Share

บทที่ 40

Author: หลันซานอวี่
เช็ดขึ้นเช็ดลงอยู่พักใหญ่ จึงจะล้างเนื้อล้างตัวให้แม่เฒ่าเฉินจนสะอาด

แม่เฒ่าเฉินรู้สึกว่าสะอาดแล้ว จึงจะแสร้งค่อยๆ ลืมตาขึ้นฟื้นคืนสติ

เมื่อเห็นสะใภ้ใหญ่เฉินที่อยู่ข้างๆ แม่เฒ่าเฉินก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ทันที จู่ๆ ก็เหวี่ยงฝ่าใส่นางอย่างแรง

สะใภ้ใหญ่เฉินเหนื่อยมาครึ่งค่อนวัน สุดท้ายกลับโดนตบ เบ้าตาแดงก่ำทันที

เฉินต้ายารีบวิ่งเข้ามา ปกป้องอยู่ตรงหน้าของสะใภ้ใหญ่เฉิน “ท่านแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

เฉินเหล่าต้าอึ้งไปครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วมองไปทางแม่เฒ่าเฉิน “ท่านแม่ นี่ท่านทำอะไร?”

หลังจากเฉินเหล่าเอ้อร์กับสะใภ้รองเฉินสบตากันแวบหนึ่ง ก็หันหน้าไปทางอื่น ต่างก็ทำหน้าเฉยเมยเหมือนไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเอง

แม่เฒ่าเฉินด่าทอ “นางแพศยา เจ้าเห็นข้าเป็นเช่นนี้ ในใจเจ้าคงพอใจมาก ดีใจมากเลยกระมัง?”

“แม่สามีถูกทำร้าย เจ้าที่เป็นลูกสะใภ้ กลับไม่เข้ามาช่วย เอาแต่ยืนดูอยู่ข้างๆ”

“ข้าตีเจ้าให้ตาย ไอ้คนเห็นขี้ดีกว่าไส้!”

“นางแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่เป็น ข้าตีเจ้าให้ตาย เจ้ากำลังจะทำให้ลูกชายคนโตของข้าไร้ผู้สืบสกุล!”

แม่เฒ่าเฉินพลางกล่าว พลางฟาดฝ่ามือใส่สะใภ้ใหญ่เฉินไม่ยั้ง

ในความเป็นจริง ก่อนหน้านี้นางคิดแต่จะ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 41

    ทันทีที่พวกแม่เฒ่าเฉินไป เฉินต้ายาก็รีบกอดสะใภ้ใหญ่เฉินพลางปล่อยโฮ “ท่านแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? เจ็บหรือไม่?”“แม่ไม่เป็นอะไร” สะใภ้ใหญ่เฉินส่ายศีรษะ ดึงเฉินต้ายาเข้ามาตรวจดูบาดแผลร่างกายของนางเมื่อครู่ตอนที่แม่เฒ่าเฉินตีนาง ลูกสาวก็ถูกตีหลายครั้งเพราะปกป้องนางเฉินต้ายามองสะใภ้ใหญ่เฉิน จู่ๆ ก็กล่าวโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย “ท่านแม่ ท่านหย่าเถอะ พวกเราไปจากสกุลเฉินดีหรือไม่?”เฉินต้ายารู้สึกพอกันทีกับชีวิตที่เป็นวัวเป็นควาย และยังถูกทุบตีถูกรังแกเช่นนี้แล้ว เดิมทีในใจนางยังมีความหวังเล็กน้อย รู้สึกว่ามีพ่อของนางอยู่ สักวันพวกนางจะสามารถก้าวผ่านมันไปได้แต่ฝ่ามือเมื่อครั้งที่แล้ว ได้ทำลายความอบอุ่นเสี้ยวสุดท้ายที่อยู่ในใจเฉินต้ายา และทำให้นางได้เห็นแล้วว่า ในใจของพ่อนาง ท่านย่าจึงจะเป็นคนที่สำคัญที่สุด นางกับแม่นางรวมกันก็สู้ไม่ได้และยังมีเรื่องเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าที่ท่านย่าทำร้ายแม่นางเพราะไม่มีที่ระบายแต่พ่อของนางนอกจากพูดห้ามปรามคำสองคำ ก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลยคนที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ ไม่สามารถปกป้องนางกับแม่ ไม่คู่ควรเป็นพ่อของนางเฉินต้ายาเคยคิดเรื่องแยกบ้าน โดยครอบครัวของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 42

    ชนชั้นต่ำบ้านนอกก็คือชนชั้นต่ำ หยาบคายที่สุด!อวิ๋นซานหูกับติงหมิงรุ่ยกำลังพูดอย่างสนุกสนาน จู่ๆ ก็ถูกขัดจังหวะเมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเหล่าเอ้อร์ อวิ๋นซานหูเบะปากอย่างไม่ใส่ใจถูกคนกระทืบมา ไม่เจ็บตัวสิถึงจะแปลก!หลังจากผ่านเหตุการณ์วันนี้ ติงหมิงรุ่ยไม่ค่อยชอบคนสกุลเฉินนักแต่ด้วยหน้าที่ในฐานะที่เขาเป็นหมอ ท้ายที่สุดก็ทำให้เขาลุกขึ้นมาดูเฉินเสียวเป่าติงหมิงรุ่ยตรวจอย่างละเอียดครู่หนึ่ง พบว่าเฉินเสียวเป่ามีแค่บาดแผลภายนอกเล็กน้อยตามร่างกาย ไม่ได้สาหัสอะไรจากนั้นก็ลองตรวจชีพจรเฉินเสียวเป่าชีพจรของเฉินเสียวเป่านั้นแข็งแรงมีพลัง แต่เหมือนจะเต้นเร็วไปหน่อยพลันสีหน้าติงหมิงรุ่ยเคร่งขรึม จู่ๆ ก็เหลือบเห็นบนใบหน้าเฉินเสียวเป่า เหมือนมีผงสีขาวติดอยู่เล็กน้อย โดยเฉพาะตรงจมูกเยอะที่สุดเขารีบใช้ใบไผ่ขูดผงเหล่านั้นลงบนผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดผืนหนึ่งจากนั้นก็หยิบผงขึ้นมาเล็กน้อย ดมแล้วดมอีกเบาๆเขาคลุกคลีกับยาตั้งแต่เด็ก ระบุได้ในทันทีว่าผงนี้มีส่วนผสมของผงดอกลำโพง ขิงแห้งและอื่นๆ นอกจากนี้แล้ว ยังผสมผงยาอีกหลายชนิด เพียงแต่ชั่วขณะเขาก็บอกไม่ได้แต่สรรพคุณของผงสีขาวนี้ ในใจเขามีคำตอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 43

    อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้า พบว่าเป็นโจวฉางจี๋หลานชายของหัวหน้าหมู่บ้าน นางกล่าวกับอวิ๋นจิงมั่วทันที “ไปเล่นเถอะ”ไม่รู้ว่าเด็กทั้งสองคนเริ่มเล่นด้วยกันตั้งแต่เมื่อไร อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายหนึ่งเพราะลูกมีเพื่อนสักคนก็เป็นเรื่องดีสองเพราะอุปนิสัยของสกุลโจวดี เป็นครอบครัวที่คุ้มค่าแก่การคบหานางก็ค่อนข้างชอบโจวฉางจี๋ที่หน้าตาใสซื่อ สนุกเฮฮาทั้งวันเช่นกันเด็กๆ เล่นกันในค่าย ไม่ได้วิ่งไปทั่ว ผู้ใหญ่เงยหน้าก็มองเห็นในปราดเดียว สามารถวางใจได้อวิ๋นจิงมั่ววิ่งไปถึงตรงหน้าโจวฉางจี๋ จึงจะพบว่าข้างหลังเขามีเด็กสองคนที่โตกว่าเล็กน้อยยืนอยู่“พี่ฉางจี๋ พวกเขาเป็นใคร?” อวิ๋นจิงมั่วมองพวกเขาสองคนอย่างอยากรู้อยากเห็นโจวฉางจี๋วางมือบนไหล่ของทั้งสองอย่างโผงผาง เขากล่าวแนะนำ “นี่คือหู่โถว นี่คือชุนเซิง พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของข้า ต่อไปพวกเราสี่คนก็คือเพื่อนกัน”จู่ๆ อวิ๋นจิงมั่วก็มีเพื่อนเพิ่มขึ้นสองคน เขากล่าวอย่างมีความสุขทันที “ข้าชื่อจิงมั่ว ต่อไปพวกเราเล่นด้วยกันนะ!”หู่โถวท่าทางกำยำและน่าเอ็นดูสมชื่อ ดูกระปรี้กระเปร่ามากส่วนชุนเซิงอายุมากสุดในบรรดาทั้งสี่  รูปร่างผอมสูง ขี้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 44

    ลูกพี่อู๋และคนอื่นทยอยกันลงมือกินทันทีวิธีกินเนื้อกวางยองในวันนี้ ไม่ค่อยเหมือนหลายวันก่อนที่พวกเขากินเมื่ออมเข้าปาก ทั้งหอมทั้งเผ็ด และยังสำลักเล็กน้อย แต่กลับทำให้ไม่สามารถหยุดกิน กินหมดหนึ่งชิ้นก็อยากกินอีกหนึ่งชิ้นเซียวจิ่งอี้สูดปาก “ซีด” ไม่หยุด พลางขยับตะเกียบอย่างไวรสชาติที่แปลกใหม่และเป็นเอกลักษณ์นี้ เขาก็เพิ่งเคยกินครั้งแรกเช่นกัน กลับทำให้รู้สึกติดใจอวิ๋นฝูหลิงตักเนื้อกวางยองที่ไม่ได้ใส่พริกให้อวิ๋นจิงมั่วหนึ่งถ้วยอวิ๋นจิงมั่วมองลูกพี่อู๋และคนอื่นกินอย่างเอร็ดอร่อย แล้วมองของสีแดงชั้นที่ลอยอยู่ในหม้อ ไม่เหมือนเนื้อกวางยองในถ้วยของเขาอย่างเห็นได้ชัด อดไม่ได้ที่จะแอบยื่นตะเกียบออกไปอวิ๋นฝูหลิงกดตะเกียบของเขาลงทันที จากนั้นเลือกเนื้อกวางยองที่ชิ้นเล็กสุดจากหม้อให้เขา“เจ้าอยากกิน ก็ให้เจ้าลองกินหนึ่งชิ้นก็แล้วกัน”ชีวิตก็ควรจะลองเยอะๆ ไม่ได้ลองด้วยตัวเอง จะรู้ได้อย่างไรว่าชอบหรือไม่ชอบ?“ขอบคุณขอรับ ท่านแม่!”อวิ๋นจิงมั่วยิ้มจนหน้าบานทันที เขางับกัดลงไปหนึ่งคำทว่าทันใดนั้น เขาคลายเนื้อทิ้งทันที และแลบลิ้นไม่หยุด เผ็ดจนน้ำตาแทบไหลอวิ๋นฝูหลิงเตรียมตัวไว้ก่อนแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 45

    อวิ๋นจิงมั่วยืนท่านั่งม้ายังไม่ทันได้เวลาครึ่งถ้วยชา ขาทั้งสองข้างก็สั่นเหมือนบะหมี่ เริ่มยืนไม่ไหวแล้วเซียวจิ่งอี้รู้ดีว่าเขาเพิ่งฝึก ต้องค่อยเป็นค่อยไปอีกทั้งอวิ๋นจิงมั่วอายุยังน้อย ไม่ควรฝึกหนักเกินไปดังนั้นเขาจึงสั่งให้อวิ๋นจิงมั่วยืนแค่เวลาครึ่งถ้วยชา พักระหว่างนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็ฝึกต่อเมื่อฝึกเช่นนี้ไปสักพัก รอหลังจากร่างกายปรับตัวได้แล้ว ค่อยปรับการฝึกใหม่วันนี้เป็นวันแรก เซียวจิ่งอี้ให้อวิ๋นจิงมั่วฝึกแค่สองรอบแม้อวิ๋นจิงมั่วรู้สึกว่ายากมาก แต่ก็ยืนหยัดจนถึงตอนท้าย ไม่บ่นว่าเหนื่อยแม้แต่คำเดียว และยิ่งไม่คิดจะยอมแพ้เซียวจิ่งอี้ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่กลับพอใจมาก หลังจากการฝึกสิ้นสุดลง สองขาของอวิ๋นจิงมั่วสั่นไม่หยุด สีหน้ามึนงง“ท่านลุง ท่านไม่ได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”“ฝึกเช่นนี้ก็สามารถเก่งขึ้นจริงหรือ?”เซียวจิ่งอี้ไม่ได้ตอบ แต่ชักกระบี่ออกมากระบี่ส่องประกายแสงอันเย็นเยือก ราวกับมังกรแหวกว่ายสีเงินตัวหนึ่ง เคลื่อนไหวตามท่าร่ายรำของเซียวจิ่งอี้แสงกระบี่ประดุจสายรุ้ง แหวกหมอกยามเช้าในป่าออกพลันเขาสะบัดกระบี่ ราวกับมีคลื่นปราณกระบี่เป็นชั้นๆ ตัดกลางลำต้นของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 46

    แต่ว่ายาของอวิ๋นฝูหลิงเป็นของดี ได้มาก่อนสองขวดก็ยังดี “จิงมั่วเป็นเด็กฉลาด ข้าชอบมาก เจ้าวางใจได้ ข้าจะสอนเขาอย่างดี!”หลังจากทั้งสองคุยกันครู่หนึ่ง ก็แยกย้ายกลับไปเก็บของแล้วเวลานี้ หัวหน้าหมู่บ้านโจวได้เริ่มเร่งเร้าให้ทุกคนออกเดินทางแล้วหลังจากทุกคนเก็บของเสร็จ ก็ก้าวเข้าบนเส้นทางอีกครั้งอากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นมีชาวบ้านทนไม่ไหวจนเป็นโรคลมแดดภายใต้คำแนะนำของอวิ๋นฝูหลิง หัวหน้าหมู่บ้านโจวเปลี่ยนเวลาการเดินทางของทุกวันเป็นสองช่วง คือตั้งแต่ฟ้าสว่างจนถึงก่อนที่อากาศจะเริ่มร้อนในตอนเที่ยง กับช่วงบ่ายหลังจากที่ไม่ค่อยร้อนแล้วจนถึงฟ้ามืดเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงสามารถเลี่ยงการเดินทางในช่วงอากาศร้อนที่สุด และยังสามารถรับประกันระยะการเดินทางทุกคนล้วนอยากเดินออกจากเขาเฟิ่งลั่วเพื่อตั้งรกรากใหม่โดยเร็ววันนี้ทุกคนเร่งเดินทางตลอดทั้งช่วงเช้า เมื่อเห็นว่าแดดเริ่มแรง หัวหน้าหมู่บ้านโจวให้ทุกคนหาสถานที่พักผ่อนทันทีอวิ๋นฝูหลิงพบพื้นที่โล่งที่หนึ่ง นางตั้งหม้อ เริ่มต้นชาคลายร้อนตั้งแต่มีชาวบ้านเป็นโรคลมแดดเมื่อหลายวันก่อน อวิ๋นฝูหลิงก็เริ่มต้มชาคลายร้อนวันละหลายหม้อชาคลายร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 47

    เซียวจิ่งอี้มองเด็กสาวที่งดงามตรงหน้า เขาขมวดคิ้วแน่น“เจ้ามีธุระอะไร?”เขาถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างแนบเนียน ประสบการณ์ในวัยเด็ก ทำให้เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิงฟางหลานกัดริมฝีปาก อ้ำอึ้งครู่หนึ่งจึงจะกล่าว “พี่หวัง ข้ามีเรื่องอยากคุยกับท่าน”นางเดินออกไปครึ่งก้าว จู่ๆ ก็เหมือนเท้าสะดุด โซเซยืนไม่มั่นคง ร่างกายเอียงไปทางเซียวจิ่งอี้ทันทีเซียวจิ่งอี้รีบเอียงตัวหลบ ในแววตาเต็มไปด้วยการเย้ยหยันเขาเห็นวิธีการมากมายในการชิงความโปรดปรานของสตรีวังหลังตั้งแต่เด็ก กลอุบายเล็กๆ น้อยๆ ของฟางหลาน ในสายตาเขามันเงอะงะมากเขาไม่มองฟางหลานแม้แต่แวบเดียว ยกเท้าก็เดินจากไปโดยตรงฟางหลานล้มลงพื้น มองแผ่นหลังที่เดินจากไปของเซียวจิ่งอี้อย่างไม่เชื่อสายตานางจะล้มอยู่แล้ว ผู้ชายคนนี้กลับไม่คิดจะประคองนางเลยและยังมองนางล้มลงพื้นต่อหน้าต่อตา เดินจากไปโดยไม่ถามสักคำนี่…นี่ไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาเกินไปแล้วกระมัง? แผนของฟางหลานพังไม่เป็นท่า โมโหจนใช้กำปั้นทุบพื้นหลายที จึงจะลุกขึ้นจากไปอย่างคอตกหารู้ไหมว่าทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของอวิ๋นฝูหลิงที่อยู่ไม่ไกลนักช่วงนี้มีเด็กผู้หญิงหลายคนพยายามเข้าใ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 48

    “ลูกพี่อู๋กับสวี่ตงไปเก็บฟืน ข้าให้จางซานมู่กับคังหมิงออกไปดูว่าโดยรอบมีผักป่าหรือไม่ ให้ขุดกลับมาสักหน่อย”กินเนื้อทุกวันจะร้อนในเป็นท้องผูก ต้องกินคู่กับผักบ้าง ผักที่สามารถหาได้ในตอนนี้ ก็มีแต่ผักป่าในเขาแล้วถ้าหากมีคนได้ยินคำพูดในใจเหล่านี้ของอวิ๋นฝูหลิง ไม่แน่อาจโดนกระทืบก็ได้ตอนนี้คนที่สามารถกินเนื้อทุกวัน ก็มีแต่พวกเขาเท่านั้นใครบ้างที่ไม่กินผักป่าจนหน้าเขียวกันหมดแล้ว?ตอนนี้คนของสกุลฟางก็หน้าเขียวกันทุกคนอาหารของพวกเขากินหมดนานแล้ว ช่วงนี้เริ่มอาศัยการขุดผักป่าประทังความหิวแล้วนี่ก็โชคดีที่พวกเขาอยู่ในเขา สามารถขุดเจอผักป่า และยังเจอเห็ดกับผลไม้ป่าเป็นครั้งคราวชาวบ้านของหมู่บ้านหลินซานนับถอยหลังไปสามชั่วอายุคน ล้วนลี้ภัยจากภัยธรรมชาติและภัยสงครามในช่วงปลายราชวงศ์ของราชวงศ์ก่อนคนหนุ่มสาวรุ่นนี้ในหมู่บ้าน บางครั้งก็ได้ยินคนเฒ่าคนแก่ในบ้านพูดถึงเรื่องราวที่พวกเขาลี้ภัยในสมัยนั้นทั่วหล้าเกิดภัยแล้ง ผืนดินแห้งแล้ง ทุกที่เต็มไปด้วยความหิวโหย ระหว่างทางลี้ภัยไม่มีกระทั่งรากหญ้าหรือเปลือกต้นไม้ มีคนมากมายต้องหิวตาย แม้ตอนนี้พวกเขาก็ลี้ภัยเช่นกัน แต่ก็ดีกว่าหนทางก

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 516

    “จากการทะเลาะเบาะแว้งของพวกเขา พวกเราจึงรู้ว่าสกุลเวินเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย ซึ่งขี้ผึ้งทองก็ถูกลักลอบนำเข้ามาเช่นกัน” “แต่เรื่องการลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมายทำโดยบ้านรองสกุลเวินเป็นหลัก บ้านสามอิจฉาผลประโยชน์ส่วนนี้ จึงอยากเข้าร่วมด้วย และแบ่งผลประโยชน์มาส่วนหนึ่ง”“ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ทางการท้องถิ่นของจินโจวก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน”“หลังจากได้รับเบาะแส ท่านอ๋องก็หันไปเริ่มตรวจสอบสกุลเวิน”ราชวงศ์ต้าฉีเริ่มเปิดการค้าทางทะเล ดังนั้นพ่อค้าบริเวณชายฝั่งจึงต่างได้รับผลประโยชน์ และได้รับกำไรมากมายขอเพียงจ่ายภาษีให้ครบถ้วน และสินค้าที่ซื้อขายไม่ใช่สินค้าที่เกี่ยวกับอาวุธสงครามที่ควบคุมโดยราชสำนักอย่างพวกเสบียง อาวุธหนัก ม้า และเกลือ ทางราชสำนักก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะมีการค้าทางทะเลระหว่างประเทศโพ้นทะเลกับราชวงศ์ต้าฉีแต่ก็มักจะมีเหล่าผู้คน ที่โลภมากไม่รู้จักพอเห็นได้ชัดว่าทำกำไรได้มากมาย แต่ก็มักจะยังอยากได้เงินมากกว่าเดิม แม้แต่ภาษีเล็กน้อยก็ยังไม่อยากจ่ายด้วยเหตุนี้จึงทำการลักลอบค้าขายสินค้าผิดกฎหมายแม้ราชสำนักจะตรวจสอบและปราบปรามอย่างเข้มงวดมา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 515

    “ไอ้สุนัขเลว สกุลเวินใจกล้า ถึงขั้นกล้าแตะต้องแม้แต่ท่านอ๋อง คงเหนื่อยจะใช้ชีวิตแล้วจริงๆ!”“คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็นเช่นนี้ ตอนแรกข้าไม่น่าฟังท่านอ๋องเลย วางแผนระยะยาวเพื่อจับปลาตัวใหญ่อันใดกัน?”“น่าจะจัดการสกุลเวินให้สิ้นซากเสียตั้งแต่แรก!”จ้าวเสวียซือพูดด่าทอขึ้นมารู้สึกตื่นตระหนกไปชั่วขณะหนึ่ง จนกระทบบาดแผลอย่างช่วยไม่ได้ ทำให้เขาเจ็บจนแยกเขี้ยว เป่าปาก ‘ฟู่’ ออกมาอวิ๋นฝูหลิงตบไหล่เขาคราหนึ่ง และกล่าวเสียงต่ำว่า “เอาเถอะ ตอนนี้มันใช่เวลามาด่าหรือ?”“ยามนี้การตามหาท่านอ๋องกับผู้บัญชาการจั่วเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด!”“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าบอกข้ามาให้ชัดเจนเสีย!”“พวกเจ้าสืบเจอสิ่งใดบ้าง อย่าได้ปิดบังช้าแม้แต่นิดเดียว”“ข้าต้องรู้สถานการณ์ทั้งหมดเสียก่อน จึงจะรู้ว่าควรตามหาที่อยู่ของท่านอ๋องกับผู้บัญชาการจั่วอย่างไร!”หลังจากจ้าวเสวียซือผ่านพ้นการระบายอารมณ์ในช่วงแรกไป ทั้งยังถูกอวิ๋นฝูหลิงตีไปทีหนึ่ง ตอนนี้สติจึงค่อย ๆ กลับมาเขารู้ว่าสิ่งที่อวิ๋นฝูหลิงพูดถูกต้องตอนนี้ถึงเขาจะโกรธอย่างไร้เหตุผลไป ก็ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อยมีเพียงแต่ต้องบอกความจริงทั้งหมดแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 514

    ไม่มีผงยาต้านการอักเสบที่ดีไปกว่าขวดนี้แล้วหลังจากรักษาบาดแผลบนร่างของจ้าวเสวียซือเรียบร้อย อวิ๋นฝูหลิงก็หยิบถุงเข็มขึ้นมา และหยิบเข็มทองเล่มหนึ่งออกมา ก่อนจะฝังเข็มบนตัวของจ้าวเสวียซือหลังจากฝังเข็มเสร็จแล้ว จ้าวเสวียซือก็ค่อย ๆ ได้สติขึ้นมาพวกหลี่หยวนที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะแอบตกตะลึงคิดไม่ถึงว่าสตรีสูงศักดิ์ผู้นี้จะมีทักษะแพทย์ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ฝังเข็มเพียงไม่กี่เข็ม ก็ทำให้คนฟื้นได้แล้วแม้อวิ๋นฝูหลิงจะปลอมตัวเป็นบุรุษ แต่หลี่หยวนในฐานะที่เป็นหน่วยกระบี่เงา ก็มีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งเขามองออกนานแล้วว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นสตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษ เพียงแต่ไม่ได้พูดออกไปต่อหน้าถึงอย่างไรอวิ๋นฝูหลิงก็มีป้ายอาญาสิทธิ์ของหน่วยกระบี่เงา นางจะเป็นชายหรือหญิงย่อมไม่สำคัญจิตใจของหลี่หยวนสั่นไหวเล็กน้อยช้าก่อน ใต้เท้าท่านนี้เป็นสตรี ทั้งยังมีทักษะแพทย์ที่โดดเด่นถึงเพียงนี้ คงมิใช่ว่าเป็นพระชายาอี้อ๋องผู้นั้นกระมัง?นึกถึงการหายตัวไปอย่างกะทันหันของอี้อ๋องอีกครา ข่าวคราวคงไปถึงพระชายาอี้อ๋องที่อยู่เมืองหลวงแล้ว นางย่อมนั่งไม่ติดแต่คิดไม่ถึงว่าคนจะมาที่จินโจวเอง!หลังจา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 513

    เมื่อได้ยินอวิ๋นฝูหลิงพูดถึงจ้าวเสวียซือ บนใบหน้าของหลี่หยวนก็มีสีหน้าแปลกประหลาดปรากฏขึ้นเขาลังเลครู่หนึ่ง จึงเพิ่งกล่าวว่า “ท่านใต้เท้า เชิญตามข้าน้อยมา”กล่าวจบ เขาก็หมุนม้านั่งที่วางกระถางดอกไม้ในห้องเล็กน้อยจากนั้นมีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นเสียงหนึ่ง ชั้นวางของเก่าที่เดิมทีติดผนังค่อย ๆ เคลื่อนไปด้านข้าง เผยทางเข้าที่ใหญ่พอจะให้คนผู้หนึ่งเดินเข้าไปได้“ท่านใต้เท้า เชิญด้านนี้ขอรับ!” หลี่หยวนยกมือแสดงท่าทีพลางกล่าวหัวใจของอวิ๋นฝูหลิงสั่นไหวเล็กน้อย เดินตามหลังหลี่หยวนไปทันที เข้าไปในทางเดินที่ผนัง หลังจากเดินไปครู่หนึ่งประมาณสิบกว่าก้าวผ่านทางเดินคับแคบ ตรงหน้าจึงเพิ่งชัดเจนสิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือห้องลับห้องหนึ่งทั้งสามด้านของห้องลับมีตะเกียงน้ำมันแขวนอยู่บนผนัง ซึ่งให้แสงสว่างแก่ห้องที่ไม่นับว่าใหญ่นักแห่งนี้ภายใต้แสงสลัว สามารถมองเห็นเตียงไม้เตียงหนึ่งซึ่งวางอยู่กลางห้องลับได้บนเตียงไม้มีคนผู้หนึ่งนอนอยู่ดวงตาทั้งสองข้างของคนผู้นั้นปิดสนิท สภาพครึ่งเป็นครึ่งตายสายตาของอวิ๋นฝูหลิงมองไปยังใบหน้าของคนผู้นั้น แทบจะจำได้ในทันทีว่าเป็นจ้าวเสวียซือแม้ในใจนางจะคาดเดาไว้ก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 512

    ทันทีที่เจ้าของร้านเห็นป้ายอาญาสิทธิ์ ความง่วงงุนก็สลายหายไปทันทีเขาประสานมือให้อวิ๋นฝูหลิง พลางกล่าวเสียงต่ำว่า “ท่านใต้เท้าโปรดตามข้ามา!”กล่าวจบ เจ้าของร้านก็ลุกขึ้นออกไปจากโต๊ะต้อนรับ เอาป้ายปิดร้านแขวนไว้ที่หน้าประตู หลังจากนั้นก็ปิดประตูร้านจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จ เขาจึงเพิ่งนำทางพวกอวิ๋นฝูหลิงไปที่หลังร้านเมื่อเข้ามาที่เรือนหลักหลังร้าน เจ้าของร้านผู้นั้นก็ทำความเคารพอย่างจริงจังและนอบน้อมอีกครั้ง “ข้าน้อยหลี่หยวน ขอทำความเคารพท่านใต้เท้า!”อวิ๋นฝูหลิงเก็บป้ายอาญาสิทธิ์กลับมาในหน่วยกระบี่เงาป้ายอาญาสิทธิ์ที่ครอบครองจะแตกต่างกันออกไป ตามตำแหน่งสูงต่ำป้ายอาญาสิทธิ์ชิ้นนี้ที่ฮ่องเต้จิ่งผิงประทานให้นาง เป็นระดับสูงสุดในหน่วยกระบี่เงา สามารถสั่งการทุกคนในหน่วยกระบี่เงาได้ดังนั้นหน่วยกระบี่เงาซึ่งปลอมตัวเป็นเจ้าของร้านขายของเก่าผู้นี้ เมื่อเห็นป้ายอาญาสิทธิ์ชิ้นนั้น จึงนอบน้อมต่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นอย่างยิ่งกระบี่เงาในหน่วยกระบี่เงามีจำนวนนับไม่ถ้วน หลายคนเจอหน้าก็ต่างไม่รู้จักกัน ดังนั้นในเวลาส่วนมากแล้ว จึงล้วนใช้ป้ายอาญาสิทธิ์ในการยืนยันตัวตนดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงเพีย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 511

    แม้แขกในโรงเตี๊ยมจะไม่น้อย แต่คนที่สามารถเช่าเรือนใหญ่ขนาดนี้ได้กลับมีไม่มากต่อให้จะเป็นแขกที่มีเงินเหล่านั้น ส่วนใหญ่ก็จะเช่าห้องชั้นบนเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น มีน้อยมากที่จะเช่าทั้งเรือนยิ่งไปกว่านั้นคนใจใหญ่แบบอวิ๋นฝูหลิง ซึ่งเป็นแขกที่เช่าคราวเดียวทั้งเดือน ก็มีน้อยยิ่งกว่าเสี่ยวเอ้อเห็นลูกพี่อู๋กับอวิ๋นฝูหลิงคุยกันไม่กี่ประโยค ก็หันกลับมาต้องการจ่ายเงินตามสัญญา หัวใจจึงเพิ่งกลับมาสงบลงโดยพลันพูดจาเกินจริงต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หลังจากจ่ายเงิน ลงชื่อในสัญญา ธุรกิจก็เป็นอันเรียบร้อยสมบูรณ์เจรจาธุรกิจใหญ่ขนาดนี้สำเร็จ ผู้ดูแลร้านจะต้องให้ผลประโยชน์กับเขาเป็นแน่เสี่ยวเอ้อนำลูกพี่อู๋เดินไปด้านหน้าด้วยรอยยิ้มแจ่มใส ขั้นตอนการเข้าพักจัดการเรียบร้อยเมื่อเสี่ยวเอ้อเดินไป อวิ๋นฝูหลิงก็เริ่มลงมือทำธุระนางออกคำสั่งหัวหน้าองครักษ์หูคุนว่า “เหลือสองคนไว้คอยเฝ้าม้ากับสัมภาระที่โรงเตี๊ยม”หูคุนตอบรับ และเลือกองครักษ์มาสองคนทันทีอวิ๋นฝูหลิงเรียกชื่อจางซานมู่อีกครา และกล่าวว่า “เจ้าพาคนสักสองสามคน ไปสอบถามข้อมูลของหอจินอวี้เสียหน่อย ยิ่งละเอียดยิ่งดี มุ่งเน้นโดยเฉพาะช่วงระยะก่อนหลั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 510

    อวิ๋นฝูหลิงแค่อยากหาที่พักสักที่ และไม่ได้มาเพื่อชมทิวทัศน์ จึงกล่าวโดยตรง “เรือนหนึ่งห้องโถงไม่ดูแล้ว พาพวกเราไปดูเรือนสองห้องโถงหน่อย”เมื่อเสี่ยวเอ้อได้ยิน รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งดูจริงใจแล้ว“เรือนฤดูใบไม้ร่วงที่เป็นสองห้องโถงมีคนพักแล้ว ตอนนี้เหลือแค่เรือนฤดูหนาวที่ยังว่างอยู่ เช่นนั้นข้าน้อยพาท่านไปดูเรือนหรือดูหนาวเดี๋ยวนี้ขอรับ”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าเสี่ยวเอ้อเดินนำทางข้างหน้า ผ่านไปครู่เดียวก็ถึงแล้วอวิ๋นฝูหลิงเงยหน้ามอง ก็มองเห็นคำว่า ‘เหมันต์’ แกะสลักอยู่บนกำแพงหินที่ข้างประตู เสี่ยวเอ้อผลักประตูเข้าไป “เชิญด้านในขอรับ!”อวิ๋นฝูหลิงก้าวข้ามธรณีประตู เมื่อเดินเข้าไปก็ได้กลิ่นหอมของดอกเหมยเห็นเพียงตรงมุมหนึ่งของลาน ปลูกต้นเหมยขี้ผึ้งไว้หลายต้น เวลานี้กำลังเบ่งบานดูเหมือนคำว่า ‘เหมันต์’ ของเรือนฤดูหนาวแห่งนี้ ก็มาจากดอกเหมยนั่นเองคิดว่าเรือนที่เหลือสามหลัง ก็ปลูกดอกไม้ที่ต่างกันมาเป็นทิวทัศน์ ขณะเดียวกันก็เข้ากับชื่อเรือนอวิ๋นฝูหลิงเดินสำรวจดูหนึ่งรอบ เรือนหลังนี้ได้รับการทำความสะอาดอย่างดี อีกทั้งยังกว้างมากด้วย เพียงพอที่จะรองรับพวกเขาทั้งหมดยิ่งกว่านั้นพวกเขามา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 509

    คนในเมืองหลวงที่ไปมาหาสู่กับอวิ๋นฝูหลิงได้ยินว่านางไปถือศีลที่วัดหลิงเจวี๋ย และยังทำเพื่อสักการะบรรพบุรุษ ย่อมไม่มีใครไปรบกวนที่วัดหลิงเจวี๋ยมีเพียงคนสนิทไม่กี่คนที่รู้ว่า วัดหลิงเจวี๋ยเป็นเพียงการบังตาเท่านั้นในความเป็นจริงอวิ๋นฝูหลิงไปเจียงหนานแล้วหลังจากอวิ๋นฝูหลิงที่แต่งตัวเป็นบุรุษออกจากประตูเมืองทางใต้ และรวมตัวกับเหล่าองครักษ์ในเมืองที่ใกล้กับเมืองหลวงที่สุด ก็ทิ้งรถม้า แล้วเดินทางต่อด้วยม้า พวกเขาเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน ใช้เวลาแค่สามวันก็ไปถึงเมืองอวี่แล้ว ผ่านเมืองอวี่ นั่งเรือข้ามแม่น้ำ ก็ถึงจินโจวแล้วตามข้อมูลของหน่วยกระบี่เงา เซียวจิ่งอี้หายตัวไปในจินโจวตอนที่ทางเมืองหลวงได้รับข่าว เซียวจิ่งอี้หายตัวไปสามวันแล้วและตอนนี้ก็ผ่านไปอีกสามวันแล้วอวิ๋นฝูหลิงยืนบนถนนจินโจว ถนนสายนี้พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ร้านค้าเรียงรายอยู่สองข้างทาง ทำให้เกิดบรรยากาศที่รุ่งเรืองบนแม่น้ำชวีหลานที่ล้อมรอบเมืองจินโจวครึ่งหนึ่ง มีเรือที่หรูหราจอดอยู่หลายลำ และมีเสียงดนตรีกับเสียงหัวเราะลอยมาจากแม่น้ำเป็นระยะเสียงที่รื่นรมย์เช่นนี้ ทำให้ผู้คนเพลินจนลืมกลับบ้านจริงๆทว่าอวิ๋นฝ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 508

    เซียวจิงมั่วยื่นนิ้วก้อยออกไป“ได้ พวกเราเกี่ยวก้อยกัน” อวิ๋นฝูหลิงก็ยื่นนิ้วก้อยออกไปเช่นกันทั้งสองเกี่ยวนิ้วก้อยสัญญากันคืนนี้อวิ๋นฝูหลิงนอนกับเซียวจิงมั่วเช้าวันรุ่งขึ้น อวิ๋นฝูหลิงนั่งรถม้าที่มีสัญลักษณ์ของจวนอี้อ๋อง พาเซียวจิงมั่วไปที่จวนองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อแล้วองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อได้รับจดหมายของอวิ๋นฝูหลิงตั้งแต่เมื่อคืนแล้วดังนั้นวันนี้จึงมารอตั้งแต่เช้าแล้วอวิ๋นฝูหลิงจูงมือเซียวจิงมั่วเข้ามา หลังจากคำนับก็กล่าว “ท่านป้า ต้องรบกวนท่านดูแลจิงมั่วสักระยะแล้ว”องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อชอบเซียวจิงมั่วมาก ย่อมยินดีที่จะดูแลเขาสักระยะอยู่แล้วเซียวจิงมั่วเงยหน้า ยิ้มหวานให้องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อ “ท่านย่า จิงมั่วเป็นเด็กดี เลี้ยงง่ายมาก จิงมั่วยังสามารถเล่นเป็นเพื่อนท่านย่า และเล่าเรื่องตลกให้ท่านย่าฟังขอรับ”เมื่อองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อได้ยินเช่นนี้ ก็ดึงเซียวจิงมั่วเข้ามาในอ้อมแขน หยิกแก้มเขาทีหนึ่งแล้วกล่าว “แก้วตาดวงใจของย่า เจ้าอยู่ที่นี่ก็คิดเสียว่าอยู่บ้านของตัวเอง ย่าชอบจิงมั่วของเรามาก!” องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อบีบนวดเซียวจิงมั่วครู่หนึ่ง จึงจะเงยหน้ากล่าวกับอวิ๋นฝูหลิง“ฝากจิง

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status