แชร์

บทที่ 105

ผู้เขียน: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-07-17 18:00:01
ในที่สุดกงชิงเยวี่ยก็อดรนทนไม่ไหว เรียกหลินซวงเอ๋อร์ไปที่ลานจวนของนางเพื่อซักถาม

บนขั้นบันได กงชิงเยวี่ยถือลูกปัดพุทธเอาไว้ในมือ และจ้องมองไปที่หลินซวงเอ๋อร์ด้วยนัยน์ตาที่เหยียดหยาม

ผู้หญิงคนนี้ที่คุกเข่าอยู่ในลานจวน เป็นเพียงสาวรับใช้ที่ต่ำต้อยที่สุดในจวน ไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้บุตรชายของนางเสียด้วยซ้ำ!

นางพินิจผู้หญิงคนนี้ คิ้วที่ยาวและเชิดขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาที่สดใส จมูกอันเรียวเล็ก และริมฝีปากที่เม้มเล็กน้อยนั้น ดึงดูดผู้คนยิ่งกว่านังจิ้งจอกเสียอีก

กงชิงเยวี่ยหลับตา ลูกปัดในมือของนางก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ไฟโทษะที่อยู่ในใจทำอย่างไรก็ดับไม่ได้

หลินซวงเอ๋อร์คุกเข่าสองชั่วยามแล้ว กงชิงเยวี่ยก็ไม่ได้พูดอะไร ดังนั้นนางจึงทำได้แค่คุกเข่าต่อไป

แสงอาทิตย์ยามบ่ายทั้งแสบทั้งร้อน และแผดเผาแผ่นดินอย่างโหดร้าย และไม่มีวี่แววว่าลมจะพัดผ่านมาเลย ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วรูขุมขน แทบจะทำให้คนหายใจไม่ออก

ก้อนกรวดที่อยู่บนพื้นทำให้เข่าของหลินซวงเอ๋อร์เจ็บ ผมเผ้าของนางก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ นัยน์ตาที่สดใสคู่นั้น ในเวลานี้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงกำลัง และเต็มไปด้วยความสับสน

ในท้ายที่สุด ท่านป้า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
พรชนก เตริ่นถิ
สรุปแทนที่จะสนุกกลายเป็นน่ารำคาญ
goodnovel comment avatar
พรชนก เตริ่นถิ
นางเอกก็ขี้กลัวเกิน..พระเอกก็จะเอาอย่างเดียว
goodnovel comment avatar
พรชนก เตริ่นถิ
ยื้อเยือเยอะเกินไป อ่านแล้วน่าเบื่อ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 106

    หลินซวงเอ๋อร์กำฝ่ามือเอาไว้แน่น ระงับอารมณ์ในใจ พูดด้วยน้ำเสียงไม่หยิ่งยโสและไม่ทำตนให้ต่ำต้อยว่า: "ข้ามีคนรักแล้ว ความหวังดีนายหญิง ข้าขอน้อมรับเอาไว้"“มีคนรักแล้ว?” กงชิงเยวี่ยเลิกคิ้ว แล้วจ้องมองนางด้วยความสนใจ: "เป็นบ่าวรับใช้ที่ทำงานเบ็ดเตล็ดในจวนหรือ? เดี๋ยวข้าจะให้ท่านป้าจ้าวเลือกวันมงคลให้กับเจ้า และกำหนดวันแต่งงานให้ ให้คุ้มกับที่เจ้าทุ่มเททำงานให้กับจวนโหวในช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมานี้"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "เรื่องแต่งงานของข้าข้าจะตัดสินใจด้วยตนเองค่ะ"อยู่ในจวนโหว ไม่อาจทำตามใจตนเองได้ นางสามารถประพฤติตนเหมาะสมได้อย่างไม่ละอายใจ แต่เรื่องแต่งงาน นางอยากตัดสินใจด้วยตนเอง แม้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านางจะเป็นกงชิงเยวี่ย แต่นางก็ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจเรื่องแต่งงานแทนหลินซวงเอ๋อร์!นางนั่งหลังตรง นัยน์ตาที่ชัดใสคู่นั้นจ้องมองไปที่กงชิงเยวี่ย กงชิงเยวี่ยมองเห็นท่าทีที่โอหังถือดีในตัวนาง“ช่างเถิด แล้วแต่เจ้า วันนี้ที่เรียกเจ้ามา ข้ามีเพียงคำขอเดียว จำสถานะของเจ้าเอาไว้ เจ้าเข้าใจไหม?” น้ำเสียงของกงชิงเยวี่ย เย็นชาขึ้นเรื่อยๆคนที่นางหลินซวงเอ๋อร์ชื่นชอบจะมีอะไรพิเศษไปกว่าคนอื่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-17
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 107

    เยี่ยเป่ยเฉิงพานางไปที่เรือนฝั่งตะวันออก เตะประตูให้เปิดออก แล้วอุ้มหลินซวงเอ๋อร์เข้าไปในเรือนอวิ๋นซวนหลินซวงเอ๋อร์ทั้งรู้สึกอายทั้งรู้สึกกลัดกลุ้ม สีหน้าของนางแดงก่ำด้วยความโกรธนางเพิ่งจะรับปากกับกงชิงเยวี่ย ว่าจะระวังสถานะของตนเอง และรักษาระยะห่างที่เหมาะสมกับเยี่ยเป่ยเฉิงสุดท้าย... เขากลับอุ้มนางกลับไปที่เรือนฝั่งตะวันออกต่อหน้ากงชิงเยวี่ย...ถ้าเป็นเช่นนี้ ต่อไปคนในจวนจะคิดกับนางอย่างไร?แล้วนางจะปักหลักอยู่ในจวนโหวแห่งนี้ได้อย่างไร?หลังจากเข้าไปในเรือน เยี่ยเป่ยเฉิงก็วางนางลง เค้กหอมหมื่นลี้ที่อยู่บนโต๊ะเป็นของที่ตั้งใจซื้อมาให้ตอนที่เขากลับจวนทันทีที่เยี่ยเป่ยเฉิงวางนางลง หลินซวงเอ๋อร์ก็ถอยหลังไปสองสามก้าว เพื่อรักษาระยะห่างกับเยี่ยเป่ยเฉิง ด้วยสีหน้าท่าทางที่ระแวดระวังนางอยากจะเงยหน้าขึ้นแล้วเผชิญหน้ากับเขา และถามเขาว่าเหตุใดถึงมักจะทำให้นางลำบากใจ เหตุใดถึงต้องอุ้มนางกลับเรือนต่อหน้าทุกคน ทำให้นางรู้สึกละอายใจ!แต่นางไม่กล้าต่อหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง นางยังคงขี้ขลาดราวกับว่าเป็นหนู ความกดดันที่มองไม่เห็นของเยี่ยเป่ยเฉิงทำให้นางไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรสักคำเยี่ยเป่ยเฉ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-18
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 108

    นางโค้งคำนับให้เยี่ยเป่ยเฉิงอย่างสุดซึ้ง แล้วกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า "ขอบพระคุณท่านอ๋อง ท่านอ๋องช่างดีจริงๆ"นัยน์ตาของเยี่ยเป่ยเฉิงจ้องมองไปที่ลักยิ้มลูกแพร์ที่สวยงามทั้งสองข้างอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เบี่ยงเบนสายตาดูท่าทางที่ไม่เอาถ่านของนางสิ แค่ให้ผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆ ก็ดีอกดีใจขนาดนี้ ไม่เอาไหนเลยจริงๆ...แต่ว่า คำเหล่านี้ใช้ได้ผลกับเยี่ยเป่ยเฉิงมาก อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขหลินซวงเอ๋อร์รีบนั่งลงทันที แล้วยัดเค้กดอกหอมหมื่นลี้หอม เข้าปากอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าเล็กๆของนางก็นูนขึ้นมาทันทีเยี่ยเป่ยเฉิงก็ไม่กินเช่นกัน นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่งเขาพบว่าหลังจากที่ได้รับการพักฟื้นในช่วงนี้ ผิวพรรณของนางดูสดใสขึ้นมามาก ร่างกายก็ดูอวบอิ่มมากขึ้น และดูดีมีเสน่ห์มากกว่าแต่ก่อน ทำให้เขามองอย่างไรก็มองไม่พอ“กินช้าๆ จะไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก”ทันทีที่พูดจบ หลินซวงเอ๋อร์ก็สำลักอย่างรุนแรงเยี่ยเป่ยเฉิงรีบรินน้ำให้นางหนึ่งแก้ว: "ข้าบอกให้เจ้ากินช้าๆ ถ้าชอบ ครั้งหน้าข้าจะซื้อมาให้เจ้าอีก"หลินซวงเอ๋อร์แทบจะทนรอไม่ไหว ที่จะออกจากจวนไปดูผลการประกาศ เพราะนางอยากรู้ว่าฉีห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-18
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 109

    ทั้งสองขึ้นรถม้าและมาถึงถนนฉางอานอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็หยุดอยู่หน้าร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่งก่อนหน้านี้หลินซวงเอ๋อร์ได้ยินตงเหมยพูดว่า ร้านนี้เป็นร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ดีที่สุดในเมืองหลวง และตระกูลที่มีหน้ามีตาในเมืองฉางอานต่างก็มาสั่งตัดเสื้อผ้าที่นี่ แค่เลือกเสื้อผ้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งที่อยู่ข้างในก็มีราคาเท่ากับเงินเดือนทั้งปีของหลินซวงเอ๋อร์แล้วเธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดเยี่ยเป่ยเฉิงจึงพานางมาที่นี่ เพราะอย่างไรเสีย เสื้อผ้าของเขาทำโดยช่างตัดเสื้อที่เก่งที่สุดในเจียงหนาน จึงไม่จำเป็นต้องมาที่นี่เพื่อซื้อเสื้อผ้าเลย“เข้าไปเลือกสิ ชอบชุดไหนก็ซื้อชุดนั้น” เยี่ยเป่ยเฉิงพูดกับนางหลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจนางจะซื้อเสื้อผ้าที่นี่ได้อย่างไร...จึงโบกมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า สีหน้าของหลินซวงเอ๋อร์เต็มไปด้วยการต่อต้าน เพราะนางต้องการเก็บเงินไว้เพื่อไถ่ถอนตนเอง“ท่านอ๋อง ไม่จำเป็น จวนโหวแจกจ่ายเสื้อผ้าให้ข้าฟรีทุกปี ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองเงินจำนวนนี้”จวนโหวแจกจ่ายเสื้อผ้า?เยี่ยเป่ยเฉิงนึกถึงชุดผ้าลินินหยาบที่หลินซวงเอ๋อร์สวมใส่อยู่เป็นประจำ จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเดิมท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-18
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 110

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "ไม่เป็นไร"หลินซวงเอ๋อร์แอบพินิจมองเขา และพบว่าดูเหมือนเขาจะไม่ได้โกรธเลย แถมตรงมุมปากยังมีรอยยิ้มเบาๆอีกด้วยมีอะไรน่าขันหรือ?หลินซวงเอ๋อร์กะพริบตา เพราะกลัวว่าตนเองจะมองผิดไป“ชอบไหม สามารถลองได้หมดเลยนะ” จู่ๆเยี่ยเป่ยเฉิงก็ลดระดับสายตาลงแล้วมองไปที่นาง และได้สบสายตากับนางเข้าพอดีอารมณ์ประมาณว่าแอบมองแล้วถูกจับได้ หลินซวงเอ๋อร์รีบเบี่ยงเบนสายตา หัวใจก็เต้นแรงเถ้าแก่เนี้ยประหลาดใจเล็กน้อย ดูไปดูมา คุณชายท่านนี้คงจะอยากซื้อเสื้อผ้าให้สาวน้อยผู้นี้?ดูเหมือนนางจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เถ้าแก่เนี้ยรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และแนะนำรูปแบบเสื้อผ้า ให้หลินซวงเอ๋อร์ด้วยความกระตือรือร้น แต่รูปแบบที่นางแนะนำล้วนเป็นรูปแบบเก่าของปีที่แล้ว ในเมื่อเป็นสาวใช้ สวมใส่เสื้อผ้าที่สูงส่งเหล่านั้นคงจะไม่สมควร เพราะท้ายที่สุดแล้ว มีเพียงสตรีที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์เท่านั้นที่สามารถสวมใส่ได้...หลินซวงเอ๋อร์ก็ดูรูปแบบเสื้อผ้าตามที่เถ้าแก่เนี้ยแนะนำ แต่รูปแบบที่สีสันฉูดฉาด ไม่ใช่รูปแบบที่นางชื่นชอบ แต่เเยี่ยเป่ยเฉิงอยู่ด้วย แม้ว่านางจะไม่ชื่นชอบ นางก็ไม่กล้าแสดงออกมา จึงทำ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-18
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 111

    เยี่ยเป่ยเฉิงนำเก้าอี้มาแล้วนั่งลงทันทีจากนั้นไม่นาน หลินซวงเอ๋อร์ก็เดินออกมาจากห้องลองเสื้อเสื้อผ้าสูงส่งเช่นนี้ นางสวมด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะกลัวว่าตนเองจะทำให้เสื้อผ้าเสียหายตอนที่นางออกมาจากในนั้น ใบหน้าที่สวยงามของหลินซวงเอ๋อร์ดูเหมือนจะเจือปนไปด้วยสีแดงเล็กน้อยเถ้าแก่เนี้ยเคยเห็นสตรีผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงมานับไม่ถ้วน แต่นางไม่เคยเห็นหญิงสาวคนไหนที่งามสง่าเท่ากับหลินซวงเอ๋อร์มาก่อนเลย ชุดกระโปรงนี้นางเห้นสตรีผู้สูงศักดิ์สวมใส่มานับไม่ถ้วน แต่กลับไม่มีใครสามารถสวมใส่มันได้อย่างมีเสน่ห์เหมือนนางเลยเถ้าแก่เนี้ยเดินไปรอบๆหลินซวงเอ๋อร์ครั้งแล้วครั้งเล่า นัยน์ตาของนางไม่อาจซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ได้ นางแทบจะอยากยกย่องชื่นชมหลินซวงเอ๋อร์ตั้งแต่หัวจรดเท้าหลินซวงเอ๋อร์ไม่มีความเบิกบานใจเลย แต่บนใบหน้ากลับมีความรู้สึกที่ลำบากใจตั้งแต่นางเกิดมา นางไม่เคยสวมชุดราคาแพงเช่นนี้มาก่อนเลย ในอดีตมีเพียงช่วงตรุษจีนเท่านั้น ที่แม่ของนางจะเย็บชุดลายดอกไม้ให้นางด้วยตนเองแม้ว่าจะใช้วัสดุธรรมดา แต่นางก็ถือว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า และสวมใส่เพียงครั้งเดียวในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-19
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 112

    แค่เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำไมดุร้ายขนาดนี้ด้วย... หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกเสียใจเล็กน้อย“เปลี่ยนอะไร? สวมชุดนี้นี่แหละ” เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเสื้อผ้าแบบนั้นควรจะทิ้งไปตั้งนานแล้ว แต่นางก็ยังถือว่ามันเป็นสมบัติอันล้ำค่า!"แต่...แต่ว่า" หลินซวงเอ๋อร์ยังคงพยายามอีกครั้ง“แต่อะไรล่ะ? แทนที่จะรู้สึกเสียใจกับชุดนั้น ควรจะคิดตรึกตรองว่า ควรจะทำอย่างไรถึงจะสลัดสถานะนี้ออกไปได้ไม่ดีกว่าหรือ!”เมื่อพูดประเด็นนี้ขึ้นมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็โกรธโดยไม่มีเหตุผลเขาบอกเป็นนัยชัดเจนมากเพียงพอแล้ว และปฏิบัติต่อนางยังไม่ดีพอหรือ?เขาเก็บนางไว้ข้างกายของตนเอง ให้นางเข้าใกล้เขา สอนให้นางฝึกอ่านเขียน พาเนางออกไปเที่ยวกลางคืน ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆให้นาง หรือแม้แต่จูบนางอย่างดูดดื่ม...นางไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ?หรือว่านางไม่เข้าใจความรู้สึกของเขา?หัวใจของนางทำด้วยหินหรือ?ผู้หญิงโง่คนนี้ แม้ว่าจะส่งสัญญาณยังไงก็ไม่เข้าใจ หรือว่านางอยากให้เยี่ยเป่ยเฉิงลดศักดิ์ศรีของตนเอง มาขอร้องนางอย่างนั้นหรือ?จะเป็นไปได้อย่างไร!เขาเยี่ยเป่ยเฉิงจะยอมลดศักดิ์ศรีลงได้อย่างไร!เมื่อเห็นว่าสีหน้าเยี่ยเป่ยเฉิงเคร่งขรึมมาก ร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-19
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 113

    หลังจากที่หลินซวงเอ๋อร์เบียดตัวอยู่ในฝูงชน นางก็เขย่งเท้ามองเข้าไปข้างใน แต่นางไม่สูงพอ อีกทั้งยังผอมบาง ทำให้ไม่สามารถเบียดสู้ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่เหล่านั้นได้ ไม่นานนางจึงถูกเบียดออกมาจากฝูงชนทันใดนั้นหลังของนางก็สัมผัสกับกำแพงเนื้อ และมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ข้างหู“อยากดูหรือ?” ไม่รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงมายืนอยู่ข้างหลังนางตั้งแต่เมื่อไหร่ จากนั้นเขาก็เอามือใหญ่ๆทั้งสองข้างพยุงเอวของนางเอาไว้หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้า มอง เยี่ยเป่ยเฉิงอย่างกระตือรือร้นพร้อมกับนัยน์ตาที่สดใสนัยน์ตาของเยี่ยเป่ยเฉิงทั้งลังเลทั้งอ่อนโยน ทันใดนั้นเขาก็โน้มตัวลง แล้วอุ้มนางขึ้นมาหลินซวงเอ๋อร์อุทาน แล้วเอามือทั้งสองข้างโอบรอบคอของเขาไว้แน่นตามสัญชาตญาณ"ท่านอ๋อง... " ทันใดนั้นนางก็สูงขึ้นมาก เมื่อก้มศีรษะลง ทั้งสองก็อยู่ใกล้กันมาก ลมหายใจของเยี่ยเป่ยเฉิงกระทบที่ระหว่างคอของนาง“ตอนนี้มองเห็นแล้วหรือยัง?” เยี่ยเป่ยเฉิงกระชับแขนของเขา หลินซวงเอ๋อร์ก็นั่งบนแขนของเขาอย่างมั่นคงจากนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปตรงที่ที่มีการติดประกาศผลของทางการ“ตอนนี้ข้าเห็นแล้ว” ไม่เพียงแต่สามารถมองเห็นได้ แต่สา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-19

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

DMCA.com Protection Status