Share

บทที่ 39

Author: หลันซานอวี่
last update Last Updated: 2024-10-28 13:41:42
แม้หัวหน้าหมู่บ้านโจวไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ความหมายในคำพูดนั้นชัดเจนมาก

ถ้าหากสกุลเฉินไม่สำนึกผิด ยอมรับคำครหาว่าเป็นคนเนรคุณ ก็ไล่พวกเขาออกจากหมู่บ้าน

ไม่พูดถึงคำว่าเนรคุณนั้นไม่น่าฟังเพียงใดก่อน เมื่อไรที่แบกชื่อเสียงเช่นนี้ ต้องถูกผู้คนนินทาลับหลังแน่นอน แม้แต่เรื่องแต่งงานของลูกหลานในวันข้างหน้าก็กลายเป็นเรื่องลำบาก

เฉพาะเรื่องที่ถูกไล่ออกจากหมู่บ้าน ก็พอที่จะทำให้แม่เฒ่าเฉินกลัวแล้ว

ถ้าหากพวกเขาทั้งครอบครัวถูกไล่ออกจากขบวน ในป่าในเขาแห่งนี้ เกรงว่ามีแต่ตายสถานเดียว

แม่เฒ่าเฉินอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เริ่มกลัวจริงๆ แล้ว

นางฝืนเค้นรอยยิ้มสายหนึ่งออกมา กล่าวกับอวิ๋นฝูหลิง

“แม่นางอวิ๋น ข้าขอโทษ เป็นเพราะข้าถูกความโลภบางตา จึงทำเรื่องบัดซบลงไป”

“เจ้าเป็นคนใจกว้าง อย่าถือสาคนแก่อย่างข้าเลยนะ”

“บุญคุณที่เจ้ามีต่อสกุลเฉินของเรา ข้าล้วนจดจำไว้ในใจ ชาตินี้ไม่มีวันลืม”

“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนจิตใจดี ละเว้นพวกเราสักครั้งเถอะ ชาติหน้าข้าขอเป็นวัวเป็นควายตอบแทนเจ้า!”

ใบหน้าครึ่งหนึ่งของแม่เฒ่าเฉินบวมเป่ง ยิ้มได้น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้

สีหน้าอวิ๋นฝูหลิงไร้อารมณ์ ล้วงมีดผ่าตัดเล่มหนึ่งออ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 40

    เช็ดขึ้นเช็ดลงอยู่พักใหญ่ จึงจะล้างเนื้อล้างตัวให้แม่เฒ่าเฉินจนสะอาดแม่เฒ่าเฉินรู้สึกว่าสะอาดแล้ว จึงจะแสร้งค่อยๆ ลืมตาขึ้นฟื้นคืนสติเมื่อเห็นสะใภ้ใหญ่เฉินที่อยู่ข้างๆ แม่เฒ่าเฉินก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ทันที จู่ๆ ก็เหวี่ยงฝ่าใส่นางอย่างแรงสะใภ้ใหญ่เฉินเหนื่อยมาครึ่งค่อนวัน สุดท้ายกลับโดนตบ เบ้าตาแดงก่ำทันทีเฉินต้ายารีบวิ่งเข้ามา ปกป้องอยู่ตรงหน้าของสะใภ้ใหญ่เฉิน “ท่านแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”เฉินเหล่าต้าอึ้งไปครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วมองไปทางแม่เฒ่าเฉิน “ท่านแม่ นี่ท่านทำอะไร?”หลังจากเฉินเหล่าเอ้อร์กับสะใภ้รองเฉินสบตากันแวบหนึ่ง ก็หันหน้าไปทางอื่น ต่างก็ทำหน้าเฉยเมยเหมือนไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเองแม่เฒ่าเฉินด่าทอ “นางแพศยา เจ้าเห็นข้าเป็นเช่นนี้ ในใจเจ้าคงพอใจมาก ดีใจมากเลยกระมัง?”“แม่สามีถูกทำร้าย เจ้าที่เป็นลูกสะใภ้ กลับไม่เข้ามาช่วย เอาแต่ยืนดูอยู่ข้างๆ”“ข้าตีเจ้าให้ตาย ไอ้คนเห็นขี้ดีกว่าไส้!”“นางแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่เป็น ข้าตีเจ้าให้ตาย เจ้ากำลังจะทำให้ลูกชายคนโตของข้าไร้ผู้สืบสกุล!”แม่เฒ่าเฉินพลางกล่าว พลางฟาดฝ่ามือใส่สะใภ้ใหญ่เฉินไม่ยั้งในความเป็นจริง ก่อนหน้านี้นางคิดแต่จะ

    Last Updated : 2024-10-28
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 41

    ทันทีที่พวกแม่เฒ่าเฉินไป เฉินต้ายาก็รีบกอดสะใภ้ใหญ่เฉินพลางปล่อยโฮ “ท่านแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? เจ็บหรือไม่?”“แม่ไม่เป็นอะไร” สะใภ้ใหญ่เฉินส่ายศีรษะ ดึงเฉินต้ายาเข้ามาตรวจดูบาดแผลร่างกายของนางเมื่อครู่ตอนที่แม่เฒ่าเฉินตีนาง ลูกสาวก็ถูกตีหลายครั้งเพราะปกป้องนางเฉินต้ายามองสะใภ้ใหญ่เฉิน จู่ๆ ก็กล่าวโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย “ท่านแม่ ท่านหย่าเถอะ พวกเราไปจากสกุลเฉินดีหรือไม่?”เฉินต้ายารู้สึกพอกันทีกับชีวิตที่เป็นวัวเป็นควาย และยังถูกทุบตีถูกรังแกเช่นนี้แล้ว เดิมทีในใจนางยังมีความหวังเล็กน้อย รู้สึกว่ามีพ่อของนางอยู่ สักวันพวกนางจะสามารถก้าวผ่านมันไปได้แต่ฝ่ามือเมื่อครั้งที่แล้ว ได้ทำลายความอบอุ่นเสี้ยวสุดท้ายที่อยู่ในใจเฉินต้ายา และทำให้นางได้เห็นแล้วว่า ในใจของพ่อนาง ท่านย่าจึงจะเป็นคนที่สำคัญที่สุด นางกับแม่นางรวมกันก็สู้ไม่ได้และยังมีเรื่องเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าที่ท่านย่าทำร้ายแม่นางเพราะไม่มีที่ระบายแต่พ่อของนางนอกจากพูดห้ามปรามคำสองคำ ก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลยคนที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ ไม่สามารถปกป้องนางกับแม่ ไม่คู่ควรเป็นพ่อของนางเฉินต้ายาเคยคิดเรื่องแยกบ้าน โดยครอบครัวของ

    Last Updated : 2024-10-28
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 42

    ชนชั้นต่ำบ้านนอกก็คือชนชั้นต่ำ หยาบคายที่สุด!อวิ๋นซานหูกับติงหมิงรุ่ยกำลังพูดอย่างสนุกสนาน จู่ๆ ก็ถูกขัดจังหวะเมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเหล่าเอ้อร์ อวิ๋นซานหูเบะปากอย่างไม่ใส่ใจถูกคนกระทืบมา ไม่เจ็บตัวสิถึงจะแปลก!หลังจากผ่านเหตุการณ์วันนี้ ติงหมิงรุ่ยไม่ค่อยชอบคนสกุลเฉินนักแต่ด้วยหน้าที่ในฐานะที่เขาเป็นหมอ ท้ายที่สุดก็ทำให้เขาลุกขึ้นมาดูเฉินเสียวเป่าติงหมิงรุ่ยตรวจอย่างละเอียดครู่หนึ่ง พบว่าเฉินเสียวเป่ามีแค่บาดแผลภายนอกเล็กน้อยตามร่างกาย ไม่ได้สาหัสอะไรจากนั้นก็ลองตรวจชีพจรเฉินเสียวเป่าชีพจรของเฉินเสียวเป่านั้นแข็งแรงมีพลัง แต่เหมือนจะเต้นเร็วไปหน่อยพลันสีหน้าติงหมิงรุ่ยเคร่งขรึม จู่ๆ ก็เหลือบเห็นบนใบหน้าเฉินเสียวเป่า เหมือนมีผงสีขาวติดอยู่เล็กน้อย โดยเฉพาะตรงจมูกเยอะที่สุดเขารีบใช้ใบไผ่ขูดผงเหล่านั้นลงบนผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดผืนหนึ่งจากนั้นก็หยิบผงขึ้นมาเล็กน้อย ดมแล้วดมอีกเบาๆเขาคลุกคลีกับยาตั้งแต่เด็ก ระบุได้ในทันทีว่าผงนี้มีส่วนผสมของผงดอกลำโพง ขิงแห้งและอื่นๆ นอกจากนี้แล้ว ยังผสมผงยาอีกหลายชนิด เพียงแต่ชั่วขณะเขาก็บอกไม่ได้แต่สรรพคุณของผงสีขาวนี้ ในใจเขามีคำตอ

    Last Updated : 2024-10-28
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 43

    อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้า พบว่าเป็นโจวฉางจี๋หลานชายของหัวหน้าหมู่บ้าน นางกล่าวกับอวิ๋นจิงมั่วทันที “ไปเล่นเถอะ”ไม่รู้ว่าเด็กทั้งสองคนเริ่มเล่นด้วยกันตั้งแต่เมื่อไร อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายหนึ่งเพราะลูกมีเพื่อนสักคนก็เป็นเรื่องดีสองเพราะอุปนิสัยของสกุลโจวดี เป็นครอบครัวที่คุ้มค่าแก่การคบหานางก็ค่อนข้างชอบโจวฉางจี๋ที่หน้าตาใสซื่อ สนุกเฮฮาทั้งวันเช่นกันเด็กๆ เล่นกันในค่าย ไม่ได้วิ่งไปทั่ว ผู้ใหญ่เงยหน้าก็มองเห็นในปราดเดียว สามารถวางใจได้อวิ๋นจิงมั่ววิ่งไปถึงตรงหน้าโจวฉางจี๋ จึงจะพบว่าข้างหลังเขามีเด็กสองคนที่โตกว่าเล็กน้อยยืนอยู่“พี่ฉางจี๋ พวกเขาเป็นใคร?” อวิ๋นจิงมั่วมองพวกเขาสองคนอย่างอยากรู้อยากเห็นโจวฉางจี๋วางมือบนไหล่ของทั้งสองอย่างโผงผาง เขากล่าวแนะนำ “นี่คือหู่โถว นี่คือชุนเซิง พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของข้า ต่อไปพวกเราสี่คนก็คือเพื่อนกัน”จู่ๆ อวิ๋นจิงมั่วก็มีเพื่อนเพิ่มขึ้นสองคน เขากล่าวอย่างมีความสุขทันที “ข้าชื่อจิงมั่ว ต่อไปพวกเราเล่นด้วยกันนะ!”หู่โถวท่าทางกำยำและน่าเอ็นดูสมชื่อ ดูกระปรี้กระเปร่ามากส่วนชุนเซิงอายุมากสุดในบรรดาทั้งสี่  รูปร่างผอมสูง ขี้

    Last Updated : 2024-10-28
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 44

    ลูกพี่อู๋และคนอื่นทยอยกันลงมือกินทันทีวิธีกินเนื้อกวางยองในวันนี้ ไม่ค่อยเหมือนหลายวันก่อนที่พวกเขากินเมื่ออมเข้าปาก ทั้งหอมทั้งเผ็ด และยังสำลักเล็กน้อย แต่กลับทำให้ไม่สามารถหยุดกิน กินหมดหนึ่งชิ้นก็อยากกินอีกหนึ่งชิ้นเซียวจิ่งอี้สูดปาก “ซีด” ไม่หยุด พลางขยับตะเกียบอย่างไวรสชาติที่แปลกใหม่และเป็นเอกลักษณ์นี้ เขาก็เพิ่งเคยกินครั้งแรกเช่นกัน กลับทำให้รู้สึกติดใจอวิ๋นฝูหลิงตักเนื้อกวางยองที่ไม่ได้ใส่พริกให้อวิ๋นจิงมั่วหนึ่งถ้วยอวิ๋นจิงมั่วมองลูกพี่อู๋และคนอื่นกินอย่างเอร็ดอร่อย แล้วมองของสีแดงชั้นที่ลอยอยู่ในหม้อ ไม่เหมือนเนื้อกวางยองในถ้วยของเขาอย่างเห็นได้ชัด อดไม่ได้ที่จะแอบยื่นตะเกียบออกไปอวิ๋นฝูหลิงกดตะเกียบของเขาลงทันที จากนั้นเลือกเนื้อกวางยองที่ชิ้นเล็กสุดจากหม้อให้เขา“เจ้าอยากกิน ก็ให้เจ้าลองกินหนึ่งชิ้นก็แล้วกัน”ชีวิตก็ควรจะลองเยอะๆ ไม่ได้ลองด้วยตัวเอง จะรู้ได้อย่างไรว่าชอบหรือไม่ชอบ?“ขอบคุณขอรับ ท่านแม่!”อวิ๋นจิงมั่วยิ้มจนหน้าบานทันที เขางับกัดลงไปหนึ่งคำทว่าทันใดนั้น เขาคลายเนื้อทิ้งทันที และแลบลิ้นไม่หยุด เผ็ดจนน้ำตาแทบไหลอวิ๋นฝูหลิงเตรียมตัวไว้ก่อนแ

    Last Updated : 2024-10-28
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 45

    อวิ๋นจิงมั่วยืนท่านั่งม้ายังไม่ทันได้เวลาครึ่งถ้วยชา ขาทั้งสองข้างก็สั่นเหมือนบะหมี่ เริ่มยืนไม่ไหวแล้วเซียวจิ่งอี้รู้ดีว่าเขาเพิ่งฝึก ต้องค่อยเป็นค่อยไปอีกทั้งอวิ๋นจิงมั่วอายุยังน้อย ไม่ควรฝึกหนักเกินไปดังนั้นเขาจึงสั่งให้อวิ๋นจิงมั่วยืนแค่เวลาครึ่งถ้วยชา พักระหว่างนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็ฝึกต่อเมื่อฝึกเช่นนี้ไปสักพัก รอหลังจากร่างกายปรับตัวได้แล้ว ค่อยปรับการฝึกใหม่วันนี้เป็นวันแรก เซียวจิ่งอี้ให้อวิ๋นจิงมั่วฝึกแค่สองรอบแม้อวิ๋นจิงมั่วรู้สึกว่ายากมาก แต่ก็ยืนหยัดจนถึงตอนท้าย ไม่บ่นว่าเหนื่อยแม้แต่คำเดียว และยิ่งไม่คิดจะยอมแพ้เซียวจิ่งอี้ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่กลับพอใจมาก หลังจากการฝึกสิ้นสุดลง สองขาของอวิ๋นจิงมั่วสั่นไม่หยุด สีหน้ามึนงง“ท่านลุง ท่านไม่ได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”“ฝึกเช่นนี้ก็สามารถเก่งขึ้นจริงหรือ?”เซียวจิ่งอี้ไม่ได้ตอบ แต่ชักกระบี่ออกมากระบี่ส่องประกายแสงอันเย็นเยือก ราวกับมังกรแหวกว่ายสีเงินตัวหนึ่ง เคลื่อนไหวตามท่าร่ายรำของเซียวจิ่งอี้แสงกระบี่ประดุจสายรุ้ง แหวกหมอกยามเช้าในป่าออกพลันเขาสะบัดกระบี่ ราวกับมีคลื่นปราณกระบี่เป็นชั้นๆ ตัดกลางลำต้นของ

    Last Updated : 2024-10-28
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 46

    แต่ว่ายาของอวิ๋นฝูหลิงเป็นของดี ได้มาก่อนสองขวดก็ยังดี “จิงมั่วเป็นเด็กฉลาด ข้าชอบมาก เจ้าวางใจได้ ข้าจะสอนเขาอย่างดี!”หลังจากทั้งสองคุยกันครู่หนึ่ง ก็แยกย้ายกลับไปเก็บของแล้วเวลานี้ หัวหน้าหมู่บ้านโจวได้เริ่มเร่งเร้าให้ทุกคนออกเดินทางแล้วหลังจากทุกคนเก็บของเสร็จ ก็ก้าวเข้าบนเส้นทางอีกครั้งอากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นมีชาวบ้านทนไม่ไหวจนเป็นโรคลมแดดภายใต้คำแนะนำของอวิ๋นฝูหลิง หัวหน้าหมู่บ้านโจวเปลี่ยนเวลาการเดินทางของทุกวันเป็นสองช่วง คือตั้งแต่ฟ้าสว่างจนถึงก่อนที่อากาศจะเริ่มร้อนในตอนเที่ยง กับช่วงบ่ายหลังจากที่ไม่ค่อยร้อนแล้วจนถึงฟ้ามืดเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงสามารถเลี่ยงการเดินทางในช่วงอากาศร้อนที่สุด และยังสามารถรับประกันระยะการเดินทางทุกคนล้วนอยากเดินออกจากเขาเฟิ่งลั่วเพื่อตั้งรกรากใหม่โดยเร็ววันนี้ทุกคนเร่งเดินทางตลอดทั้งช่วงเช้า เมื่อเห็นว่าแดดเริ่มแรง หัวหน้าหมู่บ้านโจวให้ทุกคนหาสถานที่พักผ่อนทันทีอวิ๋นฝูหลิงพบพื้นที่โล่งที่หนึ่ง นางตั้งหม้อ เริ่มต้นชาคลายร้อนตั้งแต่มีชาวบ้านเป็นโรคลมแดดเมื่อหลายวันก่อน อวิ๋นฝูหลิงก็เริ่มต้มชาคลายร้อนวันละหลายหม้อชาคลายร

    Last Updated : 2024-10-28
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 47

    เซียวจิ่งอี้มองเด็กสาวที่งดงามตรงหน้า เขาขมวดคิ้วแน่น“เจ้ามีธุระอะไร?”เขาถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างแนบเนียน ประสบการณ์ในวัยเด็ก ทำให้เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิงฟางหลานกัดริมฝีปาก อ้ำอึ้งครู่หนึ่งจึงจะกล่าว “พี่หวัง ข้ามีเรื่องอยากคุยกับท่าน”นางเดินออกไปครึ่งก้าว จู่ๆ ก็เหมือนเท้าสะดุด โซเซยืนไม่มั่นคง ร่างกายเอียงไปทางเซียวจิ่งอี้ทันทีเซียวจิ่งอี้รีบเอียงตัวหลบ ในแววตาเต็มไปด้วยการเย้ยหยันเขาเห็นวิธีการมากมายในการชิงความโปรดปรานของสตรีวังหลังตั้งแต่เด็ก กลอุบายเล็กๆ น้อยๆ ของฟางหลาน ในสายตาเขามันเงอะงะมากเขาไม่มองฟางหลานแม้แต่แวบเดียว ยกเท้าก็เดินจากไปโดยตรงฟางหลานล้มลงพื้น มองแผ่นหลังที่เดินจากไปของเซียวจิ่งอี้อย่างไม่เชื่อสายตานางจะล้มอยู่แล้ว ผู้ชายคนนี้กลับไม่คิดจะประคองนางเลยและยังมองนางล้มลงพื้นต่อหน้าต่อตา เดินจากไปโดยไม่ถามสักคำนี่…นี่ไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาเกินไปแล้วกระมัง? แผนของฟางหลานพังไม่เป็นท่า โมโหจนใช้กำปั้นทุบพื้นหลายที จึงจะลุกขึ้นจากไปอย่างคอตกหารู้ไหมว่าทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของอวิ๋นฝูหลิงที่อยู่ไม่ไกลนักช่วงนี้มีเด็กผู้หญิงหลายคนพยายามเข้าใ

    Last Updated : 2024-10-28

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 208

    พวกหัวหน้าหมู่บ้านโจวได้ยินก็ตกตะลึงบทสนทนาแบบเดียวกันนี้ เกิดขึ้นที่บ้านของหู่โถวกับชุนเซิงแม้จะไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับอวิ๋นฝูหลิงและเซียวจิ่งอี้ เหตุใดจู่ ๆ เซียวจิ่งอี้ก็กลายเป็นพ่อที่แท้จริงของอวิ๋นจิงมั่ว แต่ทั้งสามสกุลรวมถึงหัวหน้าหมู่บ้านโจวก็หาใช่ว่าจะไม่มีไหวพริบและกาลเทศะทั้งสามสกุลต่างก็เตือนลูกของตนว่าอย่าพูดเสียงดังไปถึงข้างนอกทว่าไม่จำเป็นที่พวกโจวฉางจี๋จะต้องป่าวประกาศเรื่องนี้ เรื่องที่พวกเขานั่งรถม้าไปเล่นในเมืองกับอวิ๋นจิงมั่ว และนำของขวัญกองหนึ่งกลับมา ก็แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านแล้วในหมู่บ้านมีผู้คนมากมายที่เฝ้ามองอยู่ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนเห็น ดังนั้นเรื่องนี้จึงมิอาจปิดบังได้มีหลายครอบครัวที่เห็นพวกโจวฉางจี๋ได้รับผลประโยชน์ ก็อิจฉาตาร้อน จนอดไม่ได้ที่จะต่อว่าลูกตัวเองหากลูกตัวเองประจบเก่งเหมือนพวกโจวฉางจี๋ จนได้ไปเล่นกับอวิ๋นจิงมั่ว วันนี้คนที่ได้รับของขวัญย่อมเป็นพวกเขาอวิ๋นฝูหลิงยังไม่รู้เรื่องราว ยามนี้กำลังมองเซียวจิ่งอี้ที่อยู่ตรงหน้า ขณะที่คิ้วขมวดมากขึ้นเซียวจิ่งอี้อธิบายโดยพลันว่า “ข้าจัดการสวนอิ่งเรียบร้อยแล้ว ช่วงนี้ข้าต้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 207

    “พี่โจวฉางจี๋ พี่ชุนเซิง พี่หู่โถว รีบขึ้นรถเร็ว”อวิ๋นจิงมั่วโผล่ศีรษะออกมาจากรถม้า และโบกมือให้ทั้งสามคนทั้งสามคนที่รออยู่ข้างทางคือโจวฉางจี๋ หู่โถว และชุนเซิงลูกพี่อู๋เห็นเช่นนั้นก็แปลกใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นพวกเหยากวงมีท่าทียิ่งเฉย ก็ยังคิดว่าอวิ๋นฝูหลิงรู้เรื่องที่เด็กทั้งสี่คนจะไปที่เมืองแล้วเขากระโดดลงมาจากรถม้าโดยพลัน และอุ้มพวกโจวฉางจี๋ทั้งสามคนขึ้นมาบนรถม้าพวกเหยากวงเห็นการกระทำของลูกพี่อู๋ ก็เข้าใจผิดว่าเรื่องนี้อวิ๋นฝูหลิงอนุญาตแล้วพวกเขาเป็นเพียงผู้น้อย จึงได้แต่ทำตามคำสั่งของเจ้านาย หลีกเลี่ยงการพูดให้มากความ และไม่ก้าวก่ายมากเกินไปความเข้าใจผิดอันยอดเยี่ยมที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้แผนการของอวิ๋นจิงมั่วดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเมื่อวานอวิ๋นจิงมั่วได้พบพวกเพื่อน ๆ หลังจากไม่ได้เจอมานาน เมื่อแบ่งขนมและฝักบัวให้ ก็ย่อมอยากอวดชีวิตที่มีความสุขของตนที่สวนอิ่งสิ่งที่อยากโอ้อวดมากที่สุดก็คือ เขามีพ่อแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้นพ่อของเขายังเก่งกาจมาก และดีมากด้วย!ดียิ่งกว่าพ่อของพวกโจวฉางจี๋เสียอีก!พวกเพื่อน ๆ ต่างก็แข่งกันพูดว่าพ่อของตัวเองดีที่สุดอีกทั้งยังสงสัยในคำพูดข

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 206

    ทุกคนต่างก็เป็นเด็กในหมู่บ้าน จู่ ๆ มีองครักษ์เพิ่มขึ้นมา ก็มักจะดูไม่เข้าพวกแต่พวกสวี่ตงมักจะผลัดกันไปดูแลอวิ๋นจิงมั่ว คนในหมู่บ้านจึงล้วนเคยชินกันหมดอวิ๋นฝูหลิงเก็บข้าวของ และไปหาเจิ้งซื่อสะใภ้ใหญ่ของหัวหน้าหมู่บ้านโจวทางด้านสวนสมุนไพรกับโรงปรุงยายังไม่มีข่าวคราว แต่นางกลับสามารถจ้างคนมาทำยาได้ก่อนแล้วเมื่อเจิ้งซื่อได้ฟังความคิดของอวิ๋นฝูหลิง ก็ดีใจเป็นอย่างมากนี่เป็นเรื่องดียิ่งที่สามารถหาเงินได้เจิ้งซื่อกุมมืออวิ๋นฝูหลิง และกล่าวขอบคุณ “แม่นางอวิ๋น ขอบคุณเจ้ามากที่มีเรื่องดี ๆ เช่นนี้แล้วนึกถึงข้า เรื่องนี้ข้าจะทำให้ดีแน่นอน!”อวิ๋นฝูหลิงตบมือของนางเบา ๆ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราต่างก็มีมิตรภาพต่อกัน ข้าย่อมไม่ลืมเจ้าแน่นอน”“เจ้าช่วยหาคนที่มีฝีมืออีกสักสามคนหน่อย วันหนึ่งให้ค่าแรงสามสิบอีแปะ”“แต่ข้าขอบอกก่อนว่า ต้องเลือกคนให้รอบคอบ ขอเป็นคนที่มีความสามารถและละเอียดอ่อน”“นี่คือกิจการทำยาของข้า ไม่อาจประมาทได้ หากทำผิดพลาดไป อาจมีคนต้องถึงแก่ชีวิต!”อวิ๋นฝูหลิงรับสมัครคนเป็นครั้งแรก ไม่ได้วางแผนจะรับสมัครมากเกินไป แค่สี่คนก็เพียงพอแล้วลองดูก่อน หากทำงานร่วมกัน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 205

    สกุลเฉินทะเลาะกันครั้งใหญ่สะใภ้ใหญ่เฉินพูดตามตรงว่า ทุกคนต่างก็แยกบ้านกันแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องดูแลคนของบ้านรองที่มากินดื่มอยู่ที่บ้านพวกเขาทุกวันหากเฉินเหล่าต้ายังเป็นห่วงน้องชายกับหลานชาย ก็หย่าขาดกันไปเสีย หลังจากนั้นเขาจะไปกับน้องชายและหลานชายก็ได้เฉินเหล่าต้าได้ยินว่าจะหย่า ก็เงียบลงโดยพลันแม่เฒ่าเฉินเห็นเช่นนั้น ก็ดุด่าเฉินเหล่าต้าว่าโหดเหี้ยมไม่สนใจน้องชายกับหลานชายสะใภ้ใหญ่เฉินเถียงแม่เฒ่าเฉินตามตรง บอกว่าถ้าเป็นห่วงลูกชายคนเล็กกับหลานชายคนโตมากนัก ไม่สู้ไปอยู่กับบ้านรองของนางเลยจะดีกว่าแม่เฒ่าเฉินถูกทำให้พูดไม่ออก และเริ่มร้องไห้โวยวายว่าจะผูกคอตัวเองทว่าครานี้สะใภ้ใหญ่เฉินกลับมีท่าทีแข็งกร้าวกว่าเดิม ไม่สนใจว่าแม่เฒ่าเฉินจะโวยวายใหญ่โตอย่างไร และหันหลังจากไปก่อนเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นหลายครั้ง แม่เฒ่าเฉินก็ยังเป็นห่วงเฉินเหล่าเอ้อร์กับเฉินเสียวเป่าสะใภ้รองเฉินไม่อยู่แล้ว บุรุษที่โตแล้วกับบุรุษที่ยังเล็กไหนเลยจะชำนาญเรื่องการใช้ชีวิต เรื่องอาหารการกินและความเป็นอยู่ก็คงไม่สู้ดีเช่นกันหลังจากนั้นแม่เฒ่าเฉินก็ย้ายไปอยู่กับบ้านรอง บ้านใหญ่ก็มีความกตัญญูให้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 204

    เมื่ออวิ๋นจิงมั่วกลับมา เห็นซี่โครงผัดเปรี้ยวหวาน ผักกาดขาวผัดลูกชิ้น และกุ้งผัดซอส ก็รู้วืท่านแม่เป็นคนทำอาหารด้วยตัวเองอวิ๋นจิงมั่วโผเข้าไปในอ้อมกอดของอวิ๋นฝูหลิงอย่างมีความสุข “ท่านแม่ ท่านดีที่สุดเลยขอรับ!”หลายวันมานี้อวิ๋นฝูหลิงยุ่งมากมาโดยตลอด จึงไม่มีเวลาและเรี่ยวแรงมาทำอาหารให้เขากินอวิ๋นจิงมั่วรู้ความจึงไม่ได้รบกวนแม่ แต่ในใจกลับอยากกินอาหารที่แม่ทำเป็นอย่างมากอาหารที่แม่ทำอร่อยที่สุดในใต้หล้า!วันนี้อวิ๋นฝูหลิงก็อารมณ์ดีเช่นกัน คิดว่าไม่ได้ทำอาหารมาหลายวัน จึงทำอาหารมาหลายจานยามนี้เมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของอวิ๋นจิงมั่ว อวิ๋นฝูหลิงก็อดไม่ได้ที่จะใคร่ครวญตัวเอง หลายวันมานี้นางละเลยอวิ๋นจิงมั่วไปจริงๆตั้งแต่อวิ๋นจิงมั่วกับเซียวจิ่งอี้รู้จักกันในฐานะพ่อลูก อวิ๋นฝูหลิงก็มักจะให้อวิ๋นจิงมั่วไปอยู่กับเซียวจิ่งอี้ ในขณะที่นางให้ความสนใจอยู่กับเรื่องของตัวเองอวิ๋นฝูหลิงจิ้มจมูกของอวิ๋นจิงมั่ว “ดูดินบนตัวสิ สกปรกเชียว รีบไปล้างเร็ว”อวิ๋นฝูหลิงตักน้ำมาแล้ว ขณะที่อวิ๋นจิงมั่วล้างมือ ก็เล่าเรื่องที่ไปเล่นกับเพื่อนของเขาให้อวิ๋นฝูหลิงฟังอย่างมีความสุข“พวกพี่ฉางจี๋พาข้าไ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 203

    สวนสมุนไพรรวมถึงโรงปรุงยา จำเป็นต้องใช้แรงงานไม่น้อย แต่นี่หาใช่เรื่องเล็ก นางจะเป็นต้องวางแผนให้ดีอวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด พลางสำรวจพื้นที่รอบหมู่บ้านซวงหลิน เพื่อดูว่ามีสถานที่ใดเหมาะแก่การสร้างสวนสมุนไพรกับโรงปรุงยาหลังจากสำรวจแล้ว ก็มีสถานที่ที่เข้าตาอยู่สองที่เมื่อกลับมา อวิ๋นฝูหลิงก็เรียกลูกพี่อู๋มาสั่งงาน “เจ้าลองไปสอบถามดูเสียหน่อย ว่ายอดเขาทางเหนือของหมู่บ้านมีเจ้าของหรือไม่? รวมถึงพื้นที่รกร้างใกล้แม่น้ำที่ท้ายหมู่บ้านด้วย หากไม่มีเจ้าของ ก็สอบถามราคาและทางเข้าที่นี่มา ดูด้วยว่าจะซื้อได้อย่างไร?”ลูกพี่อู๋กำลังจะตอบกลับ คาดไม่ถึงว่าจะเหยากวงจะเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน “นายท่าน เรื่องนี้ให้ข้าจัดการได้หรือไม่?”ก่อนหน้านี้ยามที่เหยากวงเคยไปเดินรอบหมู่บ้านกับอวิ๋นฝูหลิง ก็พบว่านางมองที่ดินรกร้างและยอดเขานอกหมู่บ้านอยู่ตลอดแม้จะเป็นที่ดินรกร้าง แต่หากต้องการซื้อก็ต้องผ่านทางการ เรื่องที่ต้องติดต่อกับทางการ ให้เขาจัดการย่อมดีกว่ามอบหมายให้ลูกพี่อู๋ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น เพียงแค่เอ่ยนามของอี้อ๋อง ข้าราชการระดับล่างย่อมแย่งกันรับหน้าที่นี้ไปจัดการยิ่งไปกว่านั้นที่ยังเป็นโ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 202

    นางไม่เพียงแต่ลดความกังวลในใจได้ ทว่ายังแก้ไขปัญหาเรื่องงานของพวกชาวบ้านได้อีกด้วย ทำให้พวกเขามีรายได้ระยะยาวแต่ยามนี้ยังมิใช่เวลาที่ควรพูดเรื่องนี้นางนั่งอยู่ที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านโจวครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวลาและจากมาหลังจากอวิ๋นฝูหลิงออกไป ฟางซื่อภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านโจวก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านพูดยืดยาวถึงเพียงนั้น เหตุใดไม่บอกแม่นางอวิ๋นไปตามตรงเล่า”“นางทำงานเป็นหมออยู่ในเมือง ทั้งยังรู้จักคนใหญ่คนโต หากนางยอมช่วย การจะหางานให้คนในหมู่บ้านย่อมไม่ใช่เรื่องยากเป็นแน่”หัวหน้าหมู่บ้านโจวร้อนใจมาโดยตลอด หลายวันมานี้ก็ทอดถอนใจ ทั้งยังกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะเรื่องการดำรงชีวิตของคนในหมู่บ้านฟางซื่อเห็นก็ทุกข์ใจเช่นกันนางคิดว่าหากอวิ๋นฝูหลิงช่วย ครอบครัวของตนย่อมได้ประโยชน์ไปด้วยพวกลูกชายย่อมล้วนออกไปทำงาน และมีรายได้มากขึ้นแม้ความเป็นอยู่ของสกุลโจวจะดีกว่าคนอื่นเล็กน้อย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเช่นกันยามนี้มาอยู่อาศัยที่ใหม่ ย่อมมีค่าใช้จ่ายไปเสียทุกอย่างหากไม่คิดหาหนทางสร้างรายได้ ก็ทำได้เพียงนั่งกินนอนกินมิใช่หรือ?หัวหน้าหมู่บ้านโจวกลอกตาใส่ฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 201

    อวิ๋นฝูหลิงไปหานายช่างใหญ่อวี่เพื่อดูความคืบหน้าในการก่อสร้างเรือนและได้ทราบว่าอีกประมาณสองวันก็เสร็จแล้วหลังจากเดินชมเรือนหลังใหม่จนทั่ว อวิ๋นฝูหลิงจึงเพิ่งเก็บข้างของ และไปพูดคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านโจวเห็นอวิ๋นฝูหลิงนำขนมและผลไม้มา หัวหน้าหมู่บ้านโจวก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า ขณะที่พูดว่าแพงเกินไปและปฏิเสธที่จะรับไว้ แต่ในใจกลับรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งขนมกับผลไม้เหล่านี้แม้จะไม่มีราคาเท่าเนื้อปลา แต่ก็มิใช่ของราคาถูกเช่นกันโดยเฉพาะขนมซึ่งมีความประณีตเป็นอย่างมาก ซึ่งดูต่างจากขนมในร้านรวงธรรมดาทั้งยังมีลูกท้อสีชมพูขาวสดใหม่ที่แต่ละลูกมีขนาดเท่ากำปั้น และแตงโมเหลืองอร่ามซึ่งมีกลิ่นหอม ทุกอย่างล้วนเป็นผลไม้ชั้นดีที่พวกเขาไม่เคยกินมาก่อนอวิ๋นฝูหลิงกล่าวว่า “ทั้งหมดนี้ล้วนซื้อมาจากที่หัวเมือง ท่านกินตอนที่มันยังสด ๆ อยู่เถอะ”“หลายวันมานี้ที่ข้าไม่อยู่ในเรือน เรื่องมากมายในเหย้าก็รบกวนให้ท่านดูแล”“เรือนข้าสร้างเสร็จเร็วถึงเพียงนี้ นับว่าเป็นเพราะท่านแล้ว”“ลูกพี่อู๋บอกข้าว่า ท่านพาคนไปช่วยสร้างเรือนหลายคน”หัวหน้าหมู่บ้านโจวโบกไม้โบกมือ ใบหน้าชราแดงขึ้นเล็กน้อย “หาได้ช่วย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 200

    หมอซุนก็มองเห็นอวิ๋นฝูหลิงเช่นกันสีหน้าหมอซุนดูไม่ดีนัก และไม่นานก็หันหน้าหนี แล้วขับรถล่อออกจากประตูเมืองฝั่งทิศใต้อย่างเร่งรีบแล้วค่อนข้างเหมือนการหนีเอาชีวิตรอดในใจอวิ๋นฝูหลิงก็รู้สึกไม่ดีนักแต่นางไม่ได้เห็นใจหมอซุน อย่างไรก็ตามหมอซุนเป็นคนเสนอประลองวิชาแพทย์ในเมื่อเขาทำได้ ก็ต้องยอมรับผลลัพธ์นี้ให้ได้สมมุติว่าคนที่แพ้การประลองวิชาแพทย์ในวันนั้นคือนาง เกรงว่าหมอซุนกับสำนักช่วยชีพมีแต่จะปรบมือตะโกนว่าดี หลังจากนั้นก็ขับไล่นางออกจากเขตปกครองเจียงหนิง ไม่มีทางเกิดความเมตตาต่อนางแน่นอนแม้อวิ๋นฝูหลิงไม่ถึงกับซ้ำเติมหมอซุน แต่นางก็ไม่ใช่แม่พระอยู่บนโลกใบนี้ ทุกคนล้วนต้องรับผิดชอบคำพูดและการกระทำของตัวเองต่างคนต่างมีการปฏิบัติของตัวเองหมอซุนสำหรับอวิ๋นฝูหลิง เป็นเพียงเหตุการณ์แทรกเล็กๆ ทำให้เกิดคลื่นในใจอวิ๋นฝูหลิงเพียงเล็กน้อย และไม่นานก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยรถม้าแล่นออกจากเมือง มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านซวงหลินจู่ๆ ชาวบ้านที่อยู่หน้าหมู่บ้านเห็นรถม้าที่หรูหราคันหนึ่ง ยังมีคนเดินตามข้างรถม้าหลายคน ขณะเดียวกับที่สงสัย ในใจก็ระแวงเล็กน้อยเช่นกันและมีคนในหมู่บ้านไปรายงานห

DMCA.com Protection Status