Share

บทที่ 477

Author: หลันซานอวี่
น้ำเสียงของฮ่องเต้จิ่งผิงธรรมดา ราวกับเพียงแค่ตรัสถามอย่างไม่ยี่หระ

สีหน้าของชุยไทเฮาเปลี่ยนไปเล็กน้อย กำลังจะเอ่ย อวิ๋นฝูหลิงกลับชิงตอบก่อนก้าวหนึ่ง

“ทูลฝ่าบาท แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่หม่อมฉันปรนนิบัติคนป่วย ทำให้ยังไม่คุ้นชิน แต่เสด็จย่ามีเมตตายิ่ง จึงไม่ถือสาหม่อมฉันเพคะ”

“ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะคนรุ่นหลัง การยกชารินน้ำ ปรนนิบัติถ่ายหนักถ่ายเบาเพื่อเสด็จย่า ก็เป็นการแสดงความกตัญญูที่สมควรแล้วเพคะ”

“เมื่อครู่เสด็จย่ายังชมหม่อมฉันเกินจริง บอกว่านางชอบกินเมล็ดสน หม่อมฉันจึงปอกเปลือกใส่ถ้วยใหญ่ให้ใบหนึ่ง เสด็จย่าก็ดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง”

ชุยไทเฮาได้ยินมุมปากก็กระตุกเล็กน้อย

อย่าคิดว่านางฟังไม่ออก อวิ๋นฝูหลิงมิได้จะบอกว่านางมีเมตตา เห็นได้ชัดว่าเป็นการแอบขยายความเกินจริง ร้องทุกข์แก่ฮ่องเต้จิ่งผิง

นางคิดไม่ถึงเลยว่าอวิ๋นฝูหลิงจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ ถึงขั้นกล้าทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้านาง

สาวน้อยผู้นี้ไม่กลัวนางเลยหรือ?

แววตาของฮ่องเต้จิ่งผิงมืดครึ้มเล็กน้อย ทว่าท่าทีและน้ำเสียงกลับไม่เปลี่ยนไปแม้แต่นิดเดียว ราวกับเป็นคำพูดไร้สาระ และกล่าวอย่างเฉยชา “พระชายาอี้อ๋องทำงานหนักทีเดียว”

“งานจิ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 478

    เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้จิ่งผิงก็มองบางสิ่งออกเพียงแต่บางเรื่อง ไม่อาจแสดงออกชัดเจนเกินไปได้เซียวจิ่งอี้นึกถึงรอยยิ้มเชื่อมั่นในตัวเองอันงดงามของอวิ๋นฝูหลิง หัวใจก็กลับมาเต้นจังหวะปกติ“เสด็จพ่อ ใกล้ถึงเวลาลงกลอนประตูวังแล้ว ยามนี้ลูกต้องขอพาจิงมั่วออกจากวังก่อนพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้จิ่งผิงโบกมือเซียวจิ่งอี้กับเซียวจิงมั่วโค้งคำนับก่อนจะจากไปหลังมองส่งสองพ่อลูกจนลับสายตา ฮ่องเต้จิ่งผิงก็ประทับบนรถพระที่นั่งอีกครา และกลับไปยังตำหนักจื่อเฉินเซียวจิ่งอี้ไม่สบายใจที่จะปล่อยให้อวิ๋นฝูหลิงอยู่ในวังหลวงคนเดียว แต่เขาก็ไม่สะดวกจะอยู่ต่อเช่นกันด้วยเหตุนี้ ก่อนออกจากวังหลวง เซียวจิ่งอี้จึงเรียกองครักษ์ลับซึ่งติดตามมาตลอด ให้พวกเขาทั้งหมดอยู่ในวังหลวง เพื่อคุ้มกันความปลอดภัยของอวิ๋นฝูหลิงแม้แต่เทียนเฉวียนที่เปลี่ยนจากทำงานในที่ลับมาเป็นที่แจ้ง ก็ยังถูกเซียวจิ่งอี้ทิ้งไว้ในวังหลวงเช่นกันหลังออกจากประตูวังหลวง ก็นั่งรถม้ากลับไปที่จวนอี้อ๋อง จิงมั่วจึงเพิ่งถามออกมาว่า “ท่านพ่อ ไทเฮาจงใจให้ท่านแม่อยู่ต่อ เพราะอยากรังแกท่านแม่หรือ?”เซียวจิ่งอี้เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “เหตุใดจึงพูดเช่นนี้?”จิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 479

    ยาต้มที่ทั้งขมทั้งฝาดไหลเข้าปากชุยไทเฮาดื่มไปเพียงอึกเดียว ก็ขมวดคิ้วแน่น“ยาคืนนี้ เหตุใดจึงขมถึงเพียงนี้?”อวิ๋นฝูหลิงคิดในใจว่าย่อมต้องขมอยู่แล้วนางจงใจไปหาพวกโอวหยางหมิงและหมอหลวงเพื่อหารือเรื่องจ่ายยา และใช้หวงเหลียนมากกว่าก่อนหน้านี้สองเท่า หากไม่ขมก็แปลกแล้ว!ใบสั่งยาของนาง ก็เหมาะกับอาการป่วยของชุยไทเฮาด้วยแม้ว่าหมอหลวงทั้งสำนักหมอหลวงจะล้วนเข้ามาตรวจอาการแล้ว ก็ยังไม่พบจุดผิดปกติยิ่งไปกว่านั้นเหล่าหมอหลวงที่รับผิดชอบรักษาชุยไทเฮา ก็แทบรอไม่ไหวที่จะใช้ใบสั่งยาที่ยอดเยี่ยมกว่าของอวิ๋นฝูหลิงถึงอย่างไรพวกเขาก็อยากรักษาชุยไทเฮาให้หายดีโดยเร็วที่สุดแม้อาการป่วยจะหายดี ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาหากอาการป่วยของไทเฮาผ่านไปนานแล้วยังไม่ดีขึ้น เบื้องบนย่อมโทษว่าพวกเขาทักษะแพทย์ไม่ดีพอ และถูกมองว่าไร้ค่า จนแม้แต่ชีวิตน้อย ๆ ก็อาจรักษาไว้ไม่ได้ส่วนเรื่องที่ยาต้มขมเกินไป โธ่ถัง ยารสขมย่อมดีต่ออาการป่วย ไหนเลยจะมียาที่ไม่ขมซางเถาเห็นชุยไทเฮาไม่ยอมดื่มยา ทั้งยังโกรธเกรี้ยวอีกด้วยถึงอย่างไรช่วงนี้ชุยไทเฮาก็สุขภาพแย่ลงเรื่อย ๆ จนแทบจะต้องกินยาตลอดยาต้มรสชาติไม่ดี ดังนั้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 480

    ชุยไทเฮาเดือดดาลเป็นอย่างมาก “ข้าไม่ได้บอกไปแล้วหรือว่าอย่าปลุกข้าอีก!”อวิ๋นฝูหลิงยกถ้วยยา “ไทเฮา ทางด้านโรงโอสถหลวงนำยาที่ต้มเสร็จแล้วมาส่งเพคะ”“การดื่มยาเป็นเรื่องสำคัญ จะล่าช้าไม่ได้เพคะ”พูดจบ นางก็หันไปมองซางเถา “ซางเถากูกู ข้าล้วนทำเพื่อไทเฮา ท่านว่าจริงหรือไม่?”ซางเถา “...”อวิ๋นฝูหลิงอ้างว่าทำเพื่อไทเฮา คำพูดที่กล่าวล้วนไม่มีส่วนที่ผิดแม้แต่น้อยซางเถามองออกลาง ๆ ว่ากำลังเกิดบางสิ่งขึ้นแต่นางไม่กล้าเชื่อว่า อวิ๋นฝูหลิงจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ ถึงขั้นกล้าตอบโต้ไทเฮาแน่นอนว่าคงเป็นการคิดไปเอง น่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นซางเถาเห็นอวิ๋นฝูหลิงถือถ้วยยา ขณะมองตรงมาที่นาง ราวกับรอให้นางเอ่ยปากซางเถาจะพูดสิ่งใดได้ นางทำได้เพียงโน้มน้าวชุยไทเฮาให้ดื่มยาก่อนค่ำคืนนี้ ชุยไทเฮาเรียกได้ว่าลำบากเป็นอย่างยิ่งทุกครั้งที่เพิ่งหลับ ก็จะถูกอวิ๋นฝูหลิงเรียกให้ตื่นผ่านไปครู่หนึ่งก็ป้อนน้ำให้นางดื่ม ผ่านไปครู่หนึ่งก็ถามว่านางอยากไปเข้าห้องน้ำหรือไม่ บางครั้งก็จะนวดไหล่นวดขาให้นาง วุ่นวายจนชุยไทเฮาทุกข์ใจชุยไทเฮาเพิ่งจะรู้สึกตัวในยามนี้มิน่าเล่า อวิ๋นฝูหลิงจึงเป็นฝ่ายอยาก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 481

    ยังจะมีวิธีใดดีไปกว่ามอบสมรสพระราชทานให้แก่เซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง?ฮ่องเต้จิ่งผิงถูกคำพูดไม่กี่คำของชุยไทเฮาทำให้เงียบไปจริงทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางที่ชุยไทเฮาคาดหวังตำแหน่งพระชายาเอกของเซียวจิ่งอี้ถูกหญิงกำพร้าที่เกิดมามีชาติกำเนิด ทว่ากลับไม่มีอำนาจอันใดเลยครอบครอง และเรื่องการจับการร่วมประเวณีนั้น ก็ไม่เป็นผลดีต่อเซียวจิ่งอี้เองเท่าไรนักด้วยเหตุนี้ แผนที่เดิมทีฮ่องเต้จิ่งผิงต้องการแต่งตั้งให้เซียวจิ่งอี้เป็นองค์รัชทายาทก็ต้องล้มเลิกไปเซียวจิ่งอี้ออกจากเมืองหลวงไปสู่ชายแดนเหนือเพียงครั้งเดียวก็กินเวลาไปห้าปีชุยไทเฮาไม่เคยนึกไม่เคยฝันเลยว่า สถานการณ์ได้เปรียบส่วนใหญ่ที่นางสิ้นเปลืองความคิดวางแผนไปต่าง ๆ นานา กลับถูกทำลายเพราะอวิ๋นฝูหลิงกลับเมืองหลวงนางประเมินอวิ๋นฝูหลิงต่ำไปจริงๆ!ขนาดวันนี้ที่นางสร้างอุบายเพื่อสั่งสอนอวิ๋นฝูหลิง ใครจะไปคาดคิดว่านางจะเป็นฝ่ายถูกอวิ๋นฝูหลิงเคี่ยวกรำกลับมาจนร่างกายเฒ่าชรานี้แทบพังชุยไทเฮาทนรับไม่ไหวจริง ๆ ทำได้เพียงหยุดพักความคิดไว้ก่อนชั่วคราว“พระชายาอี้อ๋องยุ่งมาทั้งวันแล้ว ลงไปพักผ่อนก่อนเถิด”เดิมทีอวิ๋นฝูหลิงหมายมั่น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 482

    นึกถึงการกระทำของอวิ๋นฝูหลิงเมื่อครู่นี้ เซียวจิ่งอี้ไม่เพียงไม่โกรธเคือง ทว่ากลับกล่าวชมเสียด้วยซ้ำ “เมื่อครู่นี้ไม่เลวเลย มีความระวังตัวสูง คราวหน้าหากข้าไม่ได้อยู่ข้างกายเจ้า ก็ต้องระมัดระวังตัวเช่นวันนี้”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงได้ยินเช่นนั้น หัวใจทั้งดวงราวกับแช่อยู่ในน้ำผสมน้ำผึ้งก็ไม่ปาน มันทั้งหวานทั้งอบอุ่นนางกอดเอวเซียวจิ่งอี้ไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง เขย่งเท้ามอบจุมพิตแก่เขา“ข้ายังสบายดีน่า!”จากนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงเล่าเรื่องราวในวันนี้ที่เกิดขึ้นในตำหนักโซ่วคังทุกเรื่อง ให้เซียวจิ่งอี้ฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วนแม้ว่าวันนี้อวิ๋นฝูหลิงจะรับมือเฉพาะหน้า ทำให้ลูกคิดในรางที่ชุยไทเฮาดีดไว้ไม่เป็นไปตามหวัง ทั้งยังทรมานชุยไทเฮากลับไปได้หนึ่งครั้งทว่าหลังจากที่เซียวจิ่งอี้ได้ฟังแล้ว กลับภูมิใจระคนปวดใจ“ล้วนเป็นข้าที่ไม่ดี...”อวิ๋นฝูหลิงตัดบทเซียวจิ่งอี้ “พูดไร้สาระอันใดกัน? ท่านเล่นงานจวนเฉิงเอินกงก็ทำไปเพื่อแก้แค้นให้ข้าทั้งนั้น”“พวกเราสามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียวกัน ย่อมมีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน”“องค์ชายสามเห็นท่านเป็นหนามยอกอก ชุยไทเฮาสิ้นญาติเช่นเจียงโจวอ๋องไปแล้ว ต้องสนับสนุนองค

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 483

    อวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว และไม่ได้พูดอันใดออกไปมากนักในยามนี้ไม่นานนัก ข้าราชบริพารก็ยกน้ำร้อน ผ้าขนหนู เกลือสีเขียว และข้าวของสำหรับล้างหน้าเข้ามาครั้นอวิ๋นฝูหลิงล้างหน้าล้างตาเสร็จ จึงตรงไปยังห้องบรรทมของชุยไทเฮาซางเถาเห็นนางมา ก็รีบก้าวมาคารวะทันทีอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถาม “ไทเฮาเป็นอย่างไรบ้าง?”ซางเถา “ไทเฮายังทรงบรรทมอยู่เพคะ”เมื่อคืนถูกอวิ๋นฝูหลิงทรมาน ทำให้ชุยไทเฮานอนหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืนกระทั่งใกล้ฟ้าสาง ถึงจะหลับสนิทอวิ๋นฝูหลิงเข้าใจแจ่มแจ้ง มิน่าถึงไม่มีคนไปเรียกนาง“เช่นนั้นข้าขอตัวไปโรงโอสถหลวงสักหน่อย จะได้ดูโอสถที่องค์ไทเฮาต้องเสวยในวันนี้”เมื่อวานซางเถาถือว่าได้ประสบกับความเก่งกาจของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว ย่อมไม่มีข้อโต้แย้งอวิ๋นฝูหลิงจึงไปสำนักหมอหลวงกับโรงโอสถหลวงอย่างเปิดเผยเข้าวังก็ตั้งหลายครั้งหลายหน ทว่านางยังไม่เคยไปเยือนสำนักหมอหลวงกับโรงโอสถหลวงเลยสำนักหมอหลวงอยู่ค่อนข้างใกล้ อวิ๋นฝูหลิงจึงไปสำนักหมอหลวงก่อนบัดนี้อวิ๋นฝูหลิงนับได้ว่าเป็นหมอเลื่องชื่อไม่น้อยในเมืองหลวง กอปรกับฐานะพระชายาอี้อ๋องและผู้สืบทอดสกุลอวิ๋นมาหนุนนำรัศมี ไหนยังจะมีโอวหยางหมิง จงฮุ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 484

    “ข้ากล้ารับรองด้วยชีวิตเลยว่า เทียบยานี้ไม่มีปัญหาแน่นอน และรักษาโรคไอเรื้อรังของไฉเหรินผู้นั้นได้...”เขายังไม่ทันได้พูดจนจบ คนก่อนหน้านี้ก็หัวเราะเสียงเย็นเยียบ“ติงหมิงรุ่ย ที่นี่คือวังหลวง ทุกเรื่องต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ!”“เป็นท่านหมออยู่ในโรงหมอนอกวังแล้วอย่างไร โดดเด่นมากนักหรือ?”“เจ้าอยากตรวจไข้ขนาดนี้ ไม่ออกนอกวังแล้วไปเป็นท่านหมอในโรงหมอที่เจ้าอยู่ต่อเสียเลยเล่า!”“หากเจ้าอยากอยู่ในสำนักหมอหลวง ก็จงทำตัวเป็นหมอฝึกหัดให้ดี อย่าเอาแต่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ทั้งวันเลย”“ข้าขอบอกเจ้าหน่อยแล้วกัน เจ้าอย่ายอมแพ้ ทุกคนในสำนักหมอหลวงแห่งนี้ล้วนไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น ๆ ทั้งนั้น”“นอกเสียจากฝีมือการแพทย์ของเจ้าจะยอดเยี่ยมจะไปเข้าตาคนใหญ่คนโตเข้า จนเจ้าได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษ”“มิเช่นนั้น เจ้าก็อยู่ในสำนักหมอหลวงอย่างสุจริต ทำหน้าที่เป็นหมอฝึกหัดให้ดี”“ข้านึกถึงบุญคุณที่เคยได้รับจากอวิ๋นกานซงในวันวาน ถึงได้คอยดูแลเจ้าเช่นนี้”“เจ้าเป็นคนที่อวิ๋นกานซงแนะนำเข้ามา บัดนี้อวิ๋นกานซงไม่อยู่แล้ว หากเจ้าไม่เก็บหางของตนไว้และไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ช้าก็เร็วเจ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 485

    หากเป็นไปได้ ติงหมิงรุ่ยอยากให้ตัวเองหายตัวได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำแบบนั้นอวิ๋นฝูหลิงจะได้ไม่เห็นเขาทว่าในความเป็นจริงแล้วกลับโหดร้ายเสียนี่กระไรติงหมิงรุ่ยไม่รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงยังจำเขาได้หรือไม่ แล้วจะนึกออกหรือไม่ว่าเป็นเขาเขาก้มหน้า ประสานมือคำนับพร้อมกล่าว “กระหม่อมขอคารวะพระชายาอี้อ๋อง”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น แล้วเดินตรงผ่านข้าง ๆ เข้าไปบุญคุณความแค้นระหว่างอวิ๋นฝูหลิงกับครอบครัวอวิ๋นกานซงนั้น แม้จะไม่ถึงขนาดที่พาลโมโหติงหมิงรุ่ยไปด้วย ทว่าเขาถึงขั้นยืมมืออวิ๋นกานซงให้แนะนำตนเองเข้ามาอยู่ในสำนักหมอหลวงได้ ดูแล้วคงใกล้ชิดสนิทสนมไม่น้อย บางทีอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ก็ได้คนเช่นนี้ อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์อันใดกับเขาเลยสักนิดขอแค่เขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับอวิ๋นกานซง ก่ออันตรายมาถึงตัวนาง เช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็จะไม่สร้างความลำบากให้เขายิ่งไปกว่านั้นพฤติกรรมและกิริยาท่าทางของติงหมิงรุ่ยช่วงที่อยู่ในเขาเฟิ่งลั่วตอนนั้น อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ใคร่จะชอบใจนักเดิมทีเป็นคนแปลกหน้าที่ได้พบกันโดยบังเอิญ มีเพียงวาสนาที่ได้ร

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 492

    อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 491

    “อี้อ๋องเป็นคนหนักแน่นและรอบคอบตลอด เขารู้จักแยกแยะอยู่แล้ว”“อีกทั้งจวนอี้อ๋องใหญ่เช่นนี้ เสวียซือก็พักอยู่ที่เรือนรับรองแขกด้านหน้า ไม่รบกวนพระชายาอี้อ๋องหรอก”มีหรือที่ฮูหยินเซียงกั๋วกงจะไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ นางก็แค่อดไม่ได้ที่จะบ่นนางถลึงตาใส่เซียงกั๋วกงแวบหนึ่ง “ท่านตามใจเขาเต็มที่เลย!”สำหรับลูกชายคนเล็กคนนี้ เซียงกั๋วกงย่อมลำเอียงกว่าเล็กน้อยแต่ถ้าพูดถึงการตามใจ ฮูหยินเซียงกั๋วกงตามใจมากกว่าแต่คำพูดนี้ เซียงกั๋วกงไม่กล้าพูดออกจากปาก ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าคืนนี้จะได้อยู่อย่างสงบเขากำลังจะเกลี้ยกล่อมฮูหยินเซียงกั๋วกงนอนเร็วหน่อย ก็ได้ยินนางกล่าวอีก “อี้อ๋องโตกว่าเสวียซือแค่ปีเดียว ปัจจุบันพระชายาก็มีแล้ว ลูกชายก็มีแล้ว แล้วหันมาดูเสวียซือของเรา ยังตัวคนเดียวอยู่เลย”“ข้าว่านะต้องหาคู่ให้เขาแล้ว”“เขารีบแต่งงานเร็วๆ ก็มีคนคุมเขาแล้ว!”เซียงกั๋วกงย่อมไม่มีความเห็น“เช่นนั้นเจ้าก็เลือกผู้หญิงดีๆ สักสองสามคนจากบรรดาคุณหนูในเมืองหลวงให้เขาไปดูตัว”เซียงกั๋วกงเป็นผู้ชาย ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเหล่าคุณหนูในเมืองหลวง เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ฮูหยินเซียงกั๋วกงไปจัดการใคร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 490

    ความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในใจจ้าวเสวียซือไม่หยุด จนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ“พระ... พระชายา ข้า...”เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ข้าใช้ไปสองครั้งแล้ว... จะทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ“โชคดีที่รู้ตัวได้ทันกาล เจ้าเสพไปไม่มาก”“ทว่าความบริสุทธิ์ของขี้ผึ้งทองนี้สูงมาก แม้จะใช้ไปเพียงสองครั้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความรู้สึกติดอยู่บ้าง”“ต่อไปเจ้าก็ห้ามแตะต้องของเช่นนี้อีกเด็ดขาด! นอกเสียจากเจ้าอยากจะกลายเป็นซากศพเดินได้ที่ถูกขี้ผึ้งทองนี้ควบคุม”“ต่อให้ในใจอยากจะเสพมันอีก ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ต้องเลิกให้ได้เสียตั้งแต่ตอนนี้”อวิ๋นฝูหลิงกังวลว่าจ้าวเสวียซือจะเสพติดมัน จึงปรึกษากับเซียวจิ่งอี้ว่า“ช่วงนี้ให้เขาอยู่ที่จวนอี้อ๋องก่อนเถิด”“หากเขาเสพติดเจ้าขี้ผึ้งทองนี่ ข้าก็จะได้ช่วยเขาเลิกได้ทันเวลา”“ไม่เช่นนั้น แค่คลาดสายตาไปเพียงนิด เขาก็จะไปซื้อขี้ผึ้งทองมาแอบเสพอีก จนถลำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ อยากจะช่วยเขาก็ไม่ทันกาลแล้ว!”จ้าวเสวียซือตะโกนลั่น “คงไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นหรอกกระมัง ข้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายัง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 489

    “เพียงแค่ค่าตั๋วเข้าคฤหาสน์ก็ตั้งสิบตำลึงแล้ว หากเข้าไปแล้วอยากจะเล่นอย่างอื่นก็ยังต้องจ่ายเงินอีกนะ”“สุรา เครื่องดื่มและอาหารก็แพงกว่าที่อื่น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น คนที่ไปเยือนก็มีไม่ขาดสาย”อวิ๋นฝูหลิงฟังถึงตรงนี้ก็ตกใจเล็กน้อยตั้งราคาไว้สูง ทว่าลูกค้ากลับไปเยือนไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่ากิจการของที่นี่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ที่อื่นไม่มีไม่ต้องรอให้นางเอ่ยถาม ก็ได้ยินจ้าวเสวียซือกล่าวว่า “ข้าก็สงสัยนัก ว่าสถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นอะไรกันแน่ ถึงได้ดึงดูคนเข้าไปเที่ยวเล่นได้มากมายเช่นนั้น”“ข้าเลยตั้งใจหาเวลาว่างไปเที่ยวเล่นที่นั่นมาครั้งหนึ่ง”“ที่นั่นสมแล้วที่ตั้งชื่อว่าเรือนเสินเซียน[1] เรื่องกินดื่มร้องรำทำเพลงน่ะเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งที่เป็นที่เลื่องลือมากที่สุดก็ต้องยกให้ขี้ผึ้งทอง”จ้าวเสวียซือพูดไป พลางควักกล่องเคลือบลายครามใบเล็กเท่ากำปั้นของเด็กแรกเกิดออกมาจากอ้อมแขน“กล่องเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็ตั้งห้าสิบตำลึงแล้ว...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นเนื้อขี้ผึ้งสีทองด้านในกล่องเคลือบลายคราม ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีทันทีนางแย่งกล่องเคลือบลายครามใบนั้นมา ใช้นิ้วป้ายเนื้อขี้ผึ้งสีทอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 488

    “คุณชายเจ้าสาวกลับมาพร้อมกับท่านอ๋องด้วย บอกว่าอยากอยู่ค้างคืนเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องขอให้พระชายาจัดเตรียมโต๊ะสุราไว้หนึ่งโต๊ะ คืนนี้จะได้ดื่มร่วมกันเจ้าค่ะ”คุณชายสามจ้าวที่บ่าวรับใช้พูดถึงนั้น ก็คือจ้าวเสวียซือสหายสนิทของเซียวจิ่งอี้ คุณชายสามแห่งจวนเซียงกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเช่นนั้น ก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “นี่ก็เย็นย่ำมากแล้ว ข้าควรกลับได้แล้ว”อวิ๋นฝูหลิงพูดรั้งนางให้อยู่ต่อ “อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ?”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ส่ายหน้าหากมีเพียงอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ นางก็คงจะอยู่ต่อทว่าคืนนี้มีจ้าวเสวียซืออยู่ด้วย นางเป็นสตรีแต่งงานแล้ว ทั้งเฉินเจิงก็ไม่ได้เดินทางมากับนางด้วย จึงเป็นการไม่สมควรที่จะนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับบุรุษอื่นอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่านางยืนกรานจะกลับ จึงไม่ได้รั้งนางไว้อีก และไปส่งนางถึงประตูรองด้วยตนเองใครจะคาดคิดว่าจะต้องเผชิญกับเซียวจิ่งอี้และจ้าวเสวียซือที่มาด้วยกันเข้าฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวทักทายเซียวจิ่งอี้กับจ้าวเสวียซือจ้าวเสวียซือกวาดสายตามองดวงหน้าของฉยงอวี้จวิ้นจู่ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยจนเทบมอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 487

    อวิ๋นฝูหลิงขบคิดอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วกล่าวว่า “อาจเป็นเพราะพวกข้าต่างเป็นคนที่ใช่ของกันและกันกระมัง!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่กะพริบตาปริบ ๆ เผยท่าทีว่าฟังไม่เข้าใจ“พี่สะใภ้ พูดให้ชัดเจนกว่านี้สักหน่อยได้หรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิง “ความจริงใจ ความจริงใจเป็นไม้ตายที่ใช้ได้ตลอดกาล!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ทรุดตัวอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยอย่างหมดเรี่ยวแรง แล้วพึมพำออกมาว่า “ข้ายังจริงใจไม่พอหรือ?”“ต่อให้เป็นก้อนหิน ก็น่าจะถูกข้าทำให้อุ่นจนร้อนแล้วไหม?”ทันทีที่อวิ๋นฝูหลิงได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ได้ว่านางกลัดกลุ้มเพราะเฉินเจิงอีกแล้วสำหรับอวิ๋นฝูหลิงแล้ว คางคกสามขาในใต้หล้านี้ไม่อาจหาเจอได้ง่าย ๆ ทว่าบุรุษสองขานั้นมีอยู่มากมาย ไยจะต้องเอาตัวไปยึดติดอยู่กับคนเพียงคนเดียวด้วยมีบุรุษบางจำพวก ต่อให้เจ้าทุ่มเทให้มากเท่าไร เขาก็ยังคงทำเป็นมองไม่เห็นอยู่ดีคนเช่นนี้ สมควรปล่อยให้เขาอยู่ไกลห่างได้มากเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น!เพียงแต่น่าเสียดายที่ ฉยงอวี้จวิ้นจู่หลงรักหัวปักหัวปำ ไม่ยอมฟังคำเตือนแม้แต่น้อยบางทีอาจจะมีแค่ต้องรอให้ถึงสักวันหนึ่ง ที่นางผิดหวังมากพอจนรู้สึกตัวได้ด้วยตนเองกระมังอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงก่อนหน้านั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 486

    อวิ๋นฝูหลิงพูดไปพลางลูบหีบไม้แดงเล็ก ๆ สองสามใบที่กอดอยู่ในอ้อมกอดพ่อบ้านหยวนเห็นดังนั้น จึงรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ถูกคนในวังหลวงรังแก ในทางกลับกันยังได้รางวัลกลับมาไม่น้อยเขาถึงกับรู้สึกโล่งใจอยู่ในใจ กลับมามีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าอีกครั้งอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถาม “ท่านอ๋องล่ะ?”พ่อบ้านหยวน “ท่านอ๋องไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงแล้วขอรับ วันนี้เป็นวันว่าราชการใหญ่”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า แล้วเดินไปดูเซียวจิงมั่วที่เรือนหลังอากาศเย็นขึ้นทุกวัน ๆใบไม้แห้งเหี่ยวปลิวหลิวลงมาจากกิ่งก้าน หลงเหลือไว้เพียงลำต้นโล้น ๆ เผยให้เห็นถึงความเงียบเหงาประจำต้นฤดูหนาวภายในเรือนหลักของจวนอี้อ๋องได้จุดเตาใต้ดินแล้ว ในห้องจึงอบอุ่นยิ่ง เทียบกับด้านนอกแล้วช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงฉยงอวี้จวิ้นจู่เอนตัวอยู่บนเตียง พลิกหน้าหนังสือนิยายในมือไปพลาง คุยเล่นกับอวิ๋นฝูหลิงไปพลางนับตั้งแต่หลังงานฉลองบริมาสที่จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน จะให้มีเหตุหรือไม่มีฉยงอวี้จวิ้นจู่ล้วนวิ่งมายังจวนอี้อ๋อง ค่อย ๆ สนิทสนมกับอวิ๋นฝูหลิงขึ้นเรื่อย ๆ อวิ๋นฝูหลิงเห็นท่าทางเบื่อหน่ายของฉยงอวี้จวิ้นจู่แล้ว จึงอดเอ่ยออกไปไม่ได้ว่า “

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 485

    หากเป็นไปได้ ติงหมิงรุ่ยอยากให้ตัวเองหายตัวได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำแบบนั้นอวิ๋นฝูหลิงจะได้ไม่เห็นเขาทว่าในความเป็นจริงแล้วกลับโหดร้ายเสียนี่กระไรติงหมิงรุ่ยไม่รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงยังจำเขาได้หรือไม่ แล้วจะนึกออกหรือไม่ว่าเป็นเขาเขาก้มหน้า ประสานมือคำนับพร้อมกล่าว “กระหม่อมขอคารวะพระชายาอี้อ๋อง”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น แล้วเดินตรงผ่านข้าง ๆ เข้าไปบุญคุณความแค้นระหว่างอวิ๋นฝูหลิงกับครอบครัวอวิ๋นกานซงนั้น แม้จะไม่ถึงขนาดที่พาลโมโหติงหมิงรุ่ยไปด้วย ทว่าเขาถึงขั้นยืมมืออวิ๋นกานซงให้แนะนำตนเองเข้ามาอยู่ในสำนักหมอหลวงได้ ดูแล้วคงใกล้ชิดสนิทสนมไม่น้อย บางทีอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ก็ได้คนเช่นนี้ อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์อันใดกับเขาเลยสักนิดขอแค่เขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับอวิ๋นกานซง ก่ออันตรายมาถึงตัวนาง เช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็จะไม่สร้างความลำบากให้เขายิ่งไปกว่านั้นพฤติกรรมและกิริยาท่าทางของติงหมิงรุ่ยช่วงที่อยู่ในเขาเฟิ่งลั่วตอนนั้น อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ใคร่จะชอบใจนักเดิมทีเป็นคนแปลกหน้าที่ได้พบกันโดยบังเอิญ มีเพียงวาสนาที่ได้ร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 484

    “ข้ากล้ารับรองด้วยชีวิตเลยว่า เทียบยานี้ไม่มีปัญหาแน่นอน และรักษาโรคไอเรื้อรังของไฉเหรินผู้นั้นได้...”เขายังไม่ทันได้พูดจนจบ คนก่อนหน้านี้ก็หัวเราะเสียงเย็นเยียบ“ติงหมิงรุ่ย ที่นี่คือวังหลวง ทุกเรื่องต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ!”“เป็นท่านหมออยู่ในโรงหมอนอกวังแล้วอย่างไร โดดเด่นมากนักหรือ?”“เจ้าอยากตรวจไข้ขนาดนี้ ไม่ออกนอกวังแล้วไปเป็นท่านหมอในโรงหมอที่เจ้าอยู่ต่อเสียเลยเล่า!”“หากเจ้าอยากอยู่ในสำนักหมอหลวง ก็จงทำตัวเป็นหมอฝึกหัดให้ดี อย่าเอาแต่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ทั้งวันเลย”“ข้าขอบอกเจ้าหน่อยแล้วกัน เจ้าอย่ายอมแพ้ ทุกคนในสำนักหมอหลวงแห่งนี้ล้วนไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น ๆ ทั้งนั้น”“นอกเสียจากฝีมือการแพทย์ของเจ้าจะยอดเยี่ยมจะไปเข้าตาคนใหญ่คนโตเข้า จนเจ้าได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษ”“มิเช่นนั้น เจ้าก็อยู่ในสำนักหมอหลวงอย่างสุจริต ทำหน้าที่เป็นหมอฝึกหัดให้ดี”“ข้านึกถึงบุญคุณที่เคยได้รับจากอวิ๋นกานซงในวันวาน ถึงได้คอยดูแลเจ้าเช่นนี้”“เจ้าเป็นคนที่อวิ๋นกานซงแนะนำเข้ามา บัดนี้อวิ๋นกานซงไม่อยู่แล้ว หากเจ้าไม่เก็บหางของตนไว้และไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ช้าก็เร็วเจ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status