ความสามารถของสตรีนั้น บางครั้งยังเหนือกว่าบุรุษด้วยซ้ำไป ฮ่องเต้จิ่งผิงยกมือขึ้น ตรัสกับเกากงกงว่า “กลับไปหารือกับทางสำนักหมอหลวง ค้นหาความผิดสักอย่าง แล้วขับอวิ๋นกานซงออกจากสำนักหมอหลวงเสีย”คนที่ความประพฤติไม่ดี ไร้คุณธรรมเช่นนี้ มิสมควรอยู่ในสำนักหมอหลวงเกากงกงเข้าใจได้ทันทีว่าอวิ๋นกานซงประสบเข้ากับความเหนื่อยหน่ายของฮ่องเต้จิ่งผิงเสียแล้วเขาหลุบตารับคำ แล้วเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “ฝ่าบาท แต่ไหนแต่ไรอวิ๋นกานซงล้วนได้รับความโปรดปรานจากองค์ไทเฮาเป็นอย่างยิ่ง ปกติแล้วหากต้องจับชีพจรหรือเรื่องอื่น ๆ ล้วนเรียกตัวเขาเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ”“หากประเดี๋ยวทางองค์ไทเฮาทราบเรื่องเข้า แล้วเกิดไต่ถาม...”ปีนั้นอวิ๋นกานซงใช้ยากลูกกลอนหนึ่งเม็ด รักษาอาการประชวรของไทเฮาจนหายดีจึงเข้าพระเนตรของไทเฮามานับแต่นั้น หลายปีมานี้พระวรกายของไทเฮาล้วนได้รับการดูแลจากเขาและหมอหลวงแซ่สวี่อีกผู้หนึ่งมาตลอดฮ่องเต้จิ่งผิงได้ยินเช่นนั้น จึงถลึงพระเนตรใส่เกากงกงทันที แล้วตรัสอย่างไม่สบพระทัยว่า “เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ยังต้องให้เราสอนเจ้าอีกหรือว่าต้องทำเช่นไร?”เกากงกงรีบค้อมกายน้อมรับผิดทันที “เป็นกระหม่อมที่เลอะเล
จากที่เรื่องการกลับมาของทายาทจวนจี้ชุนโหว ฉีกหน้าอวิ๋นกานซงผู้เป็นบุตรนอกสมรส แล้วชิงกิจการของสกุลอวิ๋นกลับมาเหล่านี้โจษจันไปทั่วทั้งเมือง บรรดาตระกูลสูงศักดิ์และขุนนางยศสูงทั้งหลายในเมืองหลวงเองก็ได้แต่อึดอัดอยู่ในใจอวิ๋นกานซงนั้นเป็นดั่งนกเขาครองรังนกสาลิกา วางแผนสังหารทายาทสาวจวนจี้ชุนโหว แล้วครอบครองทรัพย์สมบัติของสกุลอวิ๋น นับว่าไม่ใช่คนดีอะไรจริง ๆแต่หลังจากสูญสิ้นทายาทผู้เป็นสายเลือดของสกุลอวิ๋น จวนจี้ชุนโหวก็หลงเหลือเพียงแต่ชื่อ ตำแหน่งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะถูกริบคืนเมื่อไรแม้ว่าทายาทสาวจวนจี้ชุนโหวจะเป็นสายเลือดเพียงคนเดียวของสกุลอวิ๋น ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพียงเด็กสาวกำพร้าผู้หนึ่งเท่านั้นเมื่อก่อนตอนที่อยู่ในเมืองหลวงก็มิได้มีชื่อเสียงอันใด ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นตอนนั้นที่ร่วมคืนวสันต์กับอี้อ๋อง แต่กลับถูกคนไปเจอเข้าเมื่อทำเรื่องคาวโลกีย์เช่นนี้ลงไป แน่นอนว่าย่อมไม่มีชื่อเสียงที่ดีอะไรในเมืองหลวงทว่าวันนี้กลับกล้าที่จะฉีกหน้าอวิ๋นกานซง ทั้งยังมีความสามารถทวงทรัพย์สินของสกุลอวิ๋นกลับคืนมาได้ จะไม่ให้ผู้อื่นตื่นตกใจได้เช่นไรถัดจากความตกใจ ก็ยังมีความสงสัยอยู่หลา
จวนอี้อ๋องอยู่ไม่ไกลจากวังหลวงนัก ผ่านไปไม่นานก็เดินทางมาถึงแล้วยามนี้มีคนยืนอยู่หน้าประตูวังไม่น้อย ทุกคนล้วนต่อแถวรอเข้าวังทั้งสิ้นนอกจากส่วนน้อยที่มีพระราชโองการพิเศษ สามารถขี่ม้าหรือนั่งรถลากเข้าวังได้แล้ว คนอื่น ๆ ที่ต้องเข้าวังล้วนต้องตรวจสอบฐานะที่ประตูวังเสียก่อนเมื่อตรวจสอบแล้วไม่มีความผิดปกติ จึงจะปล่อยให้ผ่านเข้าไปได้เมื่อก้าวข้าประตูวังมาแล้ว ยังต้องอาศัยสองเท้าเดินไปตามทางเดินยาวเหยียด หากร่างกายอ่อนแอสักหน่อยก็แทบจะทนไม่ไหวกันเลยทีเดียวเพราะฉะนั้น การที่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังได้นั้น แม้จะเป็นเกียรติยิ่ง ทว่าก็เหนื่อยยากเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยังไม่มีสิทธิพิเศษที่นั่งรถเข้าไปในวังได้ ดังนั้นเมื่อมาถึงประตูวัง สามคนหนึ่งครอบครัวจึงต้องลงจากรถม้าการเคลื่อนไหวนี้ แน่นอนว่าดึงดูดสายตาให้คนอื่นพากันหันมามองอยู่แล้วครั้นเห็นว่าเป็นเซียวจิ่งอี้ ผู้คนรอบด้านจึงพากันคารวะเต็มพิธีส่วนอวิ๋นฝูหลิงและเซียวจิงมั่วที่อยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้นั้น แม้ทุกคนจะรู้สึกไม่คุ้นหน้าคุ้นตานัก ทว่าพอเห็นอวิ๋นฝูหลิงสวมใส่ชุดพิธีการประจำองค์พระชายา ทั้งยังนึกถึงข่าวคราวล่าสุดที่แพร่
งานเลี้ยงในวังแตกต่างกันย่อมมีกฎแตกต่างกัน แน่นอนว่าคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงได้ย่อมไม่แตกต่างกันอย่างงานฉลองใหญ่วันไหว้พระจันทร์ร่วมกับประชาราษฎร์เช่นนี้ นอกจากเชื้อพระวงศ์และครอบครัวขุนนางสูงศักดิ์ที่สามารถเข้าวังมาร่วมงานเลี้ยงในวังได้แล้ว ขุนนางในเมืองหลวงที่มียศขั้นสี่ชั้นเอกขึ้นไปก็สามารถพาครอบครัวเข้ามาร่วมงานได้อวิ๋นกานซงแม้จะเป็นเพียงหมอหลวงขั้นห้า ทว่ากลับมีชื่อของจวนจี้ชุนโหวประดับศีรษะ ดังนั้นทุกงานเลี้ยงในวัง ย่อมเห็นเงาเขาอยู่บ่อยครั้งงานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลไหว้พระจันทร์ในครานี้ ทางกรมราชสำนักชั้นในได้เริ่มจัดการมานานแล้วควรเชิญใครบ้างนั้น ล้วนได้ส่งเทียบเชิญออกไปนานแล้วเช่นกันแน่นอนว่าครอบครัวอวิ๋นกานซงย่อมได้รับเทียบเชิญไม่ต่างกันเพื่องานเลี้ยงในวังงานนี้แล้ว เซี่ยงซื่อกับอวิ๋นหลิงจือถึงกับซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมาโดยเฉพาะใครจะรู้ว่าหลังจากที่พวกเขาหนึ่งครอบครัวมาถึงหน้าประตูวัง กลับถูกขวางกั้นไว้ต่อให้อวิ๋นกานซงหยิบเทียบเชิญออกมาอย่างไร ก็ไม่ได้รับการปล่อยให้เข้าวัง กลับกันยังถูกองครักษ์หน้าประตูวังเยาะเย้ยถากถางเอาเสียด้วย“เทียบเชิญนี้มอบให้จวนจี้ชุ
ถูกขับออกจากจวนจี้ชุนโหวแล้ว ยังกล้าใช้เทียบเชิญของจวนจี้ชุนโหวเพื่ออยากเข้าไปในงานเลี้ยงในวังอีก ช่างหน้าหนาเสียเหลือเกินคนธรรมดาจะมีหน้ามาทำเช่นนี้หรือ?ประเดี๋ยวก่อน ยามนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าอวิ๋นกานซงไม่ใช่สายเลือดของสกุลอวิ๋น ทั้งยังถูกขับออกจากจวนจี้ชุนโหวอีก แล้วเหตุใดอวิ๋นกานซงถึงกล้าใช้ชื่อของจวนจี้ชุนโหวเจ้าร่วมงานเลี้ยงเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ของพระราชวังอีก?หรือว่าเขายังมีคนให้อาศัยอำนาจบารมีอยู่อีก?ก่อนหน้านี้หลิงโหยวพาอวิ๋นฝูหลิงไปยืมตัวเสมียนบัญชีจากทางเซียวจิ่งอี้ และได้ตรวจนับรายการบัญชีของจวนจี้ชุนโหวเรียบร้อยแล้วแม้ว่านางจะริบของทุกอย่างในจวนโหว ขับครอบครัวอวิ๋นกานซงออกไปจากจวนโหวตัวเปล่าทว่าทรัพย์สินของจวนโหวในยามนี้ หดลงไปกว่าครึ่งจากใบรายการบัญชีในจำนวนกว่าครึ่งนั้นนอกจากคนในครอบครัวอวิ๋นกานซงจะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะถูกโยกย้ายออกไปนานแล้วหากคิดจะทวงคืนตอนนี้เห็นทีคงจะยากเสียแล้วอวิ๋นฝูหลิงทวงทรัพย์สินกลับคืนมาได้ครึ่งหนึ่งนั้น ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วส่วนที่ถูกอวิ๋นกานซงกลืนกินไปครึ่งหนึ่งนั้น แม้ว่าตอนนี้อวิ๋นฝูหลิง
เซี่ยงซื่อใบหน้าขาวซีดทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นคำพูดนี้ของฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกง หมายความว่าไม่ยอมรับการหมั้นหมายระหว่างอันอวี้หลินกับอวิ๋นหลิงจืออย่างนั้นหรือ?ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่เคยคิดเลยว่า ยามนี้ไม่ได้มีเพียงแค่คนรอบข้างที่เยาะเย้ยถากถางทำให้ครอบครัวของพวกเขาอับอายเท่านั้น กระทั่งจวนอันกั๋วกงก็ยังเหยียบย่ำพวกเขาด้วยเช่นกันอันอวี้หลินเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี เพิ่งจะอ้าปากเรียกออกไปว่า “ท่านยา” ฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงก็ถลึงตาจ้องเขา พลางตะคอกใส่อย่างรุนแรงว่า “หุบปาก!”ในใจของฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงพลันเกิดความผิดหวังหลานชายคนโตผู้นี้เป็นอนาคตของจวนอันกั๋วกง แบกความหวังของคนทั้งตระกูลไว้บนบ่า ดังนั้นจึงเข้มงวดกวดขันกับเขามาตั้งแต่เล็ก ด้วยหวังว่าเขาจะอนาคตอันสดใสนึกไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนี้จะเลอะเลือนกับเรื่องของสตรีแล้วก็เป็นพวกเขาที่เมื่อก่อนเข้มงวดกวดขันเกินไปสักหน่อย ปีนั้นหลังจากที่จัดแจงเรื่องหมั้นหมายระหว่างอันอวี้หลินและอวิ๋นฝูหลิงกับสองสามีภรรยาจี้ชุนโหว ฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงก็เป็นกังวลว่าอันอวี้หลินจะจิตใจฟุ้งซ่าน ดังนั้นจะไม่ได้ให้อันอวี้หลินได้ใกล้ชิดกับอวิ๋นฝูหลิงน
เมื่อสภาพจิตใจเป็นเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงก็ยิ่งเห็นอวิ๋นหลิงจือขัดตายิ่งยามนี้นางเองก็คร้านที่จะพูดคุยกับพวกเขาต่ออีก จึงรีบสาวเท้าเดินไปอีกสองก้าว ทำความเคารพเซียวจิ่งอี้กับองค์ชายห้าและคนอื่น ๆ ในทันทีเมื่อทำความเคารพเป็นที่เรียบร้อย จึงคว้ามือของอวิ๋นฝูหลิงขึ้นมา พลางพูดจาอย่าสนิทสนม “เดิมทีคิดว่าเจ้าประสบเคราะห์ร้าย หลายปีมานี้ทุกครั้งที่นึกถึง ในใจของข้าก็เศร้าใจยิ่งนัก”“นึกไม่ถึงเลยว่าสวรรค์จะมีเมตรตา พวกเราถึงยังมีวันได้พบหน้ากันเช่นนี้”“เด็กดี หลายปีมานี้เจ้าต้องลำบากแล้ว!”“โชคดีที่เด็กเช่นเจ้ามีบุญาวาสนาดี วันนี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระชายาขั้นหนึ่งขั้นเอก ก็ถือเสียว่าต้นร้ายปลายดีนะ วันข้างหน้าล้วนเป็นวันชื่นคืนสุข เสพสุขได้ไม่รู้จบ”“แม้ว่าจะไร้วาสนาฉันสามีภรรยากับอวี้หลิน แต่ข้าก็เห็นเจ้าเป็นหลานสาวเสมอ บิดาเจ้าไม่อยู่แล้ว วันข้างหน้าจวนอันกั๋วกงก็เป็นบ้านของเจ้า อวี้หลินก็เป็นพี่ชายของเจ้า เจ้ามิใช่คนที่ไร้บ้านมารดาหนุนหลัง!”“ภายภาคหน้าหากไม่อันใดก็มาเที่ยวเล่นที่จวนอันกั๋วกงบ่อย ๆ มาเยี่ยมหาท่านยายคนนี้ของเจ้าบ่อย ๆ บ้าง...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงตอนน
ในใจอวิ๋นหลิงจือรู้สึกถึงวิกฤตทันทีในอดีตนางยังสามารถอาศัยชื่อเสียงคุณหนูจวนโหว แต่ปัจจุบันนางถูกไล่ออกจากจวนจี้ชุนโหวแล้ว แม้แต่สิ่งที่พ่อของนางเคยทำก็ถูกเปิดโปง ชื่อเสียงป่นปี้ ถ้าหากไม่มีการหมั้นหมายของจวนอันกั๋วกงอีก เช่นนั้นชีวิตนี้ก็สิ้นหวังจริงๆ แล้วการหมั้นหมายของนางกับอันอวี้หลิน คือฟางเส้นสุดท้ายในการเอาตัวรอดของนางนางต้องจับให้แน่น!พลันอวิ๋นหลิงจือครุ่นคิด จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาทางอวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ได้คุยอะไรกับฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงมากนัก หลังจากถามสารทุกข์สุกดิบสองสามคำ ก็เข้าวังไปพร้อมกับเซียวจิ่งอี้แล้วเพราะฐานะองค์ชายของเซียวจิ่งอี้ เข้าวังจึงไม่ต้องเข้าแถวเหมือนคนอื่น สามารถเดินเข้าไปได้โดยตรงหลังจากทหารยามตรงประตูวังคำนับอย่างนอบน้อม ก็ปล่อยให้เซียวจิ่งอี้และคนอื่นเข้าวังแล้วองครักษ์ที่ไล่ครอบครัวอวิ๋นกานซงออกจากแถวก่อนหน้านี้ ตอนคำนับอวิ๋นฝูหลิงดูจริงจังมาก ทำให้อวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะมองเขาแวบหนึ่งรอหลังจากอวิ๋นฝูหลิงก้าวเข้าประตูวัง องครักษ์คนนั้นจึงจะเงยหน้ามองแผ่นหลังของอวิ๋นฝูหลิงปีนั้นหากไม่ใช่เพราะจี้ชุนโหวเป็นหมอที่มีความเมตตา ช่วยช
“เป็นของที่ข้าใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมาย และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำออกมาได้ไม่กี่หยด”“ท่านต้องเก็บให้ดีนะ”“ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกพิษ ไม่ว่าบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ไม่ว่าพิษรุนแรงแค่ไหน ขอแค่ยังมีลมหายใจ เมื่อดื่มมันแล้ว ก็จะไม่อันตรายถึงชีวิต ดังนั้นข้าจึงตั้งชื่อมันว่ายาไม่ตาย”“ยาไม่ตายนี่ท่านเก็บไว้ ถ้าหากไม่ต้องใช้มันย่อมดีที่สุด ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ท่านก็มีวิธีเอาตัวรอดมากขึ้น!”เซียวจิ่งอี้มองน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอก รู้สึกอุ่นใจราวกับแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อนเขากอดอวิ๋นฝูหลิงไว้ในอ้อมแขน “วางใจได้ ข้าไปเจียงหนานครั้งนี้จะระวัง หลังจากนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นฝูหลิงกอดเขา “ท่านพูดแล้วนะว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย!”ทั้งสองอาลัยอาวรณ์อยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงกล่าวกะทันหัน “หรือไม่ข้าไปกับท่านด้วย?”เซียวจิ่งอี้ยังไม่รู้ว่าทางเจียงหนานเป็นอย่างไร อีกทั้งไปสืบคดีขี้ผึ้งทองที่เจียงหนานครั้งนี้ ยังเกี่ยวข้องกับชาวแคว้นเยว่ ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายแน่นอนเขาไม่อยากให้อวิ๋นฝูหลิงตกอยู่ในอันตราย“ทางเมืองหลวงยังต้องมีเจ้าคอยดูแล”“ข้าได้สั่งการลงไปแล้ว เพื่อไม่แหวกหญ้าใ
การลอบสังหารเมื่อครั้งก่อน ถ้าหากทำสำเร็จจริงๆ การตายของเซียวจิ่งอี้ต้องทำให้ฮ่องเต้จิ่งผิงโกรธมากแน่คนฉลาดล้วนมองออก ฮ่องเต้จิ่งผิงได้เลือกเซียวจิ่งอี้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ถ้าหากเซียวจิ่งอี้ตาย เพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ องค์ชายทั้งหลายต้องเอาการตายของเซียวจิ่งอี้มาเป็นเครื่องมือใส่ร้ายกันและกันแน่นอนถึงเวลาเหล่าองค์ชายห้ำหั่นกัน ต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่นอนและเหตุการณ์ขี้ผึ้งทองครั้งนี้ยิ่งร้ายแรงถ้าหากขุนนางและชนชั้นสูงของต้าฉีล้วนติดขึ้ผึ้งทอง พวกเขาจะไม่ฟังคำสั่งชาวแคว้นเยว่ที่อยู่เบื้องหลัง มอบต้าฉีออกไปหรือ?ถึงเวลาชาวแคว้นเยว่ไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว ก็สามารถทำความฝันฟื้นฟูแคว้นให้เป็นจริงเมื่อจ้าวเสวียซือตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกล่าว “ชาวแคว้นเยว่พวกนี้น่ารังเกียจจริงๆ!”เดิมทีแคว้นเยว่เป็นแคว้นเล็กๆ ที่อยู่แถบชายแดนฮ่องเต้องค์สุดท้ายโหดร้ายและไร้ความสามารถ ส่งผลให้ราษฎรอยู่อย่างยากไร้ เกิดจลาจลขึ้นทุกหนทุกแห่ง ราษฎรพากันลุกฮือช่วงสุดท้ายของสงคราม กองทัพต่อต้านที่นำโดยฮ่องเต้ไท่จูปะทะกับกองทัพของสกุลหวังแห่งเจียงโจวอย่างสูสีใค
เขาจะลากคอผู้อยู่เบื้องหลังที่คิดค้นขี้ผึ้งทองมาทำร้ายผู้คน ออกมากระทืบให้ตาย!ตอนที่เซียวจิ่งอี้กลับมา จ้าวเสวียซือเข้ามาขวางเขาระหว่างทาง ทั้งสองเข้าไปในห้องหนังสือหลังจากเข้าห้องหนังสือ เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง “เจ้าไม่เป็นไรแล้ว?”จ้าวเสวียซือพยักหน้า “สองวันนี้ไม่อยากเลย พระชายาเอาขี้ผึ้งทองมาถึงตรงหน้าข้า ข้าก็ไม่ได้อยากสูบมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”“พระชายาบอกว่าเลิกสำเร็จชั่วคราว”“ข้ามาหาท่าน เพราะอยากถามดูว่าเจ้าตรวจสอบทางเรือนเสินเซียนไปถึงไหนแล้ว?”“คนที่อยู่เบื้องหลังใช้ขี้ผึ้งทองทำข้าเสียอนาถเลย ไม่รู้ว่าในเมืองหลวงยังมีผู้เคราะห์ร้ายอีกกี่คน ข้าไม่ละเว้นเขาเด็ดขาด!”ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการเลิกขี้ผึ้งทอง รู้เพียงเซียวจิ่งอี้รายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้จิ่งผิง และกำลังสืบแล้วส่วนสืบไปถึงไหนแล้ว เขาไม่รู้แต่ว่าจ้าวเสวียซืออยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้ มีอะไรก็พูด ไม่เคยอ้อมค้อมเขาไม่ได้ปกปิดจุดประสงค์ของตัวเองเขาอยากเป็นผู้ช่วยของเซียวจิ่งอี้ ร่วมสืบคดีนี้กับเซียวจิ่งอี้เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง เขากำลังขาดคนที่เชื่อถือได้พอดี ในเมื่อจ้าวเสวียซ
เซียวจิ่งอี้กล่าวอธิบาย “ภายนอก เฟิ่งเหนียงเป็นเจ้าของหอชุนเฟิง แต่ความจริงอาศัยหอชุนเฟิงรวบรวมข่าวต่างๆ ให้ข้า”“นางมีทักษะเฉพาะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เชี่ยวชาญการทำหน้ากากหนังมนุษย์”อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าหอชุนเฟิงจะเป็นกิจการของเซียวจิ่งอี้หอชุนเฟิงเป็นหอคณิกาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่ว่าผู้หญิงในหอล้วนเป็นนางคณิกาชั้นสูง นับได้ว่าเป็นสถานที่เริงรมย์ระดับสูงผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้หญิงอายุประมาณสามสี่สิบที่มีเรือนร่างเย้ายวนคนหนึ่งถูกคนรับใช้พาเข้ามา นางคำนับอย่างเย้ายวน “เฟิ่งเหนียงคำนับท่านอ๋องและพระชายา!”หน้าตาของผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์มาก แววตายั่วยวนแม้เริ่มมีอายุแล้ว แต่ยังคงเป็นหญิงงามที่มีเสน่ห์หญิงงามเช่นนี้ แม้เป็นอวิ๋นฝูหลิงก็อดมองไม่ได้แต่ว่าเฟิ่งเหนียงคนนี้อยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง ทำตัวเรียบร้อย แววตาสดใสเซียวจิ่งอี้ยกมือ “ลุกขึ้นเถอะ”สีหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่ได้หวั่นไหวเพราะความงามของเฟิ่งเหนียง ราวกับว่านางไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป“วันนี้ที่เรียกเจ้ามา เพราะมีงานจะให้ทำ”เฟิ่งเหนียงหลุบตา “ท่านอ๋องเชิญสั่ง”เซียวจิ่งอี้
“แล้วค่อยตรวจสอบดูว่ามีกี่คนที่ติด ดูว่ามีวิธีรักษาหรือไม่”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า “เรามอบอำนาจให้เจ้าสอบสวนเรื่องนี้ สามารถประหารก่อน รายงานทีหลัง!”“เรารู้สึกว่าความเป็นมาของขี้ผึ้งทองไม่ธรรมดา”“เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีแผนการใหญ่”“อี้เอ๋อร์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเมืองหลวงและเจียงหนาน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด”“ต้องรู้คนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เราก็อยากรู้เช่นกัน ใครกันที่ใช้วิธีชั่วช้าเช่นนี้ อยากทำลายรากฐานของต้าฉี”เซียวจิ่งอี้ประสานมือขานรับเขารับผิดชอบเรื่องสืบสวนคดี แต่เรื่องการรักษา ต้องพึ่งอวิ๋นฝูหลิงแล้วหลังจากเซียวจิ่งอี้ส่งฮ่องเต้จิ่งผิงกลับวัง ตอนที่ออกมา เทียนเฉวียนได้รับคำสารภาพจากการสอบสวนชุยซวี่ตงและคนอื่นแล้วเขาส่งคำสารภาพให้เซียวจิ่งอี้หลังจากเซียวจิ่งอี้ดูคำสารภาพที่หนาเป็นปึก กล่าวออกคำสั่ง “เจ้าพาคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าเรือนเสินเซียน”“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”“อีกสองวัน ก็เป็นวันที่ผู้ดูแลเจียงหนานสั่งคนมาส่งของให้เรือนเสินเซียน”“รอถึงวันนั้นค่อยลงมือ”“ใช่แล้ว เรียกเฟิ่งเหนียงมา ข้ามีงานจะให
เวลานี้สำหรับชุยซวี่ตง แรงดึงดูดของขี้ผึ้งทองอยู่เหนือกว่าเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างหมดเปลือกเรื่องร้ายแรงมีตั้งแต่เฉิงเอินกงอาศัยตำแหน่งของตัวเองซื้อขายยศตำแหน่ง ยักยอกทรัพย์ รับสินบน ยึดที่ดินทำกินเรื่องเล็กน้อยก็มีตั้งแต่น้องเมียเป็นชู้กับพี่สะใภ้ คุณหนูหนีตามผู้ชายไป เรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่น่าตกใจทั้งสิ้นฮ่องเต้จิ่งผิงฟังจนหน้าบึ้งตึงเซียวจิ่งอี้รู้ว่าชุยซวี่ตงก็มีส่วนกับเรือนเสินเซียน จึงกล่าวถาม “ใครให้พวกเจ้าเปิดเรือนเสินเซียน? พวกเจ้าไปเอาของมาจากไหน?”สีหน้าชุยซวี่ตงซีดมาก แทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองแล้ว“ขี้ผึ้งเสินเซียน…ข้าต้องการขี้ผึ้งเสินเซียน…”เซียวจิ่งอี้หันไปขยิบตาให้เทียนเฉวียน เทียนเฉวียนเดินเข้าไป ส่งกล้องยาสูบของขี้ผึ้งทองให้ชุยซวี่ตงทันทีชุยซวี่ตงรีบใช้สองมือคว้ากล่องยาสูบ สูบแรงๆ ไปหนึ่งทีหลังจากร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความสุขที่พึงพอใจพริบตาต่อมา เทียนเฉวียนยึดกล้องยาสูบท่าทางของชุยซวี่ตงเหมือนต้องการมากกว่านี้ “ได้โปรด ให้ข้าสูบอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว…”
หลังจากนั้นเขาให้องครักษ์ลับแอบลักพาตัวคนที่อยู่ในรายชื่อมาที่คฤหาสน์ในเมื่อจะให้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้ถึงความอันตรายของขี้ผึ้งทอง และสนับสนุนเขาตรวจสอบเรือนเสินเซียน เพื่อลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาลงโทษตามกฎหมายแค่อธิบายด้วยคำพูด มันไม่เสียแรงเกินไปหรอกหรือยังมีอะไรที่น่าตกใจและน่ากลัวกว่าการได้เห็นอาการอยากด้วยตัวเอง?ก็เหมือนกับเมื่อคืน เขาเห็นด้านที่น่าเกลียดของจ้าวเสวียซือตอนอยากด้วยตาตัวเองชุยซวี่ตงคุณชายเจ็ดจวนเฉิงเอินกงจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน แต่วันนี้เช้าพอตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเขาลุกขึ้นจะเปิดประตูออกไป กลับพบว่าประตูถูกลงกลอนจากข้างนอกไม่ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน ข่มขู่ อ้อนวอน ก็ไม่มีใครสนใจเขาชุยซวี่ตงทั้งกลัวทั้งตกใจ อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่านี่คือฝีมือของใครกันแน่?คนคนนั้นลักพาตัวเขามาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป ชุยซวี่ตงเริ่มหาวบ่อยขึ้น ความรู้สึกฉุนเฉียวผุดออกมาจากส่วนลึกในใจเขายื่นมือไปล้วงขี้ผึ้งทองและกล้องยาสูบของตัวเอง เพื่อเอาออกมาสูบโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่เจออะไรเลยอาการคลั่งและค
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงต้มยาเสร็จ ยกมาให้จ้าวเสวียซือดื่มแล้ว จึงจะกล่าว“ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่จวนอี้อ๋องไปก่อน ข้าจะสั่งให้คนเฝ้าเรือนหลังนี้ไว้ จะให้เจ้ามีโอกาสเข้าใกล้ขี้ผึ้งทองไม่ได้”“ตอนนี้เจ้ายังไม่ติดยาเสพติดขั้นรุนแรง ยังมีโอกาสเลิกพึ่งพาขี้ผึ้งทอง”“ข้าจะใช้การฝังเข็มกับยามาช่วยเจ้าเลิก สามารถลดความเจ็บปวดระหว่างที่เจ้าเลิกได้”“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของเจ้า เจ้าต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง”“ถ้าหากความตั้งใจของเจ้าไม่แน่วแน่ ผ่านมันไปไม่ได้ คนรอบข้างช่วยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!”จ้าวเสวียซือพยักหน้า สีหน้าตื้นตัน “พี่สะใภ้ วันนี้ขอบคุณมาก!”อวิ๋นฝูหลิง “ท่านอ๋องเห็นเจ้าเป็นพี่น้อง คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”เซียวจิ่งอี้ยกมือตบไหล่จ้าวเสวียซือ “ฟังพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าต้องเลิกขี้ผึ้งทองให้ได้!”“นอกจากชีวิตที่เหลือของเจ้าอยากถูกมันควบคุม”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวเสียงเย็น “ครึ่งชีวิตที่ไหนล่ะ ถ้าหากสูบเป็นเวลานาน อย่างมากสองสามปีก็ตายแล้ว!”จ้าวเสวียซือได้สัมผัสความร้ายกาจของขี้ผึ้งทองแล้ว เขารู้สึกเกลียดมันมากแค่นึกถึงอาการกำเริบก่อนหน้านี้ ฉุนเฉ
อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่