Share

บทที่ 45

Author: หลันซานอวี่
อวิ๋นจิงมั่วยืนท่านั่งม้ายังไม่ทันได้เวลาครึ่งถ้วยชา ขาทั้งสองข้างก็สั่นเหมือนบะหมี่ เริ่มยืนไม่ไหวแล้ว

เซียวจิ่งอี้รู้ดีว่าเขาเพิ่งฝึก ต้องค่อยเป็นค่อยไป

อีกทั้งอวิ๋นจิงมั่วอายุยังน้อย ไม่ควรฝึกหนักเกินไป

ดังนั้นเขาจึงสั่งให้อวิ๋นจิงมั่วยืนแค่เวลาครึ่งถ้วยชา พักระหว่างนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็ฝึกต่อ

เมื่อฝึกเช่นนี้ไปสักพัก รอหลังจากร่างกายปรับตัวได้แล้ว ค่อยปรับการฝึกใหม่

วันนี้เป็นวันแรก เซียวจิ่งอี้ให้อวิ๋นจิงมั่วฝึกแค่สองรอบ

แม้อวิ๋นจิงมั่วรู้สึกว่ายากมาก แต่ก็ยืนหยัดจนถึงตอนท้าย ไม่บ่นว่าเหนื่อยแม้แต่คำเดียว และยิ่งไม่คิดจะยอมแพ้

เซียวจิ่งอี้ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่กลับพอใจมาก

หลังจากการฝึกสิ้นสุดลง สองขาของอวิ๋นจิงมั่วสั่นไม่หยุด สีหน้ามึนงง

“ท่านลุง ท่านไม่ได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”

“ฝึกเช่นนี้ก็สามารถเก่งขึ้นจริงหรือ?”

เซียวจิ่งอี้ไม่ได้ตอบ แต่ชักกระบี่ออกมา

กระบี่ส่องประกายแสงอันเย็นเยือก ราวกับมังกรแหวกว่ายสีเงินตัวหนึ่ง เคลื่อนไหวตามท่าร่ายรำของเซียวจิ่งอี้

แสงกระบี่ประดุจสายรุ้ง แหวกหมอกยามเช้าในป่าออก

พลันเขาสะบัดกระบี่ ราวกับมีคลื่นปราณกระบี่เป็นชั้นๆ ตัดกลางลำต้นของ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 46

    แต่ว่ายาของอวิ๋นฝูหลิงเป็นของดี ได้มาก่อนสองขวดก็ยังดี “จิงมั่วเป็นเด็กฉลาด ข้าชอบมาก เจ้าวางใจได้ ข้าจะสอนเขาอย่างดี!”หลังจากทั้งสองคุยกันครู่หนึ่ง ก็แยกย้ายกลับไปเก็บของแล้วเวลานี้ หัวหน้าหมู่บ้านโจวได้เริ่มเร่งเร้าให้ทุกคนออกเดินทางแล้วหลังจากทุกคนเก็บของเสร็จ ก็ก้าวเข้าบนเส้นทางอีกครั้งอากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นมีชาวบ้านทนไม่ไหวจนเป็นโรคลมแดดภายใต้คำแนะนำของอวิ๋นฝูหลิง หัวหน้าหมู่บ้านโจวเปลี่ยนเวลาการเดินทางของทุกวันเป็นสองช่วง คือตั้งแต่ฟ้าสว่างจนถึงก่อนที่อากาศจะเริ่มร้อนในตอนเที่ยง กับช่วงบ่ายหลังจากที่ไม่ค่อยร้อนแล้วจนถึงฟ้ามืดเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงสามารถเลี่ยงการเดินทางในช่วงอากาศร้อนที่สุด และยังสามารถรับประกันระยะการเดินทางทุกคนล้วนอยากเดินออกจากเขาเฟิ่งลั่วเพื่อตั้งรกรากใหม่โดยเร็ววันนี้ทุกคนเร่งเดินทางตลอดทั้งช่วงเช้า เมื่อเห็นว่าแดดเริ่มแรง หัวหน้าหมู่บ้านโจวให้ทุกคนหาสถานที่พักผ่อนทันทีอวิ๋นฝูหลิงพบพื้นที่โล่งที่หนึ่ง นางตั้งหม้อ เริ่มต้นชาคลายร้อนตั้งแต่มีชาวบ้านเป็นโรคลมแดดเมื่อหลายวันก่อน อวิ๋นฝูหลิงก็เริ่มต้มชาคลายร้อนวันละหลายหม้อชาคลายร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 47

    เซียวจิ่งอี้มองเด็กสาวที่งดงามตรงหน้า เขาขมวดคิ้วแน่น“เจ้ามีธุระอะไร?”เขาถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างแนบเนียน ประสบการณ์ในวัยเด็ก ทำให้เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิงฟางหลานกัดริมฝีปาก อ้ำอึ้งครู่หนึ่งจึงจะกล่าว “พี่หวัง ข้ามีเรื่องอยากคุยกับท่าน”นางเดินออกไปครึ่งก้าว จู่ๆ ก็เหมือนเท้าสะดุด โซเซยืนไม่มั่นคง ร่างกายเอียงไปทางเซียวจิ่งอี้ทันทีเซียวจิ่งอี้รีบเอียงตัวหลบ ในแววตาเต็มไปด้วยการเย้ยหยันเขาเห็นวิธีการมากมายในการชิงความโปรดปรานของสตรีวังหลังตั้งแต่เด็ก กลอุบายเล็กๆ น้อยๆ ของฟางหลาน ในสายตาเขามันเงอะงะมากเขาไม่มองฟางหลานแม้แต่แวบเดียว ยกเท้าก็เดินจากไปโดยตรงฟางหลานล้มลงพื้น มองแผ่นหลังที่เดินจากไปของเซียวจิ่งอี้อย่างไม่เชื่อสายตานางจะล้มอยู่แล้ว ผู้ชายคนนี้กลับไม่คิดจะประคองนางเลยและยังมองนางล้มลงพื้นต่อหน้าต่อตา เดินจากไปโดยไม่ถามสักคำนี่…นี่ไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาเกินไปแล้วกระมัง? แผนของฟางหลานพังไม่เป็นท่า โมโหจนใช้กำปั้นทุบพื้นหลายที จึงจะลุกขึ้นจากไปอย่างคอตกหารู้ไหมว่าทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของอวิ๋นฝูหลิงที่อยู่ไม่ไกลนักช่วงนี้มีเด็กผู้หญิงหลายคนพยายามเข้าใ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 48

    “ลูกพี่อู๋กับสวี่ตงไปเก็บฟืน ข้าให้จางซานมู่กับคังหมิงออกไปดูว่าโดยรอบมีผักป่าหรือไม่ ให้ขุดกลับมาสักหน่อย”กินเนื้อทุกวันจะร้อนในเป็นท้องผูก ต้องกินคู่กับผักบ้าง ผักที่สามารถหาได้ในตอนนี้ ก็มีแต่ผักป่าในเขาแล้วถ้าหากมีคนได้ยินคำพูดในใจเหล่านี้ของอวิ๋นฝูหลิง ไม่แน่อาจโดนกระทืบก็ได้ตอนนี้คนที่สามารถกินเนื้อทุกวัน ก็มีแต่พวกเขาเท่านั้นใครบ้างที่ไม่กินผักป่าจนหน้าเขียวกันหมดแล้ว?ตอนนี้คนของสกุลฟางก็หน้าเขียวกันทุกคนอาหารของพวกเขากินหมดนานแล้ว ช่วงนี้เริ่มอาศัยการขุดผักป่าประทังความหิวแล้วนี่ก็โชคดีที่พวกเขาอยู่ในเขา สามารถขุดเจอผักป่า และยังเจอเห็ดกับผลไม้ป่าเป็นครั้งคราวชาวบ้านของหมู่บ้านหลินซานนับถอยหลังไปสามชั่วอายุคน ล้วนลี้ภัยจากภัยธรรมชาติและภัยสงครามในช่วงปลายราชวงศ์ของราชวงศ์ก่อนคนหนุ่มสาวรุ่นนี้ในหมู่บ้าน บางครั้งก็ได้ยินคนเฒ่าคนแก่ในบ้านพูดถึงเรื่องราวที่พวกเขาลี้ภัยในสมัยนั้นทั่วหล้าเกิดภัยแล้ง ผืนดินแห้งแล้ง ทุกที่เต็มไปด้วยความหิวโหย ระหว่างทางลี้ภัยไม่มีกระทั่งรากหญ้าหรือเปลือกต้นไม้ มีคนมากมายต้องหิวตาย แม้ตอนนี้พวกเขาก็ลี้ภัยเช่นกัน แต่ก็ดีกว่าหนทางก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 49

    แม่ฟางมีแผนของตัวเองลูกสาวของนางหน้าตาดี วันข้างหน้าต้องแต่งเข้าตระกูลใหญ่เท่านั้นทั้งครอบครัวของพวกเขายังหวังพึ่งลูกสาวเจริญก้าวหน้าเพียงแต่ตอนนี้กำลังลี้ภัย พวกเขากินผักป่าทุกวัน หิวจนแทบกินม้าได้ทั้งตัวแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงให้ลูกสาวไปยั่วยวนเซียวจิ่งอี้ เพื่อเอาเนื้อจากเขามากินแต่ว่าแม่ฟางไม่ได้อยากได้เซียวจิงอี้มาเป็นลูกเขยคนต่างถิ่นที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า แม้มีความสามารถในการล่าสัตว์ แต่ก็ยังห่างไกลจากลูกเขยเศรษฐีในดวงใจนางหลอกเขาสักพัก เพื่อเอาผลประโยชน์จากเขานิดหน่อย แค่ผ่านช่วงลี้ภัยนี้ไปได้ก็พอแล้วจะให้นางยกลูกสาวให้แต่งกับเขาจริงๆ นั่นคงเป็นไปไม่ได้!ฟางหลานได้ยินคำพูดของแม่ฟาง นางพยักส่งๆ บนใบหน้ากลับร้อนวูบวาบแม่ฟางแค่ให้นางเล่นละคร กลับไม่รู้ว่านางชอบเซียวจิ่งอี้จริงๆไม่พูดถึงวรายุทธ์ของเขาก่อน เฉพาะใบหน้านั่น ก็ทำให้ฟางหลานเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงใจเต้นนางไม่เคยเจอบุรุษที่รูปงามเช่นนี้!เพียงแต่นางออกโรงหลายครั้ง เซียวจิ่งอี้ก็เย็นชาตลอด ไม่ค่อยสนใจนางเลยโดยเฉพาะวันนี้ เห็นนางล้มก็ไม่คิดจะประคอง หมุนกายจากไปโดยตรงสิ่งนี้ทำให้ฟางหลานรู้สึกล้มเหล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 50

    พวกเด็กน้อยอวิ๋นจิงมั่วทั้งสี่รวมตัวกัน ขุดแล้วขุดอีก…ผ่านไปไม่นาน จู่ๆ ก็มีเสียงร้องไห้เป็นกลุ่มที่ดังสนั่นลั่นไปทั่วท้องฟ้าดังขึ้นอวิ๋นฝูหลิงเงี่ยหูฟัง ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงของอวิ๋นจิงมั่วในสียงร้องไห้นั่น สีหน้านางเปลี่ยนฉับพลัน และไม่มีเวลาสนใจการทำอาหารแล้ว นางทิ้งช้อนในมือก็วิ่งไปที่เนินเขาทันทีเมื่อมาถึงก็เห็นพวกอวิ๋นจิงมั่วกลิ้งอยู่บนพื้น มือทั้งสองข้างเกากันไม่หยุด บางคนถึงกับเกาจนเห็นรอยเลือด “มั่วมั่ว แม่มาแล้ว เจ้าเจ็บตรงไหนบอกแม่?”อวิ๋นจิงมั่วเห็นอวิ๋นฝูหลิง กล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “คัน ท่านแม่ คันมาก มือของมั่วมั่วคันมาก…”โจวฉางจี๋ก็ร้องไห้ตามเช่นกัน “คันมาก ข้าทนไม่ไหวแล้ว ข้าจะคันจนตายหรือไม่?”หู่โถวกับชุนเซิงพลางเกา พลางร้องไห้หนักขึ้นทันทีชาวบ้านได้ยินเสียงก็พากันวิ่งมาดูเจิ้งซื่อวิ่งล้มลุกคลุกคลานลงจากเนินเขา กอดโจวฉางจี๋ไว้ด้วยความกังวลแม่ของหู่โถวกับชุนเซิงวิ่งมาถึง ตกใจจนกอดลูกชายร้องไห้ทันทีอวิ๋นฝูหลิงก็เป็นห่วงเช่นกัน แต่ท้ายที่สุดก็ใจเย็นลงหลายส่วนนางตำหนิเสียงดัง “เลิกร้องไห้ได้แล้ว เอาแต่ร้องไห้ตอนนี้มีประโยชน์อะไร?”แม่ของหู่โถวกับช

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 51

    เมื่อครู่พวกชาวบ้านเห็นสภาพน่าเวทนาของอวิ๋นจิงมั่วและเด็กอีกหลายคนล้วนนึกว่าสิ่งที่พวกเด็กสัมผัสคือสิ่งที่มีพิษ คิดว่าพวกอวิ๋นจิงมั่วถูกพิษเข้าให้แล้วขณะนี้เมื่อได้ยินอวิ๋นฝูหลิงบอกว่านั่นคือของดีที่กินได้ แต่ละคนจึงทำหน้าประหลาดใจ ไม่อยากจะเชื่อนายท่านหางและติงหมิงรุ่ยรู้เรื่องจึงไปที่นั่นเช่นกันอย่างไรพวกเขาก็เป็นบุคคลในวงการแพทย์ มีจิตเมตตา เมื่อได้ยินว่าเด็ก ๆ เกิดเรื่อง จึงมาดูว่าพอจะช่วยอะไรได้บ้างขณะนี้ทั้งสองคนนั่งลงตรงหน้าซานเย่านายท่านหางถึงกับนำผ้าเช็ดหน้าออกมาห่อมือ แล้วหยิบซานเย่าขึ้นมาพินิจอย่างละเอียดหลังจากผ่านไปสักครู่ เขาเอ่ยถามอวิ๋นฝูหลิงอย่างไม่แน่ใจ “หรือจะเป็นซู่อวี้?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ถูกต้อง เป็นซู่อวี้จริงๆ”“ในคัมภีร์สมุนไพรเสินหนงกล่าวเอาไว้ สรรพคุณเด่นของซู่อวี้ บำรุงร่างกาย ขจัดพิษร้อนชื้น บำรุงกระเพาะและม้าม เสริมสร้างกล้ามเนื้อ เมื่อกินเป็นประจำ การได้ยินและการมองเห็นจะดีขึ้น”“ซู่อวี้มีอีกชื่อเรียกว่าอวี้เหยียน เพราะเนื้อของมันขาวดุจหยก แต่ก็มีคนเรียกว่าซานเย่า หมายถึงสมุนไพรกลางภูเขา”ในชีวิตก่อนของอวิ๋นฝูหลิง ซานเย่าสามารถเพาะปลูก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 52

    พวกเขาขุดไปมากหน่อย ไม่เพียงเก็บไว้กินที่บ้าน ยังสามารถเอาไปขายที่โรงโอสถเพื่อทำเงินได้ด้วยมีบางคนแอบสอบถามราคากับนายท่านหางเมื่อได้รู้ว่าสำนักผิงอันรับซื้อซานเย่าในราคาแปดสิบอีแปะต่อหนึ่งชั่ง ทุกคนตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมขณะนี้เนื้อหมูสิบห้าอีแปะต่อหนึ่งชั่ง ขายซานเย่าหนึ่งชั่ง สามารถซื้อเนื้อหมูได้ห้าชั่งกว่าแล้วคราวนี้ทุกคนไม่มีแม้แต่เวลาจะกินข้าวกลางวัน ไม่ว่าจะคนแก่หรือเด็กในบ้าน ล้วนแล้วแต่พากันไปขุดซานเย่าบนเนินเขาแรกเริ่มยังมีคนทะเลาะกันเพราะแย่งซานเหย้าแต่อวิ๋นฝูหลิงมองดูสักครู่ พบว่าบนเนินเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยซานเย่า เพียงพอให้ทุกคนได้ขุดกลับไปเมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น จึงไม่ทะเลาะกันอีกต่อไปอีกอย่างจากนี้พวกเขายังต้องเร่งเดินทาง จำนวนสิ่งของที่แต่ละคนแบกได้มีจำกัดต่อให้ขุดซานเย่าได้มากเพียงใด หากเอาไปไม่ไหวก็ถือว่าเสียแรงเปล่าทว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ต้องหนักใจเรื่องนี้เพราะนางมีมิติของตัวเองเมื่อได้เจอกับผืนซานเย่าขนาดใหญ่ ย่อมต้องขุดให้มากที่สุดหากถือไม่ไหวนางก็เอาไปใส่ไว้ในมิติ ไม่เพียงแต่เก็บไว้เป็นเสบียง ซึ่งสามารถนำออกมากินได้ในภายหลังแต่ยังสามารถนำไปปลูก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 53

    อวิ๋นซานหูได้ยินดังนั้นจึงโกรธแค้น แม่นางอวิ๋น แม่นางอวิ๋นอีกแล้ว!เหตุใดหญิงหม้ายผู้นี้จึงมากเรื่องนัก!อวิ๋นซานหูไม่สนใจซานเย่าอะไรนั่นแม้แต่น้อยงอกเงยออกมาจากดินสกปรกสิ้นดี หนำซ้ำสัมผัสโดนมือยังคันอีก จะเป็นของดีได้อย่างไร?นางเพียงอยากเร่งเดินทาง เพื่อให้ออกจากเขาเฟิ่งลั่วในเร็ววันแต่เพราะต้องการขุดซานเย่า คืนนั้นหลังจากหารือกัน ทุกคนจึงตัดสินใจหยุดพักอยู่ที่นี่สองวันหลังจากอวิ๋นซานหูรู้ข่าว ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกระนั้นพวกชาวบ้านไม่สนใจความเห็นของนางสักนิดตอนนี้มีชาวบ้านนำซานเย่าไปต้มน้ำกินแล้วซานเย่าที่ต้มออกมาอ่อนนุ่มเหนียวหนึบ ซ้ำยังมีรสหวานสดชื่นสิ่งนี้อร่อยกว่าผักป่าบนเขาเสียอีกดังนั้นพวกชาวบ้านจึงอยากจะขุดให้มากที่สุด อีกทั้งสามารถนำไปได้เท่าไหร่ก็นำไปให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะนำซานเย่ามากินระหว่างเดินทางต่อจากนี้ หรือเก็บไว้ขายให้โรงโอสถ ล้วนแต่เหมาะสมทั้งสิ้นดังนั้นความไม่พอใจของอวิ๋นซานหู เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของพวกเขา ไม่อาจเทียบกันได้เลยอวิ๋นซานหูหว่านล้อมพวกชาวบ้านไม่สำเร็จ จึงไปหาติงหมิงรุ่ยแต่ใครจะไปคิดติงหมิงรุ่ยกลับบอกให้นางอย่าหาเรื่อง ซ้ำยั

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 492

    อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 491

    “อี้อ๋องเป็นคนหนักแน่นและรอบคอบตลอด เขารู้จักแยกแยะอยู่แล้ว”“อีกทั้งจวนอี้อ๋องใหญ่เช่นนี้ เสวียซือก็พักอยู่ที่เรือนรับรองแขกด้านหน้า ไม่รบกวนพระชายาอี้อ๋องหรอก”มีหรือที่ฮูหยินเซียงกั๋วกงจะไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ นางก็แค่อดไม่ได้ที่จะบ่นนางถลึงตาใส่เซียงกั๋วกงแวบหนึ่ง “ท่านตามใจเขาเต็มที่เลย!”สำหรับลูกชายคนเล็กคนนี้ เซียงกั๋วกงย่อมลำเอียงกว่าเล็กน้อยแต่ถ้าพูดถึงการตามใจ ฮูหยินเซียงกั๋วกงตามใจมากกว่าแต่คำพูดนี้ เซียงกั๋วกงไม่กล้าพูดออกจากปาก ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าคืนนี้จะได้อยู่อย่างสงบเขากำลังจะเกลี้ยกล่อมฮูหยินเซียงกั๋วกงนอนเร็วหน่อย ก็ได้ยินนางกล่าวอีก “อี้อ๋องโตกว่าเสวียซือแค่ปีเดียว ปัจจุบันพระชายาก็มีแล้ว ลูกชายก็มีแล้ว แล้วหันมาดูเสวียซือของเรา ยังตัวคนเดียวอยู่เลย”“ข้าว่านะต้องหาคู่ให้เขาแล้ว”“เขารีบแต่งงานเร็วๆ ก็มีคนคุมเขาแล้ว!”เซียงกั๋วกงย่อมไม่มีความเห็น“เช่นนั้นเจ้าก็เลือกผู้หญิงดีๆ สักสองสามคนจากบรรดาคุณหนูในเมืองหลวงให้เขาไปดูตัว”เซียงกั๋วกงเป็นผู้ชาย ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเหล่าคุณหนูในเมืองหลวง เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ฮูหยินเซียงกั๋วกงไปจัดการใคร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 490

    ความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในใจจ้าวเสวียซือไม่หยุด จนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ“พระ... พระชายา ข้า...”เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ข้าใช้ไปสองครั้งแล้ว... จะทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ“โชคดีที่รู้ตัวได้ทันกาล เจ้าเสพไปไม่มาก”“ทว่าความบริสุทธิ์ของขี้ผึ้งทองนี้สูงมาก แม้จะใช้ไปเพียงสองครั้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความรู้สึกติดอยู่บ้าง”“ต่อไปเจ้าก็ห้ามแตะต้องของเช่นนี้อีกเด็ดขาด! นอกเสียจากเจ้าอยากจะกลายเป็นซากศพเดินได้ที่ถูกขี้ผึ้งทองนี้ควบคุม”“ต่อให้ในใจอยากจะเสพมันอีก ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ต้องเลิกให้ได้เสียตั้งแต่ตอนนี้”อวิ๋นฝูหลิงกังวลว่าจ้าวเสวียซือจะเสพติดมัน จึงปรึกษากับเซียวจิ่งอี้ว่า“ช่วงนี้ให้เขาอยู่ที่จวนอี้อ๋องก่อนเถิด”“หากเขาเสพติดเจ้าขี้ผึ้งทองนี่ ข้าก็จะได้ช่วยเขาเลิกได้ทันเวลา”“ไม่เช่นนั้น แค่คลาดสายตาไปเพียงนิด เขาก็จะไปซื้อขี้ผึ้งทองมาแอบเสพอีก จนถลำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ อยากจะช่วยเขาก็ไม่ทันกาลแล้ว!”จ้าวเสวียซือตะโกนลั่น “คงไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นหรอกกระมัง ข้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายัง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 489

    “เพียงแค่ค่าตั๋วเข้าคฤหาสน์ก็ตั้งสิบตำลึงแล้ว หากเข้าไปแล้วอยากจะเล่นอย่างอื่นก็ยังต้องจ่ายเงินอีกนะ”“สุรา เครื่องดื่มและอาหารก็แพงกว่าที่อื่น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น คนที่ไปเยือนก็มีไม่ขาดสาย”อวิ๋นฝูหลิงฟังถึงตรงนี้ก็ตกใจเล็กน้อยตั้งราคาไว้สูง ทว่าลูกค้ากลับไปเยือนไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่ากิจการของที่นี่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ที่อื่นไม่มีไม่ต้องรอให้นางเอ่ยถาม ก็ได้ยินจ้าวเสวียซือกล่าวว่า “ข้าก็สงสัยนัก ว่าสถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นอะไรกันแน่ ถึงได้ดึงดูคนเข้าไปเที่ยวเล่นได้มากมายเช่นนั้น”“ข้าเลยตั้งใจหาเวลาว่างไปเที่ยวเล่นที่นั่นมาครั้งหนึ่ง”“ที่นั่นสมแล้วที่ตั้งชื่อว่าเรือนเสินเซียน[1] เรื่องกินดื่มร้องรำทำเพลงน่ะเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งที่เป็นที่เลื่องลือมากที่สุดก็ต้องยกให้ขี้ผึ้งทอง”จ้าวเสวียซือพูดไป พลางควักกล่องเคลือบลายครามใบเล็กเท่ากำปั้นของเด็กแรกเกิดออกมาจากอ้อมแขน“กล่องเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็ตั้งห้าสิบตำลึงแล้ว...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นเนื้อขี้ผึ้งสีทองด้านในกล่องเคลือบลายคราม ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีทันทีนางแย่งกล่องเคลือบลายครามใบนั้นมา ใช้นิ้วป้ายเนื้อขี้ผึ้งสีทอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 488

    “คุณชายเจ้าสาวกลับมาพร้อมกับท่านอ๋องด้วย บอกว่าอยากอยู่ค้างคืนเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องขอให้พระชายาจัดเตรียมโต๊ะสุราไว้หนึ่งโต๊ะ คืนนี้จะได้ดื่มร่วมกันเจ้าค่ะ”คุณชายสามจ้าวที่บ่าวรับใช้พูดถึงนั้น ก็คือจ้าวเสวียซือสหายสนิทของเซียวจิ่งอี้ คุณชายสามแห่งจวนเซียงกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเช่นนั้น ก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “นี่ก็เย็นย่ำมากแล้ว ข้าควรกลับได้แล้ว”อวิ๋นฝูหลิงพูดรั้งนางให้อยู่ต่อ “อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ?”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ส่ายหน้าหากมีเพียงอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ นางก็คงจะอยู่ต่อทว่าคืนนี้มีจ้าวเสวียซืออยู่ด้วย นางเป็นสตรีแต่งงานแล้ว ทั้งเฉินเจิงก็ไม่ได้เดินทางมากับนางด้วย จึงเป็นการไม่สมควรที่จะนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับบุรุษอื่นอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่านางยืนกรานจะกลับ จึงไม่ได้รั้งนางไว้อีก และไปส่งนางถึงประตูรองด้วยตนเองใครจะคาดคิดว่าจะต้องเผชิญกับเซียวจิ่งอี้และจ้าวเสวียซือที่มาด้วยกันเข้าฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวทักทายเซียวจิ่งอี้กับจ้าวเสวียซือจ้าวเสวียซือกวาดสายตามองดวงหน้าของฉยงอวี้จวิ้นจู่ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยจนเทบมอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 487

    อวิ๋นฝูหลิงขบคิดอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วกล่าวว่า “อาจเป็นเพราะพวกข้าต่างเป็นคนที่ใช่ของกันและกันกระมัง!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่กะพริบตาปริบ ๆ เผยท่าทีว่าฟังไม่เข้าใจ“พี่สะใภ้ พูดให้ชัดเจนกว่านี้สักหน่อยได้หรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิง “ความจริงใจ ความจริงใจเป็นไม้ตายที่ใช้ได้ตลอดกาล!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ทรุดตัวอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยอย่างหมดเรี่ยวแรง แล้วพึมพำออกมาว่า “ข้ายังจริงใจไม่พอหรือ?”“ต่อให้เป็นก้อนหิน ก็น่าจะถูกข้าทำให้อุ่นจนร้อนแล้วไหม?”ทันทีที่อวิ๋นฝูหลิงได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ได้ว่านางกลัดกลุ้มเพราะเฉินเจิงอีกแล้วสำหรับอวิ๋นฝูหลิงแล้ว คางคกสามขาในใต้หล้านี้ไม่อาจหาเจอได้ง่าย ๆ ทว่าบุรุษสองขานั้นมีอยู่มากมาย ไยจะต้องเอาตัวไปยึดติดอยู่กับคนเพียงคนเดียวด้วยมีบุรุษบางจำพวก ต่อให้เจ้าทุ่มเทให้มากเท่าไร เขาก็ยังคงทำเป็นมองไม่เห็นอยู่ดีคนเช่นนี้ สมควรปล่อยให้เขาอยู่ไกลห่างได้มากเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น!เพียงแต่น่าเสียดายที่ ฉยงอวี้จวิ้นจู่หลงรักหัวปักหัวปำ ไม่ยอมฟังคำเตือนแม้แต่น้อยบางทีอาจจะมีแค่ต้องรอให้ถึงสักวันหนึ่ง ที่นางผิดหวังมากพอจนรู้สึกตัวได้ด้วยตนเองกระมังอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงก่อนหน้านั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 486

    อวิ๋นฝูหลิงพูดไปพลางลูบหีบไม้แดงเล็ก ๆ สองสามใบที่กอดอยู่ในอ้อมกอดพ่อบ้านหยวนเห็นดังนั้น จึงรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ถูกคนในวังหลวงรังแก ในทางกลับกันยังได้รางวัลกลับมาไม่น้อยเขาถึงกับรู้สึกโล่งใจอยู่ในใจ กลับมามีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าอีกครั้งอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถาม “ท่านอ๋องล่ะ?”พ่อบ้านหยวน “ท่านอ๋องไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงแล้วขอรับ วันนี้เป็นวันว่าราชการใหญ่”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า แล้วเดินไปดูเซียวจิงมั่วที่เรือนหลังอากาศเย็นขึ้นทุกวัน ๆใบไม้แห้งเหี่ยวปลิวหลิวลงมาจากกิ่งก้าน หลงเหลือไว้เพียงลำต้นโล้น ๆ เผยให้เห็นถึงความเงียบเหงาประจำต้นฤดูหนาวภายในเรือนหลักของจวนอี้อ๋องได้จุดเตาใต้ดินแล้ว ในห้องจึงอบอุ่นยิ่ง เทียบกับด้านนอกแล้วช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงฉยงอวี้จวิ้นจู่เอนตัวอยู่บนเตียง พลิกหน้าหนังสือนิยายในมือไปพลาง คุยเล่นกับอวิ๋นฝูหลิงไปพลางนับตั้งแต่หลังงานฉลองบริมาสที่จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน จะให้มีเหตุหรือไม่มีฉยงอวี้จวิ้นจู่ล้วนวิ่งมายังจวนอี้อ๋อง ค่อย ๆ สนิทสนมกับอวิ๋นฝูหลิงขึ้นเรื่อย ๆ อวิ๋นฝูหลิงเห็นท่าทางเบื่อหน่ายของฉยงอวี้จวิ้นจู่แล้ว จึงอดเอ่ยออกไปไม่ได้ว่า “

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 485

    หากเป็นไปได้ ติงหมิงรุ่ยอยากให้ตัวเองหายตัวได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำแบบนั้นอวิ๋นฝูหลิงจะได้ไม่เห็นเขาทว่าในความเป็นจริงแล้วกลับโหดร้ายเสียนี่กระไรติงหมิงรุ่ยไม่รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงยังจำเขาได้หรือไม่ แล้วจะนึกออกหรือไม่ว่าเป็นเขาเขาก้มหน้า ประสานมือคำนับพร้อมกล่าว “กระหม่อมขอคารวะพระชายาอี้อ๋อง”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น แล้วเดินตรงผ่านข้าง ๆ เข้าไปบุญคุณความแค้นระหว่างอวิ๋นฝูหลิงกับครอบครัวอวิ๋นกานซงนั้น แม้จะไม่ถึงขนาดที่พาลโมโหติงหมิงรุ่ยไปด้วย ทว่าเขาถึงขั้นยืมมืออวิ๋นกานซงให้แนะนำตนเองเข้ามาอยู่ในสำนักหมอหลวงได้ ดูแล้วคงใกล้ชิดสนิทสนมไม่น้อย บางทีอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ก็ได้คนเช่นนี้ อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์อันใดกับเขาเลยสักนิดขอแค่เขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับอวิ๋นกานซง ก่ออันตรายมาถึงตัวนาง เช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็จะไม่สร้างความลำบากให้เขายิ่งไปกว่านั้นพฤติกรรมและกิริยาท่าทางของติงหมิงรุ่ยช่วงที่อยู่ในเขาเฟิ่งลั่วตอนนั้น อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ใคร่จะชอบใจนักเดิมทีเป็นคนแปลกหน้าที่ได้พบกันโดยบังเอิญ มีเพียงวาสนาที่ได้ร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 484

    “ข้ากล้ารับรองด้วยชีวิตเลยว่า เทียบยานี้ไม่มีปัญหาแน่นอน และรักษาโรคไอเรื้อรังของไฉเหรินผู้นั้นได้...”เขายังไม่ทันได้พูดจนจบ คนก่อนหน้านี้ก็หัวเราะเสียงเย็นเยียบ“ติงหมิงรุ่ย ที่นี่คือวังหลวง ทุกเรื่องต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ!”“เป็นท่านหมออยู่ในโรงหมอนอกวังแล้วอย่างไร โดดเด่นมากนักหรือ?”“เจ้าอยากตรวจไข้ขนาดนี้ ไม่ออกนอกวังแล้วไปเป็นท่านหมอในโรงหมอที่เจ้าอยู่ต่อเสียเลยเล่า!”“หากเจ้าอยากอยู่ในสำนักหมอหลวง ก็จงทำตัวเป็นหมอฝึกหัดให้ดี อย่าเอาแต่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ทั้งวันเลย”“ข้าขอบอกเจ้าหน่อยแล้วกัน เจ้าอย่ายอมแพ้ ทุกคนในสำนักหมอหลวงแห่งนี้ล้วนไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น ๆ ทั้งนั้น”“นอกเสียจากฝีมือการแพทย์ของเจ้าจะยอดเยี่ยมจะไปเข้าตาคนใหญ่คนโตเข้า จนเจ้าได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษ”“มิเช่นนั้น เจ้าก็อยู่ในสำนักหมอหลวงอย่างสุจริต ทำหน้าที่เป็นหมอฝึกหัดให้ดี”“ข้านึกถึงบุญคุณที่เคยได้รับจากอวิ๋นกานซงในวันวาน ถึงได้คอยดูแลเจ้าเช่นนี้”“เจ้าเป็นคนที่อวิ๋นกานซงแนะนำเข้ามา บัดนี้อวิ๋นกานซงไม่อยู่แล้ว หากเจ้าไม่เก็บหางของตนไว้และไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ช้าก็เร็วเจ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status