ยเดือน บ้างก็กักบริเวณไม่ลำเอียงไม่เข้าข้าง ไม่รอดแม้แต่คนเดียวแม้แต่เซียวจิ่งอี้ก็ถูกตำหนิเหล่าขุนนางเบิกตากว้างด้วยความงงงวย ชั่วขณะไม่รู้ว่าฮ่องเต้จิ่งผิงคิดจะทำอะไรกันแน่เฉิงเอินกงก็ถูกจับผิดในเรื่องงานเช่นกัน ถูกต้องข้อหาละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ หักเบี้ยเดือนครึ่งปี และลดตำแหน่งหนึ่งขั้นนับตั้งแต่ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ เคารพและกตัญญูต่อชุยไทเฮาแม่บุญธรรมคนนี้มากแม้แต่จวนเฉิงเอินกงก็ได้รับความเมตตาและความโปรดปรานไม่หยุดนี่เป็นครั้งแรกที่ลงโทษเฉิงเอินกงหักเบี้ยเดือนครึ่งปีอะไรนั่น เฉิงเอินกงไม่ใส่ใจเลยสักนิดจวนเฉิงเอินกงเป็นครอบครัวใหญ่ เบี้ยเดือนแค่นั้นจะพอเลี้ยงชีพได้อย่างไรเบี้ยเดือนแค่นั้น เฉิงเอินกงยังไม่เห็นอยู่ในสายตาสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอัดอั้นทรมานใจคือ ถูกลดตำแหน่งหนึ่งขั้นอย่าดูถูกว่าเป็นแค่หนึ่งขั้น ขุนนางมากมายพยายามทั้งชีวิต ก็ไม่สามารถก้าวข้ามหนึ่งขั้นนี้รอเฉิงเอินกงออกจากจวนองค์ชายสาม รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาต้องเจอทั้งหมด ล้ว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 464

    ถ้าไม่ใช่รู้สึกแสบร้อนที่ใบหน้า ความเจ็บปวดที่จริงแท้เช่นนี้ คงทำให้นางคิดว่าตัวเองกำลังฝันร้ายและเมื่อได้ยินเสียงของเฉิงเอินกง จิตใจของชุยหย่าจิ้งยิ่งพังทลายแล้ว“ท่านพ่อ ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”“ทั้งหมดนี้เกี่ยวอะไรกับข้า?”“เหตุใดจึงส่งผลกระทบต่อท่านพ่อ และยังถูกลงโทษหักเบี้ยเดือนกับลดตำแหน่ง”เฉิงเอินกงมองนางแวบหนึ่ง ความโกรธในแววตาไม่ลดน้อยลง “ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้าไปล่วงเกินพระชายาอี้อ๋อง อี้อ๋องจะลงมือกับพวกเราอย่างต่อเนื่องหรือ?”“อย่าว่าแต่จวนเฉิงเอินกงเลย แม้แต่องค์ชายสามก็ได้รับผลกระทบด้วย”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะความโง่เขลาของเจ้า องค์ชายสามต้องสูญเสียมากเท่าไร?”เฉพาะการค้าที่สามารถทำเงินได้ถูกสกัด รายได้หดหายไปครึ่งหนึ่ง ก็ทำให้องค์ชายสามปวดใจมากแล้วถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าเฉิงเอินกง องค์ชายสามคงโบยชุยหย่าจิ้งตายเพื่อระบายความคับข้องใจนานแล้วชุยหย่าจิ้งเบิกตากว้างด้วยความตกใจเหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้?นางก็แค่ต่อว่าอวิ๋นฝูหลิงสองสามคำ และยังถูกองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อตบหน้าจนต้องอับอายเพราะเรื่องนี้อวิ๋นฝูหลิงยังได้พูดขู่ไว้ว่าต่อไปจะไม่รักษาให้จวนเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 465

    “ท่านแม่” เฉิงเอินกงเรียกฮูหยินผู้เฒ่าชุยถอนสายตากลับ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ได้ยินมาว่าพอเจ้ากลับมาก็ทั้งทุบทั้งตีหย่าจิ้ง มีเรื่องอะไร คุยกับนางดีๆ ไม่ได้หรือ ถึงขั้นต้องลงมือเลย?”น้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าชุยไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเฉิงเอินกงรีบอธิบายความเป็นมาของเรื่องราวทันทีฮูหยินผู้เฒ่าชุยคาดเดาไว้นานแล้วว่าช่วงนี้สกุลชุยเกิดปัญหาอย่างต่อเนื่อง ต้องมีคนเล่นงานสกุลชุยอยู่เบื้องหลังแน่นอนแต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดจากสาเหตุนี้นางเงียบไปชั่วขณะผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงจะถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าว “มาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ฆ่านางก็ไม่มีประโยชน์”“รีบหาคู่ให้นางออกเรือนเถอะ”เฉิงเอินกงก้มหน้าขานรับเพียงแต่พอนึกถึงเรื่องแต่งงานของชุยหย่าจิ้ง เฉิงเอินกงก็รู้สึกปวดหัวตอนนั้นไม่รู้ว่าฮูหยินของเขาไปดูตัวอย่างไร ทั้งก่อนและหลังล้วนเป็นคนอายุสั้นทั้งสองคน ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของลูกสาวไม่ว่า และยังทำให้นางเสียเวลาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ออกเรือนเฉิงเอินกงคิดว่าครั้งนี้เขาต้องจัดการด้วยตัวเองฮูหยินผู้เฒ่าชุยเห็นเฉิงเอินกงคอตก รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที“เจ้ายืดอกเดี๋ยวนี้ เป็นถึงกั๋วกง เจ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 466

    ในใจฮูหยินชุยก็ผิดหวังไม่น้อยไปกว่าเฉิงเอินกงแม้ที่ผ่านมานางรู้สึกว่าสติปัญญาของหลานชายคนโตสู้หลานชายคนรองไม่ได้ แต่อย่างไรก็เป็นลูกชายคนโตของภรรยา อีก อีกทั้งยังหนักแน่นพึ่งพาได้วันข้างหน้าสองพี่น้องรวมใจเป็นหนึ่ง เกื้อหนุนกันและกัน ต้องสามารถทำให้กิจการของสกุลชุยเจริญรุ่งเรืองแน่นอนแต่ปัจจุบันหลานชายคนโตหลงผู้หญิงคนหนึ่งจนสติเลอะเลือน ยังจะแบกรับหน้าที่สำคัญของจวนเฉิงเอินกงได้อย่างไร?โชคดีที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้แต่งตั้งเขาเป็นซื่อจื่อฮูหยินผู้เฒ่าชุยรีบเรียกคนมาทันที กล่าวออกคำสั่ง “ไปตรอกอู๋ถง จับคุณชายกลับมา!”“ส่วนนางจิ้งจอกนั่น ถ่ายทอดคำพูดของข้า ประทานผ้าขาวผืนหนึ่ง ให้นางจบชีวิตตัวเอง”เฉิงเอินกงยืนอยู่ที่ข้างๆ ไม่ได้ออกความเห็นอะไรสำหรับเรื่องนี้เพื่อเมียน้อยคนนั้น ชุยหงเหวยเหลวไหลจริงๆผู้หญิงเช่นนี้ เก็บไว้ไม่ได้จริงๆไม่เช่นนั้นวันข้างหน้ายังไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อชุยหงเหวยอย่างไร!จวนเฉิงเอินกงจะเสียหน้าเพราะเรื่องนี้ไม่ได้!วันรุ่งขึ้น ฮูหยินผู้เฒ่าชุยส่งป้าย เข้าวังได้พบกับชุยไทเฮาแล้วภายในตำหนักโซ่วคัง มีเครื่องหอมกำลังเผาไหม้ในเตาทองแดงรูปหัวสัตว์ กลิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 467

    อวิ๋นฝูหลิงก็ชอบหางหนานซิงเด็กรุ่นหลังคนนี้เช่นกันเก็บเขาไว้ข้างกายในฐานะผู้ช่วยก็ดี เมื่อเป็นเช่นนี้นางก็มีผู้ช่วยในด้านของการแพทย์แล้วอวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด มองไปทางหางหนานซิงแล้วกล่าวถาม “หนานซิง เจ้ายินดีอยู่เป็นผู้ช่วยข้าหรือไม่?”หางหนานซิงยิ้มจนเห็นฟัน “อาจารย์ป้า ข้ายินดี!”เรื่องนี้นายท่านผู้เฒ่าหางเคยถามความเห็นของหางหนานซิงเป็นการส่วนตัวแล้วแม้เขาสามารถตรวจชีพจรให้คนไข้แล้ว แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นผู้ช่วยของอวิ๋นฝูหลิงมันน่าอายตรงไหนติดตามคนเก่ง จึงจะเก่งยิ่งขึ้นปัจจุบันชื่อเสียงของอวิ๋นฝูหลิงเป็นที่เลื่องลือ วิชาผ่าท้องยิ่งไม่มีใครสามารถเทียบได้หางหนานซิงยินดีติดตามเรียนวิชาแพทย์กับอวิ๋นฝูหลิง วันข้างหน้าเขาก็จะเป็นหมอมีชื่อเสียงที่ทุกคนรู้จักเมื่อโอวหยางหมิงเห็นดังนี้ อดด่านายท่านผู้เฒ่าหางเจ้าเล่ห์ในใจไม่ได้นี่ก็ยัดหลานชายเข้าไปอยู่ข้างกายอวิ๋นฝูหลิงแล้วสายตาของเขากวาดผ่านบรรดาหลานชายของตัวเอง กำลังคิดว่าจะส่งใครไปเป็นผู้ช่วยอวิ๋นฝูหลิงเพียงแต่ดูไปดูมา ชั่วขณะก็ไม่มีใครที่เหมาะสมเลยพลันเมื่อมาคิดดูอีกที ช่างเถอะ ฝีมือการแพทย์ของครอบครัวตัวเองก็ไม่ได้แย่

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 492

    อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 491

    “อี้อ๋องเป็นคนหนักแน่นและรอบคอบตลอด เขารู้จักแยกแยะอยู่แล้ว”“อีกทั้งจวนอี้อ๋องใหญ่เช่นนี้ เสวียซือก็พักอยู่ที่เรือนรับรองแขกด้านหน้า ไม่รบกวนพระชายาอี้อ๋องหรอก”มีหรือที่ฮูหยินเซียงกั๋วกงจะไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ นางก็แค่อดไม่ได้ที่จะบ่นนางถลึงตาใส่เซียงกั๋วกงแวบหนึ่ง “ท่านตามใจเขาเต็มที่เลย!”สำหรับลูกชายคนเล็กคนนี้ เซียงกั๋วกงย่อมลำเอียงกว่าเล็กน้อยแต่ถ้าพูดถึงการตามใจ ฮูหยินเซียงกั๋วกงตามใจมากกว่าแต่คำพูดนี้ เซียงกั๋วกงไม่กล้าพูดออกจากปาก ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าคืนนี้จะได้อยู่อย่างสงบเขากำลังจะเกลี้ยกล่อมฮูหยินเซียงกั๋วกงนอนเร็วหน่อย ก็ได้ยินนางกล่าวอีก “อี้อ๋องโตกว่าเสวียซือแค่ปีเดียว ปัจจุบันพระชายาก็มีแล้ว ลูกชายก็มีแล้ว แล้วหันมาดูเสวียซือของเรา ยังตัวคนเดียวอยู่เลย”“ข้าว่านะต้องหาคู่ให้เขาแล้ว”“เขารีบแต่งงานเร็วๆ ก็มีคนคุมเขาแล้ว!”เซียงกั๋วกงย่อมไม่มีความเห็น“เช่นนั้นเจ้าก็เลือกผู้หญิงดีๆ สักสองสามคนจากบรรดาคุณหนูในเมืองหลวงให้เขาไปดูตัว”เซียงกั๋วกงเป็นผู้ชาย ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเหล่าคุณหนูในเมืองหลวง เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ฮูหยินเซียงกั๋วกงไปจัดการใคร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 490

    ความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในใจจ้าวเสวียซือไม่หยุด จนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ“พระ... พระชายา ข้า...”เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ข้าใช้ไปสองครั้งแล้ว... จะทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ“โชคดีที่รู้ตัวได้ทันกาล เจ้าเสพไปไม่มาก”“ทว่าความบริสุทธิ์ของขี้ผึ้งทองนี้สูงมาก แม้จะใช้ไปเพียงสองครั้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความรู้สึกติดอยู่บ้าง”“ต่อไปเจ้าก็ห้ามแตะต้องของเช่นนี้อีกเด็ดขาด! นอกเสียจากเจ้าอยากจะกลายเป็นซากศพเดินได้ที่ถูกขี้ผึ้งทองนี้ควบคุม”“ต่อให้ในใจอยากจะเสพมันอีก ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ต้องเลิกให้ได้เสียตั้งแต่ตอนนี้”อวิ๋นฝูหลิงกังวลว่าจ้าวเสวียซือจะเสพติดมัน จึงปรึกษากับเซียวจิ่งอี้ว่า“ช่วงนี้ให้เขาอยู่ที่จวนอี้อ๋องก่อนเถิด”“หากเขาเสพติดเจ้าขี้ผึ้งทองนี่ ข้าก็จะได้ช่วยเขาเลิกได้ทันเวลา”“ไม่เช่นนั้น แค่คลาดสายตาไปเพียงนิด เขาก็จะไปซื้อขี้ผึ้งทองมาแอบเสพอีก จนถลำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ อยากจะช่วยเขาก็ไม่ทันกาลแล้ว!”จ้าวเสวียซือตะโกนลั่น “คงไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นหรอกกระมัง ข้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายัง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 489

    “เพียงแค่ค่าตั๋วเข้าคฤหาสน์ก็ตั้งสิบตำลึงแล้ว หากเข้าไปแล้วอยากจะเล่นอย่างอื่นก็ยังต้องจ่ายเงินอีกนะ”“สุรา เครื่องดื่มและอาหารก็แพงกว่าที่อื่น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น คนที่ไปเยือนก็มีไม่ขาดสาย”อวิ๋นฝูหลิงฟังถึงตรงนี้ก็ตกใจเล็กน้อยตั้งราคาไว้สูง ทว่าลูกค้ากลับไปเยือนไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่ากิจการของที่นี่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ที่อื่นไม่มีไม่ต้องรอให้นางเอ่ยถาม ก็ได้ยินจ้าวเสวียซือกล่าวว่า “ข้าก็สงสัยนัก ว่าสถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นอะไรกันแน่ ถึงได้ดึงดูคนเข้าไปเที่ยวเล่นได้มากมายเช่นนั้น”“ข้าเลยตั้งใจหาเวลาว่างไปเที่ยวเล่นที่นั่นมาครั้งหนึ่ง”“ที่นั่นสมแล้วที่ตั้งชื่อว่าเรือนเสินเซียน[1] เรื่องกินดื่มร้องรำทำเพลงน่ะเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งที่เป็นที่เลื่องลือมากที่สุดก็ต้องยกให้ขี้ผึ้งทอง”จ้าวเสวียซือพูดไป พลางควักกล่องเคลือบลายครามใบเล็กเท่ากำปั้นของเด็กแรกเกิดออกมาจากอ้อมแขน“กล่องเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็ตั้งห้าสิบตำลึงแล้ว...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นเนื้อขี้ผึ้งสีทองด้านในกล่องเคลือบลายคราม ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีทันทีนางแย่งกล่องเคลือบลายครามใบนั้นมา ใช้นิ้วป้ายเนื้อขี้ผึ้งสีทอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 488

    “คุณชายเจ้าสาวกลับมาพร้อมกับท่านอ๋องด้วย บอกว่าอยากอยู่ค้างคืนเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องขอให้พระชายาจัดเตรียมโต๊ะสุราไว้หนึ่งโต๊ะ คืนนี้จะได้ดื่มร่วมกันเจ้าค่ะ”คุณชายสามจ้าวที่บ่าวรับใช้พูดถึงนั้น ก็คือจ้าวเสวียซือสหายสนิทของเซียวจิ่งอี้ คุณชายสามแห่งจวนเซียงกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเช่นนั้น ก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “นี่ก็เย็นย่ำมากแล้ว ข้าควรกลับได้แล้ว”อวิ๋นฝูหลิงพูดรั้งนางให้อยู่ต่อ “อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ?”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ส่ายหน้าหากมีเพียงอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ นางก็คงจะอยู่ต่อทว่าคืนนี้มีจ้าวเสวียซืออยู่ด้วย นางเป็นสตรีแต่งงานแล้ว ทั้งเฉินเจิงก็ไม่ได้เดินทางมากับนางด้วย จึงเป็นการไม่สมควรที่จะนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับบุรุษอื่นอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่านางยืนกรานจะกลับ จึงไม่ได้รั้งนางไว้อีก และไปส่งนางถึงประตูรองด้วยตนเองใครจะคาดคิดว่าจะต้องเผชิญกับเซียวจิ่งอี้และจ้าวเสวียซือที่มาด้วยกันเข้าฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวทักทายเซียวจิ่งอี้กับจ้าวเสวียซือจ้าวเสวียซือกวาดสายตามองดวงหน้าของฉยงอวี้จวิ้นจู่ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยจนเทบมอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 487

    อวิ๋นฝูหลิงขบคิดอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วกล่าวว่า “อาจเป็นเพราะพวกข้าต่างเป็นคนที่ใช่ของกันและกันกระมัง!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่กะพริบตาปริบ ๆ เผยท่าทีว่าฟังไม่เข้าใจ“พี่สะใภ้ พูดให้ชัดเจนกว่านี้สักหน่อยได้หรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิง “ความจริงใจ ความจริงใจเป็นไม้ตายที่ใช้ได้ตลอดกาล!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ทรุดตัวอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยอย่างหมดเรี่ยวแรง แล้วพึมพำออกมาว่า “ข้ายังจริงใจไม่พอหรือ?”“ต่อให้เป็นก้อนหิน ก็น่าจะถูกข้าทำให้อุ่นจนร้อนแล้วไหม?”ทันทีที่อวิ๋นฝูหลิงได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ได้ว่านางกลัดกลุ้มเพราะเฉินเจิงอีกแล้วสำหรับอวิ๋นฝูหลิงแล้ว คางคกสามขาในใต้หล้านี้ไม่อาจหาเจอได้ง่าย ๆ ทว่าบุรุษสองขานั้นมีอยู่มากมาย ไยจะต้องเอาตัวไปยึดติดอยู่กับคนเพียงคนเดียวด้วยมีบุรุษบางจำพวก ต่อให้เจ้าทุ่มเทให้มากเท่าไร เขาก็ยังคงทำเป็นมองไม่เห็นอยู่ดีคนเช่นนี้ สมควรปล่อยให้เขาอยู่ไกลห่างได้มากเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น!เพียงแต่น่าเสียดายที่ ฉยงอวี้จวิ้นจู่หลงรักหัวปักหัวปำ ไม่ยอมฟังคำเตือนแม้แต่น้อยบางทีอาจจะมีแค่ต้องรอให้ถึงสักวันหนึ่ง ที่นางผิดหวังมากพอจนรู้สึกตัวได้ด้วยตนเองกระมังอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงก่อนหน้านั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 486

    อวิ๋นฝูหลิงพูดไปพลางลูบหีบไม้แดงเล็ก ๆ สองสามใบที่กอดอยู่ในอ้อมกอดพ่อบ้านหยวนเห็นดังนั้น จึงรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ถูกคนในวังหลวงรังแก ในทางกลับกันยังได้รางวัลกลับมาไม่น้อยเขาถึงกับรู้สึกโล่งใจอยู่ในใจ กลับมามีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าอีกครั้งอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถาม “ท่านอ๋องล่ะ?”พ่อบ้านหยวน “ท่านอ๋องไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงแล้วขอรับ วันนี้เป็นวันว่าราชการใหญ่”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า แล้วเดินไปดูเซียวจิงมั่วที่เรือนหลังอากาศเย็นขึ้นทุกวัน ๆใบไม้แห้งเหี่ยวปลิวหลิวลงมาจากกิ่งก้าน หลงเหลือไว้เพียงลำต้นโล้น ๆ เผยให้เห็นถึงความเงียบเหงาประจำต้นฤดูหนาวภายในเรือนหลักของจวนอี้อ๋องได้จุดเตาใต้ดินแล้ว ในห้องจึงอบอุ่นยิ่ง เทียบกับด้านนอกแล้วช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงฉยงอวี้จวิ้นจู่เอนตัวอยู่บนเตียง พลิกหน้าหนังสือนิยายในมือไปพลาง คุยเล่นกับอวิ๋นฝูหลิงไปพลางนับตั้งแต่หลังงานฉลองบริมาสที่จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน จะให้มีเหตุหรือไม่มีฉยงอวี้จวิ้นจู่ล้วนวิ่งมายังจวนอี้อ๋อง ค่อย ๆ สนิทสนมกับอวิ๋นฝูหลิงขึ้นเรื่อย ๆ อวิ๋นฝูหลิงเห็นท่าทางเบื่อหน่ายของฉยงอวี้จวิ้นจู่แล้ว จึงอดเอ่ยออกไปไม่ได้ว่า “

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 485

    หากเป็นไปได้ ติงหมิงรุ่ยอยากให้ตัวเองหายตัวได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำแบบนั้นอวิ๋นฝูหลิงจะได้ไม่เห็นเขาทว่าในความเป็นจริงแล้วกลับโหดร้ายเสียนี่กระไรติงหมิงรุ่ยไม่รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงยังจำเขาได้หรือไม่ แล้วจะนึกออกหรือไม่ว่าเป็นเขาเขาก้มหน้า ประสานมือคำนับพร้อมกล่าว “กระหม่อมขอคารวะพระชายาอี้อ๋อง”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น แล้วเดินตรงผ่านข้าง ๆ เข้าไปบุญคุณความแค้นระหว่างอวิ๋นฝูหลิงกับครอบครัวอวิ๋นกานซงนั้น แม้จะไม่ถึงขนาดที่พาลโมโหติงหมิงรุ่ยไปด้วย ทว่าเขาถึงขั้นยืมมืออวิ๋นกานซงให้แนะนำตนเองเข้ามาอยู่ในสำนักหมอหลวงได้ ดูแล้วคงใกล้ชิดสนิทสนมไม่น้อย บางทีอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ก็ได้คนเช่นนี้ อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์อันใดกับเขาเลยสักนิดขอแค่เขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับอวิ๋นกานซง ก่ออันตรายมาถึงตัวนาง เช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็จะไม่สร้างความลำบากให้เขายิ่งไปกว่านั้นพฤติกรรมและกิริยาท่าทางของติงหมิงรุ่ยช่วงที่อยู่ในเขาเฟิ่งลั่วตอนนั้น อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ใคร่จะชอบใจนักเดิมทีเป็นคนแปลกหน้าที่ได้พบกันโดยบังเอิญ มีเพียงวาสนาที่ได้ร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 484

    “ข้ากล้ารับรองด้วยชีวิตเลยว่า เทียบยานี้ไม่มีปัญหาแน่นอน และรักษาโรคไอเรื้อรังของไฉเหรินผู้นั้นได้...”เขายังไม่ทันได้พูดจนจบ คนก่อนหน้านี้ก็หัวเราะเสียงเย็นเยียบ“ติงหมิงรุ่ย ที่นี่คือวังหลวง ทุกเรื่องต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ!”“เป็นท่านหมออยู่ในโรงหมอนอกวังแล้วอย่างไร โดดเด่นมากนักหรือ?”“เจ้าอยากตรวจไข้ขนาดนี้ ไม่ออกนอกวังแล้วไปเป็นท่านหมอในโรงหมอที่เจ้าอยู่ต่อเสียเลยเล่า!”“หากเจ้าอยากอยู่ในสำนักหมอหลวง ก็จงทำตัวเป็นหมอฝึกหัดให้ดี อย่าเอาแต่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ทั้งวันเลย”“ข้าขอบอกเจ้าหน่อยแล้วกัน เจ้าอย่ายอมแพ้ ทุกคนในสำนักหมอหลวงแห่งนี้ล้วนไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น ๆ ทั้งนั้น”“นอกเสียจากฝีมือการแพทย์ของเจ้าจะยอดเยี่ยมจะไปเข้าตาคนใหญ่คนโตเข้า จนเจ้าได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษ”“มิเช่นนั้น เจ้าก็อยู่ในสำนักหมอหลวงอย่างสุจริต ทำหน้าที่เป็นหมอฝึกหัดให้ดี”“ข้านึกถึงบุญคุณที่เคยได้รับจากอวิ๋นกานซงในวันวาน ถึงได้คอยดูแลเจ้าเช่นนี้”“เจ้าเป็นคนที่อวิ๋นกานซงแนะนำเข้ามา บัดนี้อวิ๋นกานซงไม่อยู่แล้ว หากเจ้าไม่เก็บหางของตนไว้และไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ช้าก็เร็วเจ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status