Share

บทที่ 45

Penulis: หลันซานอวี่
อวิ๋นจิงมั่วยืนท่านั่งม้ายังไม่ทันได้เวลาครึ่งถ้วยชา ขาทั้งสองข้างก็สั่นเหมือนบะหมี่ เริ่มยืนไม่ไหวแล้ว

เซียวจิ่งอี้รู้ดีว่าเขาเพิ่งฝึก ต้องค่อยเป็นค่อยไป

อีกทั้งอวิ๋นจิงมั่วอายุยังน้อย ไม่ควรฝึกหนักเกินไป

ดังนั้นเขาจึงสั่งให้อวิ๋นจิงมั่วยืนแค่เวลาครึ่งถ้วยชา พักระหว่างนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็ฝึกต่อ

เมื่อฝึกเช่นนี้ไปสักพัก รอหลังจากร่างกายปรับตัวได้แล้ว ค่อยปรับการฝึกใหม่

วันนี้เป็นวันแรก เซียวจิ่งอี้ให้อวิ๋นจิงมั่วฝึกแค่สองรอบ

แม้อวิ๋นจิงมั่วรู้สึกว่ายากมาก แต่ก็ยืนหยัดจนถึงตอนท้าย ไม่บ่นว่าเหนื่อยแม้แต่คำเดียว และยิ่งไม่คิดจะยอมแพ้

เซียวจิ่งอี้ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่กลับพอใจมาก

หลังจากการฝึกสิ้นสุดลง สองขาของอวิ๋นจิงมั่วสั่นไม่หยุด สีหน้ามึนงง

“ท่านลุง ท่านไม่ได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”

“ฝึกเช่นนี้ก็สามารถเก่งขึ้นจริงหรือ?”

เซียวจิ่งอี้ไม่ได้ตอบ แต่ชักกระบี่ออกมา

กระบี่ส่องประกายแสงอันเย็นเยือก ราวกับมังกรแหวกว่ายสีเงินตัวหนึ่ง เคลื่อนไหวตามท่าร่ายรำของเซียวจิ่งอี้

แสงกระบี่ประดุจสายรุ้ง แหวกหมอกยามเช้าในป่าออก

พลันเขาสะบัดกระบี่ ราวกับมีคลื่นปราณกระบี่เป็นชั้นๆ ตัดกลางลำต้นของ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 46

    แต่ว่ายาของอวิ๋นฝูหลิงเป็นของดี ได้มาก่อนสองขวดก็ยังดี “จิงมั่วเป็นเด็กฉลาด ข้าชอบมาก เจ้าวางใจได้ ข้าจะสอนเขาอย่างดี!”หลังจากทั้งสองคุยกันครู่หนึ่ง ก็แยกย้ายกลับไปเก็บของแล้วเวลานี้ หัวหน้าหมู่บ้านโจวได้เริ่มเร่งเร้าให้ทุกคนออกเดินทางแล้วหลังจากทุกคนเก็บของเสร็จ ก็ก้าวเข้าบนเส้นทางอีกครั้งอากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นมีชาวบ้านทนไม่ไหวจนเป็นโรคลมแดดภายใต้คำแนะนำของอวิ๋นฝูหลิง หัวหน้าหมู่บ้านโจวเปลี่ยนเวลาการเดินทางของทุกวันเป็นสองช่วง คือตั้งแต่ฟ้าสว่างจนถึงก่อนที่อากาศจะเริ่มร้อนในตอนเที่ยง กับช่วงบ่ายหลังจากที่ไม่ค่อยร้อนแล้วจนถึงฟ้ามืดเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงสามารถเลี่ยงการเดินทางในช่วงอากาศร้อนที่สุด และยังสามารถรับประกันระยะการเดินทางทุกคนล้วนอยากเดินออกจากเขาเฟิ่งลั่วเพื่อตั้งรกรากใหม่โดยเร็ววันนี้ทุกคนเร่งเดินทางตลอดทั้งช่วงเช้า เมื่อเห็นว่าแดดเริ่มแรง หัวหน้าหมู่บ้านโจวให้ทุกคนหาสถานที่พักผ่อนทันทีอวิ๋นฝูหลิงพบพื้นที่โล่งที่หนึ่ง นางตั้งหม้อ เริ่มต้นชาคลายร้อนตั้งแต่มีชาวบ้านเป็นโรคลมแดดเมื่อหลายวันก่อน อวิ๋นฝูหลิงก็เริ่มต้มชาคลายร้อนวันละหลายหม้อชาคลายร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 47

    เซียวจิ่งอี้มองเด็กสาวที่งดงามตรงหน้า เขาขมวดคิ้วแน่น“เจ้ามีธุระอะไร?”เขาถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างแนบเนียน ประสบการณ์ในวัยเด็ก ทำให้เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิงฟางหลานกัดริมฝีปาก อ้ำอึ้งครู่หนึ่งจึงจะกล่าว “พี่หวัง ข้ามีเรื่องอยากคุยกับท่าน”นางเดินออกไปครึ่งก้าว จู่ๆ ก็เหมือนเท้าสะดุด โซเซยืนไม่มั่นคง ร่างกายเอียงไปทางเซียวจิ่งอี้ทันทีเซียวจิ่งอี้รีบเอียงตัวหลบ ในแววตาเต็มไปด้วยการเย้ยหยันเขาเห็นวิธีการมากมายในการชิงความโปรดปรานของสตรีวังหลังตั้งแต่เด็ก กลอุบายเล็กๆ น้อยๆ ของฟางหลาน ในสายตาเขามันเงอะงะมากเขาไม่มองฟางหลานแม้แต่แวบเดียว ยกเท้าก็เดินจากไปโดยตรงฟางหลานล้มลงพื้น มองแผ่นหลังที่เดินจากไปของเซียวจิ่งอี้อย่างไม่เชื่อสายตานางจะล้มอยู่แล้ว ผู้ชายคนนี้กลับไม่คิดจะประคองนางเลยและยังมองนางล้มลงพื้นต่อหน้าต่อตา เดินจากไปโดยไม่ถามสักคำนี่…นี่ไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาเกินไปแล้วกระมัง? แผนของฟางหลานพังไม่เป็นท่า โมโหจนใช้กำปั้นทุบพื้นหลายที จึงจะลุกขึ้นจากไปอย่างคอตกหารู้ไหมว่าทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของอวิ๋นฝูหลิงที่อยู่ไม่ไกลนักช่วงนี้มีเด็กผู้หญิงหลายคนพยายามเข้าใ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 48

    “ลูกพี่อู๋กับสวี่ตงไปเก็บฟืน ข้าให้จางซานมู่กับคังหมิงออกไปดูว่าโดยรอบมีผักป่าหรือไม่ ให้ขุดกลับมาสักหน่อย”กินเนื้อทุกวันจะร้อนในเป็นท้องผูก ต้องกินคู่กับผักบ้าง ผักที่สามารถหาได้ในตอนนี้ ก็มีแต่ผักป่าในเขาแล้วถ้าหากมีคนได้ยินคำพูดในใจเหล่านี้ของอวิ๋นฝูหลิง ไม่แน่อาจโดนกระทืบก็ได้ตอนนี้คนที่สามารถกินเนื้อทุกวัน ก็มีแต่พวกเขาเท่านั้นใครบ้างที่ไม่กินผักป่าจนหน้าเขียวกันหมดแล้ว?ตอนนี้คนของสกุลฟางก็หน้าเขียวกันทุกคนอาหารของพวกเขากินหมดนานแล้ว ช่วงนี้เริ่มอาศัยการขุดผักป่าประทังความหิวแล้วนี่ก็โชคดีที่พวกเขาอยู่ในเขา สามารถขุดเจอผักป่า และยังเจอเห็ดกับผลไม้ป่าเป็นครั้งคราวชาวบ้านของหมู่บ้านหลินซานนับถอยหลังไปสามชั่วอายุคน ล้วนลี้ภัยจากภัยธรรมชาติและภัยสงครามในช่วงปลายราชวงศ์ของราชวงศ์ก่อนคนหนุ่มสาวรุ่นนี้ในหมู่บ้าน บางครั้งก็ได้ยินคนเฒ่าคนแก่ในบ้านพูดถึงเรื่องราวที่พวกเขาลี้ภัยในสมัยนั้นทั่วหล้าเกิดภัยแล้ง ผืนดินแห้งแล้ง ทุกที่เต็มไปด้วยความหิวโหย ระหว่างทางลี้ภัยไม่มีกระทั่งรากหญ้าหรือเปลือกต้นไม้ มีคนมากมายต้องหิวตาย แม้ตอนนี้พวกเขาก็ลี้ภัยเช่นกัน แต่ก็ดีกว่าหนทางก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 49

    แม่ฟางมีแผนของตัวเองลูกสาวของนางหน้าตาดี วันข้างหน้าต้องแต่งเข้าตระกูลใหญ่เท่านั้นทั้งครอบครัวของพวกเขายังหวังพึ่งลูกสาวเจริญก้าวหน้าเพียงแต่ตอนนี้กำลังลี้ภัย พวกเขากินผักป่าทุกวัน หิวจนแทบกินม้าได้ทั้งตัวแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงให้ลูกสาวไปยั่วยวนเซียวจิ่งอี้ เพื่อเอาเนื้อจากเขามากินแต่ว่าแม่ฟางไม่ได้อยากได้เซียวจิงอี้มาเป็นลูกเขยคนต่างถิ่นที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า แม้มีความสามารถในการล่าสัตว์ แต่ก็ยังห่างไกลจากลูกเขยเศรษฐีในดวงใจนางหลอกเขาสักพัก เพื่อเอาผลประโยชน์จากเขานิดหน่อย แค่ผ่านช่วงลี้ภัยนี้ไปได้ก็พอแล้วจะให้นางยกลูกสาวให้แต่งกับเขาจริงๆ นั่นคงเป็นไปไม่ได้!ฟางหลานได้ยินคำพูดของแม่ฟาง นางพยักส่งๆ บนใบหน้ากลับร้อนวูบวาบแม่ฟางแค่ให้นางเล่นละคร กลับไม่รู้ว่านางชอบเซียวจิ่งอี้จริงๆไม่พูดถึงวรายุทธ์ของเขาก่อน เฉพาะใบหน้านั่น ก็ทำให้ฟางหลานเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงใจเต้นนางไม่เคยเจอบุรุษที่รูปงามเช่นนี้!เพียงแต่นางออกโรงหลายครั้ง เซียวจิ่งอี้ก็เย็นชาตลอด ไม่ค่อยสนใจนางเลยโดยเฉพาะวันนี้ เห็นนางล้มก็ไม่คิดจะประคอง หมุนกายจากไปโดยตรงสิ่งนี้ทำให้ฟางหลานรู้สึกล้มเหล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 50

    พวกเด็กน้อยอวิ๋นจิงมั่วทั้งสี่รวมตัวกัน ขุดแล้วขุดอีก…ผ่านไปไม่นาน จู่ๆ ก็มีเสียงร้องไห้เป็นกลุ่มที่ดังสนั่นลั่นไปทั่วท้องฟ้าดังขึ้นอวิ๋นฝูหลิงเงี่ยหูฟัง ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงของอวิ๋นจิงมั่วในสียงร้องไห้นั่น สีหน้านางเปลี่ยนฉับพลัน และไม่มีเวลาสนใจการทำอาหารแล้ว นางทิ้งช้อนในมือก็วิ่งไปที่เนินเขาทันทีเมื่อมาถึงก็เห็นพวกอวิ๋นจิงมั่วกลิ้งอยู่บนพื้น มือทั้งสองข้างเกากันไม่หยุด บางคนถึงกับเกาจนเห็นรอยเลือด “มั่วมั่ว แม่มาแล้ว เจ้าเจ็บตรงไหนบอกแม่?”อวิ๋นจิงมั่วเห็นอวิ๋นฝูหลิง กล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “คัน ท่านแม่ คันมาก มือของมั่วมั่วคันมาก…”โจวฉางจี๋ก็ร้องไห้ตามเช่นกัน “คันมาก ข้าทนไม่ไหวแล้ว ข้าจะคันจนตายหรือไม่?”หู่โถวกับชุนเซิงพลางเกา พลางร้องไห้หนักขึ้นทันทีชาวบ้านได้ยินเสียงก็พากันวิ่งมาดูเจิ้งซื่อวิ่งล้มลุกคลุกคลานลงจากเนินเขา กอดโจวฉางจี๋ไว้ด้วยความกังวลแม่ของหู่โถวกับชุนเซิงวิ่งมาถึง ตกใจจนกอดลูกชายร้องไห้ทันทีอวิ๋นฝูหลิงก็เป็นห่วงเช่นกัน แต่ท้ายที่สุดก็ใจเย็นลงหลายส่วนนางตำหนิเสียงดัง “เลิกร้องไห้ได้แล้ว เอาแต่ร้องไห้ตอนนี้มีประโยชน์อะไร?”แม่ของหู่โถวกับช

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 51

    เมื่อครู่พวกชาวบ้านเห็นสภาพน่าเวทนาของอวิ๋นจิงมั่วและเด็กอีกหลายคนล้วนนึกว่าสิ่งที่พวกเด็กสัมผัสคือสิ่งที่มีพิษ คิดว่าพวกอวิ๋นจิงมั่วถูกพิษเข้าให้แล้วขณะนี้เมื่อได้ยินอวิ๋นฝูหลิงบอกว่านั่นคือของดีที่กินได้ แต่ละคนจึงทำหน้าประหลาดใจ ไม่อยากจะเชื่อนายท่านหางและติงหมิงรุ่ยรู้เรื่องจึงไปที่นั่นเช่นกันอย่างไรพวกเขาก็เป็นบุคคลในวงการแพทย์ มีจิตเมตตา เมื่อได้ยินว่าเด็ก ๆ เกิดเรื่อง จึงมาดูว่าพอจะช่วยอะไรได้บ้างขณะนี้ทั้งสองคนนั่งลงตรงหน้าซานเย่านายท่านหางถึงกับนำผ้าเช็ดหน้าออกมาห่อมือ แล้วหยิบซานเย่าขึ้นมาพินิจอย่างละเอียดหลังจากผ่านไปสักครู่ เขาเอ่ยถามอวิ๋นฝูหลิงอย่างไม่แน่ใจ “หรือจะเป็นซู่อวี้?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ถูกต้อง เป็นซู่อวี้จริงๆ”“ในคัมภีร์สมุนไพรเสินหนงกล่าวเอาไว้ สรรพคุณเด่นของซู่อวี้ บำรุงร่างกาย ขจัดพิษร้อนชื้น บำรุงกระเพาะและม้าม เสริมสร้างกล้ามเนื้อ เมื่อกินเป็นประจำ การได้ยินและการมองเห็นจะดีขึ้น”“ซู่อวี้มีอีกชื่อเรียกว่าอวี้เหยียน เพราะเนื้อของมันขาวดุจหยก แต่ก็มีคนเรียกว่าซานเย่า หมายถึงสมุนไพรกลางภูเขา”ในชีวิตก่อนของอวิ๋นฝูหลิง ซานเย่าสามารถเพาะปลูก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 52

    พวกเขาขุดไปมากหน่อย ไม่เพียงเก็บไว้กินที่บ้าน ยังสามารถเอาไปขายที่โรงโอสถเพื่อทำเงินได้ด้วยมีบางคนแอบสอบถามราคากับนายท่านหางเมื่อได้รู้ว่าสำนักผิงอันรับซื้อซานเย่าในราคาแปดสิบอีแปะต่อหนึ่งชั่ง ทุกคนตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมขณะนี้เนื้อหมูสิบห้าอีแปะต่อหนึ่งชั่ง ขายซานเย่าหนึ่งชั่ง สามารถซื้อเนื้อหมูได้ห้าชั่งกว่าแล้วคราวนี้ทุกคนไม่มีแม้แต่เวลาจะกินข้าวกลางวัน ไม่ว่าจะคนแก่หรือเด็กในบ้าน ล้วนแล้วแต่พากันไปขุดซานเย่าบนเนินเขาแรกเริ่มยังมีคนทะเลาะกันเพราะแย่งซานเหย้าแต่อวิ๋นฝูหลิงมองดูสักครู่ พบว่าบนเนินเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยซานเย่า เพียงพอให้ทุกคนได้ขุดกลับไปเมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น จึงไม่ทะเลาะกันอีกต่อไปอีกอย่างจากนี้พวกเขายังต้องเร่งเดินทาง จำนวนสิ่งของที่แต่ละคนแบกได้มีจำกัดต่อให้ขุดซานเย่าได้มากเพียงใด หากเอาไปไม่ไหวก็ถือว่าเสียแรงเปล่าทว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ต้องหนักใจเรื่องนี้เพราะนางมีมิติของตัวเองเมื่อได้เจอกับผืนซานเย่าขนาดใหญ่ ย่อมต้องขุดให้มากที่สุดหากถือไม่ไหวนางก็เอาไปใส่ไว้ในมิติ ไม่เพียงแต่เก็บไว้เป็นเสบียง ซึ่งสามารถนำออกมากินได้ในภายหลังแต่ยังสามารถนำไปปลูก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 53

    อวิ๋นซานหูได้ยินดังนั้นจึงโกรธแค้น แม่นางอวิ๋น แม่นางอวิ๋นอีกแล้ว!เหตุใดหญิงหม้ายผู้นี้จึงมากเรื่องนัก!อวิ๋นซานหูไม่สนใจซานเย่าอะไรนั่นแม้แต่น้อยงอกเงยออกมาจากดินสกปรกสิ้นดี หนำซ้ำสัมผัสโดนมือยังคันอีก จะเป็นของดีได้อย่างไร?นางเพียงอยากเร่งเดินทาง เพื่อให้ออกจากเขาเฟิ่งลั่วในเร็ววันแต่เพราะต้องการขุดซานเย่า คืนนั้นหลังจากหารือกัน ทุกคนจึงตัดสินใจหยุดพักอยู่ที่นี่สองวันหลังจากอวิ๋นซานหูรู้ข่าว ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกระนั้นพวกชาวบ้านไม่สนใจความเห็นของนางสักนิดตอนนี้มีชาวบ้านนำซานเย่าไปต้มน้ำกินแล้วซานเย่าที่ต้มออกมาอ่อนนุ่มเหนียวหนึบ ซ้ำยังมีรสหวานสดชื่นสิ่งนี้อร่อยกว่าผักป่าบนเขาเสียอีกดังนั้นพวกชาวบ้านจึงอยากจะขุดให้มากที่สุด อีกทั้งสามารถนำไปได้เท่าไหร่ก็นำไปให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะนำซานเย่ามากินระหว่างเดินทางต่อจากนี้ หรือเก็บไว้ขายให้โรงโอสถ ล้วนแต่เหมาะสมทั้งสิ้นดังนั้นความไม่พอใจของอวิ๋นซานหู เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของพวกเขา ไม่อาจเทียบกันได้เลยอวิ๋นซานหูหว่านล้อมพวกชาวบ้านไม่สำเร็จ จึงไปหาติงหมิงรุ่ยแต่ใครจะไปคิดติงหมิงรุ่ยกลับบอกให้นางอย่าหาเรื่อง ซ้ำยั

Bab terbaru

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 607

    ขณะที่ทางจอมปราชญ์เหวินกระซิบใส่หูของคนใต้บังคับบัญชา ทางไคหยางก็เร่งรุดมาถึงหอจินอวี้เขานำสาส์นลับที่เซียวจิ่งอี้เขียนด้วยตนเองมอบให้เทียนเสวียน“ท่านอ๋องตรัสว่าลงมือทางหอจินอวี้ได้เลย”เทียนเสวียนรับสาส์นลับมาอ่านเรื่องที่เซียวจิ่งอี้มอบหมายมาในสาส์นลับมีทั้งหมอสามเรื่องเรื่องแรกคือ ราชครูเผ่าเยว่แฝงตัวอยู่ในหอจินอวี้ จำต้องจับตาดูให้ดีเรื่องต่อมาคือ ค้นตัวคนในหอจินอวี้ทั้งนายแลบ่าวไพร่ หากพบคนที่มีสัญลักษณ์จันทร์ครึ่งเสี้ยวของเผ่าเยว่ติดกาย ให้คุมตัวไว้โดยไม่มีข้อยกเว้น คนอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องให้พิจารณาปล่อยตัวออกไปพร้อมกัน ด้วยเหตุนี้จึงบรรเทาความรู้สึกขัดแย้งของผู้คนในหอจินอวี้ไปได้เรื่องสุดท้ายคือ คิดหาวิธีล่องูออกจากถ้ำเวินเจาไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของราชครู่ผู้นั้น ต่อให้ยามนี้เขาจะอยู่ในหอจินอวี้ แฝงกายปิดบังโฉมหน้าอยู่ในกลุ่มนักพนันมากมายเหล่านี้ ทว่าคนของเซียวจิ่งอี้ก็ไม่อาจแยกแยะออกได้เช่นนี้แล้ว จึงไม่สู้ใช้แผนล่องูออกจากถ้ำ วางแผนให้ท่านราชครูผู้นั้นเผยความจริง แล้วกระโดดเข้าไปในหลุมพรางของเซียวจิ่งอี้ที่วางไว้ให้เขาด้วยตนเองถูกขังมาทั้งคืน ตัดขาดก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 606

    คิด ๆ แล้วเจตนาของการที่อี้อ๋องให้คนนำคำให้การไม่กี่แผ่นเหล่านั้นมาให้เขานั้น ก็น่าจะต้องการให้เขาร่วมมือ ตรวจสอบเจ้านายแลบ่าวไพร่ทั้งตระกูลเวิน แล้วลากคนเผ่าเยว่ที่แอบแฝงอยู่ในตระกูลเวินพวกนั้นออกมาครั้นเวินจือเหิงมีความคิดนี้อยู่ในใจ จึงรีบให้คนไปนำสมุดบัญชีรายนามของตระกูลเวินมาทันทีจากการตรวจสอบกับสมุดบัญชีรายนามทีละคน ๆ แน่นอนว่าทำให้ตรวจสอบเจ้านายแลบ่าวไพร่ของตระกูลเวินได้อย่างชัดแจ้ง ลากคอพวกคนเผ่าเยว่พวกนั้นออกมาได้ทีละคน ๆหอจินอวี้คนในหอถูกขังไว้ทั้งคืน ครั้นเห็นว่าฟ้าสว่างแล้ว แม้จะเป็นคนที่สงบเสงี่ยมเหล่านั้น ก็ยังอดกระสับกระส่ายขึ้นมาไม่ได้“นี่จะขังพวกเราไว้ถึงเมื่อไรกัน?”“วันนี้ข้ายังต้องไปทำงานอยู่นะ!”“วันนี้ข้าเองก็ต้องไปพูดคุยเรื่องการค้านะ!”“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ทำให้พวกเราเสียการเสียงาน แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบความเสียหายพวกนี้?”“ใช่ๆ...”ในชั่วขณะนั้น เสียงประณามว่ากล่าวดังระงมไปทั่วหอจินอวี้จอมปราชญ์เหวินเห็นดังนั้น จึงรีบให้คนเข้าไปเติมเชื้อไฟ ยุยงปลุกปั่นอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนทันทีแม้ว่าทหารหลวงด้านนอกหอจินอวี้จะมีมาก ทว่านักพนันในหอจินอวี้แ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 605

    ตระกูลขุนนางใหญ่อย่างสกุลเวิน มีทาสนับร้อยคนอยู่แล้วในบรรดานั้นมีคนสกุลเยว่ส่วนหนึ่งปะปนเข้ามา ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาดูท่าทุกคนในสกุลเวิน จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดสักคราหนึ่งแล้วเซียวจิ่งอี้มองเทียนเฉวียน “เจ้านำคำสารภาพเหล่านี้ไปให้เวินจือเหิงดูเสีย”“ในเมื่อเขาคิดจะตัดญาติผดุงคุณธรรม ปกป้องสมาชิกสกุลเวินคนอื่นไว้ ย่อมต้องรู้ว่าควรทำอย่างไร!”เทียนเฉวียนตอบรับเสียงหนึ่ง และหยิบคำสารภาพเหล่านั้นออกไปหลังจากเทียนเฉวียนออกไป เซียวจิ่งอี้ก็หยิบปากกาขนนกขึ้นมา จากนั้นก็เขียนจดหมายยื่นให้ไคหยาง“ส่งไปที่หอจินอวี้ มอบให้เทียนเสวียน”“ทางฝั่งหอจินอวี้สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว”หลังจากผ่านไปหนึ่งคืน พวกราชครูที่หลบซ่อนอยู่ในหอจินอวี้ ก็รู้สึกกระสับกระส่ายกันขึ้นมาแล้วเพียงแต่น่าเสียดายที่คนแคว้นเยว่เหล่านั้นที่จับได้ ต่างไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของราชครูเลยไม่เช่นนั้นคงสามารถให้อวิ๋นฝูหลิงวาดภาพเหมือน ไปจับคนที่หอจินอวี้ตามภาพเหมือนได้แล้วยามนี้ทำได้เพียงหาวิธีอื่นเท่านั้นไคหยางรับจดหมายมา กำลังจะออกไป ก็ได้ยินเซียวจิ่งอี้พูดอีกครั้งว่า “หลังจากส่งจดหมายถึงมือเทียนเสว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 604

    เซียวจิ่งอี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าแค่การคาดเดายังไม่เพียงพอ ยังต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนด้วยเขากวักมือเรียกเทียนเฉวียน และออกคำสั่งว่า “ไปตรวจสอบคนที่อยู่ข้างตัวเวินเจา โดยเฉพาะคนรับใช้ที่ใกล้ชิด ทำการสอบสวนให้หมด”แคว้นเยว่กล้าเอานายน้อยของพวกเขามาไว้ที่สกุลเวิน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่แทรกคนเข้ามาอยู่ข้างตัวเวินเจา ส่วนเป้าหมายของคนเหล่านั้นคือการปกป้องหรือจับตาดูเขา นั่นก็พูดได้ยากหลักฐานและข้อมูลที่เซียวจิ่งอี้มีในตอนนี้ เขาคิดว่าราชครูผู้นั้นซึ่งซ่อนตัวอยู่ลึกที่สุด คนผู้นั้นเป็นคนที่คอยแอบบงการทุกอย่างอยู่เบื้องหลังส่วนเวินเจานายน้อยผู้นั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นหุ่นเชิดเซียวจิ่งอี้สั่งให้เทียนเฉวียนไปสอบสวนคนที่อยู่ข้างตัวเวินเจา ส่วนเวินเจา เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจสอบสวนเขาด้วยตัวเองการสอบสวนนี้ใช้เวลาจนถึงรุ่งเช้าเซียวจิ่งอี้เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดออกจากมือ มองร่างที่อาบด้วยเลือดซึ่งกำลังหยดลงมา เวินเจาอยู่ในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตาย“ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งอะไรนัก”“นายน้อยแคว้นเยว่ ก็แค่นี้เอง!”เพียงแค่ใช้วิธีการเล็กน้อยในการสอบสวน เซียวจิ่งอี้ไม่ต้องใช้ยาพวกนั้นท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 603

    จู่ ๆ เซียวจิ่งอี้ก็นึกถึงคืนนั้นที่เขาไปตรวจสอบหอจินอวี้ยามนั้นในห้องนั้นนอกจากเวินเจากับพ่อค้าชาวญี่ปุ่นแล้ว ยังมีชายลึกลับสวมหน้ากากอีกคนหนึ่งด้วยหากเวินเจาเป็นนายน้อยของแคว้นเยว่ เช่นนั้นชายลึกลับสวมหน้ากากผู้นั้น อาจจะเป็นราชครูใช่หรือไม่?เซียวจิ่งอี้ใช้นิ้วเคาะโต๊ะ จมลงสู่ความคิดผ่านไปครู่หนึ่ง เทียนเฉวียนก็เข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋อง พาตัวเวินเจามาแล้วขอรับ!”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า “เจ้าไปตรวจสอบเสียหน่อย ดูว่าบนตัวเวินเจาผู้นั้นมีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวหรือไม่?”เทียนเฉวียนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบรับและออกไปทันทีผ่านไปครู่หนึ่ง เทียนเฉวียนจึงเพิ่งกลับมาอีกครั้ง“เรียนท่านอ๋อง ข้าตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว บนตัวเวินเจาผู้นั้นไม่มีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวขอรับ”“คิดไม่ถึงว่าจะไม่มี” เซียวจิ่งอี้ขมวดคิ้วสัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเป็นสัญลักษณ์เฉพาะของคนแคว้นเยว่แคว้นเยว่บูชาเทพจันทราดังนั้นยามที่ทารกแคว้นเยว่อายุครบเดือน บนตัวจะใช้สีพิเศษทำสัญลักษณ์พระจันทร์ไว้ วิธีนี้เป็นการขอให้เทพจันทราปกป้องคุ้มครองหากเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยแคว้นเยว่ บน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 602

    เซียวจิ่งอี้พยักหน้า“ก่อนหน้านี้ที่ข้าตกอยู่ในอันตราย โชคดีที่ผู้นำสกุลเวินให้ความช่วยเหลือ”“แม้จะเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ แต่ข้าก็ได้รับน้ำใจนี้แล้ว”“ทว่าเรื่องส่วนรวมก็คือเรื่องส่วนรวม เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว จะต้องเที่ยงธรรมไม่เห็นแก่ผู้ใดเป็นพิเศษ”“รอหลังจากสิ้นสุดคดีของสกุลเวินแล้ว ข้าจะมาแสดงความขอบคุณอีกครั้ง!”เวินจือเหิงได้ยินก็ตกตะลึง ไม่เข้าใจความหมายของเซียวจิ่งอี้ไปชั่วขณะหนึ่งไม่รอให้เขาตั้งสติได้ ก็มีทหารก้าวมาข้างหน้า ดึงเขาออกไปแล้วหลังกลับมาเรือนของตัวเอง เวินจือเหิงก็ยังสับสนมึนงงความหมายเมื่อครู่ของอี้อ๋อง คือบอกว่าเขาติดหนี้น้ำใจของตนคราหนึ่ง แต่เขาไปช่วยเหลืออี้อ๋องตั้งแต่เมื่อใดกัน?เหตุใดเขาจึงนึกเรื่องนี้ไม่ออก?เวินจือเหิงคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจทางด้านเซียวจิ่งอี้ เมื่อเวินจือเหิงออกไปแล้ว เขาก็หันกลับมาสั่งเทียนเฉวียนว่า “ส่งคนไปจับตาดูคนของบ้านรองสกุลเวิน”“พาตัวเวินเจามาหาข้า”เซียวจิ่งอี้หยิบกระดาษปึกนั้นจากในกล่องไม้ออกมาอีกครั้งเวินจือเหิงทำให้เขาประหลาดใจจริง ๆบนเกาะหมัวกุ่ยเขาค้นพบความทะเยอทะยานแสนชั่วร้ายของคนแคว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 601

    เซียวจิ่งอี้รู้สึกว่าเวินจือเหิงมีความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวอยู่หลายส่วนคนทั่วไปหากเจอสถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าหากไม่ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ก็คงหวาดกลัวจนตื่นตระหนกเวินจือเหิงยังสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ทั้งยังคิดวิธีช่วยเหลือตัวเองอย่างมีหลักการชั่วขณะหนึ่ง เซียวจิ่งอี้รู้สึกสงสัยในกล่องไม้ใบนั้นที่เวินจือเหิงมอบให้ขึ้นมาไม่รู้ว่ากล่องใบนี้ใส่สิ่งใดไว้ เวินจือเหิงจึงจะสามารถนำมาต่อรองได้เซียวจิ่งอี้ส่งสายตาให้เทียนเฉวียนด้านข้างเทียนเฉวียนเข้าใจ ก้าวออกมาโดยพลัน รับกล่องไม้ในมือของเวินจือเหิงไป และหมุนกายส่งให้เซียวจิ่งอี้กล่องไม้เปิดออก ด้านในมีกระดาษปึกหนึ่งวางไว้เซียวจิ่งอี้หยิบกระดาษปึกนั้นขึ้นมา พลิกดูทีละแผ่นขณะที่กระดาษปึกนั้นถูกพลิกทีละแผ่น สีหน้าที่แสดงออกของเซียวจิ่งอี้ก็เปลี่ยนไปจากความแปลกใจเปลี่ยนไปเป็นความโกรธ จากความสงสัยเปลี่ยนไปเป็นความจริงจัง จนสุดท้ายก็กลับมาสงบนิ่งอีกครั้งเวินจือเหิงยืนอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ ทั้งห้องมีเพียงเสียงกระดาษถูกพลิกตั้งแต่สกุลเวินถูกปิดล้อม ในใจของเวินจือเหิงก็ไม่ได้หวังว่าทำผิดแล้วจะไม่ถูกทำโทษเลยยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นั้นที่นำท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 600

    คืนนี้ช่างยาวนานนัก คิดไม่ถึงว่าจะยังไม่ผ่านยามค่ำคืนไป!ทว่าการถูกอี้อ๋องไต่สวนข้ามคืน สำหรับเขา ก็มิใช่เรื่องที่แย่ควรแก้ปัญหาซับซ้อนด้วยความเด็ดขาดบางเรื่องยิ่งอธิบายเร็วก็ยิ่งดีหากปล่อยไว้นาน จะยิ่งเป็นผลร้ายต่อสกุลเวินเวินจือเหิงลุกขึ้น หยิบกล่องไม้แดงกล่องนั้นบนโต๊ะขึ้นมาณ ห้องโถงหลักของสกุลเวิน เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนที่นั่งหลักเมื่อเวินจือเหิงเข้ามา ก็เห็นชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลา สง่างามน่าเกรงขามจิบชาด้วยท่วงท่าสบาย ๆผ่านไปเกินครึ่งคืนแล้วเซียวจิ่งอี้ก็ยังทำงานอยู่ ย่อมต้องดื่มชาสักถ้วยเพื่อเรียกสติเวินจือเหิงคาดเดาตัวตนของคนตรงหน้าได้โดยพลัน จึงประสานมือทักทายอย่างนอบน้อม “ข้าขอคารวะอี้อ๋องขอรับ!”แม้เวินจือเหิงจะยังไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่สกุลเวินก็เป็นสกุลที่มีอายุกว่าร้อยปี และเวินจือเหิงก็ขื้นชื่อว่าเป็นซิ่วไฉเหมือนกันเซียวจิ่งอี้วางถ้วยชา นึกถึงเรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงเคยรักษาอาการป่วยให้คนผู้นี้ ก่อนที่อวิ๋นฝูหลิงจะออกทะเลไปหาเขา คนผู้นี้ก็ทุ่มเททั้งแรงและกำลังคนช่วยเหลือแม้อวิ๋นฝูหลิงจะบอกว่านี่คือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ แต่ในใจเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 599

    หลายปีมานี้ท่านจอมปราชญ์เหวินวิ่งวุ่นไปทั่ว ทุ่มเทวางแผน แต่มิใช่เพื่อทำชุดแต่งงานให้คนอื่น[1]ดวงตาทั้งสองข้างของเขาหลุบลงเล็กน้อย ปิดบังความทะเยอทะยานอย่างรุนแรงในก้นบึ้งเอาไว้อวี้จูช่างเอาใจ อ่อนหวานนุ่มนวลอยู่ในอ้อมกอด ท่านจอมปราชญ์เหวินย่อมพึงพอใจเป็นอย่างมากเขาลูบใบหน้าของอวี้จูอย่างแผ่วเบา และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รออยู่ที่นี่อย่างซื่อสัตย์เสีย”“ข้าย่อมมีวิธีส่งเจ้ากลับไปอยู่ข้างกายนายน้อย”“หากกลับไปอยู่กับนายน้อยไม่ได้จริง ๆ ก็อยู่ข้างกายข้าเสีย!”อวี้จูได้ยินคำพูดนี้ของท่านจอมปราชญ์เหวิน ก็ราวกับได้กินยาสงบใจเม็ดหนึ่ง ในใจรู้สึกยินดียิ่งท่านจอมปราชญ์เหวินปลอบโยนอวี้จู ก่อนจะลุกขึ้นไปที่ห้องข้าง ๆเมื่อออกจากประตู สีหน้าของเขาก็เย็นชาลงหมากตัวหนึ่ง หากสูญเสียคุณค่าไปแล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องมีอยู่!ท่านจอมปราชญ์เหวินให้คนเฝ้าสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวด้านนอกหอจินอวี้อยู่ตลอด และได้ข้อมูลว่าทหารเหล่านั้นปิดล้อมหอจินอวี้อย่างแน่นหนา ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออก นอกจากนี้ ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอื่นใดอีกท่านจอมปราชญ์เหวินเลิกคิ้ว หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก็กล่าวว่า “เป็นไปไม่ได

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status