“ท่านเป็นบุรุษแท้ ๆ เหตุใดผิวพรรณจึงดีขนาดนี้เล่า!”“ท่านดูแลเช่นไร แล้วปกติใช้ของบำรุงผิวอันไหน?”ชั่วพริบตานั้น เซียวจิ่งอี้ถึงกับร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออกอวิ๋นฝูหลิงบีบขยำใบหน้าของเขาอยู่พักใหญ่นางพึมพำออกมาเบา ๆ หลังผ่านไปครู่ใหญ่ “มันคงจะดีเหลือเกินหากท่านเป็นเพียงแค่พรานป่านามหวังลี่ผู้นั้น!”“แค่มีใบหน้างาม ๆ เช่นนี้ เจ๊จะเลี้ยงดูเจ้าเอง!”“แต่ทำไมท่านถึงต้องเป็นองค์ชายเจ็ดด้วยนะ!”“เหตุใดคนที่ข้าชอบจะต้องเป็นถึงองค์ชายด้วย?”“ท่านเป็นถึงองค์ชาย ข้าจะชอบท่านไม่ได้เด็ดขาด!”เซียวจิ่งอี้ทั้งตกใจทั้งปลื้มปีติ เขาโน้มตัวเข้าไปหาอวิ๋นฝูหลิงปรับน้ำเสียงให้ทุ้มต่ำ แล้วเอ่ยถามเบา ๆ ราวกับกำลังล่อลวงก็ไม่ปาน “เหตุใดข้าถึงเป็นองค์ชายไม่ได้?”“เหตุใดเจ้าถึงจะชอบองค์ชายไม่ได้?”อวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว แล้วโอดครวญออกมา “ราชวงศ์ต้องมีกฎเยอะมาก ๆ แบบมาก ๆ อยู่แน่”“หากข้าแต่งให้ท่าน เป็นพระชายาของท่านแล้ว ข้าจะยังเป็นหมอได้หรือไม่?”“เกรงว่าข้าคงจะถูกกักขังให้อยู่แต่ในวังหลัง คอยดูแลเรื่องงานบ้านงานเรือน ไม่แน่ว่าอาจจะต้องดูแลอนุอีกเป็นโขยงของท่านด้วยก็ได้!”“ข้ามิใช่คนโง่นะ!”
อวิ๋นฝูหลิงอดยกมือขึ้นมากุมหน้าไม่ได้สวรรค์ นางไปทำเรื่องพรรค์นั้นกับเซียวจิ่งอี้ได้อย่างไร?น่าอับอายขายหน้าเป็นที่สุด!ต้องโทษที่พอมีของสวย ๆ งาม ๆ มาอยู่ตรงหน้าแล้ว นางมักจะยับยั้งความอดทนไว้ไม่ไหวไปชั่วขณะเสียทุกทีนอกจากลูบ ๆ คลำ ๆ แล้ว นางคงไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่มันเลยเถิดเกินไปกว่านั้นหรอกกระมัง?ครั้นเห็นว่าเสื้อผ้าบนตัวยังคงอยู่ดี คงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอกอวิ๋นฝูหลิงเขกหัวตัวเอง คิดในใจว่าต่อไปไม่อาจแตะสุราอีกนึกไม่ถึงเลยว่าร่างกายนี้ของนางจะคออ่อนขนาดนี้ ดื่มสุราอ่อน ๆ ไปเพียงจอกเดียวก็เมามายเสียขนาดนี้ขณะนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดคุยดังลอดเข้ามาจากด้านนอกประตูอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยปาก “ใครอยู่ข้างนอกน่ะ?”ชั่วพริบตาต่อมา ประตูห้องก็ถูกคนผลักออก อวิ๋นจิงมั่ววิ่งตึก ๆ เข้ามาด้วยขาสั้น ๆ ของตัวเองมีเหยากวงคอยเดินตามหลังเขาเข้ามาอวิ๋นจิงมั่ววิ่งเข้ามาถึงหัวเตียง เงยหน้ามองอวิ๋นฝูหลิง ดวงหน้าของเขามีแต่ความเป็นห่วงเป็นใย“ท่านแม่ ท่านไม่สบายตรงไหนบ้างไหม ปวดศีรษะบ้างหรือเปล่า?”“ข้าได้ยินพวกท่านลุงอู๋บอกว่า หากดื่มสุราจนเมาจะปวดศีรษะ”“ต้องดื่มน้ำแกงสร่างเมาถึงจ
อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากประสบเหตุการณ์อย่างคุณชายน้อยลู่เช่นนั้นดังนั้นตลอดเส้นทางนี้ นางเลยไม่สนใจว่าจะขายหน้าหรือไม่ กอดเซียวจิ่งอี้แน่นให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยเกียรติศักดิ์ศรีจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับคุณค่าของชีวิตหรอกนะ!เซียวจิ่งอี้กำบังเหียนไว้ พลางยกยิ้มน้อยๆไม่นานนัก เซียวจิ่งอี้จึงรั้งอาชาให้หยุดฝีเท้าอวิ๋นฝูหลิงมองไปรอบ ๆ เล็กน้อย ถึงได้เห็นว่าพวกเขากำลังอยู่ที่ตีนเขาฝั่งบูรพาของหมู่บ้านซวงหลิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านซวงหลินเท่าไรเซียวจิ่งอี้ลงจากหลังม้าก่อน จากนั้นจึงอุ้มอวิ๋นฝูหลิงลงมาอวิ๋นฝูหลิงพูดขึ้นด้วยความฉงน “ท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม?”เซียวจิ่งอี้มิได้ตอบ ทำเพียงกอบกุมมือของอวิ๋นฝูหลิงไว้แล้วกล่าวว่า “ขึ้นไปดูบนเขากัน”อวิ๋นฝูหลิงดีดดิ้นสะบัดมืออยู่หลายครั้งก็ไม่หลุด จึงได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบไปลักษณะภูเขาลูกนี้ของหมู่บ้านซวงหลินไม่เหมือนกับเขาเฟิ่งลั่ว ทั้งยังไม่ได้สูงชันดูอันตราย และดูสลับซับซ้อนอย่างเขาเฟิ่งลั่วที่นี่เรียกว่าภูเขา แต่ในความจริงแล้วก็เป็นเพียงเนินเขาเล็ก ๆ ที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลสองถึงสามร้อยเมตรเท่านั้นฉะนั้นไม่นานนัก ท
อวิ๋นฝูหลิงอดยิ้มออกมาไม่ได้ ในเมื่อวันนี้เซียวจิ่งอี้เปิดอกพูดออกมาแล้ว เช่นนั้นนางก็ถือโอกาสพูดให้กระจ่างแจ้งไปด้วยแล้วกัน“ท่านอยากแต่งงานกับข้าจริง ๆ หรือเพราะอยากมอบฐานะอันชอบธรรมให้จิงมั่ว ถึงได้อยากแต่งงานกับข้ากันแน่?”เซียวจิ่งอี้มองเข้าไปในดวงตาของอวิ๋นฝูหลิง กล่าวออกมาอยากจริงใจว่า “สำหรับข้าแล้ว จิงมั่วนับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อนจริง แต่หากว่าข้าอยากให้เขากลับสู่สกุล คืนสู่ฐานะที่ถูกต้อง ข้ายังมีวิธีการอีกมากมาย”“ที่ข้าอยากแต่งงานกับเจ้าและให้เจ้ามาเป็นพระชายาของข้า เป็นเพราะข้ามีใจรักเจ้าเท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น”“ชั่วชีวิตหลังจากนี้ ขอแค่เจ้ายอมอยู่เคียงข้าง มีกันและกัน ใช้ชีวิตร่วมกันกับข้าจนผมขาว!”แม้ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่เชื่อในความรักลึกซึ้งของพวกราชนิกุล ทว่าความซื่อตรงและอบอุ่นของเซียวจิ่งอี้ในยามนี้ กลับทำให้หัวใจนางเต้นไม่เป็นส่ำนางชอบเซียวจิ่งอี้นางแน่ใจ ว่านางหลงรักเซียวจิ่งอี้เข้าแล้วก่อนหน้านี้นางมัวแต่กังวล ไม่ยอมเผชิญหน้าตรง ๆ กับความรู้สึกนี้ทว่ายามนี้เซียวจิ่งอี้เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหานางหนึ่งก้าวแล้ว นางเองก็บังเกิดความกล้า
อวิ๋นฝูหลิงพูดไปพลาง ๆ จึงพูดข้อกำหนดการจ้างงานกับหัวหน้าหมู่บ้านโจวไปด้วยเขาลูกทางเหนือของหมู่บ้านที่นางซื้อไว้ลูกนั้น กอปรกับเขาและที่ดินที่เซียวจิ่งอี้มอบให้นางในวันนี้ อวิ๋นฝูหลิงวางแผนไว้ว่าจะจ้างคนให้มาบุกเบิกที่แล้วปลูกสมุนไพรจะปลูกพันธุ์ที่รอดเป็นต้นง่าย และมีช่วงเวลาเก็บเกี่ยวสั้น ๆ ก่อนส่วนโรงปรุงยา เทียบยาที่นางปรุงขึ้นนั้นย่อมต้องเก็บเป็นความลับ ไว้ถึงคราวที่นางต้องเดินทาง หากหาคนที่น่าไว้วางใจมารับช่วงต่อไม่ได้ จะเปิดโรงปรุงยาต่อไปก็ไม่ดีนักถึงอย่างไรโรงปรุงยาชั่วคราวในยามนี้ก็มีพวกเจิ้งซื่อคอยช่วยดูแล และอวิ๋นฝูหลิงยังอยู่ที่หมู่บ้านซวงหลินอีกหนึ่งเดือน หนึ่งเดือนนี้ ช่วงหนึ่งเดือนนี้ก็ทำเช่นนี้ไปก่อนอีกทั้งทางฝั่งนายท่านหางก็เร่งเร้าจะเอายาลูกกลอนแล้วด้วยระหว่างนี้นางจะออกไปหาคน จะลองดูว่ามีคนที่เหมาะมารับช่วงต่อหรือไม่หากหาคนที่เหมาะจะมารับช่วงต่อได้ถือเป็นการดียิ่ง แต่หากหาไม่ได้ก็เอาไว้ค่อยว่ากันอีกทีช่วงครึ่งบ่าย หัวหน้าหมู่บ้านโจวจึงตีฆ้องร้องป่าวให้ชาวบ้านทั้งหลายไปรวมตัวกันที่ลานนวดข้าวหน้าทางเจ้าหมู่บ้านกระทั่งประกาศเรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงจะสร้างสว
สมุนไพรชุดแรกในสวนสมุนไพร อวิ๋นฝูหลิงเลือกมาเพียงไม่กี่ชนิดที่ปลูกขึ้นง่ายและตายยากอย่าง ดอกสายน้ำผึ้ง สะระแหน่ โสมซานชี เก๋ากี้ เป็นต้นอวิ๋นฝูหลิงคัดเลือกกำลังคนจากชาวบ้านที่อยากทำงานออกมาอีกจำนวนหนึ่ง ให้พวกเขาลงนามในหนังสือสัญญา เพื่อจ้างคนเหล่านี้ให้คอยดูแลสวนสมุนไพรอวิ๋นฝูหลิงแจ้งไว้แต่เนิ่น ๆ ว่าหากใครปลูกสมุนไพรออกมาได้ดี พอถึงช่วงเก็บเกี่ยวก็จะมีเงินปูนบำเหน็จให้เพิ่มครึ่งส่วนมีสิ่งตอบแทนล่อตาล่อใจอยู่เช่นนี้ ชาวบ้านที่ลงนามในหนังสือสัญญาก็ไม่มีใครกล้าทำตัวหย่อนยาน มองต้นอ่อนสมุนไพรพวกนั้นราวกับเป็นบุตรของตนเอง ทะนุถนอมรักใคร่เป็นที่สุดก่อนหน้านี้นายท่านหางเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงมาหาเมล็ดพันธุ์สมุนไพรจากเขา ยังคิดอยู่เลยว่านางอยากจะปลูกเล่น ๆ เท่านั้นถึงอย่างไรสมุนไพรนั้นใช่ว่าจะปลูกกันได้ง่าย ๆ ในยุคของราชวงศ์ต้าฉีนั้นมีหลายครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ ครอบครัวที่ปลูกสมุนไพรรอดมาเป็นต้นได้นั้นก็น้อยนิดยิ่งนักแถมสมุนไพรที่พวกนั้นปลูกรอดเป็นต้นได้ก็มีแต่ชนิดที่ปลูกง่ายอยู่ง่ายไม่กี่ชนิดเท่านั้นดังนั้นพอรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงรังสรรค์สวนสมุนไพรขึ้นมาได้แห่งหนึ่ง ไม่เพียงแต
สมุนไพรในยุคสมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วมักเติบโตอยู่ในป่า ดังนั้นจึงเกิดอาชีพอย่างนักเก็บสมุนไพรอาชีพนี้ขึ้นมาตระกูลนักเก็บสมุนไพรหลายตระกูลจึงร่วมมือกับตระกูลแพทย์ ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายตอนแรกสกุลเซี่ยก็เป็นเช่นนี้แต่เดิมสกุลเซี่ยเป็นเพียงสกุลเล็ก ๆ ธรรมดาสกุลหนึ่ง ได้เป็นสหายกับจี้ชุนโหวผู้เฒ่า หลังจากนั้นยังร่วมมือกันปลูกสมุนไพร สกุลเซี่ยถึงได้ค่อย ๆ มั่งมีและรุ่งเรืองขึ้นมาทว่าโลกใบนี้ล้วนมีคนเช่นนี้อยู่เสมอ คนที่เพียงแค่ยอมร่วมทุกข์ แต่ไม่ยอมให้ร่วมสุขด้วยทันทีที่ร่ำรวยมีเงินทอง ความคิดก็แปรเปลี่ยนไม่เหมือนเก่าก่อนอีกต่อไปทันทีที่นายท่านผู้เฒ่าหางพูดถึงสกุลเซี่ย น้ำเสียงไม่ดีเลยสักนิด“พอสกุลนั้นร่ำรวย ใจก็ยิ่งละโมบหนัก ไม่พอใจกับส่วนแบ่งกำไรที่เคยคุยกับปู่ทวดของเจ้าไว้เมื่อครั้งแรกๆ”“คิดว่าคนที่คอยดูแลสวนสมุนไพรล้วนมีแต่คนของสกุลพวกเขาทั้งสิ้น เป็นพวกเขาที่ลงแรงให้เยอะกว่า พวกเขาควรจะได้ส่วนแบ่งมากกว่า ไม่ใช่ได้ส่วนแบ่งที่เท่า ๆ กันทั้งสองฝ่าย”“แล้วพวกเขาก็ไม่เคยคิดนี่ ว่าหากไม่มีท่านปู่ทวดของเจ้า ลำพังแค่พวกเขาจะปลูกดอกสายน้ำผึ้งกับสะระแหน่ออกมาได้หรือ?”“หลังจากนั้
“ถ้าหากโรงปรุงยาสามารถเปิดต่อไป สำหรับคนในหมู่บ้าน ก็มีอาชีพมากขึ้นหนึ่งอย่าง หลายครอบครัวสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้น”“ถ้าหากท่านปู่หางยินดีร่วมทำการค้าโรงปรุงยานี้กับข้า ข้าออกเทียบยาของยาลูกกลอนเอง ส่วนทางโรงปรุงยาให้สกุลหางดูแล”“พวกเราแบ่งผลกำไรคนละครึ่ง แต่ข้ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ โรงปรุงยานี้ต้องสร้างในหมู่บ้านซวงหลิน การหาคนงานก็ต้องพิจารณาชาวบ้านของหมู่บ้านซวงหลินก่อน”พลันนายท่านผู้เฒ่าหางลูบเครายิ้ม “เจ้าเด็กคนนี้ จิตใจดีจริงๆ!”“ข้าทำเพื่อทุกคน ทุกคนทำเพื่อข้า” อวิ๋นฝูหลิงจิบชาคำหนึ่ง กล่าวหัวเราะแหะๆนายท่านผู้เฒ่าหางครุ่นคิดในใจครู่หนึ่ง รู้สึกว่าคำพูดนี้ค่อนข้างมีปรัชญา สายตาที่มองไปทางอวิ๋นฝูหลิงยิ่งชื่นชมแล้วนายท่านหางกล่าวถามอย่างอมยิ้ม “ศิษย์น้องอวิ๋นเชื่อใจพวกเราเช่นนี้ ไม่กลัวพวกเราเหมือนสกุลเซี่ย ได้เทียบยาจากศิษย์น้องอวิ๋น วันข้างหน้าก็ไปทำการค้าของตัวเองหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้ามองนายท่านหาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นย่อมเป็นเพราะเชื่อใจ!”“ไม่ว่าจะเป็นท่านปู่หาง หรือพี่ใหญ่หาง พี่สามหาง ล้วนเป็นคนดี”“อีกอย่างนะ สกุลหางกับข้าเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน พวกเราล้วนเป็นค
“เป็นของที่ข้าใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมาย และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำออกมาได้ไม่กี่หยด”“ท่านต้องเก็บให้ดีนะ”“ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกพิษ ไม่ว่าบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ไม่ว่าพิษรุนแรงแค่ไหน ขอแค่ยังมีลมหายใจ เมื่อดื่มมันแล้ว ก็จะไม่อันตรายถึงชีวิต ดังนั้นข้าจึงตั้งชื่อมันว่ายาไม่ตาย”“ยาไม่ตายนี่ท่านเก็บไว้ ถ้าหากไม่ต้องใช้มันย่อมดีที่สุด ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ท่านก็มีวิธีเอาตัวรอดมากขึ้น!”เซียวจิ่งอี้มองน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอก รู้สึกอุ่นใจราวกับแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อนเขากอดอวิ๋นฝูหลิงไว้ในอ้อมแขน “วางใจได้ ข้าไปเจียงหนานครั้งนี้จะระวัง หลังจากนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นฝูหลิงกอดเขา “ท่านพูดแล้วนะว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย!”ทั้งสองอาลัยอาวรณ์อยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงกล่าวกะทันหัน “หรือไม่ข้าไปกับท่านด้วย?”เซียวจิ่งอี้ยังไม่รู้ว่าทางเจียงหนานเป็นอย่างไร อีกทั้งไปสืบคดีขี้ผึ้งทองที่เจียงหนานครั้งนี้ ยังเกี่ยวข้องกับชาวแคว้นเยว่ ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายแน่นอนเขาไม่อยากให้อวิ๋นฝูหลิงตกอยู่ในอันตราย“ทางเมืองหลวงยังต้องมีเจ้าคอยดูแล”“ข้าได้สั่งการลงไปแล้ว เพื่อไม่แหวกหญ้าใ
การลอบสังหารเมื่อครั้งก่อน ถ้าหากทำสำเร็จจริงๆ การตายของเซียวจิ่งอี้ต้องทำให้ฮ่องเต้จิ่งผิงโกรธมากแน่คนฉลาดล้วนมองออก ฮ่องเต้จิ่งผิงได้เลือกเซียวจิ่งอี้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ถ้าหากเซียวจิ่งอี้ตาย เพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ องค์ชายทั้งหลายต้องเอาการตายของเซียวจิ่งอี้มาเป็นเครื่องมือใส่ร้ายกันและกันแน่นอนถึงเวลาเหล่าองค์ชายห้ำหั่นกัน ต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่นอนและเหตุการณ์ขี้ผึ้งทองครั้งนี้ยิ่งร้ายแรงถ้าหากขุนนางและชนชั้นสูงของต้าฉีล้วนติดขึ้ผึ้งทอง พวกเขาจะไม่ฟังคำสั่งชาวแคว้นเยว่ที่อยู่เบื้องหลัง มอบต้าฉีออกไปหรือ?ถึงเวลาชาวแคว้นเยว่ไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว ก็สามารถทำความฝันฟื้นฟูแคว้นให้เป็นจริงเมื่อจ้าวเสวียซือตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกล่าว “ชาวแคว้นเยว่พวกนี้น่ารังเกียจจริงๆ!”เดิมทีแคว้นเยว่เป็นแคว้นเล็กๆ ที่อยู่แถบชายแดนฮ่องเต้องค์สุดท้ายโหดร้ายและไร้ความสามารถ ส่งผลให้ราษฎรอยู่อย่างยากไร้ เกิดจลาจลขึ้นทุกหนทุกแห่ง ราษฎรพากันลุกฮือช่วงสุดท้ายของสงคราม กองทัพต่อต้านที่นำโดยฮ่องเต้ไท่จูปะทะกับกองทัพของสกุลหวังแห่งเจียงโจวอย่างสูสีใค
เขาจะลากคอผู้อยู่เบื้องหลังที่คิดค้นขี้ผึ้งทองมาทำร้ายผู้คน ออกมากระทืบให้ตาย!ตอนที่เซียวจิ่งอี้กลับมา จ้าวเสวียซือเข้ามาขวางเขาระหว่างทาง ทั้งสองเข้าไปในห้องหนังสือหลังจากเข้าห้องหนังสือ เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง “เจ้าไม่เป็นไรแล้ว?”จ้าวเสวียซือพยักหน้า “สองวันนี้ไม่อยากเลย พระชายาเอาขี้ผึ้งทองมาถึงตรงหน้าข้า ข้าก็ไม่ได้อยากสูบมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”“พระชายาบอกว่าเลิกสำเร็จชั่วคราว”“ข้ามาหาท่าน เพราะอยากถามดูว่าเจ้าตรวจสอบทางเรือนเสินเซียนไปถึงไหนแล้ว?”“คนที่อยู่เบื้องหลังใช้ขี้ผึ้งทองทำข้าเสียอนาถเลย ไม่รู้ว่าในเมืองหลวงยังมีผู้เคราะห์ร้ายอีกกี่คน ข้าไม่ละเว้นเขาเด็ดขาด!”ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการเลิกขี้ผึ้งทอง รู้เพียงเซียวจิ่งอี้รายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้จิ่งผิง และกำลังสืบแล้วส่วนสืบไปถึงไหนแล้ว เขาไม่รู้แต่ว่าจ้าวเสวียซืออยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้ มีอะไรก็พูด ไม่เคยอ้อมค้อมเขาไม่ได้ปกปิดจุดประสงค์ของตัวเองเขาอยากเป็นผู้ช่วยของเซียวจิ่งอี้ ร่วมสืบคดีนี้กับเซียวจิ่งอี้เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง เขากำลังขาดคนที่เชื่อถือได้พอดี ในเมื่อจ้าวเสวียซ
เซียวจิ่งอี้กล่าวอธิบาย “ภายนอก เฟิ่งเหนียงเป็นเจ้าของหอชุนเฟิง แต่ความจริงอาศัยหอชุนเฟิงรวบรวมข่าวต่างๆ ให้ข้า”“นางมีทักษะเฉพาะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เชี่ยวชาญการทำหน้ากากหนังมนุษย์”อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าหอชุนเฟิงจะเป็นกิจการของเซียวจิ่งอี้หอชุนเฟิงเป็นหอคณิกาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่ว่าผู้หญิงในหอล้วนเป็นนางคณิกาชั้นสูง นับได้ว่าเป็นสถานที่เริงรมย์ระดับสูงผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้หญิงอายุประมาณสามสี่สิบที่มีเรือนร่างเย้ายวนคนหนึ่งถูกคนรับใช้พาเข้ามา นางคำนับอย่างเย้ายวน “เฟิ่งเหนียงคำนับท่านอ๋องและพระชายา!”หน้าตาของผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์มาก แววตายั่วยวนแม้เริ่มมีอายุแล้ว แต่ยังคงเป็นหญิงงามที่มีเสน่ห์หญิงงามเช่นนี้ แม้เป็นอวิ๋นฝูหลิงก็อดมองไม่ได้แต่ว่าเฟิ่งเหนียงคนนี้อยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง ทำตัวเรียบร้อย แววตาสดใสเซียวจิ่งอี้ยกมือ “ลุกขึ้นเถอะ”สีหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่ได้หวั่นไหวเพราะความงามของเฟิ่งเหนียง ราวกับว่านางไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป“วันนี้ที่เรียกเจ้ามา เพราะมีงานจะให้ทำ”เฟิ่งเหนียงหลุบตา “ท่านอ๋องเชิญสั่ง”เซียวจิ่งอี้
“แล้วค่อยตรวจสอบดูว่ามีกี่คนที่ติด ดูว่ามีวิธีรักษาหรือไม่”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า “เรามอบอำนาจให้เจ้าสอบสวนเรื่องนี้ สามารถประหารก่อน รายงานทีหลัง!”“เรารู้สึกว่าความเป็นมาของขี้ผึ้งทองไม่ธรรมดา”“เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีแผนการใหญ่”“อี้เอ๋อร์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเมืองหลวงและเจียงหนาน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด”“ต้องรู้คนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เราก็อยากรู้เช่นกัน ใครกันที่ใช้วิธีชั่วช้าเช่นนี้ อยากทำลายรากฐานของต้าฉี”เซียวจิ่งอี้ประสานมือขานรับเขารับผิดชอบเรื่องสืบสวนคดี แต่เรื่องการรักษา ต้องพึ่งอวิ๋นฝูหลิงแล้วหลังจากเซียวจิ่งอี้ส่งฮ่องเต้จิ่งผิงกลับวัง ตอนที่ออกมา เทียนเฉวียนได้รับคำสารภาพจากการสอบสวนชุยซวี่ตงและคนอื่นแล้วเขาส่งคำสารภาพให้เซียวจิ่งอี้หลังจากเซียวจิ่งอี้ดูคำสารภาพที่หนาเป็นปึก กล่าวออกคำสั่ง “เจ้าพาคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าเรือนเสินเซียน”“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”“อีกสองวัน ก็เป็นวันที่ผู้ดูแลเจียงหนานสั่งคนมาส่งของให้เรือนเสินเซียน”“รอถึงวันนั้นค่อยลงมือ”“ใช่แล้ว เรียกเฟิ่งเหนียงมา ข้ามีงานจะให
เวลานี้สำหรับชุยซวี่ตง แรงดึงดูดของขี้ผึ้งทองอยู่เหนือกว่าเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างหมดเปลือกเรื่องร้ายแรงมีตั้งแต่เฉิงเอินกงอาศัยตำแหน่งของตัวเองซื้อขายยศตำแหน่ง ยักยอกทรัพย์ รับสินบน ยึดที่ดินทำกินเรื่องเล็กน้อยก็มีตั้งแต่น้องเมียเป็นชู้กับพี่สะใภ้ คุณหนูหนีตามผู้ชายไป เรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่น่าตกใจทั้งสิ้นฮ่องเต้จิ่งผิงฟังจนหน้าบึ้งตึงเซียวจิ่งอี้รู้ว่าชุยซวี่ตงก็มีส่วนกับเรือนเสินเซียน จึงกล่าวถาม “ใครให้พวกเจ้าเปิดเรือนเสินเซียน? พวกเจ้าไปเอาของมาจากไหน?”สีหน้าชุยซวี่ตงซีดมาก แทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองแล้ว“ขี้ผึ้งเสินเซียน…ข้าต้องการขี้ผึ้งเสินเซียน…”เซียวจิ่งอี้หันไปขยิบตาให้เทียนเฉวียน เทียนเฉวียนเดินเข้าไป ส่งกล้องยาสูบของขี้ผึ้งทองให้ชุยซวี่ตงทันทีชุยซวี่ตงรีบใช้สองมือคว้ากล่องยาสูบ สูบแรงๆ ไปหนึ่งทีหลังจากร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความสุขที่พึงพอใจพริบตาต่อมา เทียนเฉวียนยึดกล้องยาสูบท่าทางของชุยซวี่ตงเหมือนต้องการมากกว่านี้ “ได้โปรด ให้ข้าสูบอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว…”
หลังจากนั้นเขาให้องครักษ์ลับแอบลักพาตัวคนที่อยู่ในรายชื่อมาที่คฤหาสน์ในเมื่อจะให้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้ถึงความอันตรายของขี้ผึ้งทอง และสนับสนุนเขาตรวจสอบเรือนเสินเซียน เพื่อลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาลงโทษตามกฎหมายแค่อธิบายด้วยคำพูด มันไม่เสียแรงเกินไปหรอกหรือยังมีอะไรที่น่าตกใจและน่ากลัวกว่าการได้เห็นอาการอยากด้วยตัวเอง?ก็เหมือนกับเมื่อคืน เขาเห็นด้านที่น่าเกลียดของจ้าวเสวียซือตอนอยากด้วยตาตัวเองชุยซวี่ตงคุณชายเจ็ดจวนเฉิงเอินกงจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน แต่วันนี้เช้าพอตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเขาลุกขึ้นจะเปิดประตูออกไป กลับพบว่าประตูถูกลงกลอนจากข้างนอกไม่ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน ข่มขู่ อ้อนวอน ก็ไม่มีใครสนใจเขาชุยซวี่ตงทั้งกลัวทั้งตกใจ อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่านี่คือฝีมือของใครกันแน่?คนคนนั้นลักพาตัวเขามาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป ชุยซวี่ตงเริ่มหาวบ่อยขึ้น ความรู้สึกฉุนเฉียวผุดออกมาจากส่วนลึกในใจเขายื่นมือไปล้วงขี้ผึ้งทองและกล้องยาสูบของตัวเอง เพื่อเอาออกมาสูบโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่เจออะไรเลยอาการคลั่งและค
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงต้มยาเสร็จ ยกมาให้จ้าวเสวียซือดื่มแล้ว จึงจะกล่าว“ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่จวนอี้อ๋องไปก่อน ข้าจะสั่งให้คนเฝ้าเรือนหลังนี้ไว้ จะให้เจ้ามีโอกาสเข้าใกล้ขี้ผึ้งทองไม่ได้”“ตอนนี้เจ้ายังไม่ติดยาเสพติดขั้นรุนแรง ยังมีโอกาสเลิกพึ่งพาขี้ผึ้งทอง”“ข้าจะใช้การฝังเข็มกับยามาช่วยเจ้าเลิก สามารถลดความเจ็บปวดระหว่างที่เจ้าเลิกได้”“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของเจ้า เจ้าต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง”“ถ้าหากความตั้งใจของเจ้าไม่แน่วแน่ ผ่านมันไปไม่ได้ คนรอบข้างช่วยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!”จ้าวเสวียซือพยักหน้า สีหน้าตื้นตัน “พี่สะใภ้ วันนี้ขอบคุณมาก!”อวิ๋นฝูหลิง “ท่านอ๋องเห็นเจ้าเป็นพี่น้อง คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”เซียวจิ่งอี้ยกมือตบไหล่จ้าวเสวียซือ “ฟังพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าต้องเลิกขี้ผึ้งทองให้ได้!”“นอกจากชีวิตที่เหลือของเจ้าอยากถูกมันควบคุม”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวเสียงเย็น “ครึ่งชีวิตที่ไหนล่ะ ถ้าหากสูบเป็นเวลานาน อย่างมากสองสามปีก็ตายแล้ว!”จ้าวเสวียซือได้สัมผัสความร้ายกาจของขี้ผึ้งทองแล้ว เขารู้สึกเกลียดมันมากแค่นึกถึงอาการกำเริบก่อนหน้านี้ ฉุนเฉ
อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่