เมื่อมาถึงคอนโดของชายหนุ่ม เวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบสามทุ่ม การจราจรที่ติดขัดทำให้ทั้งสองทำได้เพียงสั่งอาหารมากินแทนการออกไปทานข้างนอก หญิงสาวใช้ปลายนิ้วบรรจงแกะเนื้อปลานิลทอดออกจากก้างอย่างประณีต ก่อนวางลงบนจานของชายหนุ่มพลางเอ่ยเสียงใส
“ปลานิลทอดอร่อยดีนะคะพี่คิณณ์” “หนูชอบก็กินเยอะๆสิคะ” คิณณ์ละสายตาจากจานอาหาร มองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน “ของดีต้องแบ่งกันชิมสิคะ” รอยยิ้มผุดพรายบนใบหน้างามเปี่ยมไปด้วยความสุข “ถ้าอย่างนั้นเราต้องผลัดกันชิมแล้วล่ะ” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมพราวระยับอย่างสื่อความหมาย “เหนื่อยขนาดนี้ยังมีแรงหื่นอีกหรือคะ” “พี่อดมาสามเดือนแล้วนะคนดี” เสียงทุ้มเอ่ยอ้อน พลางส่งสายตาเว้าวอน คนน้องหน้าแดงซ่าน รีบตักข้าวใส่ปากเหมือนตั้งใจจะกลบเกลื่อนความรู้สึก แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้เขายิ่งจ้องเธอไม่วางตา “ทานข้าวค่ะ พูดเรื่องนั้นเวลาทานข้าวได้ยังไงคะ” “พี่พูดได้ทุกตอนเลยนะ ไม่กินข้าวแล้วทำตอนนี้ยังได้เลย” เขากระซิบหยอกเสียงพร่า แต่ยังไม่ทันจะขยับเข้าใกล้ คนตัวเล็กก็ส่งสายตาดุมาให้ราวกับเตือนว่าอย่าคิดลองดี ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำปากยื่นเหมือนเด็กถูกขัดใจ แล้วจึงหันไปจัดการอาหารตรงหน้าเงียบ ๆ จากมื้ออาหารที่เคยอบอุ่น กลับกลายเป็นว่ามีชายหนุ่มตัวโตนั่งงอนเมียเงียบ ๆ รีบกิน รีบล้างจาน แล้วปิดประตูเดินเข้าห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก ลัลน์มองตามแผ่นหลังกว้างไปแล้วยิ้มมุมปาก ปกติแล้วเขาเป็นคนสุขุม มีเหตุผล แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดพักหลังมานี้ถึงได้ช่างแง่งอนและขี้น้อยใจนัก แต่หญิงสาวหาได้สนใจไม่ ยังคงนั่งกินข้าวของตัวเองอย่างละเมียดละไม ไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย กว่าจะเก็บล้างจานเสร็จ ชายหนุ่มก็อาบน้ำเรียบร้อย นอนหันหลังให้เธอบนเตียงเสียแล้ว “นอนแล้วหรือคะ” เสียงหวานเอ่ยถามคนรักอย่าง้องอน แต่ทว่าก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาแต่อย่างใด มีเพียงไหล่กว้างที่ไหวเล็กน้อยราวกับรับรู้ เธอหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่ได้เซ้าซี้อะไรอีก หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เมื่อแสงไฟจากห้องน้ำดับลง เสียงประตูปิดเบา ๆ คิณณ์ที่นอนนิ่งมาตลอดก็ลืมตาขึ้น หันไปมองฝั่งของเธอ ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว “หนูจะไม่ง้อพี่จริงๆใช่ไหม” เขาเองแค่รู้สึกน้อยใจเธอเท่านั้น ถ้าเธอพยายามง้อเขาอีกนิดเขาก็หายแล้ว เธอไม่ยินยอมให้เขาก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อเธอเมินเขาไม่ใส่ใจเช่นนี้เขาก็เสียใจเหมือนกัน เมื่อเสียงน้ำเงียบลงคิณณ์จึงรีบหันหลังกลับไปดังเดิม ทำเหมือนว่าเขาหลับอยู่ เมื่อที่นอนยวบลงพร้อมแขนเรียววาดกอดคนตัวโต พร้อมกระซิบข้างใบหูของเขา เขาเพียงแค่น้อยใจ ถ้าเธอพยายามง้อเขาอีกสักนิด เขาก็คงหายแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่ยินยอมให้เขาไม่เป็นไร แต่การที่เธอเมินเฉยไม่ใส่ใจเช่นนี้ กลับทำให้เขาเสียใจยิ่งกว่า เมื่อเสียงน้ำในห้องน้ำเงียบลง คิณณ์รีบหันหลังกลับไปดังเดิม แกล้งทำเป็นหลับสนิท รอคอยปฏิกิริยาของเธอ เตียงยวบลงเล็กน้อย พร้อมกับไออุ่นจากร่างบางที่ขยับเข้ามาใกล้ แขนเรียววาดกอดเขาไว้หลวม ๆ ก่อนที่เสียงหวานจะกระซิบข้างใบหู “พี่คิณณ์โกรธหนูเหรือคะ?” เสียงอ่อนโยนแฝงแววออดอ้อนทำให้หัวใจเขาสั่นไหว แต่ชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบ พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอเผยความพอใจออกไป “พี่คิณณ์” เธอเรียกซ้ำ พร้อมกับแนบแก้มลงบนแผ่นหลังกว้าง ส่งไออุ่นและสัมผัสละมุนละไมที่ทำให้เขาต้องเม้มปากแน่น คิณณ์ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะพลิกตัวกลับมาสบตากับดวงตากลมใสที่มองเขาอย่างเว้าวอน “ถ้าหนูง้อพี่แบบนี้ตั้งแต่แรก พี่คงหายงอนไปนานแล้ว” “ก็พี่งอนเป็นเด็ก ๆ หนูแค่อยากแกล้งพี่เล่นเอง”เธอยู่ปาก ทำแก้มป่อง “งั้นพี่คงต้องลงโทษคนที่แกล้งพี่ก่อนแล้วล่ะ” คิณณ์ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะใช้มือแตะปลายคางเธอเบา ๆ แล้วโน้มใบหน้าเข้าใกล้สัมผัสกลับกลีบปากอวบอิ่มที่เผยอรับรสจูบแสนหวานของเขา ลิ้นร้อนควานสำรวจภายในโพรงปากอุ่นกวาดเลียชิมความหวาน ก่อนจะค่อยทวีความร้อนแรง บดขยี้ริมฝีปากกันอย่างหนักหน่วง ลัลน์หลับตาพริ้ม ปล่อยให้เขาช่วงชิงลมหายใจไปอย่างง่ายดาย แรงกดแนบแน่นและจังหวะที่เร่าร้อนของเขาทำให้ร่างบางสั่นสะท้าน ลมหายใจของเธอขาดห้วง ราวกับกำลังจะจมหายไปในห้วงเสน่หา มือหนาเลื่อนไปโอบกระชับรอบเอวบาง ดึงร่างเธอเข้าหาตัวแนบแน่นยิ่งขึ้น ลิ้นร้อนยังคงเกี่ยวกระหวัด กวาดชิมรสหวานอย่างไม่รู้เบื่อ เสียงหอบหายใจสอดประสานไปกับเสียงจูบที่ดังแผ่วเบาภายในห้อง ลัลน์จิกปลายนิ้วลงบนไหล่กว้าง ในตอนแรกจูบตอบสนองคนแก่กว่าแต่ในตอนนี้เธอพยายามผลักเขาออกเมื่อเริ่มหายใจไม่ทัน แต่คิณณ์กลับรั้งเธอไว้แน่นกว่าเดิม ก่อนจะค่อย ๆ ผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาคมมองใบหน้าหวานที่แดงซ่าน ลมหายใจเธอสั่นระรัว ริมฝีปากที่เพิ่งถูกจูบอย่างหนักหน่วงเผยอขึ้นเล็กน้อย ราวกับกำลังเชิญชวนให้เขาช่วงชิงมันอีกครั้ง "พี่คิณณ์" เธอเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว แววตาสั่นระริก “คืนนี้พี่ขอทบต้นทบดอกนะ” ร่างกำยำกดจูบลงบนซอกคอขาว ไล่ลงมาช้า ๆ ทิ้งสัมผัสอ่อนโยนแต่ร้อนแรง ลัลน์ตัวสั่นสะท้าน พยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่เขากลับยิ่งรั้งเธอไว้แน่นกว่าเดิม มือหนาถอดชุดคลุมจากร่างบางอย่างง่ายดาย ไม่รีรอปากหยักก้มหน้าดูดยอดอกสีหวานที่เขาห่างหายมานับแรมเดือน พลางขบเม้มขยี้ยอดถันกดจมูกโด่งรับเป็นสันกดจนเต้านมอวบใหญ่นั้นบุ๋มลึกลงไป ชายหนุ่มหน้ามืดตามัวหลงใหลกลิ่นกายสาว มืออีกข้างที่ว่างลูบไล้ทั่วกายสาวอย่างปลุกเร้าอารมณ์ กายสาวสั่นสะท้านบิดเร่าอยู่ใต้ร่าง เปล่งเสียงร้องครวญครางแผ่วเบาอย่างเสียวซ่าน ร่างบางตอบสนองการปลุกเร้าของชายหนุ่มเป็นอย่างดี เพียงผิวกายร้อนสัมผัสกันหญิงสาวกับเสียววาบไปทั่วทั้งสรรพางค์กายอย่างไม่อาจต้านทานต่อไปได้ แก่นกายยักษ์ของเขาพร้อมโจนจ้วงถ้ำสวาทอันเฉอะแฉะนี้แล้ว เขาพร้อมชนิดที่ว่ามันขยายตัวเปล่งจนเขารู้สึกเจ็บหากไม่ได้รับการปลดปล่อยในตอนนี้เขาคงไม่อาจอยู่ต่อได้แน่ เมื่อคิณณ์ไม่อาจทนได้อีกต่อจับลำยักษ์กระแทกเข้าโพรงสวาทรวดเดียวหมดลำ “อ๊าส์” ลัลน์เบิกตากว้าง ร่างกายตึงเกร็งราวกับถูกสายลมร้อนโอบรัดทุกอณูความรู้สึก ปลายนิ้วเรียวจิกลงบนแผ่นหลังกว้างแน่นระบายความเจ็บปวด ภายในโพรงสวาทตอดรัดสิ่งแปลกปลอมแน่นจนชายหนุ่มต้องขบฟันแน่นจนสันกรามเด่นชัด ความรู้สึกอัดแน่นรวมอยู่กลางกายจนเขานั้นแทบจะล่มปากอ่าวเสียตอนนี้ “ผ่อนคลายหน่อยหนู” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบข้างใบหูขาวพลางขบเม้มปลุกเร้าอารมณ์ให้ร่างบางเสียวกระสัน สะโพกสอบขยับเข้าออกสอดประสานเป็นหนึ่ง ความร้อนในกายทั้งสองต่างสัมผัสกันเนื้อแนบเนื้อยิ่งถูไถทำให้อารมณ์ของทั้งสองกระเจิง อาจเป็นเพราะว่าทั้งสองห่างหายจากกิจกรรมรักไปเสียนานจึงทำให้ตอบสนองกันเป็นอย่างดี ไม่ว่ามือแกร่งสัมผัสแนบเนื้อไปส่วนใดร่างบางสั่นสะท้านตอบรับอ่อนระทวยไปกับบทรักแสนรัญจวนนี้ พลั่บๆๆๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้องอย่างหยาบโลน ท่อนเนื้อโหมกระหน่ำแทงเข้าถี่ยิบกระแทกลืมเหนื่อย ทำเอาลัลน์สิ้นสติตาเบิกโพลง ยามหัวเห็ดชนปากมดลูกหญิงสาวจุกท้องน้อยจนพูดไม่ออกได้แต่ร้องกระเซ่าครวญคราง “นะ หนู อิ๊ส์ จุก อ๊ายส์” หญิงสาวบิดตัวเร่าขยับสะโพกหลบหนีแรงกระแทกรุนแรงนั้น มือหนายึดจับสะโพกผายแน่นไม่ให้หลบหนี สายตาคมเต็มไปด้วยไฟราคะจับจ้องเต้าอวบที่สั่นคลอนตามแรงสอดใส่ ริมฝีปากหยักโฉบเข้าครอบครองเต้าหวานดูดดึงตามแรงอารมณ์ที่เริ่มทวีคูณ จ๊วบๆๆ พลั่บๆๆ เสียงหยาบโลนดังคลอเคล้าสลับกับเสียงร้องครวญคราง โพรงสวาทเริ่มบีบรัดถี่ยิบตอดรัดลำลึงค์แน่น ท้องน้อยเริ่มปั่นป่วนหดเกร็ง ร่างกายกระตุกสั่นสะท้าน น้ำสีใสอาบไล้ทั่วแก่นกายยักษ์ที่ยังทำหน้าที่อย่างดีแรงไม่มีตก “อ๊ายส์” “ผัวจะสร็จแล้ว อืมม” คิณณ์ขบฟัน คำรามในลำคออย่างเสียวกระสัน แรงขับเคลื่อนจากสะโพกสอบยิ่งเร่งขึ้นทวีคูณ เส้นเลือดรอบลำเอ็นขูดไปตามโพรงมดลูกของเธออย่างเสียวซ่าน รูสวาทฉ่ำแฉะที่ตอนนี้ดูดลำเอ็นยักษ์อย่างไม่ปรานี ชายหนุ่มโถมแรงควงงัดเอ็นร้อนกระแทกชนปากมดลูกสาวจนจุก เขามองกลีบกุหลาบอวบแดงก่ำปลิ้นเข้าออกตามแรงกระแทกกระทั้น เสียงหยาบโลนการกระทบกันของเนินเนื้อกับหน้าขาแกร่งยิ่งปลุกเร้าอารมณ์พิศวาสทั้งสองให้มากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มเร่งเร้าจังหวะตะบี้ตะบันกระแทกสะโพกสอบเข้าหาร่องสาว กลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นกายสาวปลุกเร้าไฟราคะชายหนุ่มเป็นอย่างดี เสียงครวญครางเรียกชื่อเขาอย่างอ่อนหวานแต่มันไม่เพียงพอสำหรับเขา เขาต้องการยัดเยียดความเป็นผัวให้ร่างบางโดยที่เธอยอมรับ เมื่อหญิงสาวใต้ร่างไม่ตอบยิ่งกระตุ้นอารมณ์ให้เขาโหมกระหน่ำแทงเข้าออกอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเดิม “อ๊ายส์ พี่คิณณ์เบาๆ อ๊าส์” ลัลน์ร้องครางระงมไม่เป็นภาษาเมื่อชายหนุ่มกระหน่ำแทงร่องสวาทอย่างถี่ยิบ คิณณ์สอดมือเข้าใต้ข้อพับดันเรียวขาสองข้างประกบชิดแนบไปกับทรวงอกนุ่มยุ่น ชายหนุ่มโน้มตัวลงมาก่อนที่สะโพกสอบระรัวแรงใส่ไม่ยั้งจนแท่งเหล็กอวบลำนี้กระแทกปากมดลูกหญิงสาวซ้ำๆจนจุกทุกดอก แรงบีบรัดภายในแรงขึ้นดูดตอดปลายหัวของเขาจนเสียวสะท้าน ร่างกายสาวบิดเร่าด้วยความเสียวซ่านสะโพกผายอวบอิ่มสวนเด้งรับแรงกระแทกชายหนุ่มอย่างลืมอาย มือน้อยสอดเข้าไปขยุ้มผมหนาสีนิลของเขาอย่างแรงเพื่อระบายความเสียวแสนจะพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้ นอกจากเสียงครวญที่ดังลั่นห้องนี้เป็นคำตอบของคำถามนี้ได้ พลั่บๆ แจ๊ะๆๆ พลั่บๆ “อ๊ะส์ๆ หนูจะ อิ๊ส์เสร็จ” คิณณ์เมื่อเห็นว่าเธอจะเสร็จเป็นคำรบที่สองยึดสะโพกผายไว้แน่นรีบตอกเอ็นหนาขยับเข้าสุดออกสุด ร่างเล็กสั่นคลอนไปทั้งร่างก่อนจะกระตุกตัวทิ้งตัวลงไป ภายในดูดท่อนเอ็นหนุบหนับ สะโพกระรัวเร็วใส่รูคับแน่นบวมแดง เอ็นเครียดแข็งปวดเสียวปลายหัวเห็ด ร่างกำยำกระเด้าซอยเสียงคำรามดังขึ้นประสานเสียงกรีดร้อง ยัดเอ็นจนสุดความยาวจูบปากมดลูกปล่อยน้ำคาวสีขาวข้นคลั่กใส่ร่องรูคับแน่นที่ตอนนี้ตอดรัดเขาถี่ยิบราวกับช่วยรีดน้ำกามออกมาทุกหยาดหยด เสียงหอบโยนทั้งสองดังก้องสลับภายในโสตประสาททั้งสอง น้ำรักอัดแน่นเต็มดอกไม้งามจนท้องน้อยของเธอรู้สึกวูบวาบจนทำให้เธอได้สติว่าคนรักเธอนั้นไม่ได้ป้องกัน “พี่คิณณ์ทำไมไม่ป้องกันคะ” มือบางพร้อมฟาดไหล่หนาอย่างแรง “ครั้งก่อนก็ไม่ท้อง พี่อุตส่าห์ปล่อยสุดทุกครั้งนะ” คิณณ์ยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนที่คนน้องจะได้เอ่ยถ้อยคำเอ็ดเขา คนตัวโตเริ่มขยับเอวพลิ้วไหวอีกครั้ง ปิดปากหญิงสาวไม่ให้ขัดขืนได้อีก น้ำรักสีขาวไหลอาบย้อนล้นทะลักออกมาอาบน้ำสองหน้าขาแกร่งแต่เขาก็หาได้สนใจไม่ ค่ำคืนนี้ยังคงดำเนินไปอย่างร้อนแรง ท่วงทำนองแห่งรักถูกบรรเลงต่อเนื่องไร้จังหวะหยุดพัก เสียงครางแว่วหวานคลอเคล้าไปกับลมหายใจหอบกระเส่า ก้องสะท้อนทั่วทั้งห้องไร้แสงไฟ ทุกสัมผัสลึกซึ้งและเร่าร้อน ดั่งเปลวเพลิงที่ไม่มีวันมอดดับคอยแผดเผาทั้งสองให้จมอยู่กับไฟพิศวาสตลอดทั้งคืนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงคืนวันผันผ่าน ลัลน์เริ่มต้นเข้าเรียนที่เน พร้อมเตรียมสอบตั๋วทนายควบคู่ไปด้วย แต่กระนั้น เธอก็ยังคงพักอยู่กับคิณณ์เช่นเดิม กิจวัตรประจำวันของทั้งสองไม่เปลี่ยนแปลง ในยามเช้า ชายหนุ่มจะเป็นผู้ไปส่งเธอ ส่วนยามเย็น เขาก็ไปรับเธอกลับ เป็นเช่นนี้เรื่อยมาราวกับเป็นความเคยชินที่อบอุ่นเช้าวันนี้ก็ไม่ต่างจากวันก่อน ๆ คิณณ์ขับรถมาส่งลัลน์ที่เนตามปกติ แต่ก่อนที่หญิงสาวจะก้าวลงจากรถ เธอหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มซุกซน ก่อนยกนิ้วเรียวยาวแตะที่แก้มสากของเขาเป็นเชิงบอกใบ้“ที่รัก ลืมอะไรไปหรือเปล่าคะ?”ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนรอยยิ้มบางจะปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขณะที่ลัลน์โน้มตัวเข้าไปใกล้ จรดริมฝีปากลงบนแก้มของเขาอย่างแผ่วเบา สูดดมกลิ่นอายอันแสนคุ้นเคย“ขับรถดี ๆ ตั้งใจทำงานนะคะ” เธอกระซิบเบา ๆ ราวกับจะส่งมอบพลังใจให้เขาตลอดทั้งวัน“ตั้งใจเรียนนะคะ เรียนไม่ไหวก็นอนเลย” คิณณ์หัวเราะในลำคอ ก่อนเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนรักเบา ๆ“นี่คือคำแนะนำของผู้พิพากษางั้นหรือคะ” หญิงสาวเบ้ปาก ขยับถอยเล็กน้อยก่อนเลิกคิ้วมองเขาอย่างแปลกใจ“ถ้าไม่มีสมาธิจะเรียนสู้ไปหลับให้สมองปลอดโปร่งไม่ดีกว่าเหรอ”“จะเก็บคำแนะนำนี
1 ปีผ่านไปลัลน์เรียนจบเนติบัณฑิตและได้ใบอนุญาตว่าความมาภายในหนึ่งปีสร้างความภาคภูมิใจให้ทั้งครอบครัวของหญิงสาว และแน่นอนว่าคนคอยติวคอยดูแลตลอดมาภาคภูมิใจในเมียเด็กของเขาเป็นอย่างยิ่ง ทุกความสำเร็จของตัวเล็กมีเขาอยู่เคียงข้างเธอเสมอแต่ความสงบไม่อาจคงอยู่ได้นานปัญหาเข้ามาแทรกแซง คิณณ์นั้นถึงเวลาย้ายเวียนศาลไปจังหวัดอื่นซึ่งความกังวลของเขานั้น คือเขาคงไปมาระหว่างที่ทำงานกับคอนโดได้ยากเป็นเหตุให้เขาต้องห่างจากคนรัก ความกังวลที่ก่อตัวทำให้เขาเริ่มคิดถึงอนาคตของเธอมากขึ้น และสุดท้ายจึงตัดสินใจถามออกไป“หนูว่าหนูจะไปทำอะไรต่อหลังเรียนจบนะคะ”“หนูจะไปเก็บคดี แล้วเตรียมสอบผู้ช่วยต่อค่ะ”“อ้องั้นเหรอ” คิณณ์ตอบรับเสียงเรียบ แต่แววตากลับดูเคร่งเครียดจนลัลน์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม“มีอะไรหรือเปล่าคะ”“พี่ต้องย้ายศาลน่ะ คราวนี้พี่ต้องไปประจำที่ศาลพิจิตร”“ย้ายศาลงั้นหรือคะ” เสียงหวานแผ่วลงจนแทบกลืนหายไปในลำคอ“อืม พี่คงต้องไปอยู่ที่นั่นสักระยะอาจมาหาเราได้น้อยลง”ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศทันที ลัลน์เม้มริมฝีปากแน่น เธอเข้าใจดีว่านี่เป็นหน้าที่ของเขา หน้าที่ที่เขาต้องทำตลอดและสิ่งนี้คือความฝันของเข
“หนูคะเดี๋ยววันนี้ไปบ้านพี่กันนะ” คิณณ์ซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเงยหน้าขึ้นมองคนตัวเล็กที่กำลังสาละวนกับการเก็บเสื้อผ้าอยู่ “ตอนไหนหรือคะ” ร่างบางถึงชะงักมือ หันไปถามอย่างแปลกใจ“เก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วไปเลยค่ะ เดี๋ยวไปค้างที่บ้านพี่เลย”“มัดมือชกเหลือเกินนะคะ”“ฮึๆ ไม่ทำแบบนี้หนูก็บ่ายเบี่ยงอีก”“พี่ไปแต่งตัวเลยค่ะเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะรอนาน” หญิงสาวรีบไล่คนพี่ที่ยังคงเปลือยอก สวมเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว อวดมัดกล้ามแน่นที่เจ้าตัวตั้งใจฟิตมาเป็นอย่างดี ลัลน์เผลอมองเพียงครู่ก่อนจะเบือนหน้าหนี ภาพล่อตาล่อใจแบบนี้ไม่ดีต่อหัวใจเธอเลย“หนูเก็บของไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่รีบอาบแล้วเราไปบ้านกัน” คำว่าบ้านทำให้คนน้องหัวใจพองโต ทั้งหวั่นเกรงเมื่อต้องไปบ้านคนรักพบเจอพ่อแม่ของเขา ถึงแม้เธอจะเจอพ่อแม่ของเขาแล้วก็ตามแต่นั่นก็เพียงชั่วครู่ไม่ถึงวัน อีกทั้งวันนี้เธอต้องไปบ้านของเขาอีกต่างหากหญิงสาวสะบัดหน้าไล่ความฟุ้งซ่านที่พักนี้มักจะก่อตัวขึ้นได้ง่ายเหลือเกิน ก่อนจะรีบเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นด้วยใจสั่นไหว พลางเงยหน้ามองนาฬิการอคอยเวลาที่จะได้พบพ่อแม่ของคิณณ์อีกครั้งเมื่อรถหรูเคลื่อ
ภายใต้แสงแดดยามเช้าอ่อน ๆ กลิ่นหอมละมุนของดอกพุดซ้อนลอยล่องไปตามสายลม อากาศแจ่มใสเป็นใจให้กับฤกษ์งามยามดี คิณณ์ในชุดสูทสีครีมเข้าชุดกับกางเกงขายาว ผมถูกเซตขึ้นอย่างประณีต ยิ่งขับให้บุคลิกดูสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มแห่งความสุข มือหนากอบกุมพานธูปเทียนแพไว้แน่นขณะก้าวเดินนำขบวนขันหมากไปยังบ้านเรือนไทยของเจ้าสาวเสียงดนตรีบรรเลงแห่ขันหมากดังก้องไปทั่วบริเวณ บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้นและรอยยิ้มแห่งความยินดี ไอย์ลดาและวินตรัยก้าวตามลูกชายมาอย่างสง่างามเตรียมพร้อมสำหรับค่าผ่านทางของประตูเงินประตูทอง ซึ่งมีหนูนาและรินทร์ในชุดไทยห่มสไบสีชมพูกลีบบัว ยืนรอเป็นด่านแรก“จะผ่านด่านนี้ได้เจ้าบ่าวต้องตะโกนบอกรักเจ้าสาวนะคะ ยิ่งดังมากแสดงว่ารักมาก” รินทร์เอ่ยเสียงทะเล้น ดวงตาพราวระยับ ในเมื่อนี่คือโอกาสเธอจึงต้องรีบฉวยโอกาสแกล้งพี่ชายในวันสำคัญของเขาอย่างเต็มที่!“ยัยรินทร์ให้มันน้อยๆหน่อย” เสียงลอดไรฟันเอ่ยกระซิบน้องสาวที่แกล้งเขาไม่เข้าเรื่อง“ทำสิคะเจ้าบ่าวหรือไม่รักเจ้าสาว” รินทร์หาได้เกรงกลัวแม้แต่น้อยยกยิ้มเจ้าเล่ห์ จงใจยั่วโมโห“แกรับเงินไปแล้วปล่อยพี่เข้าไปเดี๋ยวนี้!”“ไม
ท่ามกลางร่มไม้เขียวขจีข้างริมสระน้ำ ใต้ร่มไม้มีหญิงสาวร่างท้วมคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อน หญิงสาวแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาตัวโคร่งใส่กระโปรงพลีทยาวคลุมข้อเท้า ดวงตาภายใต้กรอบแว่นหนากำลังสอดส่องเหมือนหาใครอยู่ “ลัลน์จ๋าาา ฉันมาแล้วขอโทษนะที่มาช้าพอดีว่าติดธุระ ขอโทษที่ทำให้แกรอนานนะ” สาวเจ้าร่างบางหน้าตาคมสวย ใส่ชุดนักศึกษาวิ่งกระหืดกระหอบพลางตะโกนเรียกหาเพื่อนรักซึ่งกำลังนั่งรออยู่ “หนูนานี่นะตลอดเลย น่าน้อยใจชะมัด” “โอ๋ๆๆๆ ไม่โกรธนะจ๊ะลัลน์จ๋า ทำแก้มป่องๆแบบนี้เดี๋ยวพี่มาร์คจะไม่รักนะ” หนูนากล่าวไปพลางหยิกแก้มลัลน์ไปด้วยความเอ็นดู “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่มาร์คเขาเล่า” ลัลน์ว่าพลางหน้าแดงขวยเขินเมื่อหนูนาเอ่ยถึงแฟนหนุ่มของตน “แหมๆๆ อิจฉาคนรักกันหวานชื่นเนอะ เมื่อไหร่ฟ้าจะส่งผู้ชายหน้าตาดีแบบพี่มาร์คมาให้ฉันซักคนบ้าง” “ไม่ต้องมาทำแซวเลยมาคุยธุระของเรากันดีกว่า เราไปติดต่อกับทางคณะเรื่องฝึกงานแล้ว เห็นว่าให้ส่งเอกสารฝึกงานภายในอาทิตย์หน้า ว่าแต่หนูนาจะไปฝึกสำนักงานอัยการจังหวัดจริงใช่ไหม แกไม่คิดเปลี่ยนใจไปสำนักงานทนายความกั
เมื่อหญิงสาวมาถึงหน้าห้องแฟนหนุ่มแล้วจึงกดรหัสเข้าห้องไปในห้อง แต่เมื่อลัลน์เปิดประตูห้องเข้าไปกลับเจอรองเท้าส้นสูงสีแดงของผู้หญิงวางระเกะระกะ เมื่อไล่สายตาไปตามทางเดินกลับมีเสื้อผ้าชายหญิงที่ถอดทิ้งไว้อย่างไม่ไยดี เสียงเนื้อกระทบเนื้อปนกับเสียงครางของชายหญิงดังลั่นห้อง หญิงสาวกลั้นใจเดินไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อให้เห็นถึงความจริง“อ๊าส์ อ๊าส์ อื้อออ มาร์คขาา อ๊ะส์ ญดาเสียวจังเลย อ๊าส์ๆๆ”พลั่บๆๆๆๆๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง“ฮึม ซี๊ดดด ตอดอีกดา อืมม แม่งเอามันชิบ”หญิงสาวผมยาวสีทองกำลังขึ้นขี่ขย่มมาร์คอย่างเมามัน ชายหนุ่มครางในลำคอยึดสะโพกญดาแทงเอ็นตอกสวนร่องฉ่ำ ปากจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มโดยไม่รู้เลยว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังรับชมหนังสดนี้อยู่“พะ พะ พี่มาร์คคะ” ลัลน์เรียกมาร์คด้วยเสียงอันสั่นเครือ น้ำตาไหลเต็มนองหน้าสาว ทำให้กิจกรรมเข้าจังหวะระหว่างมาร์คกับญดาพลันชะงักลง“ว้ายยย นังบ้าแกเข้ามาในห้องของคนอื่นได้ยังไง ไม่มีมารยาท!!!” ญดากรีดร้องเสียงดัง มือขาวควานหาผ้ามาคลุมร่างกายขาวผ่องไว้“ละ ลัลน์ ” ชายผู้ก่อเรื่องสร้างปัญหาเรียกแฟนสาวของตนเสียงค่อย พลางอ้ำอึ้งน้ำล
ภายในห้องพักผู้พิพากษามีเพียงชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ร่างกายหนากำยำภายใต้เชิ้ตสีขาวนั่งอ่านสำนวนคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนอยู่บนโต๊ะอยู่ในห้องเพียงลำพัง เมื่อมีเสียงประตูห้องเปิดเข้ามาชายหนุ่มจึงเงยหน้าจากเอกสาร มองชายอายุอานามประมาณสี่สิบกว่าสวมชุดครุยผู้พิพากษาเปิดประตูเข้ามาในห้องพักแล้วจึงเดินไปนั่งยังโต๊ะทำงานของตน “พี่บอกหลายครั้งแล้วนะคิณณ์ ไอ้อาการเย็นชาไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเนี่ยให้ลดๆ ซะบ้าง ทุกวันนี้นอกจากพี่แล้วก็ไม่มีใครกล้าคบค้าสมาคมกับแกแล้วนะ เป็นแบบนี้การทำงานมันจะลำบากเอานะ” ณรงค์ผู้พิพากษาซึ่งเป็นทั้งพี่เลี้ยงและผู้พิพากษาบัลลังก์เดียวกับคิณณ์บ่นกับพฤติกรรมของชายหนุ่มที่ไม่เคยจะสนใจอะไร แต่ก็นับว่าดีขึ้นกว่าห้าปีที่แล้วนักที่เขายอมลดความเย็นชาลงและยอมพูดจากับคนแปลกหน้าบ้าง ไม่เช่นนั้นตอนนี้คงไม่มีผู้พิพากษาที่ชื่อคิณณ์ณภัทรมานั่งพิจารณาคดีร่วมกับเขาได้!!!“ผมว่าผมพูดไปมากแล้วนะครับพี่ณรงค์” กล่าวจบก็ก้มหน้าเซ็นเอกสารของตนปล่อยให้คนพูดโมโหอยู่คนเดียว“เออ!!! ใช่ที่นายพูดมากขึ้นน่ะนายพูดถูก แต่ไอ้อาการเย็นชาทำตัวน่ากลัวเมื่อไหร่จะปรับลดให้เป็
ภายในห้องพักผู้พิพากษามีเพียงชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ร่างกายหนากำยำภายใต้เชิ้ตสีขาวนั่งอ่านสำนวนคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนอยู่บนโต๊ะอยู่ในห้องเพียงลำพัง เมื่อมีเสียงประตูห้องเปิดเข้ามาชายหนุ่มจึงเงยหน้าจากเอกสาร มองชายอายุอานามประมาณสี่สิบกว่าสวมชุดครุยผู้พิพากษาเปิดประตูเข้ามาในห้องพักแล้วจึงเดินไปนั่งยังโต๊ะทำงานของตน “พี่บอกหลายครั้งแล้วนะคิณณ์ ไอ้อาการเย็นชาไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเนี่ยให้ลดๆ ซะบ้าง ทุกวันนี้นอกจากพี่แล้วก็ไม่มีใครกล้าคบค้าสมาคมกับแกแล้วนะ เป็นแบบนี้การทำงานมันจะลำบากเอานะ” ณรงค์ผู้พิพากษาซึ่งเป็นทั้งพี่เลี้ยงและผู้พิพากษาบัลลังก์เดียวกับคิณณ์บ่นกับพฤติกรรมของชายหนุ่มที่ไม่เคยจะสนใจอะไร แต่ก็นับว่าดีขึ้นกว่าห้าปีที่แล้วนักที่เขายอมลดความเย็นชาลงและยอมพูดจากับคนแปลกหน้าบ้าง ไม่เช่นนั้นตอนนี้คงไม่มีผู้พิพากษาที่ชื่อคิณณ์ณภัทรมานั่งพิจารณาคดีร่วมกับเขาได้!!!“ผมว่าผมพูดไปมากแล้วนะครับพี่ณรงค์” กล่าวจบก็ก้มหน้าเซ็นเอกสารของตนปล่อยให้คนพูดโมโหอยู่คนเดียว“เออ!!! ใช่ที่นายพูดมากขึ้นน่ะนายพูดถูก แต่ไอ้อาการเย็นชาทำตัวน่ากลัวเมื่อไหร่จะปรับลดให้เป็
ภายใต้แสงแดดยามเช้าอ่อน ๆ กลิ่นหอมละมุนของดอกพุดซ้อนลอยล่องไปตามสายลม อากาศแจ่มใสเป็นใจให้กับฤกษ์งามยามดี คิณณ์ในชุดสูทสีครีมเข้าชุดกับกางเกงขายาว ผมถูกเซตขึ้นอย่างประณีต ยิ่งขับให้บุคลิกดูสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มแห่งความสุข มือหนากอบกุมพานธูปเทียนแพไว้แน่นขณะก้าวเดินนำขบวนขันหมากไปยังบ้านเรือนไทยของเจ้าสาวเสียงดนตรีบรรเลงแห่ขันหมากดังก้องไปทั่วบริเวณ บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้นและรอยยิ้มแห่งความยินดี ไอย์ลดาและวินตรัยก้าวตามลูกชายมาอย่างสง่างามเตรียมพร้อมสำหรับค่าผ่านทางของประตูเงินประตูทอง ซึ่งมีหนูนาและรินทร์ในชุดไทยห่มสไบสีชมพูกลีบบัว ยืนรอเป็นด่านแรก“จะผ่านด่านนี้ได้เจ้าบ่าวต้องตะโกนบอกรักเจ้าสาวนะคะ ยิ่งดังมากแสดงว่ารักมาก” รินทร์เอ่ยเสียงทะเล้น ดวงตาพราวระยับ ในเมื่อนี่คือโอกาสเธอจึงต้องรีบฉวยโอกาสแกล้งพี่ชายในวันสำคัญของเขาอย่างเต็มที่!“ยัยรินทร์ให้มันน้อยๆหน่อย” เสียงลอดไรฟันเอ่ยกระซิบน้องสาวที่แกล้งเขาไม่เข้าเรื่อง“ทำสิคะเจ้าบ่าวหรือไม่รักเจ้าสาว” รินทร์หาได้เกรงกลัวแม้แต่น้อยยกยิ้มเจ้าเล่ห์ จงใจยั่วโมโห“แกรับเงินไปแล้วปล่อยพี่เข้าไปเดี๋ยวนี้!”“ไม
“หนูคะเดี๋ยววันนี้ไปบ้านพี่กันนะ” คิณณ์ซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเงยหน้าขึ้นมองคนตัวเล็กที่กำลังสาละวนกับการเก็บเสื้อผ้าอยู่ “ตอนไหนหรือคะ” ร่างบางถึงชะงักมือ หันไปถามอย่างแปลกใจ“เก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วไปเลยค่ะ เดี๋ยวไปค้างที่บ้านพี่เลย”“มัดมือชกเหลือเกินนะคะ”“ฮึๆ ไม่ทำแบบนี้หนูก็บ่ายเบี่ยงอีก”“พี่ไปแต่งตัวเลยค่ะเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะรอนาน” หญิงสาวรีบไล่คนพี่ที่ยังคงเปลือยอก สวมเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว อวดมัดกล้ามแน่นที่เจ้าตัวตั้งใจฟิตมาเป็นอย่างดี ลัลน์เผลอมองเพียงครู่ก่อนจะเบือนหน้าหนี ภาพล่อตาล่อใจแบบนี้ไม่ดีต่อหัวใจเธอเลย“หนูเก็บของไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่รีบอาบแล้วเราไปบ้านกัน” คำว่าบ้านทำให้คนน้องหัวใจพองโต ทั้งหวั่นเกรงเมื่อต้องไปบ้านคนรักพบเจอพ่อแม่ของเขา ถึงแม้เธอจะเจอพ่อแม่ของเขาแล้วก็ตามแต่นั่นก็เพียงชั่วครู่ไม่ถึงวัน อีกทั้งวันนี้เธอต้องไปบ้านของเขาอีกต่างหากหญิงสาวสะบัดหน้าไล่ความฟุ้งซ่านที่พักนี้มักจะก่อตัวขึ้นได้ง่ายเหลือเกิน ก่อนจะรีบเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นด้วยใจสั่นไหว พลางเงยหน้ามองนาฬิการอคอยเวลาที่จะได้พบพ่อแม่ของคิณณ์อีกครั้งเมื่อรถหรูเคลื่อ
1 ปีผ่านไปลัลน์เรียนจบเนติบัณฑิตและได้ใบอนุญาตว่าความมาภายในหนึ่งปีสร้างความภาคภูมิใจให้ทั้งครอบครัวของหญิงสาว และแน่นอนว่าคนคอยติวคอยดูแลตลอดมาภาคภูมิใจในเมียเด็กของเขาเป็นอย่างยิ่ง ทุกความสำเร็จของตัวเล็กมีเขาอยู่เคียงข้างเธอเสมอแต่ความสงบไม่อาจคงอยู่ได้นานปัญหาเข้ามาแทรกแซง คิณณ์นั้นถึงเวลาย้ายเวียนศาลไปจังหวัดอื่นซึ่งความกังวลของเขานั้น คือเขาคงไปมาระหว่างที่ทำงานกับคอนโดได้ยากเป็นเหตุให้เขาต้องห่างจากคนรัก ความกังวลที่ก่อตัวทำให้เขาเริ่มคิดถึงอนาคตของเธอมากขึ้น และสุดท้ายจึงตัดสินใจถามออกไป“หนูว่าหนูจะไปทำอะไรต่อหลังเรียนจบนะคะ”“หนูจะไปเก็บคดี แล้วเตรียมสอบผู้ช่วยต่อค่ะ”“อ้องั้นเหรอ” คิณณ์ตอบรับเสียงเรียบ แต่แววตากลับดูเคร่งเครียดจนลัลน์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม“มีอะไรหรือเปล่าคะ”“พี่ต้องย้ายศาลน่ะ คราวนี้พี่ต้องไปประจำที่ศาลพิจิตร”“ย้ายศาลงั้นหรือคะ” เสียงหวานแผ่วลงจนแทบกลืนหายไปในลำคอ“อืม พี่คงต้องไปอยู่ที่นั่นสักระยะอาจมาหาเราได้น้อยลง”ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศทันที ลัลน์เม้มริมฝีปากแน่น เธอเข้าใจดีว่านี่เป็นหน้าที่ของเขา หน้าที่ที่เขาต้องทำตลอดและสิ่งนี้คือความฝันของเข
คืนวันผันผ่าน ลัลน์เริ่มต้นเข้าเรียนที่เน พร้อมเตรียมสอบตั๋วทนายควบคู่ไปด้วย แต่กระนั้น เธอก็ยังคงพักอยู่กับคิณณ์เช่นเดิม กิจวัตรประจำวันของทั้งสองไม่เปลี่ยนแปลง ในยามเช้า ชายหนุ่มจะเป็นผู้ไปส่งเธอ ส่วนยามเย็น เขาก็ไปรับเธอกลับ เป็นเช่นนี้เรื่อยมาราวกับเป็นความเคยชินที่อบอุ่นเช้าวันนี้ก็ไม่ต่างจากวันก่อน ๆ คิณณ์ขับรถมาส่งลัลน์ที่เนตามปกติ แต่ก่อนที่หญิงสาวจะก้าวลงจากรถ เธอหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มซุกซน ก่อนยกนิ้วเรียวยาวแตะที่แก้มสากของเขาเป็นเชิงบอกใบ้“ที่รัก ลืมอะไรไปหรือเปล่าคะ?”ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนรอยยิ้มบางจะปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขณะที่ลัลน์โน้มตัวเข้าไปใกล้ จรดริมฝีปากลงบนแก้มของเขาอย่างแผ่วเบา สูดดมกลิ่นอายอันแสนคุ้นเคย“ขับรถดี ๆ ตั้งใจทำงานนะคะ” เธอกระซิบเบา ๆ ราวกับจะส่งมอบพลังใจให้เขาตลอดทั้งวัน“ตั้งใจเรียนนะคะ เรียนไม่ไหวก็นอนเลย” คิณณ์หัวเราะในลำคอ ก่อนเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนรักเบา ๆ“นี่คือคำแนะนำของผู้พิพากษางั้นหรือคะ” หญิงสาวเบ้ปาก ขยับถอยเล็กน้อยก่อนเลิกคิ้วมองเขาอย่างแปลกใจ“ถ้าไม่มีสมาธิจะเรียนสู้ไปหลับให้สมองปลอดโปร่งไม่ดีกว่าเหรอ”“จะเก็บคำแนะนำนี
เมื่อมาถึงคอนโดของชายหนุ่ม เวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบสามทุ่ม การจราจรที่ติดขัดทำให้ทั้งสองทำได้เพียงสั่งอาหารมากินแทนการออกไปทานข้างนอก หญิงสาวใช้ปลายนิ้วบรรจงแกะเนื้อปลานิลทอดออกจากก้างอย่างประณีต ก่อนวางลงบนจานของชายหนุ่มพลางเอ่ยเสียงใส“ปลานิลทอดอร่อยดีนะคะพี่คิณณ์” “หนูชอบก็กินเยอะๆสิคะ” คิณณ์ละสายตาจากจานอาหาร มองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน“ของดีต้องแบ่งกันชิมสิคะ” รอยยิ้มผุดพรายบนใบหน้างามเปี่ยมไปด้วยความสุข“ถ้าอย่างนั้นเราต้องผลัดกันชิมแล้วล่ะ” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมพราวระยับอย่างสื่อความหมาย“เหนื่อยขนาดนี้ยังมีแรงหื่นอีกหรือคะ”“พี่อดมาสามเดือนแล้วนะคนดี” เสียงทุ้มเอ่ยอ้อน พลางส่งสายตาเว้าวอน คนน้องหน้าแดงซ่าน รีบตักข้าวใส่ปากเหมือนตั้งใจจะกลบเกลื่อนความรู้สึก แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้เขายิ่งจ้องเธอไม่วางตา“ทานข้าวค่ะ พูดเรื่องนั้นเวลาทานข้าวได้ยังไงคะ”“พี่พูดได้ทุกตอนเลยนะ ไม่กินข้าวแล้วทำตอนนี้ยังได้เลย” เขากระซิบหยอกเสียงพร่า แต่ยังไม่ทันจะขยับเข้าใกล้ คนตัวเล็กก็ส่งสายตาดุมาให้ราวกับเตือนว่าอย่าคิดลองดี ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือก
เป็นเวลาสามเดือนกว่าแล้วที่คิณณ์เทียวไปมาระหว่างที่ทำงานกับบ้านของลัลน์จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน ทุกวันศุกร์เขาจะขับรถมาบ้านลัลน์และกลับไปในเช้าวันจันทร์ เขายังคงรับหน้าที่ช่วยงานในสวนตามปกติ เพราะครอบครัวของลัลน์ทำสวนหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ ผัก หรือพืชไร่ ทำให้เขาได้เรียนรู้งานใหม่ๆ พลอยสนุกไปด้วย สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลานี้คือ คิณณ์ไม่ได้พักที่กระท่อมท้ายสวนอีกต่อไป เขาได้ย้ายขึ้นมานอนในบ้านของครอบครัวลัลน์แล้ว วันนี้เขาเข้าสวนมะพร้าวเพื่อทำการเก็บเกี่ยวมะพร้าวน้ำหอม คิณณ์ทำการใช้ตะขอสอยทะลายมะพร้าวให้ลงกับร่องคูน้ำที่ขุดไว้เพื่อลดความเสียหายจากการกระแทกอีกทั้งยังทุ่นแรงในการขนย้ายด้วย “เดี๋ยวนี้ทำคล่องเชียวนะครับ” ลุงสมชัยซึ่งคอยสอนงานเขาเอ่ยแซวเมื่อเห็นว่าที่ลูกเขยนายของตนขยันขันแข็งหัวไวเช่นนี้ “คนเราต้องมีพัฒนาบ้างครับ” คิณณ์ยกยิ้มรับคำชมของลุงสมชัย ขณะวางตะขอลงแล้วใช้ผ้าขนหนูที่พาดไหล่เช็ดเหงื่อออกจากใบหน้า "ดีครับดี อย่างนี้สิถึงจะเหมาะสมกับตำแหน่งลูกเขยนายหัว" ลุงสมชัยหัวเราะเสียงดัง พลางตบไหล่คิณณ์เบา ๆ ด้วยความเอ็นดู “น้ำเย็นๆมาแล้วค่า” เสียง
กว่าคิณณ์จะเลื่อยไผ่เสร็จและช่วยคนงานขนขึ้นรถก็เป็นเวลาเย็นย่ำพอดี แสงอาทิตย์สุดท้ายของวันสาดส่องลอดผ่านกิ่งใบของต้นไม้ใหญ่ ที่ใต้ร่มเงานั้นมีหญิงสาวคนรักของเขายืนส่งยิ้มหวานให้กำลังใจไม่ห่าง ชายหนุ่มที่เปื้อนไปด้วยเหงื่อและฝุ่นไม้รีบปรี่ตรงไปหาคนน้องทันทีเมื่อเสร็จงาน “ทานน้ำหวานสักหน่อยนะคะ” ลัลน์ส่งแก้วน้ำแดงเย็นชื่นใจให้เขาทันที แต่คิณณ์กลับยกมือหนากุมมือนุ่มนิ่มของเธอไว้ พร้อมป้อนเข้าปากตัวเองอย่างอารมณ์ดี “น้ำหวานเหมือนเมียพี่เลย” เขายิ้มกริ่มหยอกล้อ ทำให้คนตรงหน้าเขินจนต้องหลบสายตา ใบหน้าเนียนขึ้นสีระเรื่อก่อนจะก้มหน้างุดไปกับคำหวานของคนรัก “เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ พี่คงเหนียวตัวแย่” ลัลน์พูดรัวเร็วราวกับจะหาทางเปลี่ยนเรื่อง ก่อนรีบชวนเขากลับบ้านโดยไม่รอฟังคำตอบ คิณณ์ได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของคนตัวเล็กที่เดินหนีเขาไปยืนรออยู่ที่รถ ดวงตาคมทอดมองด้วยสายตาเอ็นดูและอบอุ่น ก่อนจะก้าวขาตามเธอไปเงียบๆ วันนี้ทั้งเหนื่อยล้าและร่างกายเมื่อยล้ามาทั้งวัน เขาก็หวังเพียงให้มีเรื่องดีๆ ที่ช่วยเติมเต็มหัวใจเขาสักหน่อย เมื่อถึงบ้านหนุ่มสาวสองคนขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา เสียงหมาในบ้านเห่าเตือนใน
“แค่นี้ก็ลุกมากินเองไม่เป็นรึไง” พงษ์ทวีอดกระแนะกระแหนชายหนุ่มกำยำตรงหน้าไม่ได้ “ขอโทษด้วยครับ” ชายหนุ่มไม่ได้กล่าวตอบโต้อะไรไปนอกเสียจากขอโทษผู้ใหญ่ที่ทำให้ต้องรอเสียมากกว่า คำขอโทษของเขามีความจริงใจ ไม่ใช่เพียงเพราะมารยาท แต่เพราะเขารู้สึกผิดจริงที่ทำให้พ่อของลัลน์ต้องรอ ตามปกติทุกวันเขาเป็นคนตื่นเช้าเสมอ ทว่าค่ำคืนที่ผ่านมากว่าที่เขาจะข่มตาหลับลงได้ก็เกือบย่ำรุ่ง จึงไม่แปลกที่วันนี้เขาจะตื่นสายจนผิดวิสัย “ไม่เป็นไรหรอก แม่ก็พึ่งทำกับข้าวเสร็จเองไม่ช้าไปหรอก” มุกลดาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างเอ็นดูช่วยปลอบใจว่าที่ลูกเขยคนนี้ “มาค่ะพี่คิณณ์ ข้าวต้มฝีมือคุณแม่อร่อยไม่แพ้เมื่อวานเลยนะคะ” หญิงสาวอวดสรรพคุณโชว์ฝีมือแม่เสร็จสรรพพร้อมฉีกยิ้มอย่างน่ารักให้คนข้างกาย “อวดเหมือนตัวเองทำเลยนะ” “พี่คิณณ์อ่ะ ไม่คุยด้วยแล้ว” คนน้องสะบัดหน้าหนีอย่างน่าเอ็นดู ตักข้าวต้มปลาร้อนๆ เข้าปากอย่างแง่งอน พลางทำเป็นไม่สนใจคนตัวโตข้างกาย คิณณ์มองหญิงสาวตักข้าวเข้าปากด้วยสายตาเอ็นดู อดยิ้มบางๆ กับท่าทางน่ารักของเธอไม่ได้ ก่อนจะจับช้อนคนข้าวในชามของตัวเองให้เย็นลง แล้
“ไม่ต้องพิสูจน์ ฉันไม่อนุญาต!” พงษ์ทวีเอ่ยปฏิเสธเสียงเข้ม น้ำเสียงแข็งกร้าวของเขาทำให้บรรยากาศในห้องเงียบงันทันที ไม่มีช่องว่างให้ชายหนุ่มตรงหน้าได้เอ่ยคำใดโต้กลับ “คุณน้าครับ ผมจริงจังกับลัลน์นะครับ ผมไม่ได้อยากทิ้งขว้างอะไรลูกคุณน้าเลย ผมแค่อยากดูแลเธอตลอดไปเท่านั้น” คิณณ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังและแฝงความอ่อนน้อม ทำให้พงษ์ทวีเงียบไปดวงตาคมจ้องมองชายหนุ่มนิ่งงัน ราวกับพยายามอ่านความนัยในคำพูดเหล่านั้น แต่ท่าทีของเขายังคงตึงเครียด “พ่อคะ หนูรักพี่คิณณ์จริงๆนะคะพ่อ” ลัลน์เอ่ยขึ้นน้ำเสียงสั่นเครือปนความเว้าวอน จ้องมองพ่อด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง ทั้งหวังให้เขาเข้าใจและยอมเปิดใจสักครั้ง “ลูกน่ะรักเขาพ่อรู้ แต่เขาน่ะรักลูกเหมือนที่ลูกรักเขาไหม” “รักสิคะ ที่ผ่านมาพี่เขาดูแลหนูมาตลอด ทั้งเรื่องฝึกงานและการสอบ พี่เขาช่วยเหลือหนูทุกอย่างเลยนะคะ” “แกจะบอกสิ่งที่เขาทำแค่นั้นคือเขารักแกแล้วงั้นเหรอ” พงษ์ทวีขมวดคิ้วเข้ม จ้องมองลูกสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล “ยามเจ็บป่วยพี่เขาก็ดูแลหนูนะคะพ่อ” หญิงสาวเขยิบตัวไปนั่งใกล้ๆพ่อของตน พร้อมกับส่งสายตาวิงวอนมาให้ “งั้นเขาเคยพาล