แชร์

บทที่ 472

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า กล่าวว่า “ย่อมเป็นเรื่องดี”

ในใจเซียวจิ่งอี้กลับเต้น ‘ตึกตัก’ ครู่หนึ่ง รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างอธิบายไม่ถูก

ทว่าชุยไทเฮาในฐานะผู้อาวุโส นางเจาะจงว่าต้องการให้อวิ๋นฝูหลิงอยู่ดูแล ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่ฮ่องเต้จิ่งผิงก็ไม่อาจคัดค้านได้อย่างเปิดเผยเช่นกัน

ในใจเซียวจิ่งอี้ไม่เต็มใจจะให้อวิ๋นฝูหลิงอยู่ดูแล

อย่างไรก็ตามการกระทำเหล่านี้ของชุยไทเฮา ในสายตาของพวกองค์ชายใหญ่ กลับเห็นว่าเป็นการกระทำที่แสดงความสนิทสนม

สำหรับบุคคลเช่นชุยไทเฮาและฮ่องเต้จิ่งผิง ผู้ที่จะสามารถอยู่ดูแลข้างกายได้ หากไม่ใช่บุคคลที่พวกเขาชื่นชอบ ก็ย่อมเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งสถานะสูงส่ง

นี่ถือเป็นการให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

ชุยไทเฮาเป็นฝ่ายเอ่ยว่าให้อวิ๋นฝูหลิงอยู่ต่อ มิใช่เพราะในใจเอนเอียงไปทางเซียวจิ่งอี้หรือ?

พวกองค์ชายใหญ่ต่างอิจฉาจนดวงตาแทบแดงก่ำ

ขณะเดียวกันในใจก็รู้สึกถึงวิกฤตอย่างรุนแรง

เดิมทีเซียวจิ่งอี้ก็ได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้จิ่งผิงอยู่แล้ว หากแม้แต่ชุยไทเฮาก็ยังยืนอยู่ข้างเขาด้วย ตำแหน่งรัชทายาทย่อมเป็นของเขามิใช่หรือ?

พระชายาองค์ชายใหญ่ได้รับสัญญาณทางสายตาขององค์ชา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 473

    ทุกคนได้ยินเช่นนี้ ก็พากันตอบรับและออกไปเซียวจิ่งอี้จูงมือจิงมั่ว และเหลือบมองอวิ๋นฝูหลิงอย่างไม่วางใจอวิ๋นฝูหลิงเงยหน้าสบสายตาเขา ก็พยักหน้าเล็กน้อย แสดงท่าทีว่าเขาไม่ต้องห่วงยามนี้เซียวจิ่งอี้จูงมือจิงมั่ว ขณะเดินไปก็หันกลับมามองอยู่หลายคราหลังออกจากตำหนักโซ่วคังแล้ว เซียวจิ่งอี้ก็ไม่ได้ออกจากตำหนักไปตรง ๆ แต่เบนฝีเท้าตรงไปยังตำหนักจื่อเฉินฮ่องเต้จิ่งผิงกลับมาถึงตำหนักจื่อเฉินก่อน ยามที่เห็นเซียวจิ่งอี้ปรากฏตัว ก็ยังมีท่าทีสงบ ราวกับคาดเดาไว้ก่อนแล้วเขาผลักกองฎีกาไปทางเซียวจิ่งอี้ “ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็มาช่วยเราจัดการฎีกาพวกนี้เถอะ”เซียวจิ่งอี้เคยช่วยฮ่องเต้จิ่งผิงจัดการเรื่องงานของราชสำนักมาก่อนฮ่องเต้จิ่งผิงก็ตั้งใจให้เซียวจิ่งอี้ฝึกฝน จึงเอาราชกิจที่ไม่เล็กไม่ใหญ่มาให้เขาฝึกประสบการณ์เรื่องการตรวจสอบฎีกาเช่นนี้ ก็เคยทำมาก่อนหน้านี้แล้วเช่นกันเพียงแต่คนของตำหนักจื่อเฉินล้วนปิดปากเงียบ เซียวจิ่งอี้กับฮ่องเต้จิ่งผิงก็ต่างคิดตรงกันว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ออกไปฮ่องเต้จิ่งผิงมอบราชกิจในปัจจุบันส่วนใหญ่ให้เซียวจิ่งอี้ ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นโดยพลันเขาโบกมือให้จิงมั่ว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 474

    ก่อนหน้านี้อวิ๋นฝูหลิงพบว่าชุยไทเฮาแสร้งทำเป็นหมดสติ ก็ยังรู้สึกแปลกใจ คิดไม่ตกว่านางจะทำสิ่งใดนางคิดไปร้อยแปดพันเก้า คิดแม้กระทั่งว่าจะกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงในวังหลวง ทว่ากลับคาดไม่ถึงว่านี่จะเป็นอุบายที่วางไว้เพื่อนางนางไม่มีคุณธรรม ไม่มีความสามารถหรืออย่างไร จึงทำให้ชุยไทเฮาใส่ใจเช่นนี้?เพียงแต่เหตุใดชุยไทเฮาจึงเพ่งเล็งนางอย่างกะทันหันเช่นนี้?อวิ๋นฝูหลิงใคร่ครวญอย่างรอบคอบ ก่อนหน้านี้นางมิได้ทำสิ่งใดให้ชุยไทเฮาขุ่นเคืองมาก่อนชุยไทเฮาบำเพ็ญสมาธิและสักการะพระพุทธศาสนาอยู่ในตำหนักโซ่วคัง ไม่ชอบให้ใครมารบกวนด้วยเหตุนี้นอกจากวันที่สิบห้าซึ่งเป็นวันที่ต้องมาทำความเคารพทุกเดือนแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็มีโอกาสได้พบชุยไทเฮาน้อยมากทุกครั้งที่พบกัน ชุยไทเฮาก็ล้วนมีความน่านับถือเป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจต่อนางแม้แต่น้อยทันใดนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็นึกถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นในสกุลชุยจวนเฉิงเอินกงผู้อื่นไม่รู้ แต่ในใจอวิ๋นฝูหลิงกลับรู้ดี เหตุการณ์หลายอย่างในสกุลชุย ล้วนมีมือของเซียวจิ่งอี้อยู่เบื้องหลังแม้เซียวจิ่งอี้จะหนุนคลื่นลมให้สูง ทำให้ความจริงถูกเปิดเผย แต่สืบสาวจนถ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 475

    ซางเถาถูกคำพูดของอวิ๋นฝูหลิงทำให้สำลักโดยพลัน และไม่รู้ว่าควรตอบโต้อย่างไรไปชั่วขณะหนึ่งนางเป็นสินเดิมติดตัวของชุยไทเฮา ตามเข้ามาอยู่กับชุยไทเฮาในวังหลวง ผ่านลมฝนมากว่าสิบปี และเป็นคนสนิทซึ่งชุยไทเฮาให้ความสำคัญมานานแม้นางจะเป็นข้ารับใช้ แต่ทุกคนในวังต่างก็เรียกนางว่ากูกู แม้แต่เหล่าสนมของฮ่องเต้จิ่งผิง เมื่ออยู่ต่อหน้านางก็ยังต้องมีความเคารพอาศัยอำนาจของชุยไทเฮาเป็นสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือมานาน ซางเถาลืมไปนานแล้วว่าตัวเองมีสถานะเป็นบ่าวทว่าวันนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับทำลายจินตนาการของนางโดยตรงประโยคที่ว่า ‘เคยชินกับการปรนนิบัติผู้คนแล้ว’ เมื่อได้ยินเข้าหูซางเถา ก็รู้สึกเพียงว่าบาดหูอย่างแรงชุยไทเฮาเมื่อครู่เพื่อสร้างปัญหาให้อวิ๋นฝูหลิง จึงจงใจบอกว่าตัวเองกระหายน้ำแต่ในยามนี้ นางกลับรู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาจริง ๆ“น้ำ น้ำ...”ซางเถาได้ยินว่าชุยไทเฮาต้องการน้ำ ก็ไปรินน้ำแก้วหนึ่งมาตามสัญชาตญาณ หลังจากนั้นก็พยุงนางขึ้นดื่มน้ำแก้วหนึ่งการเคลื่อนไหวทั้งหมดราบรื่น และเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากหลังจากชุยไทเฮาดื่มน้ำแก้วหนึ่งเสร็จแล้ว ก็ทอดถอนใจเสียงหนึ่งอย่างสบายใจอวิ๋นฝูหลิงปรบมื

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 476

    เมล็ดสนที่เดิมทีปอกยากมาก เมื่อมาอยู่ในมืออวิ๋นฝูหลิง ก็ราวกับกลายเป็นเปลือกบางกรอบ ซึ่งสามารถปอกได้โดยง่ายปอกเมล็ดแล้วเมล็ดเล่า อวิ๋นฝูหลิงปอกเปลือกได้รวดเร็วและยอดเยี่ยมชุยไทเฮากับซางเถาเบิกตาโตอย่างตกใจผ่านไปครู่หนึ่ง ชุยไทเฮาก็หาเสียงของตัวเองกลับมาได้ “ของรูปทรงแปลกประหลาดในมือเจ้าคืออันใดกัน?”อวิ๋นฝูหลิงเขย่าอุปกรณ์ปอกเปลือกในมือ “ไทเฮาถามถึงสิ่งนี้หรือเพคะ? สิ่งนี้หม่อมฉันเรียกมันว่าอุปกรณ์ปอกเปลือกเพคะ”“ไม่ว่าจะปอกเปลือกถั่วสมอง หรือปอกเปลือกเมล็ดสน เมล็ดซิ่ง เมล็ดเกาลัด เมล็ดแตงโม ก็ล้วนใช้ได้ทั้งสิ้น”“ไทเฮาทรงชอบเสวยเมล็ดสน ช่างบังเอิญนัก หม่อมฉันไม่เพียงแต่ชอบกินเมล็ดสน ทว่าของป่าอย่างพวกถั่วสมองหรือเมล็ดเกาลัด หม่อมฉันก็ชอบกินเช่นกันเพคะ”“ดังนั้นหม่อมฉันจึงตั้งใจทำอุปกรณ์ชิ้นนี้ขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งทั้งสะดวกและใช้งานง่าย”ชุยไทเฮาพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่งเข้ามาในวัง ก็ยังพกอุปกรณ์ปอกเปลือกเข้ามาในกระเป๋าด้วย คงจะชอบกินมากทีเดียว!สายตาของชุยไทเฮาจับจ้องอุปกรณ์ปอกเปลือกในมือของอวิ๋นฝูหลิง อดไม่ได้ที่จะแอบทอดถอนใจ หากไม่พูดถึงเรื่องอื่น อวิ๋นฝูหลิงก็เป็นคนที่ฉล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 477

    น้ำเสียงของฮ่องเต้จิ่งผิงธรรมดา ราวกับเพียงแค่ตรัสถามอย่างไม่ยี่หระสีหน้าของชุยไทเฮาเปลี่ยนไปเล็กน้อย กำลังจะเอ่ย อวิ๋นฝูหลิงกลับชิงตอบก่อนก้าวหนึ่ง“ทูลฝ่าบาท แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่หม่อมฉันปรนนิบัติคนป่วย ทำให้ยังไม่คุ้นชิน แต่เสด็จย่ามีเมตตายิ่ง จึงไม่ถือสาหม่อมฉันเพคะ”“ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะคนรุ่นหลัง การยกชารินน้ำ ปรนนิบัติถ่ายหนักถ่ายเบาเพื่อเสด็จย่า ก็เป็นการแสดงความกตัญญูที่สมควรแล้วเพคะ”“เมื่อครู่เสด็จย่ายังชมหม่อมฉันเกินจริง บอกว่านางชอบกินเมล็ดสน หม่อมฉันจึงปอกเปลือกใส่ถ้วยใหญ่ให้ใบหนึ่ง เสด็จย่าก็ดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง”ชุยไทเฮาได้ยินมุมปากก็กระตุกเล็กน้อยอย่าคิดว่านางฟังไม่ออก อวิ๋นฝูหลิงมิได้จะบอกว่านางมีเมตตา เห็นได้ชัดว่าเป็นการแอบขยายความเกินจริง ร้องทุกข์แก่ฮ่องเต้จิ่งผิงนางคิดไม่ถึงเลยว่าอวิ๋นฝูหลิงจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ ถึงขั้นกล้าทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้านางสาวน้อยผู้นี้ไม่กลัวนางเลยหรือ?แววตาของฮ่องเต้จิ่งผิงมืดครึ้มเล็กน้อย ทว่าท่าทีและน้ำเสียงกลับไม่เปลี่ยนไปแม้แต่นิดเดียว ราวกับเป็นคำพูดไร้สาระ และกล่าวอย่างเฉยชา “พระชายาอี้อ๋องทำงานหนักทีเดียว”“งานจิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 478

    เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้จิ่งผิงก็มองบางสิ่งออกเพียงแต่บางเรื่อง ไม่อาจแสดงออกชัดเจนเกินไปได้เซียวจิ่งอี้นึกถึงรอยยิ้มเชื่อมั่นในตัวเองอันงดงามของอวิ๋นฝูหลิง หัวใจก็กลับมาเต้นจังหวะปกติ“เสด็จพ่อ ใกล้ถึงเวลาลงกลอนประตูวังแล้ว ยามนี้ลูกต้องขอพาจิงมั่วออกจากวังก่อนพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้จิ่งผิงโบกมือเซียวจิ่งอี้กับเซียวจิงมั่วโค้งคำนับก่อนจะจากไปหลังมองส่งสองพ่อลูกจนลับสายตา ฮ่องเต้จิ่งผิงก็ประทับบนรถพระที่นั่งอีกครา และกลับไปยังตำหนักจื่อเฉินเซียวจิ่งอี้ไม่สบายใจที่จะปล่อยให้อวิ๋นฝูหลิงอยู่ในวังหลวงคนเดียว แต่เขาก็ไม่สะดวกจะอยู่ต่อเช่นกันด้วยเหตุนี้ ก่อนออกจากวังหลวง เซียวจิ่งอี้จึงเรียกองครักษ์ลับซึ่งติดตามมาตลอด ให้พวกเขาทั้งหมดอยู่ในวังหลวง เพื่อคุ้มกันความปลอดภัยของอวิ๋นฝูหลิงแม้แต่เทียนเฉวียนที่เปลี่ยนจากทำงานในที่ลับมาเป็นที่แจ้ง ก็ยังถูกเซียวจิ่งอี้ทิ้งไว้ในวังหลวงเช่นกันหลังออกจากประตูวังหลวง ก็นั่งรถม้ากลับไปที่จวนอี้อ๋อง จิงมั่วจึงเพิ่งถามออกมาว่า “ท่านพ่อ ไทเฮาจงใจให้ท่านแม่อยู่ต่อ เพราะอยากรังแกท่านแม่หรือ?”เซียวจิ่งอี้เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “เหตุใดจึงพูดเช่นนี้?”จิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 479

    ยาต้มที่ทั้งขมทั้งฝาดไหลเข้าปากชุยไทเฮาดื่มไปเพียงอึกเดียว ก็ขมวดคิ้วแน่น“ยาคืนนี้ เหตุใดจึงขมถึงเพียงนี้?”อวิ๋นฝูหลิงคิดในใจว่าย่อมต้องขมอยู่แล้วนางจงใจไปหาพวกโอวหยางหมิงและหมอหลวงเพื่อหารือเรื่องจ่ายยา และใช้หวงเหลียนมากกว่าก่อนหน้านี้สองเท่า หากไม่ขมก็แปลกแล้ว!ใบสั่งยาของนาง ก็เหมาะกับอาการป่วยของชุยไทเฮาด้วยแม้ว่าหมอหลวงทั้งสำนักหมอหลวงจะล้วนเข้ามาตรวจอาการแล้ว ก็ยังไม่พบจุดผิดปกติยิ่งไปกว่านั้นเหล่าหมอหลวงที่รับผิดชอบรักษาชุยไทเฮา ก็แทบรอไม่ไหวที่จะใช้ใบสั่งยาที่ยอดเยี่ยมกว่าของอวิ๋นฝูหลิงถึงอย่างไรพวกเขาก็อยากรักษาชุยไทเฮาให้หายดีโดยเร็วที่สุดแม้อาการป่วยจะหายดี ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาหากอาการป่วยของไทเฮาผ่านไปนานแล้วยังไม่ดีขึ้น เบื้องบนย่อมโทษว่าพวกเขาทักษะแพทย์ไม่ดีพอ และถูกมองว่าไร้ค่า จนแม้แต่ชีวิตน้อย ๆ ก็อาจรักษาไว้ไม่ได้ส่วนเรื่องที่ยาต้มขมเกินไป โธ่ถัง ยารสขมย่อมดีต่ออาการป่วย ไหนเลยจะมียาที่ไม่ขมซางเถาเห็นชุยไทเฮาไม่ยอมดื่มยา ทั้งยังโกรธเกรี้ยวอีกด้วยถึงอย่างไรช่วงนี้ชุยไทเฮาก็สุขภาพแย่ลงเรื่อย ๆ จนแทบจะต้องกินยาตลอดยาต้มรสชาติไม่ดี ดังนั้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 480

    ชุยไทเฮาเดือดดาลเป็นอย่างมาก “ข้าไม่ได้บอกไปแล้วหรือว่าอย่าปลุกข้าอีก!”อวิ๋นฝูหลิงยกถ้วยยา “ไทเฮา ทางด้านโรงโอสถหลวงนำยาที่ต้มเสร็จแล้วมาส่งเพคะ”“การดื่มยาเป็นเรื่องสำคัญ จะล่าช้าไม่ได้เพคะ”พูดจบ นางก็หันไปมองซางเถา “ซางเถากูกู ข้าล้วนทำเพื่อไทเฮา ท่านว่าจริงหรือไม่?”ซางเถา “...”อวิ๋นฝูหลิงอ้างว่าทำเพื่อไทเฮา คำพูดที่กล่าวล้วนไม่มีส่วนที่ผิดแม้แต่น้อยซางเถามองออกลาง ๆ ว่ากำลังเกิดบางสิ่งขึ้นแต่นางไม่กล้าเชื่อว่า อวิ๋นฝูหลิงจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ ถึงขั้นกล้าตอบโต้ไทเฮาแน่นอนว่าคงเป็นการคิดไปเอง น่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นซางเถาเห็นอวิ๋นฝูหลิงถือถ้วยยา ขณะมองตรงมาที่นาง ราวกับรอให้นางเอ่ยปากซางเถาจะพูดสิ่งใดได้ นางทำได้เพียงโน้มน้าวชุยไทเฮาให้ดื่มยาก่อนค่ำคืนนี้ ชุยไทเฮาเรียกได้ว่าลำบากเป็นอย่างยิ่งทุกครั้งที่เพิ่งหลับ ก็จะถูกอวิ๋นฝูหลิงเรียกให้ตื่นผ่านไปครู่หนึ่งก็ป้อนน้ำให้นางดื่ม ผ่านไปครู่หนึ่งก็ถามว่านางอยากไปเข้าห้องน้ำหรือไม่ บางครั้งก็จะนวดไหล่นวดขาให้นาง วุ่นวายจนชุยไทเฮาทุกข์ใจชุยไทเฮาเพิ่งจะรู้สึกตัวในยามนี้มิน่าเล่า อวิ๋นฝูหลิงจึงเป็นฝ่ายอยาก

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 492

    อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 491

    “อี้อ๋องเป็นคนหนักแน่นและรอบคอบตลอด เขารู้จักแยกแยะอยู่แล้ว”“อีกทั้งจวนอี้อ๋องใหญ่เช่นนี้ เสวียซือก็พักอยู่ที่เรือนรับรองแขกด้านหน้า ไม่รบกวนพระชายาอี้อ๋องหรอก”มีหรือที่ฮูหยินเซียงกั๋วกงจะไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ นางก็แค่อดไม่ได้ที่จะบ่นนางถลึงตาใส่เซียงกั๋วกงแวบหนึ่ง “ท่านตามใจเขาเต็มที่เลย!”สำหรับลูกชายคนเล็กคนนี้ เซียงกั๋วกงย่อมลำเอียงกว่าเล็กน้อยแต่ถ้าพูดถึงการตามใจ ฮูหยินเซียงกั๋วกงตามใจมากกว่าแต่คำพูดนี้ เซียงกั๋วกงไม่กล้าพูดออกจากปาก ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าคืนนี้จะได้อยู่อย่างสงบเขากำลังจะเกลี้ยกล่อมฮูหยินเซียงกั๋วกงนอนเร็วหน่อย ก็ได้ยินนางกล่าวอีก “อี้อ๋องโตกว่าเสวียซือแค่ปีเดียว ปัจจุบันพระชายาก็มีแล้ว ลูกชายก็มีแล้ว แล้วหันมาดูเสวียซือของเรา ยังตัวคนเดียวอยู่เลย”“ข้าว่านะต้องหาคู่ให้เขาแล้ว”“เขารีบแต่งงานเร็วๆ ก็มีคนคุมเขาแล้ว!”เซียงกั๋วกงย่อมไม่มีความเห็น“เช่นนั้นเจ้าก็เลือกผู้หญิงดีๆ สักสองสามคนจากบรรดาคุณหนูในเมืองหลวงให้เขาไปดูตัว”เซียงกั๋วกงเป็นผู้ชาย ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเหล่าคุณหนูในเมืองหลวง เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ฮูหยินเซียงกั๋วกงไปจัดการใคร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 490

    ความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในใจจ้าวเสวียซือไม่หยุด จนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ“พระ... พระชายา ข้า...”เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ข้าใช้ไปสองครั้งแล้ว... จะทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ“โชคดีที่รู้ตัวได้ทันกาล เจ้าเสพไปไม่มาก”“ทว่าความบริสุทธิ์ของขี้ผึ้งทองนี้สูงมาก แม้จะใช้ไปเพียงสองครั้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความรู้สึกติดอยู่บ้าง”“ต่อไปเจ้าก็ห้ามแตะต้องของเช่นนี้อีกเด็ดขาด! นอกเสียจากเจ้าอยากจะกลายเป็นซากศพเดินได้ที่ถูกขี้ผึ้งทองนี้ควบคุม”“ต่อให้ในใจอยากจะเสพมันอีก ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ต้องเลิกให้ได้เสียตั้งแต่ตอนนี้”อวิ๋นฝูหลิงกังวลว่าจ้าวเสวียซือจะเสพติดมัน จึงปรึกษากับเซียวจิ่งอี้ว่า“ช่วงนี้ให้เขาอยู่ที่จวนอี้อ๋องก่อนเถิด”“หากเขาเสพติดเจ้าขี้ผึ้งทองนี่ ข้าก็จะได้ช่วยเขาเลิกได้ทันเวลา”“ไม่เช่นนั้น แค่คลาดสายตาไปเพียงนิด เขาก็จะไปซื้อขี้ผึ้งทองมาแอบเสพอีก จนถลำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ อยากจะช่วยเขาก็ไม่ทันกาลแล้ว!”จ้าวเสวียซือตะโกนลั่น “คงไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นหรอกกระมัง ข้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายัง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 489

    “เพียงแค่ค่าตั๋วเข้าคฤหาสน์ก็ตั้งสิบตำลึงแล้ว หากเข้าไปแล้วอยากจะเล่นอย่างอื่นก็ยังต้องจ่ายเงินอีกนะ”“สุรา เครื่องดื่มและอาหารก็แพงกว่าที่อื่น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น คนที่ไปเยือนก็มีไม่ขาดสาย”อวิ๋นฝูหลิงฟังถึงตรงนี้ก็ตกใจเล็กน้อยตั้งราคาไว้สูง ทว่าลูกค้ากลับไปเยือนไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่ากิจการของที่นี่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ที่อื่นไม่มีไม่ต้องรอให้นางเอ่ยถาม ก็ได้ยินจ้าวเสวียซือกล่าวว่า “ข้าก็สงสัยนัก ว่าสถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นอะไรกันแน่ ถึงได้ดึงดูคนเข้าไปเที่ยวเล่นได้มากมายเช่นนั้น”“ข้าเลยตั้งใจหาเวลาว่างไปเที่ยวเล่นที่นั่นมาครั้งหนึ่ง”“ที่นั่นสมแล้วที่ตั้งชื่อว่าเรือนเสินเซียน[1] เรื่องกินดื่มร้องรำทำเพลงน่ะเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งที่เป็นที่เลื่องลือมากที่สุดก็ต้องยกให้ขี้ผึ้งทอง”จ้าวเสวียซือพูดไป พลางควักกล่องเคลือบลายครามใบเล็กเท่ากำปั้นของเด็กแรกเกิดออกมาจากอ้อมแขน“กล่องเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็ตั้งห้าสิบตำลึงแล้ว...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นเนื้อขี้ผึ้งสีทองด้านในกล่องเคลือบลายคราม ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีทันทีนางแย่งกล่องเคลือบลายครามใบนั้นมา ใช้นิ้วป้ายเนื้อขี้ผึ้งสีทอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 488

    “คุณชายเจ้าสาวกลับมาพร้อมกับท่านอ๋องด้วย บอกว่าอยากอยู่ค้างคืนเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องขอให้พระชายาจัดเตรียมโต๊ะสุราไว้หนึ่งโต๊ะ คืนนี้จะได้ดื่มร่วมกันเจ้าค่ะ”คุณชายสามจ้าวที่บ่าวรับใช้พูดถึงนั้น ก็คือจ้าวเสวียซือสหายสนิทของเซียวจิ่งอี้ คุณชายสามแห่งจวนเซียงกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเช่นนั้น ก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “นี่ก็เย็นย่ำมากแล้ว ข้าควรกลับได้แล้ว”อวิ๋นฝูหลิงพูดรั้งนางให้อยู่ต่อ “อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ?”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ส่ายหน้าหากมีเพียงอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ นางก็คงจะอยู่ต่อทว่าคืนนี้มีจ้าวเสวียซืออยู่ด้วย นางเป็นสตรีแต่งงานแล้ว ทั้งเฉินเจิงก็ไม่ได้เดินทางมากับนางด้วย จึงเป็นการไม่สมควรที่จะนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับบุรุษอื่นอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่านางยืนกรานจะกลับ จึงไม่ได้รั้งนางไว้อีก และไปส่งนางถึงประตูรองด้วยตนเองใครจะคาดคิดว่าจะต้องเผชิญกับเซียวจิ่งอี้และจ้าวเสวียซือที่มาด้วยกันเข้าฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวทักทายเซียวจิ่งอี้กับจ้าวเสวียซือจ้าวเสวียซือกวาดสายตามองดวงหน้าของฉยงอวี้จวิ้นจู่ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยจนเทบมอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 487

    อวิ๋นฝูหลิงขบคิดอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วกล่าวว่า “อาจเป็นเพราะพวกข้าต่างเป็นคนที่ใช่ของกันและกันกระมัง!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่กะพริบตาปริบ ๆ เผยท่าทีว่าฟังไม่เข้าใจ“พี่สะใภ้ พูดให้ชัดเจนกว่านี้สักหน่อยได้หรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิง “ความจริงใจ ความจริงใจเป็นไม้ตายที่ใช้ได้ตลอดกาล!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ทรุดตัวอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยอย่างหมดเรี่ยวแรง แล้วพึมพำออกมาว่า “ข้ายังจริงใจไม่พอหรือ?”“ต่อให้เป็นก้อนหิน ก็น่าจะถูกข้าทำให้อุ่นจนร้อนแล้วไหม?”ทันทีที่อวิ๋นฝูหลิงได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ได้ว่านางกลัดกลุ้มเพราะเฉินเจิงอีกแล้วสำหรับอวิ๋นฝูหลิงแล้ว คางคกสามขาในใต้หล้านี้ไม่อาจหาเจอได้ง่าย ๆ ทว่าบุรุษสองขานั้นมีอยู่มากมาย ไยจะต้องเอาตัวไปยึดติดอยู่กับคนเพียงคนเดียวด้วยมีบุรุษบางจำพวก ต่อให้เจ้าทุ่มเทให้มากเท่าไร เขาก็ยังคงทำเป็นมองไม่เห็นอยู่ดีคนเช่นนี้ สมควรปล่อยให้เขาอยู่ไกลห่างได้มากเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น!เพียงแต่น่าเสียดายที่ ฉยงอวี้จวิ้นจู่หลงรักหัวปักหัวปำ ไม่ยอมฟังคำเตือนแม้แต่น้อยบางทีอาจจะมีแค่ต้องรอให้ถึงสักวันหนึ่ง ที่นางผิดหวังมากพอจนรู้สึกตัวได้ด้วยตนเองกระมังอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงก่อนหน้านั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 486

    อวิ๋นฝูหลิงพูดไปพลางลูบหีบไม้แดงเล็ก ๆ สองสามใบที่กอดอยู่ในอ้อมกอดพ่อบ้านหยวนเห็นดังนั้น จึงรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ถูกคนในวังหลวงรังแก ในทางกลับกันยังได้รางวัลกลับมาไม่น้อยเขาถึงกับรู้สึกโล่งใจอยู่ในใจ กลับมามีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าอีกครั้งอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถาม “ท่านอ๋องล่ะ?”พ่อบ้านหยวน “ท่านอ๋องไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงแล้วขอรับ วันนี้เป็นวันว่าราชการใหญ่”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า แล้วเดินไปดูเซียวจิงมั่วที่เรือนหลังอากาศเย็นขึ้นทุกวัน ๆใบไม้แห้งเหี่ยวปลิวหลิวลงมาจากกิ่งก้าน หลงเหลือไว้เพียงลำต้นโล้น ๆ เผยให้เห็นถึงความเงียบเหงาประจำต้นฤดูหนาวภายในเรือนหลักของจวนอี้อ๋องได้จุดเตาใต้ดินแล้ว ในห้องจึงอบอุ่นยิ่ง เทียบกับด้านนอกแล้วช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงฉยงอวี้จวิ้นจู่เอนตัวอยู่บนเตียง พลิกหน้าหนังสือนิยายในมือไปพลาง คุยเล่นกับอวิ๋นฝูหลิงไปพลางนับตั้งแต่หลังงานฉลองบริมาสที่จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน จะให้มีเหตุหรือไม่มีฉยงอวี้จวิ้นจู่ล้วนวิ่งมายังจวนอี้อ๋อง ค่อย ๆ สนิทสนมกับอวิ๋นฝูหลิงขึ้นเรื่อย ๆ อวิ๋นฝูหลิงเห็นท่าทางเบื่อหน่ายของฉยงอวี้จวิ้นจู่แล้ว จึงอดเอ่ยออกไปไม่ได้ว่า “

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 485

    หากเป็นไปได้ ติงหมิงรุ่ยอยากให้ตัวเองหายตัวได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำแบบนั้นอวิ๋นฝูหลิงจะได้ไม่เห็นเขาทว่าในความเป็นจริงแล้วกลับโหดร้ายเสียนี่กระไรติงหมิงรุ่ยไม่รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงยังจำเขาได้หรือไม่ แล้วจะนึกออกหรือไม่ว่าเป็นเขาเขาก้มหน้า ประสานมือคำนับพร้อมกล่าว “กระหม่อมขอคารวะพระชายาอี้อ๋อง”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น แล้วเดินตรงผ่านข้าง ๆ เข้าไปบุญคุณความแค้นระหว่างอวิ๋นฝูหลิงกับครอบครัวอวิ๋นกานซงนั้น แม้จะไม่ถึงขนาดที่พาลโมโหติงหมิงรุ่ยไปด้วย ทว่าเขาถึงขั้นยืมมืออวิ๋นกานซงให้แนะนำตนเองเข้ามาอยู่ในสำนักหมอหลวงได้ ดูแล้วคงใกล้ชิดสนิทสนมไม่น้อย บางทีอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ก็ได้คนเช่นนี้ อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์อันใดกับเขาเลยสักนิดขอแค่เขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับอวิ๋นกานซง ก่ออันตรายมาถึงตัวนาง เช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็จะไม่สร้างความลำบากให้เขายิ่งไปกว่านั้นพฤติกรรมและกิริยาท่าทางของติงหมิงรุ่ยช่วงที่อยู่ในเขาเฟิ่งลั่วตอนนั้น อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ใคร่จะชอบใจนักเดิมทีเป็นคนแปลกหน้าที่ได้พบกันโดยบังเอิญ มีเพียงวาสนาที่ได้ร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 484

    “ข้ากล้ารับรองด้วยชีวิตเลยว่า เทียบยานี้ไม่มีปัญหาแน่นอน และรักษาโรคไอเรื้อรังของไฉเหรินผู้นั้นได้...”เขายังไม่ทันได้พูดจนจบ คนก่อนหน้านี้ก็หัวเราะเสียงเย็นเยียบ“ติงหมิงรุ่ย ที่นี่คือวังหลวง ทุกเรื่องต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ!”“เป็นท่านหมออยู่ในโรงหมอนอกวังแล้วอย่างไร โดดเด่นมากนักหรือ?”“เจ้าอยากตรวจไข้ขนาดนี้ ไม่ออกนอกวังแล้วไปเป็นท่านหมอในโรงหมอที่เจ้าอยู่ต่อเสียเลยเล่า!”“หากเจ้าอยากอยู่ในสำนักหมอหลวง ก็จงทำตัวเป็นหมอฝึกหัดให้ดี อย่าเอาแต่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ทั้งวันเลย”“ข้าขอบอกเจ้าหน่อยแล้วกัน เจ้าอย่ายอมแพ้ ทุกคนในสำนักหมอหลวงแห่งนี้ล้วนไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น ๆ ทั้งนั้น”“นอกเสียจากฝีมือการแพทย์ของเจ้าจะยอดเยี่ยมจะไปเข้าตาคนใหญ่คนโตเข้า จนเจ้าได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษ”“มิเช่นนั้น เจ้าก็อยู่ในสำนักหมอหลวงอย่างสุจริต ทำหน้าที่เป็นหมอฝึกหัดให้ดี”“ข้านึกถึงบุญคุณที่เคยได้รับจากอวิ๋นกานซงในวันวาน ถึงได้คอยดูแลเจ้าเช่นนี้”“เจ้าเป็นคนที่อวิ๋นกานซงแนะนำเข้ามา บัดนี้อวิ๋นกานซงไม่อยู่แล้ว หากเจ้าไม่เก็บหางของตนไว้และไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ช้าก็เร็วเจ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status