เมื่อมาถึงคอนโดของชายหนุ่ม เวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบสามทุ่ม การจราจรที่ติดขัดทำให้ทั้งสองทำได้เพียงสั่งอาหารมากินแทนการออกไปทานข้างนอก หญิงสาวใช้ปลายนิ้วบรรจงแกะเนื้อปลานิลทอดออกจากก้างอย่างประณีต ก่อนวางลงบนจานของชายหนุ่มพลางเอ่ยเสียงใส
“ปลานิลทอดอร่อยดีนะคะพี่คิณณ์” “หนูชอบก็กินเยอะๆสิคะ” คิณณ์ละสายตาจากจานอาหาร มองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน “ของดีต้องแบ่งกันชิมสิคะ” รอยยิ้มผุดพรายบนใบหน้างามเปี่ยมไปด้วยความสุข “ถ้าอย่างนั้นเราต้องผลัดกันชิมแล้วล่ะ” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมพราวระยับอย่างสื่อความหมาย “เหนื่อยขนาดนี้ยังมีแรงหื่นอีกหรือคะ” “พี่อดมาสามเดือนแล้วนะคนดี” เสียงทุ้มเอ่ยอ้อน พลางส่งสายตาเว้าวอน คนน้องหน้าแดงซ่าน รีบตักข้าวใส่ปากเหมือนตั้งใจจะกลบเกลื่อนความรู้สึก แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้เขายิ่งจ้องเธอไม่วางตา “ทานข้าวค่ะ พูดเรื่องนั้นเวลาทานข้าวได้ยังไงคะ” “พี่พูดได้ทุกตอนเลยนะ ไม่กินข้าวแล้วทำตอนนี้ยังได้เลย” เขากระซิบหยอกเสียงพร่า แต่ยังไม่ทันจะขยับเข้าใกล้ คนตัวเล็กก็ส่งสายตาดุมาให้ราวกับเตือนว่าอย่าคิดลองดี ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำปากยื่นเหมือนเด็กถูกขัดใจ แล้วจึงหันไปจัดการอาหารตรงหน้าเงียบ ๆ จากมื้ออาหารที่เคยอบอุ่น กลับกลายเป็นว่ามีชายหนุ่มตัวโตนั่งงอนเมียเงียบ ๆ รีบกิน รีบล้างจาน แล้วปิดประตูเดินเข้าห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก ลัลน์มองตามแผ่นหลังกว้างไปแล้วยิ้มมุมปาก ปกติแล้วเขาเป็นคนสุขุม มีเหตุผล แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดพักหลังมานี้ถึงได้ช่างแง่งอนและขี้น้อยใจนัก แต่หญิงสาวหาได้สนใจไม่ ยังคงนั่งกินข้าวของตัวเองอย่างละเมียดละไม ไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย กว่าจะเก็บล้างจานเสร็จ ชายหนุ่มก็อาบน้ำเรียบร้อย นอนหันหลังให้เธอบนเตียงเสียแล้ว “นอนแล้วหรือคะ” เสียงหวานเอ่ยถามคนรักอย่าง้องอน แต่ทว่าก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาแต่อย่างใด มีเพียงไหล่กว้างที่ไหวเล็กน้อยราวกับรับรู้ เธอหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่ได้เซ้าซี้อะไรอีก หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เมื่อแสงไฟจากห้องน้ำดับลง เสียงประตูปิดเบา ๆ คิณณ์ที่นอนนิ่งมาตลอดก็ลืมตาขึ้น หันไปมองฝั่งของเธอ ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว “หนูจะไม่ง้อพี่จริงๆใช่ไหม” เขาเองแค่รู้สึกน้อยใจเธอเท่านั้น ถ้าเธอพยายามง้อเขาอีกนิดเขาก็หายแล้ว เธอไม่ยินยอมให้เขาก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อเธอเมินเขาไม่ใส่ใจเช่นนี้เขาก็เสียใจเหมือนกัน เมื่อเสียงน้ำเงียบลงคิณณ์จึงรีบหันหลังกลับไปดังเดิม ทำเหมือนว่าเขาหลับอยู่ เมื่อที่นอนยวบลงพร้อมแขนเรียววาดกอดคนตัวโต พร้อมกระซิบข้างใบหูของเขา เขาเพียงแค่น้อยใจ ถ้าเธอพยายามง้อเขาอีกสักนิด เขาก็คงหายแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่ยินยอมให้เขาไม่เป็นไร แต่การที่เธอเมินเฉยไม่ใส่ใจเช่นนี้ กลับทำให้เขาเสียใจยิ่งกว่า เมื่อเสียงน้ำในห้องน้ำเงียบลง คิณณ์รีบหันหลังกลับไปดังเดิม แกล้งทำเป็นหลับสนิท รอคอยปฏิกิริยาของเธอ เตียงยวบลงเล็กน้อย พร้อมกับไออุ่นจากร่างบางที่ขยับเข้ามาใกล้ แขนเรียววาดกอดเขาไว้หลวม ๆ ก่อนที่เสียงหวานจะกระซิบข้างใบหู “พี่คิณณ์โกรธหนูเหรือคะ?” เสียงอ่อนโยนแฝงแววออดอ้อนทำให้หัวใจเขาสั่นไหว แต่ชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบ พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอเผยความพอใจออกไป “พี่คิณณ์” เธอเรียกซ้ำ พร้อมกับแนบแก้มลงบนแผ่นหลังกว้าง ส่งไออุ่นและสัมผัสละมุนละไมที่ทำให้เขาต้องเม้มปากแน่น คิณณ์ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะพลิกตัวกลับมาสบตากับดวงตากลมใสที่มองเขาอย่างเว้าวอน “ถ้าหนูง้อพี่แบบนี้ตั้งแต่แรก พี่คงหายงอนไปนานแล้ว” “ก็พี่งอนเป็นเด็ก ๆ หนูแค่อยากแกล้งพี่เล่นเอง”เธอยู่ปาก ทำแก้มป่อง “งั้นพี่คงต้องลงโทษคนที่แกล้งพี่ก่อนแล้วล่ะ” คิณณ์ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะใช้มือแตะปลายคางเธอเบา ๆ แล้วโน้มใบหน้าเข้าใกล้สัมผัสกลับกลีบปากอวบอิ่มที่เผยอรับรสจูบแสนหวานของเขา ลิ้นร้อนควานสำรวจภายในโพรงปากอุ่นกวาดเลียชิมความหวาน ก่อนจะค่อยทวีความร้อนแรง บดขยี้ริมฝีปากกันอย่างหนักหน่วง ลัลน์หลับตาพริ้ม ปล่อยให้เขาช่วงชิงลมหายใจไปอย่างง่ายดาย แรงกดแนบแน่นและจังหวะที่เร่าร้อนของเขาทำให้ร่างบางสั่นสะท้าน ลมหายใจของเธอขาดห้วง ราวกับกำลังจะจมหายไปในห้วงเสน่หา มือหนาเลื่อนไปโอบกระชับรอบเอวบาง ดึงร่างเธอเข้าหาตัวแนบแน่นยิ่งขึ้น ลิ้นร้อนยังคงเกี่ยวกระหวัด กวาดชิมรสหวานอย่างไม่รู้เบื่อ เสียงหอบหายใจสอดประสานไปกับเสียงจูบที่ดังแผ่วเบาภายในห้อง ลัลน์จิกปลายนิ้วลงบนไหล่กว้าง ในตอนแรกจูบตอบสนองคนแก่กว่าแต่ในตอนนี้เธอพยายามผลักเขาออกเมื่อเริ่มหายใจไม่ทัน แต่คิณณ์กลับรั้งเธอไว้แน่นกว่าเดิม ก่อนจะค่อย ๆ ผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาคมมองใบหน้าหวานที่แดงซ่าน ลมหายใจเธอสั่นระรัว ริมฝีปากที่เพิ่งถูกจูบอย่างหนักหน่วงเผยอขึ้นเล็กน้อย ราวกับกำลังเชิญชวนให้เขาช่วงชิงมันอีกครั้ง "พี่คิณณ์" เธอเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว แววตาสั่นระริก “คืนนี้พี่ขอทบต้นทบดอกนะ” ร่างกำยำกดจูบลงบนซอกคอขาว ไล่ลงมาช้า ๆ ทิ้งสัมผัสอ่อนโยนแต่ร้อนแรง ลัลน์ตัวสั่นสะท้าน พยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่เขากลับยิ่งรั้งเธอไว้แน่นกว่าเดิม มือหนาถอดชุดคลุมจากร่างบางอย่างง่ายดาย ไม่รีรอปากหยักก้มหน้าดูดยอดอกสีหวานที่เขาห่างหายมานับแรมเดือน พลางขบเม้มขยี้ยอดถันกดจมูกโด่งรับเป็นสันกดจนเต้านมอวบใหญ่นั้นบุ๋มลึกลงไป ชายหนุ่มหน้ามืดตามัวหลงใหลกลิ่นกายสาว มืออีกข้างที่ว่างลูบไล้ทั่วกายสาวอย่างปลุกเร้าอารมณ์ กายสาวสั่นสะท้านบิดเร่าอยู่ใต้ร่าง เปล่งเสียงร้องครวญครางแผ่วเบาอย่างเสียวซ่าน ร่างบางตอบสนองการปลุกเร้าของชายหนุ่มเป็นอย่างดี เพียงผิวกายร้อนสัมผัสกันหญิงสาวกับเสียววาบไปทั่วทั้งสรรพางค์กายอย่างไม่อาจต้านทานต่อไปได้ แก่นกายยักษ์ของเขาพร้อมโจนจ้วงถ้ำสวาทอันเฉอะแฉะนี้แล้ว เขาพร้อมชนิดที่ว่ามันขยายตัวเปล่งจนเขารู้สึกเจ็บหากไม่ได้รับการปลดปล่อยในตอนนี้เขาคงไม่อาจอยู่ต่อได้แน่ เมื่อคิณณ์ไม่อาจทนได้อีกต่อจับลำยักษ์กระแทกเข้าโพรงสวาทรวดเดียวหมดลำ “อ๊าส์” ลัลน์เบิกตากว้าง ร่างกายตึงเกร็งราวกับถูกสายลมร้อนโอบรัดทุกอณูความรู้สึก ปลายนิ้วเรียวจิกลงบนแผ่นหลังกว้างแน่นระบายความเจ็บปวด ภายในโพรงสวาทตอดรัดสิ่งแปลกปลอมแน่นจนชายหนุ่มต้องขบฟันแน่นจนสันกรามเด่นชัด ความรู้สึกอัดแน่นรวมอยู่กลางกายจนเขานั้นแทบจะล่มปากอ่าวเสียตอนนี้ “ผ่อนคลายหน่อยหนู” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบข้างใบหูขาวพลางขบเม้มปลุกเร้าอารมณ์ให้ร่างบางเสียวกระสัน สะโพกสอบขยับเข้าออกสอดประสานเป็นหนึ่ง ความร้อนในกายทั้งสองต่างสัมผัสกันเนื้อแนบเนื้อยิ่งถูไถทำให้อารมณ์ของทั้งสองกระเจิง อาจเป็นเพราะว่าทั้งสองห่างหายจากกิจกรรมรักไปเสียนานจึงทำให้ตอบสนองกันเป็นอย่างดี ไม่ว่ามือแกร่งสัมผัสแนบเนื้อไปส่วนใดร่างบางสั่นสะท้านตอบรับอ่อนระทวยไปกับบทรักแสนรัญจวนนี้ พลั่บๆๆๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้องอย่างหยาบโลน ท่อนเนื้อโหมกระหน่ำแทงเข้าถี่ยิบกระแทกลืมเหนื่อย ทำเอาลัลน์สิ้นสติตาเบิกโพลง ยามหัวเห็ดชนปากมดลูกหญิงสาวจุกท้องน้อยจนพูดไม่ออกได้แต่ร้องกระเซ่าครวญคราง “นะ หนู อิ๊ส์ จุก อ๊ายส์” หญิงสาวบิดตัวเร่าขยับสะโพกหลบหนีแรงกระแทกรุนแรงนั้น มือหนายึดจับสะโพกผายแน่นไม่ให้หลบหนี สายตาคมเต็มไปด้วยไฟราคะจับจ้องเต้าอวบที่สั่นคลอนตามแรงสอดใส่ ริมฝีปากหยักโฉบเข้าครอบครองเต้าหวานดูดดึงตามแรงอารมณ์ที่เริ่มทวีคูณ จ๊วบๆๆ พลั่บๆๆ เสียงหยาบโลนดังคลอเคล้าสลับกับเสียงร้องครวญคราง โพรงสวาทเริ่มบีบรัดถี่ยิบตอดรัดลำลึงค์แน่น ท้องน้อยเริ่มปั่นป่วนหดเกร็ง ร่างกายกระตุกสั่นสะท้าน น้ำสีใสอาบไล้ทั่วแก่นกายยักษ์ที่ยังทำหน้าที่อย่างดีแรงไม่มีตก “อ๊ายส์” “ผัวจะสร็จแล้ว อืมม” คิณณ์ขบฟัน คำรามในลำคออย่างเสียวกระสัน แรงขับเคลื่อนจากสะโพกสอบยิ่งเร่งขึ้นทวีคูณ เส้นเลือดรอบลำเอ็นขูดไปตามโพรงมดลูกของเธออย่างเสียวซ่าน รูสวาทฉ่ำแฉะที่ตอนนี้ดูดลำเอ็นยักษ์อย่างไม่ปรานี ชายหนุ่มโถมแรงควงงัดเอ็นร้อนกระแทกชนปากมดลูกสาวจนจุก เขามองกลีบกุหลาบอวบแดงก่ำปลิ้นเข้าออกตามแรงกระแทกกระทั้น เสียงหยาบโลนการกระทบกันของเนินเนื้อกับหน้าขาแกร่งยิ่งปลุกเร้าอารมณ์พิศวาสทั้งสองให้มากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มเร่งเร้าจังหวะตะบี้ตะบันกระแทกสะโพกสอบเข้าหาร่องสาว กลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นกายสาวปลุกเร้าไฟราคะชายหนุ่มเป็นอย่างดี เสียงครวญครางเรียกชื่อเขาอย่างอ่อนหวานแต่มันไม่เพียงพอสำหรับเขา เขาต้องการยัดเยียดความเป็นผัวให้ร่างบางโดยที่เธอยอมรับ เมื่อหญิงสาวใต้ร่างไม่ตอบยิ่งกระตุ้นอารมณ์ให้เขาโหมกระหน่ำแทงเข้าออกอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเดิม “อ๊ายส์ พี่คิณณ์เบาๆ อ๊าส์” ลัลน์ร้องครางระงมไม่เป็นภาษาเมื่อชายหนุ่มกระหน่ำแทงร่องสวาทอย่างถี่ยิบ คิณณ์สอดมือเข้าใต้ข้อพับดันเรียวขาสองข้างประกบชิดแนบไปกับทรวงอกนุ่มยุ่น ชายหนุ่มโน้มตัวลงมาก่อนที่สะโพกสอบระรัวแรงใส่ไม่ยั้งจนแท่งเหล็กอวบลำนี้กระแทกปากมดลูกหญิงสาวซ้ำๆจนจุกทุกดอก แรงบีบรัดภายในแรงขึ้นดูดตอดปลายหัวของเขาจนเสียวสะท้าน ร่างกายสาวบิดเร่าด้วยความเสียวซ่านสะโพกผายอวบอิ่มสวนเด้งรับแรงกระแทกชายหนุ่มอย่างลืมอาย มือน้อยสอดเข้าไปขยุ้มผมหนาสีนิลของเขาอย่างแรงเพื่อระบายความเสียวแสนจะพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้ นอกจากเสียงครวญที่ดังลั่นห้องนี้เป็นคำตอบของคำถามนี้ได้ พลั่บๆ แจ๊ะๆๆ พลั่บๆ “อ๊ะส์ๆ หนูจะ อิ๊ส์เสร็จ” คิณณ์เมื่อเห็นว่าเธอจะเสร็จเป็นคำรบที่สองยึดสะโพกผายไว้แน่นรีบตอกเอ็นหนาขยับเข้าสุดออกสุด ร่างเล็กสั่นคลอนไปทั้งร่างก่อนจะกระตุกตัวทิ้งตัวลงไป ภายในดูดท่อนเอ็นหนุบหนับ สะโพกระรัวเร็วใส่รูคับแน่นบวมแดง เอ็นเครียดแข็งปวดเสียวปลายหัวเห็ด ร่างกำยำกระเด้าซอยเสียงคำรามดังขึ้นประสานเสียงกรีดร้อง ยัดเอ็นจนสุดความยาวจูบปากมดลูกปล่อยน้ำคาวสีขาวข้นคลั่กใส่ร่องรูคับแน่นที่ตอนนี้ตอดรัดเขาถี่ยิบราวกับช่วยรีดน้ำกามออกมาทุกหยาดหยด เสียงหอบโยนทั้งสองดังก้องสลับภายในโสตประสาททั้งสอง น้ำรักอัดแน่นเต็มดอกไม้งามจนท้องน้อยของเธอรู้สึกวูบวาบจนทำให้เธอได้สติว่าคนรักเธอนั้นไม่ได้ป้องกัน “พี่คิณณ์ทำไมไม่ป้องกันคะ” มือบางพร้อมฟาดไหล่หนาอย่างแรง “ครั้งก่อนก็ไม่ท้อง พี่อุตส่าห์ปล่อยสุดทุกครั้งนะ” คิณณ์ยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนที่คนน้องจะได้เอ่ยถ้อยคำเอ็ดเขา คนตัวโตเริ่มขยับเอวพลิ้วไหวอีกครั้ง ปิดปากหญิงสาวไม่ให้ขัดขืนได้อีก น้ำรักสีขาวไหลอาบย้อนล้นทะลักออกมาอาบน้ำสองหน้าขาแกร่งแต่เขาก็หาได้สนใจไม่ ค่ำคืนนี้ยังคงดำเนินไปอย่างร้อนแรง ท่วงทำนองแห่งรักถูกบรรเลงต่อเนื่องไร้จังหวะหยุดพัก เสียงครางแว่วหวานคลอเคล้าไปกับลมหายใจหอบกระเส่า ก้องสะท้อนทั่วทั้งห้องไร้แสงไฟ ทุกสัมผัสลึกซึ้งและเร่าร้อน ดั่งเปลวเพลิงที่ไม่มีวันมอดดับคอยแผดเผาทั้งสองให้จมอยู่กับไฟพิศวาสตลอดทั้งคืนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงคืนวันผันผ่าน ลัลน์เริ่มต้นเข้าเรียนที่เน พร้อมเตรียมสอบตั๋วทนายควบคู่ไปด้วย แต่กระนั้น เธอก็ยังคงพักอยู่กับคิณณ์เช่นเดิม กิจวัตรประจำวันของทั้งสองไม่เปลี่ยนแปลง ในยามเช้า ชายหนุ่มจะเป็นผู้ไปส่งเธอ ส่วนยามเย็น เขาก็ไปรับเธอกลับ เป็นเช่นนี้เรื่อยมาราวกับเป็นความเคยชินที่อบอุ่นเช้าวันนี้ก็ไม่ต่างจากวันก่อน ๆ คิณณ์ขับรถมาส่งลัลน์ที่เนตามปกติ แต่ก่อนที่หญิงสาวจะก้าวลงจากรถ เธอหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มซุกซน ก่อนยกนิ้วเรียวยาวแตะที่แก้มสากของเขาเป็นเชิงบอกใบ้“ที่รัก ลืมอะไรไปหรือเปล่าคะ?”ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนรอยยิ้มบางจะปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขณะที่ลัลน์โน้มตัวเข้าไปใกล้ จรดริมฝีปากลงบนแก้มของเขาอย่างแผ่วเบา สูดดมกลิ่นอายอันแสนคุ้นเคย“ขับรถดี ๆ ตั้งใจทำงานนะคะ” เธอกระซิบเบา ๆ ราวกับจะส่งมอบพลังใจให้เขาตลอดทั้งวัน“ตั้งใจเรียนนะคะ เรียนไม่ไหวก็นอนเลย” คิณณ์หัวเราะในลำคอ ก่อนเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนรักเบา ๆ“นี่คือคำแนะนำของผู้พิพากษางั้นหรือคะ” หญิงสาวเบ้ปาก ขยับถอยเล็กน้อยก่อนเลิกคิ้วมองเขาอย่างแปลกใจ“ถ้าไม่มีสมาธิจะเรียนสู้ไปหลับให้สมองปลอดโปร่งไม่ดีกว่าเหรอ”“จะเก็บคำแนะนำนี
1 ปีผ่านไปลัลน์เรียนจบเนติบัณฑิตและได้ใบอนุญาตว่าความมาภายในหนึ่งปีสร้างความภาคภูมิใจให้ทั้งครอบครัวของหญิงสาว และแน่นอนว่าคนคอยติวคอยดูแลตลอดมาภาคภูมิใจในเมียเด็กของเขาเป็นอย่างยิ่ง ทุกความสำเร็จของตัวเล็กมีเขาอยู่เคียงข้างเธอเสมอแต่ความสงบไม่อาจคงอยู่ได้นานปัญหาเข้ามาแทรกแซง คิณณ์นั้นถึงเวลาย้ายเวียนศาลไปจังหวัดอื่นซึ่งความกังวลของเขานั้น คือเขาคงไปมาระหว่างที่ทำงานกับคอนโดได้ยากเป็นเหตุให้เขาต้องห่างจากคนรัก ความกังวลที่ก่อตัวทำให้เขาเริ่มคิดถึงอนาคตของเธอมากขึ้น และสุดท้ายจึงตัดสินใจถามออกไป“หนูว่าหนูจะไปทำอะไรต่อหลังเรียนจบนะคะ”“หนูจะไปเก็บคดี แล้วเตรียมสอบผู้ช่วยต่อค่ะ”“อ้องั้นเหรอ” คิณณ์ตอบรับเสียงเรียบ แต่แววตากลับดูเคร่งเครียดจนลัลน์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม“มีอะไรหรือเปล่าคะ”“พี่ต้องย้ายศาลน่ะ คราวนี้พี่ต้องไปประจำที่ศาลพิจิตร”“ย้ายศาลงั้นหรือคะ” เสียงหวานแผ่วลงจนแทบกลืนหายไปในลำคอ“อืม พี่คงต้องไปอยู่ที่นั่นสักระยะอาจมาหาเราได้น้อยลง”ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศทันที ลัลน์เม้มริมฝีปากแน่น เธอเข้าใจดีว่านี่เป็นหน้าที่ของเขา หน้าที่ที่เขาต้องทำตลอดและสิ่งนี้คือความฝันของเข
“หนูคะเดี๋ยววันนี้ไปบ้านพี่กันนะ” คิณณ์ซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเงยหน้าขึ้นมองคนตัวเล็กที่กำลังสาละวนกับการเก็บเสื้อผ้าอยู่ “ตอนไหนหรือคะ” ร่างบางถึงชะงักมือ หันไปถามอย่างแปลกใจ“เก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วไปเลยค่ะ เดี๋ยวไปค้างที่บ้านพี่เลย”“มัดมือชกเหลือเกินนะคะ”“ฮึๆ ไม่ทำแบบนี้หนูก็บ่ายเบี่ยงอีก”“พี่ไปแต่งตัวเลยค่ะเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะรอนาน” หญิงสาวรีบไล่คนพี่ที่ยังคงเปลือยอก สวมเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว อวดมัดกล้ามแน่นที่เจ้าตัวตั้งใจฟิตมาเป็นอย่างดี ลัลน์เผลอมองเพียงครู่ก่อนจะเบือนหน้าหนี ภาพล่อตาล่อใจแบบนี้ไม่ดีต่อหัวใจเธอเลย“หนูเก็บของไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่รีบอาบแล้วเราไปบ้านกัน” คำว่าบ้านทำให้คนน้องหัวใจพองโต ทั้งหวั่นเกรงเมื่อต้องไปบ้านคนรักพบเจอพ่อแม่ของเขา ถึงแม้เธอจะเจอพ่อแม่ของเขาแล้วก็ตามแต่นั่นก็เพียงชั่วครู่ไม่ถึงวัน อีกทั้งวันนี้เธอต้องไปบ้านของเขาอีกต่างหากหญิงสาวสะบัดหน้าไล่ความฟุ้งซ่านที่พักนี้มักจะก่อตัวขึ้นได้ง่ายเหลือเกิน ก่อนจะรีบเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นด้วยใจสั่นไหว พลางเงยหน้ามองนาฬิการอคอยเวลาที่จะได้พบพ่อแม่ของคิณณ์อีกครั้งเมื่อรถหรูเคลื่อ
ภายใต้แสงแดดยามเช้าอ่อน ๆ กลิ่นหอมละมุนของดอกพุดซ้อนลอยล่องไปตามสายลม อากาศแจ่มใสเป็นใจให้กับฤกษ์งามยามดี คิณณ์ในชุดสูทสีครีมเข้าชุดกับกางเกงขายาว ผมถูกเซตขึ้นอย่างประณีต ยิ่งขับให้บุคลิกดูสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มแห่งความสุข มือหนากอบกุมพานธูปเทียนแพไว้แน่นขณะก้าวเดินนำขบวนขันหมากไปยังบ้านเรือนไทยของเจ้าสาวเสียงดนตรีบรรเลงแห่ขันหมากดังก้องไปทั่วบริเวณ บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้นและรอยยิ้มแห่งความยินดี ไอย์ลดาและวินตรัยก้าวตามลูกชายมาอย่างสง่างามเตรียมพร้อมสำหรับค่าผ่านทางของประตูเงินประตูทอง ซึ่งมีหนูนาและรินทร์ในชุดไทยห่มสไบสีชมพูกลีบบัว ยืนรอเป็นด่านแรก“จะผ่านด่านนี้ได้เจ้าบ่าวต้องตะโกนบอกรักเจ้าสาวนะคะ ยิ่งดังมากแสดงว่ารักมาก” รินทร์เอ่ยเสียงทะเล้น ดวงตาพราวระยับ ในเมื่อนี่คือโอกาสเธอจึงต้องรีบฉวยโอกาสแกล้งพี่ชายในวันสำคัญของเขาอย่างเต็มที่!“ยัยรินทร์ให้มันน้อยๆหน่อย” เสียงลอดไรฟันเอ่ยกระซิบน้องสาวที่แกล้งเขาไม่เข้าเรื่อง“ทำสิคะเจ้าบ่าวหรือไม่รักเจ้าสาว” รินทร์หาได้เกรงกลัวแม้แต่น้อยยกยิ้มเจ้าเล่ห์ จงใจยั่วโมโห“แกรับเงินไปแล้วปล่อยพี่เข้าไปเดี๋ยวนี้!”“ไม
“อื้อ” เสียงหวานร้องครางในลำคอรู้สึกเจ็บแปล๊บสลับกับเสียวซ่านราวกับมีใครขบเม้มยอดอก ในความฝันอันมืดมิดนั้น หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความอุ่นชื้นที่สัมผัสยอดอกจนแข็งชูชันให้ชายหนุ่มได้เชยชมสะดวก ท้องนิ้วสากที่กำลังลูบไล้เขี่ยยอดถันแผ่วเบาจนร่างบางสั่นสะท้านอ่อนระทวยไปทั้งร่าง นี่เธอลามกจนฝันถึงเรื่องแบบนี้กันเชียวหรือแต่เมื่อความเสียวแล่นพล่านทั่วกลางกายอีกครั้งแต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะอยู่ที่จุดกลางกายของเธอ ทำให้หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงุนงง เธอเห็นเพียงกลุ่มผมหนาสีดำขลับซุกอยู่กลางหว่างขาของตน เสียงดูดเลียเข้าโสตประสาทหญิงสาวทำให้ใบหน้าหวานขึ้นสีอย่างเขินอาย“อ๊ะส์ พี่คิณณ์ อื้อ ทำอะไรคะ” คิณณ์หาได้ตอบหญิงสาวไม่เสียงหวานเหมือนเลือนลางหายไปตามสายลม นิ้วเรียวยาวกำลังบดขยี้จุดกระสันภายนอก ทำงานสอดประสานรับกันอย่างดีกับลิ้นสากที่ลากเลียวนรอบปากรู สลับกับแยงลิ้นสอดเข้าไปร่องสวาทที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวานสีใสอาบเคลือบดอกไม้งามแจ๊ะๆๆๆ“อ๊ายยยส์”เสียงหยาบโลนดังสลับเสียงกรีกร้องครวญคราง ยิ่งคิณณ์เร่งจังหวะมากเพียงใดร่างบางยิ่งดิ้นพล่านหนักกรีดร้องเสียงดัง ท้องน้อยบีบรัดแน่น ก่อนจะกระตุกทั้
“หนูไหวไหมคะ ให้พี่พาไปหาหมอไหม” เสียงทุ้มเจือความกังวลถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยังคงซีดเซียว กินอะไรก็แทบไม่ลง คิณณ์มองร่างบางที่นอนซบอยู่บนเตียงด้วยสายตาเต็มไปด้วยความห่วงใย มือหนาลูบไปตามเส้นผมนุ่มของเธอเบาๆ ราวกับปลอบโยนหญิงสาว“พี่ไปทำงานเถอะค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมาก” เสียงแหบแห้งดังขึ้น ริมฝีปากที่เคยอวบอิ่มกลับแตกระแหงจนเขายิ่งสงสารจับใจ คิณณ์ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะจับมือเล็กขึ้นมาจุมพิตที่หลังมืออย่างอ่อนโยน ดวงตาคมฉายแววอ่อนลง แต่ยังเต็มไปด้วยความกังวล“แบบนี้ไม่เป็นอะไรมากที่ไหน มันอาการหนักแล้วนะ” เขาพูดเสียงเข้ม ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงไม่ยอมไปไหน “เดี๋ยวพี่ก็ลาออกแล้วนะคะ หยุดบ่อยคงไม่ดี”“แล้วพี่จะปล่อยให้เมียพี่เป็นแบบนี้งั้นเรอะ” “หนูแค่ท้องนะคะ ไม่ได้จะตาย” คนน้องหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือหนาของเขาไว้ พร้อมส่งยิ้มให้เขาอย่างเอ็นดูเมื่อใบหน้าคมยังฉายแววเป็นห่วงไม่คลาย“แต่พี่ว่าหนู... หนูว่าอะไรนะ ท้องงั้นเหรอ?” คิณณ์ชะงักไปเล็กน้อย ขมวดคิ้วแน่นราวกับจับสังเกตบางอย่างได้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาคมเบิกกว้างราวกับยังไม่อยากเชื
ชายหนุ่มลูกคนโตของบ้านหรูหลังนี้กำลังอุ้มร่างบางขึ้นแนบอกเดินเข้าบ้านมาอย่างทะนุถนอม ใบหน้าหวานหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข แทบไม่ได้นอนเนื่องจากอาเจียนทั้งวันจนเธอเวียนหัวลมแทบจับ“หนูลัลน์เป็นอะไรลูก” ไอย์ลดาเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอุ้มลูกสะใภ้มา“พึ่งได้นอนครับผมเลยไม่ได้ปลุก”“พาลูกสาวฉันไปนอนก่อนไป ข้าวค่อยกินทีหลัง”“มันจะดีหรือครับคุณท่าน มันจะเสียมารยาทเอานะครับ” พงษ์ทวีเอ่ยขัดอย่างเกรงใจที่ดูเหมือนบ้านฝั่งลูกเขยจะรอลูกสาวคนเดียว แม้จะเข้าใจว่าอาการแพ้ท้องเป็นเรื่องธรรมชาติแต่ก็อดกังวลเรื่องมารยาทไม่ได้“คนท้องก็ยังงี้ล่ะ ทำเหมือนไม่เคยมีลูกไปได้” ไอย์ลดาเสริมทัพสามีของตนทันที“อื้อ” เสียงหวานพึมพำเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงพูดคุย คนตัวเล็กขยี้ตาตัวเองแรงจนคิณณ์ต้องคว้ามือบางให้หยุด ก่อนจะหญิงสาวหาวเบา ๆ จนตาน้ำตาคลอ ก่อนจะซุกหน้ากับไหล่กว้างของสามีอย่างงัวเงีย คิณณ์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟา โดยให้เธอนั่งบนตักอย่างทะนุถนอม“ตื่นแล้วรึเด็กขี้เซา” เขากระซิบถามเสียงอ่อนโยน แต่ทันทีที่ลัลน์ลืมตาขึ้นมาเต็มตาเธอกลับพบพ่อแม่ของตัวเองยืนมองอยู่ หญิงสาวสะดุ
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับผม หลังจากเรียนพิเศษเสร็จผมจึงมุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะที่นัดเจอน้องคนหนึ่งไว้ทุกวัน ถึงแม้จะเหนื่อยสักเพียงใดเขาก็ไม่เคยผิดนัดกับหนูน้อยคนนี้เลยเด็กสาวตัวจ้ำม่ำในชุดประถมพร้อมคอซองค์และถักผมเปียสองข้างน่ารัก กำลังนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อน หน้าผากเธอขมวดมุ่นด้วยความตั้งใจ เมื่อเธอรู้สึกถึงการมาของผมจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาคาดหวัง ก่อนจะวิ่งเข้ามาหาผม“พี่คิณณ์ขา มาแล้วหรือคะ?”“โทษที พี่มาช้าไปหน่อย” ผมกล่าวพร้อมกับลูบศีรษะเล็กๆ อย่างเอ็นดู“ไม่เป็นไรค่ะ หนูก็พึ่งมา” เด็กน้อยยิ้มตาปิดส่งให้เขาอย่างไร้เดียงสา นับถือพี่ชายที่คอยมาสอนหนังสือในทุกๆวัน ตั้งแต่เธออยู่ป.1 แล้ว จนตอนนี้เธอป.3 พี่ชายก็คอยสอนหนังสือเธอมาอย่างสม่ำเสมอจนก่อเกิดความรักขึ้นในหัวใจของเด็กน้อยท่าทางของเด็กน้อยทำให้ผมรู้ทันทีว่าเธอกำลังรู้สึกพิเศษอะไรบางอย่างกับผม รู้สึกมากเกินกว่าที่ควรจะเป็นระหว่างพี่น้อง แต่ผมก็ไม่ได้ถอยห่างไปไหน คิดว่าเธออาจจะยังแยกไม่ออกระหว่างความรักแบบพี่น้องที่มีความเคารพนับถือ ไม่ใช่ความรู้สึกในทางชู้สาว“อืม วันนี้การบ้านวิชาอะไร
“ทำไมคอแม่ลัลน์ถึงแดงจังเลยคะ?” สิ้นเสียงคำถามจากลูกสาว มือเล็กรีบยกขึ้นลูบต้นคอตัวเองตามสัญชาตญาณ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องดูภาพสะท้อน รอยแดงเป็นจ้ำใหญ่ปรากฏเด่นชัด ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ ตวัดสายตาไปมองคนตัวโตที่ยืนยิ้มหน้ามึนอยู่ข้าง ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะช่วยแก้สถานการณ์ให้เลยสักนิด“คือว่าแม่โดนผึ้งกัดค่ะ แม่แพ้เลยเป็นรอยแบบนี้” ลัลน์กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ พยายามหาข้ออ้างตอบลูกให้ฟังดูน่าเชื่อถือที่สุด แต่ยังไม่ทันได้โล่งใจ เสียงทุ้มของลูกชายที่เงียบมานานก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสงสัย“ผึ้งที่ไหนหรือครับที่คอนโดกับที่ห้องนี้ก็ไม่น่าจะมีผึ้งได้นะครับ” คำถามของคอร์ททำให้ลัลน์ชะงักค้าง ไม่คิดว่าลูกชายจะจับสังเกตและถามกลับมาแบบนี้“เอ่อ คือว่าแม่” เสียงหวานกระอักกระอ่วนไม่อาจหาข้ออ้างยกขึ้นกล่าวกับลูกชายได้ เมื่อเห็นเมียรักกระดากเกินกว่าที่จะเอื้อนเอ่ยออกมา เขาในฐานะสามีที่ดีก็ควรช่วยเหลือบ้าง“ผึ้งในช่อดอกไม้น่ะ ว่าแต่ซักพยานขนาดนี้ไม่อยากกินปิ้งย่างแล้วใช่ไหมนะ” คิณณ์พูดพลางเลิกคิ้วเจ้าเล่ห์ เบี่ยงเบนความสนใจของลูก ๆ ได้อย่างแนบเนียน สองแฝดรีบกอบกุมมือพ่อแม่ไว้อย่างอบอุ่
ภายในห้องทำงานโทนสีดำสุดหรู อุณหภูมิเย็นเฉียบตัดกับความร้อนแรงที่ปกคลุมบรรยากาศ เสียงเครื่องปรับอากาศทำงานอย่างสม่ำเสมอถูกกลบด้วยเสียงหยาบโลนท่ามกลางความเงียบงัน แต่ดูเหมือนว่าไอเย็นเหล่านั้นจะไม่มีผลใด ๆ ต่อชายหญิงที่ตอนนี้กำลังเมามันหลงใหลในกามราคะอยู่บนโซฟาหนังภายในห้อง“อื้อ พะพอได้แล้ว อ๊ะส์ เดี๋ยวลูกมานะคะ” เสียงหวานครางกระเส่า มือเล็กดันหน้าท้องแกร่งออกให้ลดแรงกระแทกเมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่เจ้าสองแสบเลิกเรียนและกำลังเดินทางมาบริษัท จะว่าสองแสบก็ไม่เชิงในเมื่อคนที่แสบสันที่สุดนั้นดูเหมือนจะเป็นลูกสาวตัวดีของเธอ ส่วนลูกชายนั้นเรียบร้อยนุ่มนิ่มเหมือนผ้าพับไว้“คนดีพี่ขอหน่อย พี่ไม่มีโอกาสเลยนะเจ้าตัวแสบกันพี่ตลอดเลย ซี้ดด” คิณณ์ถึงกับซูดปากครางทันทีเมื่อเมียเด็กของเขายกสะโพกสวนแรงกระแทกของเขาทำให้ร่องคับแคบบีบรัดแน่นจนเขาเสียวซ่านไปทั่วกาย ถึงแม้เธอจะคลอดลูกแล้วแต่ดูเหมือนจะไม่ส่งผลอันใดต่อร่องสวาทนี้เลยพลั่บๆๆๆเสียงเนื้อกระทบเนื้อยังคงดังลั่นห้อง เอวสอบโหมกระแทกแรง ขาข้างหนึ่งชันไว้บนโซฟา จับสะโพกอวบอิ่มกลมกลึงไว้แน่นพร้อมจับกระแทกอย่างรัวเร็ว เมื่อหัวลำลึงค์ของเขากระแท
เรื่องราวเหล่านี้ผ่านมานานแค่ไหนแล้วนะ สิบปี?หรืออาจจะสิบห้าปี? ผมเองก็จำไม่ได้แน่ชัด เช่นเดียวกับที่ผมไม่เคยนับว่าเป็นเพื่อนกับคิณณ์มานานเท่าไหร่ พวกเราสนิทกันมากถึงขั้นที่ว่าตายแทนกันได้เลย แต่สุดท้ายแล้ว จุดเปลี่ยนที่ทำให้ทุกอย่างพังทลายก็คือ "ผู้หญิง"เธอคนนั้นใบหน้าน่ารัก ตัวเล็กน่าทะนุถนอม ผมได้รู้จักเธอครั้งแรกในงานสังคมของผู้ใหญ่ ซึ่งตอนนั้นทั้งสองครอบครัวเคยพูดคุยกันเล่น ๆ ถึงเรื่องการหมั้นหมายระหว่างผมกับเม็ดทราย ผมเองก็ไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านั้นมีความจริงจังแค่ไหน แต่สุดท้ายความสัมพันธ์ของผมกับเธอก็ค่อย ๆ พัฒนาไปจนถึงขั้นลึกซึ้งตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมภาคภูมิใจที่ได้รักเธอคนนี้ แม้ว่าเราจะไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์ให้ใครรับรู้ แต่ในเมื่อเธออยู่กับผมแล้ว การประกาศให้โลกรู้หรือไม่นั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ ทว่าผมคิดผิดเมื่อผมขึ้นปีสองผมเลือกเรียนคณะนิติศาสตร์เช่นเดียวกับคิณณ์ เราสองคนมีอะไรคล้ายกันหลายอย่าง เพียงแต่เส้นทางของเราแตกต่างกัน ผมใฝ่ฝันอยากเป็นอัยการมากกว่าที่จะเป็นผู้พิพากษาเหมือนคิณณ์มัน แต่ใครจะไปคิดว่าความชอบเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะสุดท้ายแล้วเราทั้งคู่กลับตกหลุมรักผู
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับผม หลังจากเรียนพิเศษเสร็จผมจึงมุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะที่นัดเจอน้องคนหนึ่งไว้ทุกวัน ถึงแม้จะเหนื่อยสักเพียงใดเขาก็ไม่เคยผิดนัดกับหนูน้อยคนนี้เลยเด็กสาวตัวจ้ำม่ำในชุดประถมพร้อมคอซองค์และถักผมเปียสองข้างน่ารัก กำลังนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อน หน้าผากเธอขมวดมุ่นด้วยความตั้งใจ เมื่อเธอรู้สึกถึงการมาของผมจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาคาดหวัง ก่อนจะวิ่งเข้ามาหาผม“พี่คิณณ์ขา มาแล้วหรือคะ?”“โทษที พี่มาช้าไปหน่อย” ผมกล่าวพร้อมกับลูบศีรษะเล็กๆ อย่างเอ็นดู“ไม่เป็นไรค่ะ หนูก็พึ่งมา” เด็กน้อยยิ้มตาปิดส่งให้เขาอย่างไร้เดียงสา นับถือพี่ชายที่คอยมาสอนหนังสือในทุกๆวัน ตั้งแต่เธออยู่ป.1 แล้ว จนตอนนี้เธอป.3 พี่ชายก็คอยสอนหนังสือเธอมาอย่างสม่ำเสมอจนก่อเกิดความรักขึ้นในหัวใจของเด็กน้อยท่าทางของเด็กน้อยทำให้ผมรู้ทันทีว่าเธอกำลังรู้สึกพิเศษอะไรบางอย่างกับผม รู้สึกมากเกินกว่าที่ควรจะเป็นระหว่างพี่น้อง แต่ผมก็ไม่ได้ถอยห่างไปไหน คิดว่าเธออาจจะยังแยกไม่ออกระหว่างความรักแบบพี่น้องที่มีความเคารพนับถือ ไม่ใช่ความรู้สึกในทางชู้สาว“อืม วันนี้การบ้านวิชาอะไร
ชายหนุ่มลูกคนโตของบ้านหรูหลังนี้กำลังอุ้มร่างบางขึ้นแนบอกเดินเข้าบ้านมาอย่างทะนุถนอม ใบหน้าหวานหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข แทบไม่ได้นอนเนื่องจากอาเจียนทั้งวันจนเธอเวียนหัวลมแทบจับ“หนูลัลน์เป็นอะไรลูก” ไอย์ลดาเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอุ้มลูกสะใภ้มา“พึ่งได้นอนครับผมเลยไม่ได้ปลุก”“พาลูกสาวฉันไปนอนก่อนไป ข้าวค่อยกินทีหลัง”“มันจะดีหรือครับคุณท่าน มันจะเสียมารยาทเอานะครับ” พงษ์ทวีเอ่ยขัดอย่างเกรงใจที่ดูเหมือนบ้านฝั่งลูกเขยจะรอลูกสาวคนเดียว แม้จะเข้าใจว่าอาการแพ้ท้องเป็นเรื่องธรรมชาติแต่ก็อดกังวลเรื่องมารยาทไม่ได้“คนท้องก็ยังงี้ล่ะ ทำเหมือนไม่เคยมีลูกไปได้” ไอย์ลดาเสริมทัพสามีของตนทันที“อื้อ” เสียงหวานพึมพำเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงพูดคุย คนตัวเล็กขยี้ตาตัวเองแรงจนคิณณ์ต้องคว้ามือบางให้หยุด ก่อนจะหญิงสาวหาวเบา ๆ จนตาน้ำตาคลอ ก่อนจะซุกหน้ากับไหล่กว้างของสามีอย่างงัวเงีย คิณณ์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟา โดยให้เธอนั่งบนตักอย่างทะนุถนอม“ตื่นแล้วรึเด็กขี้เซา” เขากระซิบถามเสียงอ่อนโยน แต่ทันทีที่ลัลน์ลืมตาขึ้นมาเต็มตาเธอกลับพบพ่อแม่ของตัวเองยืนมองอยู่ หญิงสาวสะดุ
“หนูไหวไหมคะ ให้พี่พาไปหาหมอไหม” เสียงทุ้มเจือความกังวลถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยังคงซีดเซียว กินอะไรก็แทบไม่ลง คิณณ์มองร่างบางที่นอนซบอยู่บนเตียงด้วยสายตาเต็มไปด้วยความห่วงใย มือหนาลูบไปตามเส้นผมนุ่มของเธอเบาๆ ราวกับปลอบโยนหญิงสาว“พี่ไปทำงานเถอะค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมาก” เสียงแหบแห้งดังขึ้น ริมฝีปากที่เคยอวบอิ่มกลับแตกระแหงจนเขายิ่งสงสารจับใจ คิณณ์ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะจับมือเล็กขึ้นมาจุมพิตที่หลังมืออย่างอ่อนโยน ดวงตาคมฉายแววอ่อนลง แต่ยังเต็มไปด้วยความกังวล“แบบนี้ไม่เป็นอะไรมากที่ไหน มันอาการหนักแล้วนะ” เขาพูดเสียงเข้ม ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงไม่ยอมไปไหน “เดี๋ยวพี่ก็ลาออกแล้วนะคะ หยุดบ่อยคงไม่ดี”“แล้วพี่จะปล่อยให้เมียพี่เป็นแบบนี้งั้นเรอะ” “หนูแค่ท้องนะคะ ไม่ได้จะตาย” คนน้องหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือหนาของเขาไว้ พร้อมส่งยิ้มให้เขาอย่างเอ็นดูเมื่อใบหน้าคมยังฉายแววเป็นห่วงไม่คลาย“แต่พี่ว่าหนู... หนูว่าอะไรนะ ท้องงั้นเหรอ?” คิณณ์ชะงักไปเล็กน้อย ขมวดคิ้วแน่นราวกับจับสังเกตบางอย่างได้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาคมเบิกกว้างราวกับยังไม่อยากเชื
“อื้อ” เสียงหวานร้องครางในลำคอรู้สึกเจ็บแปล๊บสลับกับเสียวซ่านราวกับมีใครขบเม้มยอดอก ในความฝันอันมืดมิดนั้น หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความอุ่นชื้นที่สัมผัสยอดอกจนแข็งชูชันให้ชายหนุ่มได้เชยชมสะดวก ท้องนิ้วสากที่กำลังลูบไล้เขี่ยยอดถันแผ่วเบาจนร่างบางสั่นสะท้านอ่อนระทวยไปทั้งร่าง นี่เธอลามกจนฝันถึงเรื่องแบบนี้กันเชียวหรือแต่เมื่อความเสียวแล่นพล่านทั่วกลางกายอีกครั้งแต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะอยู่ที่จุดกลางกายของเธอ ทำให้หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงุนงง เธอเห็นเพียงกลุ่มผมหนาสีดำขลับซุกอยู่กลางหว่างขาของตน เสียงดูดเลียเข้าโสตประสาทหญิงสาวทำให้ใบหน้าหวานขึ้นสีอย่างเขินอาย“อ๊ะส์ พี่คิณณ์ อื้อ ทำอะไรคะ” คิณณ์หาได้ตอบหญิงสาวไม่เสียงหวานเหมือนเลือนลางหายไปตามสายลม นิ้วเรียวยาวกำลังบดขยี้จุดกระสันภายนอก ทำงานสอดประสานรับกันอย่างดีกับลิ้นสากที่ลากเลียวนรอบปากรู สลับกับแยงลิ้นสอดเข้าไปร่องสวาทที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวานสีใสอาบเคลือบดอกไม้งามแจ๊ะๆๆๆ“อ๊ายยยส์”เสียงหยาบโลนดังสลับเสียงกรีกร้องครวญคราง ยิ่งคิณณ์เร่งจังหวะมากเพียงใดร่างบางยิ่งดิ้นพล่านหนักกรีดร้องเสียงดัง ท้องน้อยบีบรัดแน่น ก่อนจะกระตุกทั้
ภายใต้แสงแดดยามเช้าอ่อน ๆ กลิ่นหอมละมุนของดอกพุดซ้อนลอยล่องไปตามสายลม อากาศแจ่มใสเป็นใจให้กับฤกษ์งามยามดี คิณณ์ในชุดสูทสีครีมเข้าชุดกับกางเกงขายาว ผมถูกเซตขึ้นอย่างประณีต ยิ่งขับให้บุคลิกดูสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มแห่งความสุข มือหนากอบกุมพานธูปเทียนแพไว้แน่นขณะก้าวเดินนำขบวนขันหมากไปยังบ้านเรือนไทยของเจ้าสาวเสียงดนตรีบรรเลงแห่ขันหมากดังก้องไปทั่วบริเวณ บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้นและรอยยิ้มแห่งความยินดี ไอย์ลดาและวินตรัยก้าวตามลูกชายมาอย่างสง่างามเตรียมพร้อมสำหรับค่าผ่านทางของประตูเงินประตูทอง ซึ่งมีหนูนาและรินทร์ในชุดไทยห่มสไบสีชมพูกลีบบัว ยืนรอเป็นด่านแรก“จะผ่านด่านนี้ได้เจ้าบ่าวต้องตะโกนบอกรักเจ้าสาวนะคะ ยิ่งดังมากแสดงว่ารักมาก” รินทร์เอ่ยเสียงทะเล้น ดวงตาพราวระยับ ในเมื่อนี่คือโอกาสเธอจึงต้องรีบฉวยโอกาสแกล้งพี่ชายในวันสำคัญของเขาอย่างเต็มที่!“ยัยรินทร์ให้มันน้อยๆหน่อย” เสียงลอดไรฟันเอ่ยกระซิบน้องสาวที่แกล้งเขาไม่เข้าเรื่อง“ทำสิคะเจ้าบ่าวหรือไม่รักเจ้าสาว” รินทร์หาได้เกรงกลัวแม้แต่น้อยยกยิ้มเจ้าเล่ห์ จงใจยั่วโมโห“แกรับเงินไปแล้วปล่อยพี่เข้าไปเดี๋ยวนี้!”“ไม
“หนูคะเดี๋ยววันนี้ไปบ้านพี่กันนะ” คิณณ์ซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเงยหน้าขึ้นมองคนตัวเล็กที่กำลังสาละวนกับการเก็บเสื้อผ้าอยู่ “ตอนไหนหรือคะ” ร่างบางถึงชะงักมือ หันไปถามอย่างแปลกใจ“เก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วไปเลยค่ะ เดี๋ยวไปค้างที่บ้านพี่เลย”“มัดมือชกเหลือเกินนะคะ”“ฮึๆ ไม่ทำแบบนี้หนูก็บ่ายเบี่ยงอีก”“พี่ไปแต่งตัวเลยค่ะเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะรอนาน” หญิงสาวรีบไล่คนพี่ที่ยังคงเปลือยอก สวมเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว อวดมัดกล้ามแน่นที่เจ้าตัวตั้งใจฟิตมาเป็นอย่างดี ลัลน์เผลอมองเพียงครู่ก่อนจะเบือนหน้าหนี ภาพล่อตาล่อใจแบบนี้ไม่ดีต่อหัวใจเธอเลย“หนูเก็บของไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่รีบอาบแล้วเราไปบ้านกัน” คำว่าบ้านทำให้คนน้องหัวใจพองโต ทั้งหวั่นเกรงเมื่อต้องไปบ้านคนรักพบเจอพ่อแม่ของเขา ถึงแม้เธอจะเจอพ่อแม่ของเขาแล้วก็ตามแต่นั่นก็เพียงชั่วครู่ไม่ถึงวัน อีกทั้งวันนี้เธอต้องไปบ้านของเขาอีกต่างหากหญิงสาวสะบัดหน้าไล่ความฟุ้งซ่านที่พักนี้มักจะก่อตัวขึ้นได้ง่ายเหลือเกิน ก่อนจะรีบเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นด้วยใจสั่นไหว พลางเงยหน้ามองนาฬิการอคอยเวลาที่จะได้พบพ่อแม่ของคิณณ์อีกครั้งเมื่อรถหรูเคลื่อ