Share

บทที่ 464

Author: หลันซานอวี่
ถ้าไม่ใช่รู้สึกแสบร้อนที่ใบหน้า ความเจ็บปวดที่จริงแท้เช่นนี้ คงทำให้นางคิดว่าตัวเองกำลังฝันร้าย

และเมื่อได้ยินเสียงของเฉิงเอินกง จิตใจของชุยหย่าจิ้งยิ่งพังทลายแล้ว

“ท่านพ่อ ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”

“ทั้งหมดนี้เกี่ยวอะไรกับข้า?”

“เหตุใดจึงส่งผลกระทบต่อท่านพ่อ และยังถูกลงโทษหักเบี้ยเดือนกับลดตำแหน่ง”

เฉิงเอินกงมองนางแวบหนึ่ง ความโกรธในแววตาไม่ลดน้อยลง “ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้าไปล่วงเกินพระชายาอี้อ๋อง อี้อ๋องจะลงมือกับพวกเราอย่างต่อเนื่องหรือ?”

“อย่าว่าแต่จวนเฉิงเอินกงเลย แม้แต่องค์ชายสามก็ได้รับผลกระทบด้วย”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะความโง่เขลาของเจ้า องค์ชายสามต้องสูญเสียมากเท่าไร?”

เฉพาะการค้าที่สามารถทำเงินได้ถูกสกัด รายได้หดหายไปครึ่งหนึ่ง ก็ทำให้องค์ชายสามปวดใจมากแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าเฉิงเอินกง องค์ชายสามคงโบยชุยหย่าจิ้งตายเพื่อระบายความคับข้องใจนานแล้ว

ชุยหย่าจิ้งเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้?

นางก็แค่ต่อว่าอวิ๋นฝูหลิงสองสามคำ และยังถูกองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อตบหน้าจนต้องอับอายเพราะเรื่องนี้

อวิ๋นฝูหลิงยังได้พูดขู่ไว้ว่าต่อไปจะไม่รักษาให้จวนเ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 465

    “ท่านแม่” เฉิงเอินกงเรียกฮูหยินผู้เฒ่าชุยถอนสายตากลับ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ได้ยินมาว่าพอเจ้ากลับมาก็ทั้งทุบทั้งตีหย่าจิ้ง มีเรื่องอะไร คุยกับนางดีๆ ไม่ได้หรือ ถึงขั้นต้องลงมือเลย?”น้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าชุยไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเฉิงเอินกงรีบอธิบายความเป็นมาของเรื่องราวทันทีฮูหยินผู้เฒ่าชุยคาดเดาไว้นานแล้วว่าช่วงนี้สกุลชุยเกิดปัญหาอย่างต่อเนื่อง ต้องมีคนเล่นงานสกุลชุยอยู่เบื้องหลังแน่นอนแต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดจากสาเหตุนี้นางเงียบไปชั่วขณะผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงจะถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าว “มาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ฆ่านางก็ไม่มีประโยชน์”“รีบหาคู่ให้นางออกเรือนเถอะ”เฉิงเอินกงก้มหน้าขานรับเพียงแต่พอนึกถึงเรื่องแต่งงานของชุยหย่าจิ้ง เฉิงเอินกงก็รู้สึกปวดหัวตอนนั้นไม่รู้ว่าฮูหยินของเขาไปดูตัวอย่างไร ทั้งก่อนและหลังล้วนเป็นคนอายุสั้นทั้งสองคน ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของลูกสาวไม่ว่า และยังทำให้นางเสียเวลาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ออกเรือนเฉิงเอินกงคิดว่าครั้งนี้เขาต้องจัดการด้วยตัวเองฮูหยินผู้เฒ่าชุยเห็นเฉิงเอินกงคอตก รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที“เจ้ายืดอกเดี๋ยวนี้ เป็นถึงกั๋วกง เจ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 466

    ในใจฮูหยินชุยก็ผิดหวังไม่น้อยไปกว่าเฉิงเอินกงแม้ที่ผ่านมานางรู้สึกว่าสติปัญญาของหลานชายคนโตสู้หลานชายคนรองไม่ได้ แต่อย่างไรก็เป็นลูกชายคนโตของภรรยา อีก อีกทั้งยังหนักแน่นพึ่งพาได้วันข้างหน้าสองพี่น้องรวมใจเป็นหนึ่ง เกื้อหนุนกันและกัน ต้องสามารถทำให้กิจการของสกุลชุยเจริญรุ่งเรืองแน่นอนแต่ปัจจุบันหลานชายคนโตหลงผู้หญิงคนหนึ่งจนสติเลอะเลือน ยังจะแบกรับหน้าที่สำคัญของจวนเฉิงเอินกงได้อย่างไร?โชคดีที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้แต่งตั้งเขาเป็นซื่อจื่อฮูหยินผู้เฒ่าชุยรีบเรียกคนมาทันที กล่าวออกคำสั่ง “ไปตรอกอู๋ถง จับคุณชายกลับมา!”“ส่วนนางจิ้งจอกนั่น ถ่ายทอดคำพูดของข้า ประทานผ้าขาวผืนหนึ่ง ให้นางจบชีวิตตัวเอง”เฉิงเอินกงยืนอยู่ที่ข้างๆ ไม่ได้ออกความเห็นอะไรสำหรับเรื่องนี้เพื่อเมียน้อยคนนั้น ชุยหงเหวยเหลวไหลจริงๆผู้หญิงเช่นนี้ เก็บไว้ไม่ได้จริงๆไม่เช่นนั้นวันข้างหน้ายังไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อชุยหงเหวยอย่างไร!จวนเฉิงเอินกงจะเสียหน้าเพราะเรื่องนี้ไม่ได้!วันรุ่งขึ้น ฮูหยินผู้เฒ่าชุยส่งป้าย เข้าวังได้พบกับชุยไทเฮาแล้วภายในตำหนักโซ่วคัง มีเครื่องหอมกำลังเผาไหม้ในเตาทองแดงรูปหัวสัตว์ กลิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 467

    อวิ๋นฝูหลิงก็ชอบหางหนานซิงเด็กรุ่นหลังคนนี้เช่นกันเก็บเขาไว้ข้างกายในฐานะผู้ช่วยก็ดี เมื่อเป็นเช่นนี้นางก็มีผู้ช่วยในด้านของการแพทย์แล้วอวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด มองไปทางหางหนานซิงแล้วกล่าวถาม “หนานซิง เจ้ายินดีอยู่เป็นผู้ช่วยข้าหรือไม่?”หางหนานซิงยิ้มจนเห็นฟัน “อาจารย์ป้า ข้ายินดี!”เรื่องนี้นายท่านผู้เฒ่าหางเคยถามความเห็นของหางหนานซิงเป็นการส่วนตัวแล้วแม้เขาสามารถตรวจชีพจรให้คนไข้แล้ว แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นผู้ช่วยของอวิ๋นฝูหลิงมันน่าอายตรงไหนติดตามคนเก่ง จึงจะเก่งยิ่งขึ้นปัจจุบันชื่อเสียงของอวิ๋นฝูหลิงเป็นที่เลื่องลือ วิชาผ่าท้องยิ่งไม่มีใครสามารถเทียบได้หางหนานซิงยินดีติดตามเรียนวิชาแพทย์กับอวิ๋นฝูหลิง วันข้างหน้าเขาก็จะเป็นหมอมีชื่อเสียงที่ทุกคนรู้จักเมื่อโอวหยางหมิงเห็นดังนี้ อดด่านายท่านผู้เฒ่าหางเจ้าเล่ห์ในใจไม่ได้นี่ก็ยัดหลานชายเข้าไปอยู่ข้างกายอวิ๋นฝูหลิงแล้วสายตาของเขากวาดผ่านบรรดาหลานชายของตัวเอง กำลังคิดว่าจะส่งใครไปเป็นผู้ช่วยอวิ๋นฝูหลิงเพียงแต่ดูไปดูมา ชั่วขณะก็ไม่มีใครที่เหมาะสมเลยพลันเมื่อมาคิดดูอีกที ช่างเถอะ ฝีมือการแพทย์ของครอบครัวตัวเองก็ไม่ได้แย่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 468

    อวิ๋นฝูหลิงบีบจมูกของนางด้วยรอยยิ้ม “ใครว่าเจ้าทำไม่ได้ ขอแค่เจ้ายินดี ก็สามารถเรียนได้!”โอวหยางหลันเงียบไปครู่หนึ่งโอวหยางหมิงแอบถอนหายใจ เดิมทีเขาคิดว่าเด็กผู้หญิงในบ้านไม่มีใครอยากเรียนแพทย์คิดไม่ถึงว่ามีคนหนึ่ง แต่เขากลับไม่รู้ เขาไม่ได้ไปตำหนิมารดาของโอวหยางเชี่ยนอะไร เพราะทางโลกก็เป็นเช่นนี้ วันข้างหน้าลูกสาวต้องออกเรือน มีครอบครัวฝ่ายสามีน้อยมากที่สามารถยอมรับผู้หญิงที่ออกไปเป็นหมอจนถึงปัจจุบัน ก็มีแค่อวิ๋นฝูหลิงคนเดียวไม่ใช่หรือ?อวิ๋นฝูหลิงลุกขึ้นยืน พลางจับมือโอวหยางเชี่ยน พลางมองไปทางโอวหยางหมิง “ท่านปู่โอวหยาง ข้าเลือกเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะเอาโอวหยางเชี่ยน เมื่อครู่ท่านบอกให้ข้าเลือกได้เลย จะกลับคำไม่ได้นะเจ้าคะ!”“ข้ากลับคำอะไร?” โอวหยางหมิงเลิกคิ้ว “นี่คือโอกาสของเด็ก ข้าดีใจยังแทบไม่ทันเลย!”กล่าวจบ เขามองไปทางโอวหยางหลันโอวหยางหลันเข้าใจแล้ว กล่าวทันที “ทางแม่ของเชี่ยนเชี่ยน ข้าจะไปคุยเอง”โอวหยางหมิงจึงจะพยักหน้าด้วยความพอใจเขากวักมือให้โอวหยางเชี่ยนรอโอวหยางเชี่ยนเดินไปถึงตรงหน้าเขา เขายกมือลูบศีรษะของนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เด็กดี ต่อไปตั้งใจเรียนฝี

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 469

    หางหนานซิงกับโอวหยางเชี่ยนรับป้ายสวัสดิภาพที่อวิ๋นฝูหลิงมอบให้ กล่าวพร้อมกัน“ขอบคุณอาจารย์!”“ศิษย์จะจดจำคำสอนของอาจารย์!”อวิ๋นฝูหลิงก็คิดไม่ถึงว่างานเลี้ยงขอบคุณแค่งานเดียว ตนจะมีลูกศิษย์เพิ่มมาสองคนรุ่งเช้าของงานเลี้ยงขอบคุณ นายท่านผู้เฒ่าหางและคนอื่นก็เดินทางกลับเจียงโจวแล้วผ่านไปสองวัน สวินเส้าคังก็มาอำลาอวิ๋นฝูหลิงเขาอยู่เมืองหลวงมาสักพักแล้ว ถึงเวลากลับเจียงเป่ยแล้วแม้ในใจอวิ๋นฝูหลิงอาลัยอาวรณ์ แต่ใต้ฟ้าไม่มีงานเลี้ยงที่ไม่เลิกลาอีกทั้งที่เจียงเป่ย ยังมีความรับผิดชอบที่สวินเส้าคังต้องแบกรับนายท่านผู้เฒ่าหางกับสวินเส้าคังและคนอื่นไปแล้ว จู่ๆ อวิ๋นฝูหลิงก็รู้สึกไม่ค่อยชิน มักจะรู้สึกว่าไม่มีคนเหล่านี้ ชีวิตก็ไม่ได้คึกคักเช่นนั้นแล้วดีที่อวิ๋นฝูหลิงรับลูกศิษย์มาใหม่สองคน ปกติก็สอนลูกศิษย์ ไปรักษาที่สำนักช่วยชีพ แวะไปตรวจดูโรงงานยากับสวนสมุนไพรเป็นครั้งคราว และยังต้องแบ่งเวลามาอยู่กับจิงมั่วลูกชายคนนี้ ชีวิตสุขสมบูรณ์เลยทีเดียววันนี้อวิ๋นฝูหลิงอนุญาตให้ตัวเองหยุดหนึ่งวัน บอกว่าจะพาเซียวจิงมั่วไปเที่ยวนอกเมืองด้วยเหตุนี้นางยังได้ไปขอความร่วมมือกับเซียวจิ่งอี้ แบ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 470

    “นับตั้งแต่ไม่มีครอบครัวเจียงโจวอ๋อง สุขภาพของไทเฮาก็แย่มาโดยตลอด”“ทางหมอหลวงบอกแค่ว่าอายุมากแล้ว เจ็บป่วยเล็กน้อยก็เป็นเรื่องปกติ”“ถ้าหากไทเฮาให้เจ้าตรวจ เจ้าอย่าตัดสินใจเอง ต้องปรึกษากับหมอหลวงคนอื่นก่อน เข้าใจหรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิงกะพริบตาปริบๆ รู้สึกว่าไปดูแลครั้งนี้ เกรงว่าไม่ได้ง่ายเช่นนั้นเซียวจิ่งอี้โน้มกาย ขยับไปที่ข้างหูอวิ๋นฝูหลิง ลดเสียงเบาจนสามารถได้ยินกันแค่สองคน“เสด็จพ่อไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของไทเฮา ที่ผ่านมายังสามารถรักษาความสัมพันธ์แม่ใจดี ลูกกตัญญู”“แต่เพราะเรื่องของอ๋องเจียงโจว ทำให้ระหว่างไทเฮากับเสด็จพ่อเกิดรอยร้าว ทั้งสองต่างมีความคับข้องใจ”เมื่ออวิ๋นฝูหลิงได้ยินก็จับมือของเซียวจิ่งอี้ เพื่อบอกว่าตัวเองเข้าใจแล้วในเมื่อไทเฮาเกิดความไม่พอใจ เกรงว่าความคิดบางอย่างในอดีตก็เปลี่ยนไปแล้วไม่มีเจียงโจวอ๋องลูกตนนี้แล้ว ฮ่องเต้จิ่งผิงก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของนาง ในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย มีเพียงองค์ชายสามที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับนางคิดว่าไทเฮาคงไม่อยากเห็นเซียวจิ่งอี้ขึ้นครองบัลลังก์ในวันข้างหน้าแน่นอนทางฮ่องเต้จิ่งผิงยกย่องไทเฮาที่เป็นแม่บุญธรรมคนนี้เป็นไทเฮาผู้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 471

    ในสมองของอวิ๋นฝูหลิงพลันเกิดความคิดอันหาญกล้าขึ้นมาเป็นไปได้หรือไม่ว่าชุยไทเฮาคิดจะกวาดล้างในคราเดียว?วันนี้คนมารวมตัวกันมากมายถึงเพียงนี้ หากชุยไทเฮาเตรียมการไว้ล่วงหน้านานแล้ว เพื่อฉวยโอกาสควบคุมพวกเขา หลังจากนั้นก็กดดันให้ฮ่องเต้จิ่งผิงสละราชบัลลังก์ เขียนพระราชโองการ ส่งต่อบัลลังก์ให้องค์ชายสาม ก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้มากทีเดียวทว่าฮ่องเต้จิ่งผิงกับเซียวจิ่งอี้ต่างมิได้โง่เขลา คงมิถูกเอาชนะได้ง่ายดายถึงเพียงนี้กระมัง?โดยเฉพาะฮ่องเต้จิ่งผิงตั้งแต่แรกเขาก็สามารถทำให้ชุยไทเฮาสนับสนุนเขาซึ่งเป็นโอรสบุญธรรมขึ้นครองบัลลังก์ได้ เห็นได้ว่าเต็มไปด้วยแผนการไม่ขาดเขาเป็นฮ่องเต้มาหลายปี อำนาจควบคุมวังหลวงและราชสำนัก ก็มากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ชุยไทเฮาคิดจะเปลี่ยนแปลงวังหลวง เกรงว่าย่อมไม่ง่ายถึงเพียงนั้นอวิ๋นฝูหลิงกำลังคิดเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ บนเตียงก็มีการเคลื่อนไหวขึ้นมาอย่างกะทันหันจากนั้นก็มีเสียงไออย่างรุนแรงพักหนึ่ง ชุยไทเฮาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นนางกำนัลผู้ดูแลตำหนักโซ่วคังเห็นเช่นนั้นก็มีสีหน้ายินดี รีบเอ่ยเสียงดัง “ไทเฮาทรงฟื้นแล้ว...”ฮ่องเต้จิ่งผิงซึ่งประทับอยู่ข้างเตียงได้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 472

    ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า กล่าวว่า “ย่อมเป็นเรื่องดี”ในใจเซียวจิ่งอี้กลับเต้น ‘ตึกตัก’ ครู่หนึ่ง รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างอธิบายไม่ถูกทว่าชุยไทเฮาในฐานะผู้อาวุโส นางเจาะจงว่าต้องการให้อวิ๋นฝูหลิงอยู่ดูแล ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่ฮ่องเต้จิ่งผิงก็ไม่อาจคัดค้านได้อย่างเปิดเผยเช่นกันในใจเซียวจิ่งอี้ไม่เต็มใจจะให้อวิ๋นฝูหลิงอยู่ดูแลอย่างไรก็ตามการกระทำเหล่านี้ของชุยไทเฮา ในสายตาของพวกองค์ชายใหญ่ กลับเห็นว่าเป็นการกระทำที่แสดงความสนิทสนมสำหรับบุคคลเช่นชุยไทเฮาและฮ่องเต้จิ่งผิง ผู้ที่จะสามารถอยู่ดูแลข้างกายได้ หากไม่ใช่บุคคลที่พวกเขาชื่นชอบ ก็ย่อมเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งสถานะสูงส่งนี่ถือเป็นการให้ความสำคัญเป็นอย่างมากชุยไทเฮาเป็นฝ่ายเอ่ยว่าให้อวิ๋นฝูหลิงอยู่ต่อ มิใช่เพราะในใจเอนเอียงไปทางเซียวจิ่งอี้หรือ?พวกองค์ชายใหญ่ต่างอิจฉาจนดวงตาแทบแดงก่ำขณะเดียวกันในใจก็รู้สึกถึงวิกฤตอย่างรุนแรงเดิมทีเซียวจิ่งอี้ก็ได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้จิ่งผิงอยู่แล้ว หากแม้แต่ชุยไทเฮาก็ยังยืนอยู่ข้างเขาด้วย ตำแหน่งรัชทายาทย่อมเป็นของเขามิใช่หรือ?พระชายาองค์ชายใหญ่ได้รับสัญญาณทางสายตาขององค์ชา

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 492

    อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 491

    “อี้อ๋องเป็นคนหนักแน่นและรอบคอบตลอด เขารู้จักแยกแยะอยู่แล้ว”“อีกทั้งจวนอี้อ๋องใหญ่เช่นนี้ เสวียซือก็พักอยู่ที่เรือนรับรองแขกด้านหน้า ไม่รบกวนพระชายาอี้อ๋องหรอก”มีหรือที่ฮูหยินเซียงกั๋วกงจะไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ นางก็แค่อดไม่ได้ที่จะบ่นนางถลึงตาใส่เซียงกั๋วกงแวบหนึ่ง “ท่านตามใจเขาเต็มที่เลย!”สำหรับลูกชายคนเล็กคนนี้ เซียงกั๋วกงย่อมลำเอียงกว่าเล็กน้อยแต่ถ้าพูดถึงการตามใจ ฮูหยินเซียงกั๋วกงตามใจมากกว่าแต่คำพูดนี้ เซียงกั๋วกงไม่กล้าพูดออกจากปาก ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าคืนนี้จะได้อยู่อย่างสงบเขากำลังจะเกลี้ยกล่อมฮูหยินเซียงกั๋วกงนอนเร็วหน่อย ก็ได้ยินนางกล่าวอีก “อี้อ๋องโตกว่าเสวียซือแค่ปีเดียว ปัจจุบันพระชายาก็มีแล้ว ลูกชายก็มีแล้ว แล้วหันมาดูเสวียซือของเรา ยังตัวคนเดียวอยู่เลย”“ข้าว่านะต้องหาคู่ให้เขาแล้ว”“เขารีบแต่งงานเร็วๆ ก็มีคนคุมเขาแล้ว!”เซียงกั๋วกงย่อมไม่มีความเห็น“เช่นนั้นเจ้าก็เลือกผู้หญิงดีๆ สักสองสามคนจากบรรดาคุณหนูในเมืองหลวงให้เขาไปดูตัว”เซียงกั๋วกงเป็นผู้ชาย ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเหล่าคุณหนูในเมืองหลวง เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ฮูหยินเซียงกั๋วกงไปจัดการใคร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 490

    ความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในใจจ้าวเสวียซือไม่หยุด จนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ“พระ... พระชายา ข้า...”เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ข้าใช้ไปสองครั้งแล้ว... จะทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ“โชคดีที่รู้ตัวได้ทันกาล เจ้าเสพไปไม่มาก”“ทว่าความบริสุทธิ์ของขี้ผึ้งทองนี้สูงมาก แม้จะใช้ไปเพียงสองครั้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความรู้สึกติดอยู่บ้าง”“ต่อไปเจ้าก็ห้ามแตะต้องของเช่นนี้อีกเด็ดขาด! นอกเสียจากเจ้าอยากจะกลายเป็นซากศพเดินได้ที่ถูกขี้ผึ้งทองนี้ควบคุม”“ต่อให้ในใจอยากจะเสพมันอีก ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ต้องเลิกให้ได้เสียตั้งแต่ตอนนี้”อวิ๋นฝูหลิงกังวลว่าจ้าวเสวียซือจะเสพติดมัน จึงปรึกษากับเซียวจิ่งอี้ว่า“ช่วงนี้ให้เขาอยู่ที่จวนอี้อ๋องก่อนเถิด”“หากเขาเสพติดเจ้าขี้ผึ้งทองนี่ ข้าก็จะได้ช่วยเขาเลิกได้ทันเวลา”“ไม่เช่นนั้น แค่คลาดสายตาไปเพียงนิด เขาก็จะไปซื้อขี้ผึ้งทองมาแอบเสพอีก จนถลำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ อยากจะช่วยเขาก็ไม่ทันกาลแล้ว!”จ้าวเสวียซือตะโกนลั่น “คงไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นหรอกกระมัง ข้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายัง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 489

    “เพียงแค่ค่าตั๋วเข้าคฤหาสน์ก็ตั้งสิบตำลึงแล้ว หากเข้าไปแล้วอยากจะเล่นอย่างอื่นก็ยังต้องจ่ายเงินอีกนะ”“สุรา เครื่องดื่มและอาหารก็แพงกว่าที่อื่น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น คนที่ไปเยือนก็มีไม่ขาดสาย”อวิ๋นฝูหลิงฟังถึงตรงนี้ก็ตกใจเล็กน้อยตั้งราคาไว้สูง ทว่าลูกค้ากลับไปเยือนไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่ากิจการของที่นี่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ที่อื่นไม่มีไม่ต้องรอให้นางเอ่ยถาม ก็ได้ยินจ้าวเสวียซือกล่าวว่า “ข้าก็สงสัยนัก ว่าสถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นอะไรกันแน่ ถึงได้ดึงดูคนเข้าไปเที่ยวเล่นได้มากมายเช่นนั้น”“ข้าเลยตั้งใจหาเวลาว่างไปเที่ยวเล่นที่นั่นมาครั้งหนึ่ง”“ที่นั่นสมแล้วที่ตั้งชื่อว่าเรือนเสินเซียน[1] เรื่องกินดื่มร้องรำทำเพลงน่ะเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งที่เป็นที่เลื่องลือมากที่สุดก็ต้องยกให้ขี้ผึ้งทอง”จ้าวเสวียซือพูดไป พลางควักกล่องเคลือบลายครามใบเล็กเท่ากำปั้นของเด็กแรกเกิดออกมาจากอ้อมแขน“กล่องเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็ตั้งห้าสิบตำลึงแล้ว...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นเนื้อขี้ผึ้งสีทองด้านในกล่องเคลือบลายคราม ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีทันทีนางแย่งกล่องเคลือบลายครามใบนั้นมา ใช้นิ้วป้ายเนื้อขี้ผึ้งสีทอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 488

    “คุณชายเจ้าสาวกลับมาพร้อมกับท่านอ๋องด้วย บอกว่าอยากอยู่ค้างคืนเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องขอให้พระชายาจัดเตรียมโต๊ะสุราไว้หนึ่งโต๊ะ คืนนี้จะได้ดื่มร่วมกันเจ้าค่ะ”คุณชายสามจ้าวที่บ่าวรับใช้พูดถึงนั้น ก็คือจ้าวเสวียซือสหายสนิทของเซียวจิ่งอี้ คุณชายสามแห่งจวนเซียงกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเช่นนั้น ก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “นี่ก็เย็นย่ำมากแล้ว ข้าควรกลับได้แล้ว”อวิ๋นฝูหลิงพูดรั้งนางให้อยู่ต่อ “อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ?”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ส่ายหน้าหากมีเพียงอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ นางก็คงจะอยู่ต่อทว่าคืนนี้มีจ้าวเสวียซืออยู่ด้วย นางเป็นสตรีแต่งงานแล้ว ทั้งเฉินเจิงก็ไม่ได้เดินทางมากับนางด้วย จึงเป็นการไม่สมควรที่จะนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับบุรุษอื่นอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่านางยืนกรานจะกลับ จึงไม่ได้รั้งนางไว้อีก และไปส่งนางถึงประตูรองด้วยตนเองใครจะคาดคิดว่าจะต้องเผชิญกับเซียวจิ่งอี้และจ้าวเสวียซือที่มาด้วยกันเข้าฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวทักทายเซียวจิ่งอี้กับจ้าวเสวียซือจ้าวเสวียซือกวาดสายตามองดวงหน้าของฉยงอวี้จวิ้นจู่ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยจนเทบมอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 487

    อวิ๋นฝูหลิงขบคิดอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วกล่าวว่า “อาจเป็นเพราะพวกข้าต่างเป็นคนที่ใช่ของกันและกันกระมัง!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่กะพริบตาปริบ ๆ เผยท่าทีว่าฟังไม่เข้าใจ“พี่สะใภ้ พูดให้ชัดเจนกว่านี้สักหน่อยได้หรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิง “ความจริงใจ ความจริงใจเป็นไม้ตายที่ใช้ได้ตลอดกาล!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ทรุดตัวอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยอย่างหมดเรี่ยวแรง แล้วพึมพำออกมาว่า “ข้ายังจริงใจไม่พอหรือ?”“ต่อให้เป็นก้อนหิน ก็น่าจะถูกข้าทำให้อุ่นจนร้อนแล้วไหม?”ทันทีที่อวิ๋นฝูหลิงได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ได้ว่านางกลัดกลุ้มเพราะเฉินเจิงอีกแล้วสำหรับอวิ๋นฝูหลิงแล้ว คางคกสามขาในใต้หล้านี้ไม่อาจหาเจอได้ง่าย ๆ ทว่าบุรุษสองขานั้นมีอยู่มากมาย ไยจะต้องเอาตัวไปยึดติดอยู่กับคนเพียงคนเดียวด้วยมีบุรุษบางจำพวก ต่อให้เจ้าทุ่มเทให้มากเท่าไร เขาก็ยังคงทำเป็นมองไม่เห็นอยู่ดีคนเช่นนี้ สมควรปล่อยให้เขาอยู่ไกลห่างได้มากเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น!เพียงแต่น่าเสียดายที่ ฉยงอวี้จวิ้นจู่หลงรักหัวปักหัวปำ ไม่ยอมฟังคำเตือนแม้แต่น้อยบางทีอาจจะมีแค่ต้องรอให้ถึงสักวันหนึ่ง ที่นางผิดหวังมากพอจนรู้สึกตัวได้ด้วยตนเองกระมังอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงก่อนหน้านั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 486

    อวิ๋นฝูหลิงพูดไปพลางลูบหีบไม้แดงเล็ก ๆ สองสามใบที่กอดอยู่ในอ้อมกอดพ่อบ้านหยวนเห็นดังนั้น จึงรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ถูกคนในวังหลวงรังแก ในทางกลับกันยังได้รางวัลกลับมาไม่น้อยเขาถึงกับรู้สึกโล่งใจอยู่ในใจ กลับมามีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าอีกครั้งอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถาม “ท่านอ๋องล่ะ?”พ่อบ้านหยวน “ท่านอ๋องไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงแล้วขอรับ วันนี้เป็นวันว่าราชการใหญ่”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า แล้วเดินไปดูเซียวจิงมั่วที่เรือนหลังอากาศเย็นขึ้นทุกวัน ๆใบไม้แห้งเหี่ยวปลิวหลิวลงมาจากกิ่งก้าน หลงเหลือไว้เพียงลำต้นโล้น ๆ เผยให้เห็นถึงความเงียบเหงาประจำต้นฤดูหนาวภายในเรือนหลักของจวนอี้อ๋องได้จุดเตาใต้ดินแล้ว ในห้องจึงอบอุ่นยิ่ง เทียบกับด้านนอกแล้วช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงฉยงอวี้จวิ้นจู่เอนตัวอยู่บนเตียง พลิกหน้าหนังสือนิยายในมือไปพลาง คุยเล่นกับอวิ๋นฝูหลิงไปพลางนับตั้งแต่หลังงานฉลองบริมาสที่จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน จะให้มีเหตุหรือไม่มีฉยงอวี้จวิ้นจู่ล้วนวิ่งมายังจวนอี้อ๋อง ค่อย ๆ สนิทสนมกับอวิ๋นฝูหลิงขึ้นเรื่อย ๆ อวิ๋นฝูหลิงเห็นท่าทางเบื่อหน่ายของฉยงอวี้จวิ้นจู่แล้ว จึงอดเอ่ยออกไปไม่ได้ว่า “

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 485

    หากเป็นไปได้ ติงหมิงรุ่ยอยากให้ตัวเองหายตัวได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำแบบนั้นอวิ๋นฝูหลิงจะได้ไม่เห็นเขาทว่าในความเป็นจริงแล้วกลับโหดร้ายเสียนี่กระไรติงหมิงรุ่ยไม่รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงยังจำเขาได้หรือไม่ แล้วจะนึกออกหรือไม่ว่าเป็นเขาเขาก้มหน้า ประสานมือคำนับพร้อมกล่าว “กระหม่อมขอคารวะพระชายาอี้อ๋อง”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น แล้วเดินตรงผ่านข้าง ๆ เข้าไปบุญคุณความแค้นระหว่างอวิ๋นฝูหลิงกับครอบครัวอวิ๋นกานซงนั้น แม้จะไม่ถึงขนาดที่พาลโมโหติงหมิงรุ่ยไปด้วย ทว่าเขาถึงขั้นยืมมืออวิ๋นกานซงให้แนะนำตนเองเข้ามาอยู่ในสำนักหมอหลวงได้ ดูแล้วคงใกล้ชิดสนิทสนมไม่น้อย บางทีอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ก็ได้คนเช่นนี้ อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์อันใดกับเขาเลยสักนิดขอแค่เขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับอวิ๋นกานซง ก่ออันตรายมาถึงตัวนาง เช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็จะไม่สร้างความลำบากให้เขายิ่งไปกว่านั้นพฤติกรรมและกิริยาท่าทางของติงหมิงรุ่ยช่วงที่อยู่ในเขาเฟิ่งลั่วตอนนั้น อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ใคร่จะชอบใจนักเดิมทีเป็นคนแปลกหน้าที่ได้พบกันโดยบังเอิญ มีเพียงวาสนาที่ได้ร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 484

    “ข้ากล้ารับรองด้วยชีวิตเลยว่า เทียบยานี้ไม่มีปัญหาแน่นอน และรักษาโรคไอเรื้อรังของไฉเหรินผู้นั้นได้...”เขายังไม่ทันได้พูดจนจบ คนก่อนหน้านี้ก็หัวเราะเสียงเย็นเยียบ“ติงหมิงรุ่ย ที่นี่คือวังหลวง ทุกเรื่องต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ!”“เป็นท่านหมออยู่ในโรงหมอนอกวังแล้วอย่างไร โดดเด่นมากนักหรือ?”“เจ้าอยากตรวจไข้ขนาดนี้ ไม่ออกนอกวังแล้วไปเป็นท่านหมอในโรงหมอที่เจ้าอยู่ต่อเสียเลยเล่า!”“หากเจ้าอยากอยู่ในสำนักหมอหลวง ก็จงทำตัวเป็นหมอฝึกหัดให้ดี อย่าเอาแต่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ทั้งวันเลย”“ข้าขอบอกเจ้าหน่อยแล้วกัน เจ้าอย่ายอมแพ้ ทุกคนในสำนักหมอหลวงแห่งนี้ล้วนไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น ๆ ทั้งนั้น”“นอกเสียจากฝีมือการแพทย์ของเจ้าจะยอดเยี่ยมจะไปเข้าตาคนใหญ่คนโตเข้า จนเจ้าได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษ”“มิเช่นนั้น เจ้าก็อยู่ในสำนักหมอหลวงอย่างสุจริต ทำหน้าที่เป็นหมอฝึกหัดให้ดี”“ข้านึกถึงบุญคุณที่เคยได้รับจากอวิ๋นกานซงในวันวาน ถึงได้คอยดูแลเจ้าเช่นนี้”“เจ้าเป็นคนที่อวิ๋นกานซงแนะนำเข้ามา บัดนี้อวิ๋นกานซงไม่อยู่แล้ว หากเจ้าไม่เก็บหางของตนไว้และไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ช้าก็เร็วเจ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status