สาวโง่คนนี้ ทำให้ตัวเองเป็นลมจริง ๆ ...เยี่ยเป่ยเฉิงจับแขนของนางด้วยมือเดียวแล้วดึงนางขึ้นจากน้ำ โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดเลย จากนั้นเขาก็คว้าเสื้อผ้าที่อยู่บนม่านบังลม พันไว้รอบร่างที่เปลือยเปล่าของหลินซวงเอ๋อร์ แขนของเขาโอบรอบเอวของนาง และเขาก็อุ้มนางออกไปอย่างเปียกหลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึง ร่างกายของนางเต็มไปด้วยความชื้น ผมของนางก็เปียกหมด และมีน้ำหยดลงมาจากผมของนาง"เจ้ารู้ไหม แช่น้ำร้อนนานไม่ได้" เยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มนางไปที่นั่งนุ่ม วางนางลงบนที่นั่งนุ่ม ๆ แล้วพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชาหลินซวงเอ๋อร์หวาดกลัวมาก และตอนนี้นางถูกเยี่ยเป่ยเฉิงดุอีก น้ำตาก็ไหลออกมาทันทีเลยนางจะรู้ได้ยังไงล่ะ นางแค่รู้ว่าน้ำร้อนนั้นแช่ได้สบายมาก และนางก็ไม่อยากออกไปใครจะรู้ว่า การแช่น้ำนาน ๆ จะทำให้คนเป็นลมได้...ร่างกายของเยี่ยเป่ยเฉิงก็เปียกไปด้วยน้ำ เมื่อเห็นท่าทางที่เปียกชื้นของหลินซวงเอ๋อร์ ความโกรธที่เพิ่งดับลงในสายตาของเขาก็พุ่งขึ้นมาอีกครั้งผ้าบนตัวของนางบางเบาอยู่แล้ว ตอนนี้มันเปียกด้วยน้ำ ทำให้มองชัดเจนยิ่งขึ้น เกือบจะราวกับว่ามันโปร่งใส...เยี่ยเป่ยเฉิงกลิ้งลูกกระเดือกอย่างลับ ๆ และรู้สึกถึงไฟชั
เสียงแหบแห้งของเยี่ยเป่ยเฉิงนั่นดังขึนในข้าง ๆ หูของนาง และฝ่ามือใหญ่ที่ปกคลุมเอวของนางก็ร้อนราวกับเหล็กร้อน เยี่ยเป่ยเฉิงฝังหัวของเขาไว้ที่ไหล่ของนาง และลมหายใจของเขาตกลงบนคอของนางด้วย ...ท่าทางแบบนี้ยั่วยวนเกินไป หลินซวงเอ๋อร์เคยเห็นมันในหนังสือ มันเป็นบทที่นางเพิ่งเรียนรู้ที่สอนให้ผู้คนรู้วิธียั่วยวน...เมื่อตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา หลินซวงเอ๋อร์ก็กลัวจนไม่กล้าขยับตัวอีก "ท่านอ๋องคะ... ถึงเวลาแล้วจริง ๆ ข้าต้องกลับไปแล้ว"กลับไปหรือจะกลับไปที่ไหนล่ะความคิดบ้า ๆ ผุดขึ้นในใจของเขา เขาไม่อยากให้นางกลับไปในคืนนี้เขาอ้าปาก แล้วกัดใบหูเล็ก ๆ ของนางไว้ หลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น “คืนนี้อย่ากลับไปสิ…”นางตั้งใจจะผลักเขาออกไป แต่แรงของนางเล็กเกินไป จึงขยับเขาไม่ได้สักหน่อย “ท่านอ๋องคะ อย่า…”ร่างกายที่เพิ่งอาบน้ำใหม่ส่งกลิ่นหอมออกมา เมื่อกอดอยู่ในอ้อมแขนทั้งมีกลิ่นหอมและนุ่มนวล นุ่มจนราวกับว่าไม่มีกระดูกความฝันที่มีเสน่ห์ในใจของเขาอดไม่ได้ที่จะปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา เยี่ยเป่ยเฉิงตั้งใจที่โน้มตัวไปข้างหน้า และทำให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นหลินซวงเอ๋อร์
เมื่อที่นางพูด ลมหายใจของนางมีกลิ่นหอมของเค้กหอมหมื่นลี้ และยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เป็นของนางอีกด้วยเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ยอมปล่อยนางไป เขาก็ยังจับนางไว้และไม่ปล่อยมือ"ตัวเจ้าหอมมากเลย ให้ข้ากอดเจ้าหน่อยเถอะ..." เขาเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงแผ่วเบาลมหายใจอุ่น ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ หู ทำให้หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกชาที่หนังศีรษะของนางเลย นางรีบหันหน้าไปทางด้านข้าง และเอวของนางก็ถูกอุ่นขึ้นด้วยฝ่ามือร้อนของเยี่ยเป่ยเฉิงแก้มของหลินซวงเอ๋อร์ก็แดงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้เสียงของนางสั่นมาก จนเหมือนกวางที่หวาดกลัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ ท่านอ๋องคะ… มันไม่ได้จริง ๆ นะ…”แต่นางยิ่งทำเช่นนี้ ความตื่นเต้นในตัวของเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยิ่งมากขึ้นเยี่ยเป่ยเฉิงดูเหมือนจะล้อเลียนนางโดยตั้งใจ “ไม่ได้อะไรหรือ”แน่นอนว่าคือห้ามกอดนาง ห้ามจูบนาง และห้ามกัดนาง...แต่นางพูดไม่ได้เขาเป็นเจ้านาย เป็นท่านอ๋องที่อยู่ชนชั้นสูง ส่วนนาง แค่เป็นคนรับใช้ที่ต่ำต้อย แม้ว่านางจะถูกประหารชีวิต นางก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ...หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกต่อต้านอย่างมากในใจ แต่นางก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกมา นางเป็นคนที่มีจิตใจเรียบง่ายเกินไปและไม่สามาร
“ หลินซวงเอ๋อร์ ช่วยดับไฟราคะให้ข้าหน่อย…”เสียงของเยี่ยเป่ยเฉิงดังก้องอยู่ในหู ร่างของหลินซวงเอ๋อร์ถูกกดทับไว้ภายใต้ร่างของเขาอย่างแรงไม่ง่ายเลยที่จะติดกระดุมเสื้อได้แต่เขากลับปลดมันอย่างง่ายดายเมื่อนางตอบสนองได้ จูบอันเร่าร้อนก็จุมพิตไปลงบนลำคอของนางแล้ว...ร่างกายของหลินซวงเอ๋อร์สั่นเทาอย่างรุนแรง จากนั้นก็ดันตนเองลุกขึ้นแล้วถอยหลังกลับไปตามสัญชาตญาณแต่เยี่ยเป่ยเฉิงดูเหมือนจะถูกปีศาจครอบงำ คว้าเอวของนางเอาไว้ แล้วดึงนางกลับมาน้ำในอ่างยังคงมีไอร้อนอยู่ ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยไอน้ำ ท่ามกลางไอหมอกที่เปียกชื้น ผสมกับกลิ่นหอมที่คุ้นเคยกลิ่นนั้นคนที่อยู่ใต้ร่างกายนัยน์ตาเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา ดูเหมือนกำลังจะร้องขอความเมตตาอย่างเงียบๆ“อย่ากลัวเลย…” น้ำเสียงต่ำทุ้มอันแหบแห้ง ท่ามกลางไอหมอกที่ปกคลุม ทำให้มีความรู้สึกที่สับสนคลุมเครืออย่างบอกไม่ถูก“เจ้าต้องการอะไร ข้าจะให้เจ้าทั้งหมด...”สถานะ?หรือเครื่องประดับเงินทอง?หรือว่าจะเป็นภูเขาเงินภูเขาทอง?ก็ได้ทั้งนั้น ถ้านางอยากได้ เขาให้นางได้ทั้งหมด!ในขณะนี้ แม้ว่าจะเป็นสุริยันจันทราบนท้องนภา ถ้าหลินซวงเอ๋อร์อยากได้ เขาก็จะเด็ด
ดูเถิด นายท่านก็คือนายท่าน มีเหตุผลก็จะต้องเลือกเวลาเยี่ยเป่ยเฉิงสัมผัสได้ถึงการต่อต้านของนาง ดังนั้นจึงเคลื่อนไหวอ่อนโยนมากขึ้น พร้อมกับกระซิบข้างหูนางว่า "ข้าบอกแล้วว่า เจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ้าได้ทั้งหมด"ไม่ว่านางอยากจะเป็นอนุภรรยา หรือว่าอยากจะเป็นพระชายา เขาสามารถทำให้นางได้ทั้งหมดขอแค่นางเอ่ยปากขอ เขาเยี่ยเป่ยเฉิงสามารถฟูมฟักทะนุถนอมนางไว้ในอุ้งมือเป็นอย่างดีได้หลินซวงเอ๋อร์ยังคงส่ายหัว: "ข้าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น... "ไม่ต้องการอะไรเลยหรือ?เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเป็นไปได้ไหมว่า นางจะอยากได้พระจันทร์บนท้องฟ้าจริงๆ?หรือนางคิดว่าเขาเยี่ยเป่ยเฉิง ไม่สามารถให้สิ่งที่ดีๆแก่นางได้?“เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่อยากได้?”เขาก็ไม่รู้ว่าจะถามนางเกี่ยวกับด้านไหน สรุปคือ เขาอยากที่จะยืนยันอีกครั้งก็เท่านั้นนัยน์ตาของหลินซวงเอ๋อร์เต็มไปด้วยน้ำตา พยักหน้าอย่างแน่วแน่มั่นคงเยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้ว“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า…” เยี่ยเป่ยเฉิงเข้าจู่โจมอีกครั้ง เขาไม่เคยควบคุมตนเองไม่ได้ขนาดนี้ น่าจะเป็นเพราะรักษาพรหมจรรย์มาเป็นเวลายี่สิบปี จึงทำให้เก็บกดมาจนถึงตอนนี้เขาโน้มต
หลินซวงเอ๋อร์วิ่งร้องไห้กลับไปที่ห้องสาวใช้หลายคนที่กำลังทำงานอยู่ที่ลานบ้าน เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของหลินซวงเอ๋อร์ ก็เริ่มกระซิบถกเถียงกันเบาๆ หนึ่งในนั้นก็มีชิวจวี๋อยู่ด้วยพอชิวจวี๋เห็นหลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกคันเกลียดชังเป็นอย่างมากนางว่าแล้วทำไมท่านอ๋องถึงไม่ค่อยอยากพบนาง ทันทีที่เห็นหลินซวงเอ๋อร์ นางก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่า ท่านอ๋องจะต้องถูกนังจิ้งจ้องคนนี้ล่อลวงเป็นแน่!เมื่อชิวจวี๋เห็นสีแดงสดบนกางเกงของนาง ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึมลงแล้วกล่าวอย่างเกลียดชังว่า: "เห็นไหม? เป็นนาง ที่ปลอมตัวเข้ามาในจวนอ๋อง เพื่อจงใจล่อลวงท่านอ๋อง ข้าบอกแล้วว่าหน้าตางของนางเหมือนนังจิ้งจอก ที่แต่นางก็เป็นสตรีจริงๆ"สาวใช้อีกคนชื่อจื่ออวิ๋นกล่าวว่า: "แต่ข้าเห็นว่าปกติแล้วนางเป็นคนที่เคร่งครัดในกฎเกณฑ์มากเลยนะ นางจะทำสิ่งที่ไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไร?"ชิวจวี๋เม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "สุนัขที่กัดคนไม่เคยเห่า! ไม่เห็นหรือ? เมื่อสักครู่นางเพิ่งจะออกมาจากห้องของท่านอ๋องด้วยการแต่งตัวแบบนี้ ใครจะไปรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่!"“พวกเจ้าดูท่าทางที่นางร้องไห้สิ คงจะถูกท่านอ๋องดุ
หลินซวงเอ๋อร์ขยับริมฝีปาก แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้ จึงเล่าเรื่องทุกอย่างที่ท่านอ๋องทำกับนางเมื่อเมื่อสักครู่นี้ให้ตงเหมยฟัง"ท่านอ๋อง... เขาทำต่อเจ้าหรือ? ใช่หรือ?"ตงเหมยปล่อยมือ และพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่ตกตะลึงไปสักครู่ใหญ่ๆ ตงเหมยก็ตั้งสติได้ และพูดด้วยความประหลาดใจว่า: "ไม่น่าแปลกใจที่นายหญิงไม่ได้ลงโทษเจ้า แถมยังปล่อยให้เจ้ารับใช้ท่านอ๋องต่อไป เป็นไปได้ไหมว่าท่านอ๋องจะขอร้องแทนเจ้า"หลินซวงเอ๋อร์ไม่รู้ ตอนนี้สมองของนางสับสนมากตงเหมยคาดเดาว่า: "เจ้าว่า ท่านอ๋องปฏิบัติต่อเจ้าแบบนั้น คงจะไม่ได้ชื่นชอบเจ้าจริงๆใช่ไหม?"ก่อนที่หลินซวงเอ๋อร์จะปฏิเสธ ตงเหมยก็ส่ายหัวปฏิเสธด้วยตนเอง: "เป็นไปไม่ได้ ท่านอ๋องสถานะสูงส่ง มีสตรีแบบไหนบ้างที่ท่านไม่เคยพบเจอ บางที อาจจะเป็นเพราะธรรมชาติของผู้ชาย ที่ชอบความแปลกใหม่.... "หลินซวงเอ๋อร์เห็นด้วยกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากตงเหมยเหลือบมองหลินซวงเอ๋อร์อย่างมีนัยความหมาย จากนั้นก็ลดเสียงลง แล้วกล่าวว่า "ถ้าท่านอ๋องต้องการเจ้าจริงๆ เขาอาจจะเลื่อนตำแหน่งให้เจ้าเป็นอนุภรรยา เมื่อถึงเวลานั้น ที่เรือนฝั่งตะวันออกแห่งนี้ เจ้าก็
ในที่สุดกงชิงเยวี่ยก็อดรนทนไม่ไหว เรียกหลินซวงเอ๋อร์ไปที่ลานจวนของนางเพื่อซักถามบนขั้นบันได กงชิงเยวี่ยถือลูกปัดพุทธเอาไว้ในมือ และจ้องมองไปที่หลินซวงเอ๋อร์ด้วยนัยน์ตาที่เหยียดหยามผู้หญิงคนนี้ที่คุกเข่าอยู่ในลานจวน เป็นเพียงสาวรับใช้ที่ต่ำต้อยที่สุดในจวน ไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้บุตรชายของนางเสียด้วยซ้ำ!นางพินิจผู้หญิงคนนี้ คิ้วที่ยาวและเชิดขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาที่สดใส จมูกอันเรียวเล็ก และริมฝีปากที่เม้มเล็กน้อยนั้น ดึงดูดผู้คนยิ่งกว่านังจิ้งจอกเสียอีกกงชิงเยวี่ยหลับตา ลูกปัดในมือของนางก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ไฟโทษะที่อยู่ในใจทำอย่างไรก็ดับไม่ได้หลินซวงเอ๋อร์คุกเข่าสองชั่วยามแล้ว กงชิงเยวี่ยก็ไม่ได้พูดอะไร ดังนั้นนางจึงทำได้แค่คุกเข่าต่อไปแสงอาทิตย์ยามบ่ายทั้งแสบทั้งร้อน และแผดเผาแผ่นดินอย่างโหดร้าย และไม่มีวี่แววว่าลมจะพัดผ่านมาเลย ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วรูขุมขน แทบจะทำให้คนหายใจไม่ออกก้อนกรวดที่อยู่บนพื้นทำให้เข่าของหลินซวงเอ๋อร์เจ็บ ผมเผ้าของนางก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ นัยน์ตาที่สดใสคู่นั้น ในเวลานี้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงกำลัง และเต็มไปด้วยความสับสนในท้ายที่สุด ท่านป้า
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ