Share

บทที่ 476

Author: หลันซานอวี่
เมล็ดสนที่เดิมทีปอกยากมาก เมื่อมาอยู่ในมืออวิ๋นฝูหลิง ก็ราวกับกลายเป็นเปลือกบางกรอบ ซึ่งสามารถปอกได้โดยง่าย

ปอกเมล็ดแล้วเมล็ดเล่า อวิ๋นฝูหลิงปอกเปลือกได้รวดเร็วและยอดเยี่ยม

ชุยไทเฮากับซางเถาเบิกตาโตอย่างตกใจ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ชุยไทเฮาก็หาเสียงของตัวเองกลับมาได้ “ของรูปทรงแปลกประหลาดในมือเจ้าคืออันใดกัน?”

อวิ๋นฝูหลิงเขย่าอุปกรณ์ปอกเปลือกในมือ “ไทเฮาถามถึงสิ่งนี้หรือเพคะ? สิ่งนี้หม่อมฉันเรียกมันว่าอุปกรณ์ปอกเปลือกเพคะ”

“ไม่ว่าจะปอกเปลือกถั่วสมอง หรือปอกเปลือกเมล็ดสน เมล็ดซิ่ง เมล็ดเกาลัด เมล็ดแตงโม ก็ล้วนใช้ได้ทั้งสิ้น”

“ไทเฮาทรงชอบเสวยเมล็ดสน ช่างบังเอิญนัก หม่อมฉันไม่เพียงแต่ชอบกินเมล็ดสน ทว่าของป่าอย่างพวกถั่วสมองหรือเมล็ดเกาลัด หม่อมฉันก็ชอบกินเช่นกันเพคะ”

“ดังนั้นหม่อมฉันจึงตั้งใจทำอุปกรณ์ชิ้นนี้ขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งทั้งสะดวกและใช้งานง่าย”

ชุยไทเฮาพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง

เข้ามาในวัง ก็ยังพกอุปกรณ์ปอกเปลือกเข้ามาในกระเป๋าด้วย คงจะชอบกินมากทีเดียว!

สายตาของชุยไทเฮาจับจ้องอุปกรณ์ปอกเปลือกในมือของอวิ๋นฝูหลิง อดไม่ได้ที่จะแอบทอดถอนใจ หากไม่พูดถึงเรื่องอื่น อวิ๋นฝูหลิงก็เป็นคนที่ฉล
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 477

    น้ำเสียงของฮ่องเต้จิ่งผิงธรรมดา ราวกับเพียงแค่ตรัสถามอย่างไม่ยี่หระสีหน้าของชุยไทเฮาเปลี่ยนไปเล็กน้อย กำลังจะเอ่ย อวิ๋นฝูหลิงกลับชิงตอบก่อนก้าวหนึ่ง“ทูลฝ่าบาท แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่หม่อมฉันปรนนิบัติคนป่วย ทำให้ยังไม่คุ้นชิน แต่เสด็จย่ามีเมตตายิ่ง จึงไม่ถือสาหม่อมฉันเพคะ”“ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะคนรุ่นหลัง การยกชารินน้ำ ปรนนิบัติถ่ายหนักถ่ายเบาเพื่อเสด็จย่า ก็เป็นการแสดงความกตัญญูที่สมควรแล้วเพคะ”“เมื่อครู่เสด็จย่ายังชมหม่อมฉันเกินจริง บอกว่านางชอบกินเมล็ดสน หม่อมฉันจึงปอกเปลือกใส่ถ้วยใหญ่ให้ใบหนึ่ง เสด็จย่าก็ดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง”ชุยไทเฮาได้ยินมุมปากก็กระตุกเล็กน้อยอย่าคิดว่านางฟังไม่ออก อวิ๋นฝูหลิงมิได้จะบอกว่านางมีเมตตา เห็นได้ชัดว่าเป็นการแอบขยายความเกินจริง ร้องทุกข์แก่ฮ่องเต้จิ่งผิงนางคิดไม่ถึงเลยว่าอวิ๋นฝูหลิงจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ ถึงขั้นกล้าทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้านางสาวน้อยผู้นี้ไม่กลัวนางเลยหรือ?แววตาของฮ่องเต้จิ่งผิงมืดครึ้มเล็กน้อย ทว่าท่าทีและน้ำเสียงกลับไม่เปลี่ยนไปแม้แต่นิดเดียว ราวกับเป็นคำพูดไร้สาระ และกล่าวอย่างเฉยชา “พระชายาอี้อ๋องทำงานหนักทีเดียว”“งานจิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 478

    เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้จิ่งผิงก็มองบางสิ่งออกเพียงแต่บางเรื่อง ไม่อาจแสดงออกชัดเจนเกินไปได้เซียวจิ่งอี้นึกถึงรอยยิ้มเชื่อมั่นในตัวเองอันงดงามของอวิ๋นฝูหลิง หัวใจก็กลับมาเต้นจังหวะปกติ“เสด็จพ่อ ใกล้ถึงเวลาลงกลอนประตูวังแล้ว ยามนี้ลูกต้องขอพาจิงมั่วออกจากวังก่อนพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้จิ่งผิงโบกมือเซียวจิ่งอี้กับเซียวจิงมั่วโค้งคำนับก่อนจะจากไปหลังมองส่งสองพ่อลูกจนลับสายตา ฮ่องเต้จิ่งผิงก็ประทับบนรถพระที่นั่งอีกครา และกลับไปยังตำหนักจื่อเฉินเซียวจิ่งอี้ไม่สบายใจที่จะปล่อยให้อวิ๋นฝูหลิงอยู่ในวังหลวงคนเดียว แต่เขาก็ไม่สะดวกจะอยู่ต่อเช่นกันด้วยเหตุนี้ ก่อนออกจากวังหลวง เซียวจิ่งอี้จึงเรียกองครักษ์ลับซึ่งติดตามมาตลอด ให้พวกเขาทั้งหมดอยู่ในวังหลวง เพื่อคุ้มกันความปลอดภัยของอวิ๋นฝูหลิงแม้แต่เทียนเฉวียนที่เปลี่ยนจากทำงานในที่ลับมาเป็นที่แจ้ง ก็ยังถูกเซียวจิ่งอี้ทิ้งไว้ในวังหลวงเช่นกันหลังออกจากประตูวังหลวง ก็นั่งรถม้ากลับไปที่จวนอี้อ๋อง จิงมั่วจึงเพิ่งถามออกมาว่า “ท่านพ่อ ไทเฮาจงใจให้ท่านแม่อยู่ต่อ เพราะอยากรังแกท่านแม่หรือ?”เซียวจิ่งอี้เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “เหตุใดจึงพูดเช่นนี้?”จิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 479

    ยาต้มที่ทั้งขมทั้งฝาดไหลเข้าปากชุยไทเฮาดื่มไปเพียงอึกเดียว ก็ขมวดคิ้วแน่น“ยาคืนนี้ เหตุใดจึงขมถึงเพียงนี้?”อวิ๋นฝูหลิงคิดในใจว่าย่อมต้องขมอยู่แล้วนางจงใจไปหาพวกโอวหยางหมิงและหมอหลวงเพื่อหารือเรื่องจ่ายยา และใช้หวงเหลียนมากกว่าก่อนหน้านี้สองเท่า หากไม่ขมก็แปลกแล้ว!ใบสั่งยาของนาง ก็เหมาะกับอาการป่วยของชุยไทเฮาด้วยแม้ว่าหมอหลวงทั้งสำนักหมอหลวงจะล้วนเข้ามาตรวจอาการแล้ว ก็ยังไม่พบจุดผิดปกติยิ่งไปกว่านั้นเหล่าหมอหลวงที่รับผิดชอบรักษาชุยไทเฮา ก็แทบรอไม่ไหวที่จะใช้ใบสั่งยาที่ยอดเยี่ยมกว่าของอวิ๋นฝูหลิงถึงอย่างไรพวกเขาก็อยากรักษาชุยไทเฮาให้หายดีโดยเร็วที่สุดแม้อาการป่วยจะหายดี ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาหากอาการป่วยของไทเฮาผ่านไปนานแล้วยังไม่ดีขึ้น เบื้องบนย่อมโทษว่าพวกเขาทักษะแพทย์ไม่ดีพอ และถูกมองว่าไร้ค่า จนแม้แต่ชีวิตน้อย ๆ ก็อาจรักษาไว้ไม่ได้ส่วนเรื่องที่ยาต้มขมเกินไป โธ่ถัง ยารสขมย่อมดีต่ออาการป่วย ไหนเลยจะมียาที่ไม่ขมซางเถาเห็นชุยไทเฮาไม่ยอมดื่มยา ทั้งยังโกรธเกรี้ยวอีกด้วยถึงอย่างไรช่วงนี้ชุยไทเฮาก็สุขภาพแย่ลงเรื่อย ๆ จนแทบจะต้องกินยาตลอดยาต้มรสชาติไม่ดี ดังนั้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 480

    ชุยไทเฮาเดือดดาลเป็นอย่างมาก “ข้าไม่ได้บอกไปแล้วหรือว่าอย่าปลุกข้าอีก!”อวิ๋นฝูหลิงยกถ้วยยา “ไทเฮา ทางด้านโรงโอสถหลวงนำยาที่ต้มเสร็จแล้วมาส่งเพคะ”“การดื่มยาเป็นเรื่องสำคัญ จะล่าช้าไม่ได้เพคะ”พูดจบ นางก็หันไปมองซางเถา “ซางเถากูกู ข้าล้วนทำเพื่อไทเฮา ท่านว่าจริงหรือไม่?”ซางเถา “...”อวิ๋นฝูหลิงอ้างว่าทำเพื่อไทเฮา คำพูดที่กล่าวล้วนไม่มีส่วนที่ผิดแม้แต่น้อยซางเถามองออกลาง ๆ ว่ากำลังเกิดบางสิ่งขึ้นแต่นางไม่กล้าเชื่อว่า อวิ๋นฝูหลิงจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ ถึงขั้นกล้าตอบโต้ไทเฮาแน่นอนว่าคงเป็นการคิดไปเอง น่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นซางเถาเห็นอวิ๋นฝูหลิงถือถ้วยยา ขณะมองตรงมาที่นาง ราวกับรอให้นางเอ่ยปากซางเถาจะพูดสิ่งใดได้ นางทำได้เพียงโน้มน้าวชุยไทเฮาให้ดื่มยาก่อนค่ำคืนนี้ ชุยไทเฮาเรียกได้ว่าลำบากเป็นอย่างยิ่งทุกครั้งที่เพิ่งหลับ ก็จะถูกอวิ๋นฝูหลิงเรียกให้ตื่นผ่านไปครู่หนึ่งก็ป้อนน้ำให้นางดื่ม ผ่านไปครู่หนึ่งก็ถามว่านางอยากไปเข้าห้องน้ำหรือไม่ บางครั้งก็จะนวดไหล่นวดขาให้นาง วุ่นวายจนชุยไทเฮาทุกข์ใจชุยไทเฮาเพิ่งจะรู้สึกตัวในยามนี้มิน่าเล่า อวิ๋นฝูหลิงจึงเป็นฝ่ายอยาก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 481

    ยังจะมีวิธีใดดีไปกว่ามอบสมรสพระราชทานให้แก่เซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง?ฮ่องเต้จิ่งผิงถูกคำพูดไม่กี่คำของชุยไทเฮาทำให้เงียบไปจริงทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางที่ชุยไทเฮาคาดหวังตำแหน่งพระชายาเอกของเซียวจิ่งอี้ถูกหญิงกำพร้าที่เกิดมามีชาติกำเนิด ทว่ากลับไม่มีอำนาจอันใดเลยครอบครอง และเรื่องการจับการร่วมประเวณีนั้น ก็ไม่เป็นผลดีต่อเซียวจิ่งอี้เองเท่าไรนักด้วยเหตุนี้ แผนที่เดิมทีฮ่องเต้จิ่งผิงต้องการแต่งตั้งให้เซียวจิ่งอี้เป็นองค์รัชทายาทก็ต้องล้มเลิกไปเซียวจิ่งอี้ออกจากเมืองหลวงไปสู่ชายแดนเหนือเพียงครั้งเดียวก็กินเวลาไปห้าปีชุยไทเฮาไม่เคยนึกไม่เคยฝันเลยว่า สถานการณ์ได้เปรียบส่วนใหญ่ที่นางสิ้นเปลืองความคิดวางแผนไปต่าง ๆ นานา กลับถูกทำลายเพราะอวิ๋นฝูหลิงกลับเมืองหลวงนางประเมินอวิ๋นฝูหลิงต่ำไปจริงๆ!ขนาดวันนี้ที่นางสร้างอุบายเพื่อสั่งสอนอวิ๋นฝูหลิง ใครจะไปคาดคิดว่านางจะเป็นฝ่ายถูกอวิ๋นฝูหลิงเคี่ยวกรำกลับมาจนร่างกายเฒ่าชรานี้แทบพังชุยไทเฮาทนรับไม่ไหวจริง ๆ ทำได้เพียงหยุดพักความคิดไว้ก่อนชั่วคราว“พระชายาอี้อ๋องยุ่งมาทั้งวันแล้ว ลงไปพักผ่อนก่อนเถิด”เดิมทีอวิ๋นฝูหลิงหมายมั่น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 482

    นึกถึงการกระทำของอวิ๋นฝูหลิงเมื่อครู่นี้ เซียวจิ่งอี้ไม่เพียงไม่โกรธเคือง ทว่ากลับกล่าวชมเสียด้วยซ้ำ “เมื่อครู่นี้ไม่เลวเลย มีความระวังตัวสูง คราวหน้าหากข้าไม่ได้อยู่ข้างกายเจ้า ก็ต้องระมัดระวังตัวเช่นวันนี้”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงได้ยินเช่นนั้น หัวใจทั้งดวงราวกับแช่อยู่ในน้ำผสมน้ำผึ้งก็ไม่ปาน มันทั้งหวานทั้งอบอุ่นนางกอดเอวเซียวจิ่งอี้ไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง เขย่งเท้ามอบจุมพิตแก่เขา“ข้ายังสบายดีน่า!”จากนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงเล่าเรื่องราวในวันนี้ที่เกิดขึ้นในตำหนักโซ่วคังทุกเรื่อง ให้เซียวจิ่งอี้ฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วนแม้ว่าวันนี้อวิ๋นฝูหลิงจะรับมือเฉพาะหน้า ทำให้ลูกคิดในรางที่ชุยไทเฮาดีดไว้ไม่เป็นไปตามหวัง ทั้งยังทรมานชุยไทเฮากลับไปได้หนึ่งครั้งทว่าหลังจากที่เซียวจิ่งอี้ได้ฟังแล้ว กลับภูมิใจระคนปวดใจ“ล้วนเป็นข้าที่ไม่ดี...”อวิ๋นฝูหลิงตัดบทเซียวจิ่งอี้ “พูดไร้สาระอันใดกัน? ท่านเล่นงานจวนเฉิงเอินกงก็ทำไปเพื่อแก้แค้นให้ข้าทั้งนั้น”“พวกเราสามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียวกัน ย่อมมีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน”“องค์ชายสามเห็นท่านเป็นหนามยอกอก ชุยไทเฮาสิ้นญาติเช่นเจียงโจวอ๋องไปแล้ว ต้องสนับสนุนองค

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 483

    อวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว และไม่ได้พูดอันใดออกไปมากนักในยามนี้ไม่นานนัก ข้าราชบริพารก็ยกน้ำร้อน ผ้าขนหนู เกลือสีเขียว และข้าวของสำหรับล้างหน้าเข้ามาครั้นอวิ๋นฝูหลิงล้างหน้าล้างตาเสร็จ จึงตรงไปยังห้องบรรทมของชุยไทเฮาซางเถาเห็นนางมา ก็รีบก้าวมาคารวะทันทีอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถาม “ไทเฮาเป็นอย่างไรบ้าง?”ซางเถา “ไทเฮายังทรงบรรทมอยู่เพคะ”เมื่อคืนถูกอวิ๋นฝูหลิงทรมาน ทำให้ชุยไทเฮานอนหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืนกระทั่งใกล้ฟ้าสาง ถึงจะหลับสนิทอวิ๋นฝูหลิงเข้าใจแจ่มแจ้ง มิน่าถึงไม่มีคนไปเรียกนาง“เช่นนั้นข้าขอตัวไปโรงโอสถหลวงสักหน่อย จะได้ดูโอสถที่องค์ไทเฮาต้องเสวยในวันนี้”เมื่อวานซางเถาถือว่าได้ประสบกับความเก่งกาจของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว ย่อมไม่มีข้อโต้แย้งอวิ๋นฝูหลิงจึงไปสำนักหมอหลวงกับโรงโอสถหลวงอย่างเปิดเผยเข้าวังก็ตั้งหลายครั้งหลายหน ทว่านางยังไม่เคยไปเยือนสำนักหมอหลวงกับโรงโอสถหลวงเลยสำนักหมอหลวงอยู่ค่อนข้างใกล้ อวิ๋นฝูหลิงจึงไปสำนักหมอหลวงก่อนบัดนี้อวิ๋นฝูหลิงนับได้ว่าเป็นหมอเลื่องชื่อไม่น้อยในเมืองหลวง กอปรกับฐานะพระชายาอี้อ๋องและผู้สืบทอดสกุลอวิ๋นมาหนุนนำรัศมี ไหนยังจะมีโอวหยางหมิง จงฮุ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 484

    “ข้ากล้ารับรองด้วยชีวิตเลยว่า เทียบยานี้ไม่มีปัญหาแน่นอน และรักษาโรคไอเรื้อรังของไฉเหรินผู้นั้นได้...”เขายังไม่ทันได้พูดจนจบ คนก่อนหน้านี้ก็หัวเราะเสียงเย็นเยียบ“ติงหมิงรุ่ย ที่นี่คือวังหลวง ทุกเรื่องต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ!”“เป็นท่านหมออยู่ในโรงหมอนอกวังแล้วอย่างไร โดดเด่นมากนักหรือ?”“เจ้าอยากตรวจไข้ขนาดนี้ ไม่ออกนอกวังแล้วไปเป็นท่านหมอในโรงหมอที่เจ้าอยู่ต่อเสียเลยเล่า!”“หากเจ้าอยากอยู่ในสำนักหมอหลวง ก็จงทำตัวเป็นหมอฝึกหัดให้ดี อย่าเอาแต่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ทั้งวันเลย”“ข้าขอบอกเจ้าหน่อยแล้วกัน เจ้าอย่ายอมแพ้ ทุกคนในสำนักหมอหลวงแห่งนี้ล้วนไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น ๆ ทั้งนั้น”“นอกเสียจากฝีมือการแพทย์ของเจ้าจะยอดเยี่ยมจะไปเข้าตาคนใหญ่คนโตเข้า จนเจ้าได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษ”“มิเช่นนั้น เจ้าก็อยู่ในสำนักหมอหลวงอย่างสุจริต ทำหน้าที่เป็นหมอฝึกหัดให้ดี”“ข้านึกถึงบุญคุณที่เคยได้รับจากอวิ๋นกานซงในวันวาน ถึงได้คอยดูแลเจ้าเช่นนี้”“เจ้าเป็นคนที่อวิ๋นกานซงแนะนำเข้ามา บัดนี้อวิ๋นกานซงไม่อยู่แล้ว หากเจ้าไม่เก็บหางของตนไว้และไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ช้าก็เร็วเจ

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 620

    เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 619

    ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 618

    “ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 617

    จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 616

    ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 615

    อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 614

    “พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 613

    แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 612

    “ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status