แชร์

บทที่ 396

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
“หากพวกท่านไม่เชื่อ ก็รอให้ฮูหยินน้อยฉู่พ้นจากการอยู่ไฟไป แล้วพวกท่านค่อยไปถามนางดูก็ได้”

อวิ๋นฝูหลิงกล่าวสรุปในท้ายที่สุด

“ดังนั้น การผ่าท้องเอาเด็กออกจึงเป็นวิธีการที่อยู่ในสถานการณ์ที่ทำอย่างอื่นอย่างใดไม่ได้แล้วถึงจะนำมาใช้ ด้วยวิธีนี้ยังมีอันตรายอยู่”

“พวกท่านจะเอาไว้เป็นตัวเลือดสุดท้ายได้ แต่ไม่ควรนำมาเป็นตัวเลือกแรก”

การแพทย์และอนามัยในยุคนี้นั้นยังด้อยอยู่มากจริง ๆ

ที่อวิ๋นฝูหลิงกล้าทำการผ่าคลอด ก็เพราะมีนิ้วทองคำอยู่ในมิติ กอปรกับประสบการณ์การผ่าตัดของนางเมื่อชาติก่อน

เมื่อเป็นเช่นนี้ นางจึงไม่กล้าชะล่าใจ

เพียงแค่การเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัด อวิ๋นฝูหลิงก็ต้องใช้ความคิดและจิตใจไปตั้งไม่รู้มากน้อยเท่าไร พยายามรักษาความสะอาดทางอนามัยในห้องผ่าตัดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

และนางยังต้องคอยจับตามองอาการฟื้นตัวของฮูหยินน้อยฉู่หลังผ่าตัดอีกด้วย

ด้วยกลัวว่าหากประมาทเลินเล่อไปเพียงอย่างเดียว บาดแผลจะติดเชื้อและอัดเสบ จนกระทบต่อการฟื้นฟู

นางกลัวมากว่าทุกคนจะไม่เข้าใจ แล้วเกิดมีหมอไร้จรรยาบรรณผู้ขวัญกล้าเทียมฟ้า นำความสำเร็จในการผ่าท้องเอาเด็กออกของนางในครั้งนี้ไปอวดอ้าง
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 397

    เฉิงชงรู้สึกสนใจการผ่าตัดเปิดหน้าท้องของอวิ๋นฝูหลิงอย่างยิ่งจนในที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโอวหยางหมิงและจงฮุยอยู่ในขั้นธรรมดาทั่วไป จะลดทิฐิเป็นฝ่ายเข้าหาพวกนั้น แล้วให้ทั้งคู่พาตัวเองไปจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินด้วยกันก็ทำไม่ได้อีกทั้งเฉิงชงก็ไม่ค่อยได้คบค้าสมาคมกับจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินนี้ จะให้ไปเยือนถึงประตูเรือกันโต้ง ๆ เพื่อขอเรียนรู้ถึงที่เลยก็ไม่เป็นการดีเขาครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย แล้วจึงไปพบหมอหญิงติงสกุลติงกับสกุลเฉิงมีความสัมพันธ์กันมานาน อีกทั้งยามหมอหญิงติงอยู่ในสำนักหมอหลวงก็ได้รับการดูแลจากเฉิงชงไม่น้อยบัดนี้อวิ๋นฝูหลิงขอให้โอวหยางหมิงหาหมอหญิงสักสองสามคนมาช่วยงาน ประจวบเหมาะกับที่หมอหญิงติงเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเฉิงชงต้องการให้หมอหญิงติงจดจำขั้นตอนการผ่าตัดทุกขั้นทุกตอนไว้อย่างละเอียดยิบ ห้ามขาดห้ามเกิน พอกลับมาก็ค่อยเล่าต่อให้เขาฟังอีกทีจนในที่หมอหญิงติงนั้นใจไม่สู้อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งจะลงมีด นางก็ตกใจกับเลือดสด ๆ ที่ทะลักออกมาเต็มสองตาจนถูกคนหามออกไปนอกห้องผ่าตัดเสียอย่างนั้นหลังจากหมอหญิงติงกลับไป ก็ได้แต่บอกกล่าวการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดบางส่วนเท่าที่ตนเองเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 398

    ครั้นอวิ๋นฝูหลิงได้ยินคำว่าจวนเซียงกั๋วกง ก็นึกขึ้นได้ว่าจ้าวเสวียซือผู้เป็นเหมือนพี่น้องของเซียวจิ่งอี้ก็เป็นคุณชายสามของจวนเซียงกั๋วกงเช่นกันเจี่ยงซื่อภรรยาคุณชายรองจวนเซียงกั๋วกงผู้นี้ จึงนับได้ว่าเป็นพี่สะใภ้รองของจ้าวเสวียซือเจี่ยงซื่อมีดวงตาโตรับกับคิ้วหนา มีความองอาจผึ่งผายแฝงอยู่ในระหว่างคิ้วต่อมาพอได้พูดคุยกันแล้ว อวิ๋นฝูหลิงถึงได้รู้ว่าเจี่ยงซื่อเกิดในตระกูลทหาร มิน่าเล่า นางถึงได้มีกลิ่นอายองอาจของพยัคฆ์สาวจากตระกูลทหาร ทั้งนิสัยก็ยังง่าย ๆ สบาย ๆส่วนวั่นซื่อฮูหยินสามแห่งจวนตงชางปั๋วนั้น กลับมินิสัยไม่ค่อยพูดค่อยจาทว่าอวิ๋นฝูหลิงก็ยังชอบพระชายาองค์ชายห้ามากเป็นอย่างยิ่งอยู่ดี ในเมื่อบังเอิญพบกันแล้ว ก็เดินเล่นในสวนด้วยกันไปเสียเลยขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่นั้น อวิ๋นฝูหลิงก็หันไปเห็นว่าเจี่ยงซื่อกับวั่นซื่อกำลังเจ้ากระทุ้งข้า ข้ากระทุ้งเจ้าเข้าโดยบังเอิญ ดูเหมือนว่าทั้งคู่ต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับอยากให้อีกฝ่ายเป็นคนเอ่ยปากพูดแทนมากกว่าเจี่ยงซื่อที่จู่ ๆ ก็สบเข้ากับดวงตาของอวิ๋นฝูหลิงที่มองมา พลันดูขวยเขินขึ้นมาพระชายาองค์ชายห้าเห็นดังนั้น กลับหัวเราะออกมา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 399

    อวิ๋นฝูหลิงรู้จักเทียบยาของเวชสำอางอยู่ไม่น้อยภายใต้การบริหารของตระกูลอวิ๋นเมื่อชาติก่อนนั้น ก็มีบริษัทผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เน้นการทำเวชสำอางเป็นหลักอยู่เครื่องบำรุงผิวที่อวิ๋นฝูหลิงใช้อยู่เดี๋ยวนี้ ล้วนเป็นของที่นางทำขึ้นเองทั้งนั้นเพียงแต่เพราะเรื่องราวที่สุมอยู่บนศีรษะของอวิ๋นฝูหลิงก่อนหน้านี้ก็ทำให้นางยุ่งมากพอแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้คิดจะบุกเบิกเส้นทางของความสวยความงามนี้บัดนี้ทันทีที่ความคิดนี้โผล่ขึ้นมา จึงไม่อาจหยุดยั้งได้อีก นึกถึงตอนที่นางมาถึงเมืองหลวงเป็นครั้งแรก เซียวจิ่งอี้ก็ให้คนมาซื้อของมาล่วงหน้าไว้ให้นางมากมาย นอกจากเสื้อผ้าปิ่นปักผมต่างหูพวกนี้แล้ว ยังรวมไปถึงชาดและแป้งน้ำด้วยอวิ๋นฝูหลิงเคยเห็นชาดและแป้งที่สตรีในยุคนี้ใช้กันมาก่อน มีหลายอย่างที่มีตะกั่วผสมปนเปอยู่ด้วยหากใช้ไปนานวันเข้า จะทำให้ใบหน้าเสียหายฉะนั้นตอนนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงให้คนเก็บของพวกนั้นไป ไม่เคยหยิบออกมาใช้เลยสักครั้งเดียวหากนางทำเครื่องบำรุงผิวที่ใช้แล้วไม่เพียงทำลายผิวหน้า แต่ยังทำให้ผิวพรรณของคนผู้นั้นสดใสและแข็งแรงออกมาได้ จะต้องได้รับการต้อนรับมากแน่นอนเพียงแต่เรื่องที่สุมอยู่บน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 400

    พระชายาองค์ชายใหญ่ที่เดิมทียังคงสีหน้าราบเรียบ ในที่สุดก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อยนางจดจ้องเงาหลังที่เดินจากไปของพระชายาองค์ชายสาม ในตาพลันทอแววรังเกียจระคนโกรธเคืองคำพูดพวกนั้นที่พระชายาองค์ชายสามพูดออกมาเมื่อครู่นี้ แม้จะเป็นการเสี้ยม แต่กลับเป็นความจริงทุกประโยคเดิมทีเซียวจิ่งอี้ก็ได้รับความโปรดปรานถือหางจากฮ่องเต้เซียวจิ่งอี้อยู่แล้ว บัดนี้ได้อวิ๋นฝูหลิงเข้ามาช่วยเขาเอาชนะใจคนอีกแรง จะไม่สั่นคลอนเขาได้ยากกว่าเดิมหรือ?ก่อนนี้พระชายาองค์ชายใหญ่ดูแคลนอวิ๋นฝูหลิงด้วยคิดว่าแม้นางสตรีสูงศักดิ์จากจวนโหว ทว่าว่ากันแล้วก็เป็นเพียงหมอชนชั้นแรงงานเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น บัดนี้จวนจี้ชุนโหวก็สูญสิ้นหลงเหลือไว้เพียงชื่อเท่านั้น เป็นแค่เปลือกหุ้มว่างเปล่า ไม่มีอิทธิพลหรืออำนาจแม้แต่นิดเดียวเซียวจิ่งอี้แต่งอวิ๋นฝูหลิงเป็นพระชายาเอก เกินกว่าครึ่งต้องเป็นเพราะหลงใหลในความงามจนถึงขั้นเสียสติเป็นแน่ด้วยตำแหน่งพระชายาอ๋องนี้นั้นมิได้ธรรมดาสามัญ ไม่อาจเลือกใครมานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ตามใจชอบสำหรับเหล่าองค์ชายที่มีใจแย่งชิงบัลลังก์แล้ว ตำแหน่งนี้นำมาแลกเปลี่ยนอำนาจทางการเมืองได้มีตระกูล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 401

    พระชายาองค์ชายใหญ่กับพระชายาองค์ชายสามต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ทว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่รู้อะไรเลยหลังจากงานเลี้ยงเลิกลา อวิ๋นฝูหลิงกำลังจะกล่าวอำลา ใครจะรู้ว่าอวี๋หมัวมัวข้างกายองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อจะมาเชิญกะทันหันท่าทีของอวี๋หมัวมัวนอบน้อม “พระชายาอี้อ๋อง องค์หญิงใหญ่มีเรื่องอยากคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว ท่านเชิญทางนี้…”อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อย แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ พยักหน้าให้อวี๋หมัวมัวก็กล่าว “รบกวนหมัวมัวนำทาง”หลังจากงานเลี้ยง องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อเริ่มเหนื่อยล้านางเปลี่ยนมาสวมชุดกระโปรงตัวหลวมใส่สบาย กำลังดื่มชาในห้องของตัวเองระหว่างรออวิ๋นฝูหลิงผ่านไปไม่นาน นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างนอก จากนั้นเสียงของอวี๋หมัวมัวก็ดังขึ้นที่นอกประตู “องค์หญิงใหญ่ พระชายาอี้อ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ”“ออกไปให้หมด!”องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อกวักมือไล่คนรับใช้ในห้องออกไป หลังจากนั้นเข้าไปดึงอวิ๋นฝูหลิง ไปนั่งที่เก้าอี้นวมด้วยตัวเอง “มา พวกเรามานั่งคุยกัน”องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อดึงอวิ๋นฝูหลิงมานั่งด้วยกันอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกว่าท่าทีขององค์หญิงใหญ่ที่มีต่อนางในวันนี้สนิทสนมเกินไปนอกจากองค์หญิง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 402

    แรกเริ่มราชบุตรเขยยังปฏิเสธ กอดนางสาบานว่าชาตินี้จะรักแค่นางคนเดียว พวกเขามีฉยงอวี้คนเดียวก็พอแล้วแต่ต่อมา ท้ายที่สุดราชบุตรเขยก็เข้าห้องนอนของผู้หญิงคนอื่น รับอนุภรรยาเข้าจวนคนแล้วคนเล่า คำสาบานที่มีต่อนางก็ถูกลืมจนหมดแม้องค์หญิงฉางเล่อจะเสียใจ กลับทำอะไรไม่ได้อย่างไรก็ตาม ที่สุดของความอกตัญญูคือการไร้ผู้สืบสกุลองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อต้องทนทุกข์ลำบากกับการไม่มีลูกชาย เมื่อมาถึงตัวลูกสาว เห็นพวกเขาสามีภรรยาไม่รักใคร่ปรองดอง มองจากในมุมของนาง ก็รู้สึกว่าสาเหตุมาจากการที่ไม่มีลูกอีกทั้งในมุมมองของนาง การที่อวิ๋นฝูหลิงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระชายาอี้อ๋อง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากนางให้กำเนิดลูกชายให้เซียวจิ่งอี้ และลูกชายคนนี้ยังเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้จิ่งผิงมากถ้าหากไม่มีลูกชายคนนี้ อวิ๋นฝูหลิงคิดจะนั่งตำแหน่งพระชายาอี้อ๋อง ไม่ง่ายเช่นนั้นแน่นอนนี่ไม่ใช่ว่าองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อดูถูกอวิ๋นฝูหลิง และไม่ใช่ว่ามีอคติอะไรกับอวิ๋นฝูหลิงแต่เป็นข้อจำกัดทางการรับรู้และความคิดขององค์หญิงใหญ่ฉางเล่ออวิ๋นฝูหลิงคาดเดาถูกตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อเชิญนางมา ในเมื่อไม่ใช่รักษาให้ตั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 403

    แม้ฉยงอวี้จวิ้นจู่จะเขินอายจนหน้าแดงก่ำ แต่ก็ยังอดกลั้นความเขินอาย ตอบอวิ๋นฝูหลิงทีละคำถามแต่ว่าเสียงกลับเบาเหมือนยุงดีที่อวิ๋นฝูหลิงหูดี ไม่เช่นนั้นได้ยินคำพูดของนางไม่ชัดแน่ทว่าหลังจากฟังฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวจบ อวิ๋นฝูหลิงก็เงียบแล้วผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะเอ่ยปากกล่าว “ฉยงอวี้จวิ้นจู่ เจ้ารู้อยู่กระมังว่าเรื่องลูกนั้น บุรุษกับสตรีต้องพยายามด้วยกัน?”นางปรบมือ ‘แปะๆๆ’ “เจ้าคนเดียวมีลูกไม่ได้หรอก พวกเจ้าต้องทำกิจกรรมบนเตียงบ่อยๆ เช่นนี้จึงจะสามารถเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์”อวิ๋นฝูหลิงยอมแล้วแค่ครั้งสองครั้งต่อเดือน บางทีก็ไม่มีเลยสักครั้งความถี่ต่ำเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ง่ายๆแต่ไม่มีอะไรที่แน่นอน ไม่แน่ว่าครั้งไหนอาจจะถูกรางวัลก็ได้แต่เห็นได้ชัดว่าโชคของฉยงอวี้จวิ้นจู่ไม่ได้ดีเช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกว่าเมื่อเทียบกับการตรวจร่างกาย ฉยงอวี้จวิ้นจู่ไม่สู้มีเพศสัมพันธ์ให้มากๆเพราะสุขภาพของนางไม่มีปัญหาอะไรเลยแม้ฉยงอวี้จวิ้นจู่ไม่เข้าใจว่าอวิ๋นฝูหลิงปรบมือคืออะไร แต่ก็เข้าใจคำพูดของนางแล้วแม้อวิ๋นฝูหลิงพยายามใช้คำพูดที่คลุมเครือแล้ว แต่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ฟังแล้วก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 404

    เมื่อคนคนหนึ่งตัดสินใจแล้ว การจะโน้มน้าวใจได้นั้นเป็นเรื่องยากอีกทั้งเรื่องที่ไม่สามารถมีลูก สาเหตุอีกครึ่งหนึ่งก็มาจากฝ่ายชายเช่นกันถ้าหากเฉินเจิงเป็นหมัน เช่นนั้นไม่ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่จะพยายามเพียงใดก็ไม่มีทางตั้งครรภ์ นอกเสียจากนางจะเปลี่ยนผู้ชายเห็นฉยงอวี้จวิ้นจู่ถือเทียบยาดูแล้วดูอีก บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อวิ๋นฝูหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยปากกล่าว“ถ้าหากอยากมีลูกจริงๆ ทางที่ดีลองหาหมอไปตรวจจวิ้นหม่าดีกว่า”“ถ้าหากเขาป่วย มีลูกไม่ได้ล่ะ?”“ข้าแค่แนะนำนะ ไม่ได้มีเจตนาอื่น”รอยยิ้มบนใบหน้าฉยงอวี้จวิ้นจู่แข็งทื่อทันทีองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อก็ตะลึงเช่นกันสองแม่ลูกไม่เคยคิดว่าปัญหาจะอยู่ที่ตัวเฉินเจิงถ้าหากสุขภาพของเฉินเจิงมีปัญหา ไม่สามารถมีลูก เช่นนั้นฉยงอวี้จวิ้นจู่พยายามอย่างไรก็เปล่าประโยชน์เวลานี้เอง มีเสียงรายงานดังขึ้นจากนอกประตู “อ๋องหญิงใหญ่ อี้อ๋องมาเจ้าค่ะ บอกว่ามารับพระชายาอี้อ๋องกลับ”องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อหวนคืนสติ รีบขานรับทีหนึ่งนางจับมืออวิ๋นฝูหลิงแล้วกล่าว “วันนี้ขอบคุณเจ้ามาก ข้ากับฉยงอวี้จะคิดดู”อวิ๋นฝูหลิงยิ้มเล็กน้อย “ท่านป้าเกรงใจแล้ว

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 620

    เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 619

    ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 618

    “ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 617

    จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 616

    ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 615

    อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 614

    “พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 613

    แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 612

    “ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status