ในร้านค้าทั้งสองฝั่งของถนนฉางอาน เค้กหอมหมื่นลี้อบใหม่ ๆ และกลิ่นหอมฟุ้ง ๆเยี่ยเป่ยเฉิงหยุดชั่วคราว และเรียกเสวียนอู่ไปที่ร้านเพื่อซื้อสองชุดแล้วแพ็คกลับบ้านเยี่ยเป่ยเฉิงหลงรักของหวานเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เสวียนอู่รู้สึกสงสัยมากเสวียนอู่ก็เข้าใจทันที หลังจากคิดครั้งที่สอง….หลินซวงเอ๋อร์นั่งยอง ๆ อยู่บนพื้นในเรือนอวิ๋นซวน และกำลังฝึกเขียนออย่างจริงจังนางเงยหน้าขึ้นอย่างเข้มแข็ง ไม่กล้าที่จะหย่อนยานเลย เพราะนางกลัวว่าเยี่ยเป่ยเฉิงกลับมา และพบว่านางกำลังเฉื่อยชา มันจะทำให้เขาโกรธอีกครั้งแต่นางฝึกแล้วฝึกอีก เยี่ยเป่ยเฉิงก็ยังไม่กลับมาตรวจสอบผลลัพธ์ และนางรู้สึกง่วงมากเลยแสงอาทิตย์ในช่วงบ่ายอบอุ่นมาก และเนื่องจากนางนอนไม่ดีทั้งเมื่อคืนนี้ หลินซวงเอ๋อร์จึงจับหัวของนางและต่อต้านอย่างเหนียวแน่นในอดีต นางกวาดลานบ้านเหนื่อยกว่านี้ตั้งเยอะ นางก็ไม่ได้รู้สึกง่วงนอนมากนัก แต่ตอนนี้นางแค่ฝึกเขียนไม่กี่คำก็รู้สึกง่วงนอนมากแล้ว มันแปลกจริง ๆ ...หลินซวงเอ๋อร์สงสัยว่า การฝึกเขียนนี้มีผลช่วยให้นางง่วงนอน ไม่งั้น ทำไมร่างกายของนางถึงอยากนอนทันที เมื่อที่นางฝึก...หลินซวงเอ๋อร์ส่ายห
พื้นมันเย็น แต่นางนอนบนพื้นแบบนี้จริง ๆ ..."ข้าคิดว่าพื้นก็ค่อนข้างดีเหมือนกันนะ... " หลินซวงเอ๋อร์ ตอบว่าเห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้เขาเป็นคนที่บอกนางว่าอย่าทำให้เตียงของเขาสกปรก แล้วนางจะกล้านอนบนเตียงของเขาได้อย่างไรแล้วอีกอย่าง พื้นนี้ยังสะอาดมาก แสงแดดยามบ่ายก็ยังอบอุ่นอีกด้วย แม้ว่านางจะนอนบนพื้น แต่นางก็รู้สึกสบายอยู่ดี"อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดี หากเป็นหวัดอีก งั้นเจ้าอย่าร้องไห้นะ" เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาห่วงใยนางหรือเมื่อคิดดูแล้วมันก็ไม่มีอะไรมาก เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ อาการบาดเจ็บนี้ก็ยังเกิดจากเขา เขาใส่ใจสักคํา อาจเพราะความรู้สึกผิด"ร่างกายของข้าไม่ได้บอบบางนัก" เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลินซวงเอ๋อร์จึงกล่าวว่าพื้นในห้องของเขาอบอุ่นและเรียบลื่น มันสบายกว่าเตียงในห้องของนางเอง“วันนี้เจ้าเชื่อฟังมาก เค้กหอมหมื่นลี้นี้มีไว้เพื่อเป็นรางวัลแก่เจ้า” เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางเลือกอื่น และเห็นว่าวันนี้นางฝึกเขียนได้ดี เขาคิดว่านางคงจะหิว เขาจึงลุกขึ้นไปที่โต๊ะ และยื่นเค้กหอมหมื่นลี้สองกล่องให้นางหลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ดวงตาของหลินซวงเอ๋อร์เบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เมื่อที่นางได้ตอบสนอง ริมฝีปากกับลิ้นของนางก็ถูกเปิดออกโดยเขา ลิ้นที่ยืดหยุ่นของเขาเข้าไปตรง ขนมที่เหลือจากปากของนางก็ถูกเอาไปแล้ว สิงที่เอาไปยังมีลมหายใจที่รวดเร็วของนาง และเหลวหวานในปากของนาง...หลินซวงเอ๋อร์ตระหนักอย่างช้า ๆ นางกำหมัดของนางและแขวนมันไว้บนหน้าอกของเขา “อืม~”แต่เมื่อเผชิญกับพลังที่แน่นหนา ความแข็งแกร่งของหลินซวงเอ๋อร์ก็เหมือนกับการเกาคันมือของนางถูกเยี่ยเป่ยเฉิงคว้าไว้อย่างง่าย และกดมันลงบนหน้าอกของเขาปิ่นปักผมบนศีรษะถูกเขาเอาออกไปโดยไม่รู้เมื่อไหร่ และผมสีดำของนางก็ตามร่วงหล่นไปนิ้วมือของเยี่ยเป่ยเฉิงค่อย ๆ จุ่มลงไปเส้นผมของนาง สัมผัสที่เย็นชาก็เหมือนกับหยดน้ำหวานในทะเลทราย และหยดเข้าสู่หัวใจของเขาทันทีการจูบนั้น มารุนแรงยิ่งขึ้นหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกเหมือนนางหายใจไม่ออกภายใต้การครอบครองของเยี่ยเป่ยเฉิง และร่างกายของนางก็อ่อนลงโดยไม่รู้ตัวฝ่ามือร้อนของเขาวางลงบนต้นขาอันเรียบเนียนของนาง และมีการสัมผัสอย่างอบอุ่นบนริมฝีปากเมื่อเยี่ยเป่ยเฉิงยกแขนขึ้น และร่างกายของหลินซวงเอ๋อร์ก็นั่งทับเขาทันทีเลยหลินซวงเอ๋อร
เยี่ยเป่ยเฉิงเคยบอกแล้วว่า ครั้งต่อไปเขาจะตรวจสอบด้วยตนเอง และหากนางจำมันไม่ได้ นางจะถูกลงโทษด้วยการลงโทษครั้งนี้ หลินซวงเอ๋อร์จะไม่กล้าขี้เกียจอีกต่อไป ทุกครั้งที่นางศึกษาบทหนึ่ง นางไม่เพียงแต่ต้องฝึกฝนทุกคำ แต่ยังจดจำทั้งบทด้วย เผื่อว่าเยี่ยเป่ยเฉิงจะมาตรวจสอบ...ชั่วพริบตา ค่ำคืนก็เริ่มมืดลงแล้วหลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างเงียบ ๆ และเห็นว่าเขากำลังอ่านหนังสือทหารอย่างตั้งใจ นางกัดริมฝีปากของนาง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลัวที่จะรบกวนเขา“คำของวันนี้ ฝึกเสร็จแล้วเหรอ” แม้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงกำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับทหาร แต่เขาเหลือบมองหลินซวงเอ๋อร์จากหางตา เมื่อเห็นว่านางงุนงง และไม่ได้เขียนอย่างจริงจัง เขาก็ค่อย ๆ วางหนังสือในมือลง แล้วมองไปที่นาง"ท่านอ๋องคะ ฝึกเสร็จแล้วค่ะ" เมื่อได้ยินเสียงของเยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์ก็นั่งตัวตรงทันทีเยี่ยเป่ยเฉิงหยิบคำที่นางเพิ่งเขียนไว้ในมือของเขา และมองดูอย่างระมัดระวัง“อืม ลายมือก็สวยกว่าเดิมมาก”"ท่านอ๋องคะ งั้นข้าขอออกไปก่อนนะ" หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกราวกับว่านางได้กินน้ำผึ้ง หลังจากได้รับคำชมจากเขา และนางก็รีบพูดว่า
หลังจากมาที่จวนโหวเป็นเวลาสองปี หลินซวงเอ๋อร์ก็ไปอาบน้ำที่ห้องเก็บเครื่องใช้ห้องน้ำเสมอ ห้องนั้นทั้งมืดและชื้น และน้ำร้อนก็มีจำกัด คนรับใช้ถูกจำกัดว่าการใช้น้ำร้อนแค่ถังเดียวต่อวัน ถ้ามากกว่านั้นก็จะไม่มีแล้วหลินซวงเอ๋อร์อาบอย่างละเอียด เมื่อน้ำไม่เพียงพอ นางก็เติมน้ำเย็นลงไป ในที่สุดถังน้ำร้อนก็กลายเป็นน้ำอุ่น ถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูหนาวก็ต้องทนเมื่อเทียบกับห้องของเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้ ห้องพักของเขาทั้งสะอาดและอบอุ่น และเขาจะมีน้ำร้อนมากเท่าที่ต้องการเมื่อนึกถึงว่านางได้จ่ายค่าใช้นี้ด้วยชีวิต นางก็กัดฟัน หลินซวงเอ๋อร์ถอดเสื้อผ้าออก ยกขาขึ้นแล้วเดินช้า ๆ เข้าไปในอ่าง...หลินซวงเอ๋อร์ก็หลับตาลงอย่างพึงพอใจ เมื่อร่างของนางจมอยู่ในอ่างมีกลีบดอกที่กลิ่นหอมลอยอยู่บนน้ำด้วย นี่อาจจะเป็นการอาบน้ำที่สบายที่สุดที่นางเคยอาบมาหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกมันแปลกใหม่มาก และถือกลีบดอกไม้บนน้ำไว้ในฝ่ามือของนางเพื่อเล่นเยี่ยเป่ยเฉิงจ้องไปที่หนังสือในมือของเขาครู่หนึ่ง แต่จิตใจของเขาฟุ้งซ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าเสียงน้ำไหลหลังม่านบังลมนั่นจะไม่ดังมาก แต่เขาก็ได้ยินชัดเจนมากเลยเยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วขึ้น เมื่อด
สาวโง่คนนี้ ทำให้ตัวเองเป็นลมจริง ๆ ...เยี่ยเป่ยเฉิงจับแขนของนางด้วยมือเดียวแล้วดึงนางขึ้นจากน้ำ โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดเลย จากนั้นเขาก็คว้าเสื้อผ้าที่อยู่บนม่านบังลม พันไว้รอบร่างที่เปลือยเปล่าของหลินซวงเอ๋อร์ แขนของเขาโอบรอบเอวของนาง และเขาก็อุ้มนางออกไปอย่างเปียกหลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึง ร่างกายของนางเต็มไปด้วยความชื้น ผมของนางก็เปียกหมด และมีน้ำหยดลงมาจากผมของนาง"เจ้ารู้ไหม แช่น้ำร้อนนานไม่ได้" เยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มนางไปที่นั่งนุ่ม วางนางลงบนที่นั่งนุ่ม ๆ แล้วพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชาหลินซวงเอ๋อร์หวาดกลัวมาก และตอนนี้นางถูกเยี่ยเป่ยเฉิงดุอีก น้ำตาก็ไหลออกมาทันทีเลยนางจะรู้ได้ยังไงล่ะ นางแค่รู้ว่าน้ำร้อนนั้นแช่ได้สบายมาก และนางก็ไม่อยากออกไปใครจะรู้ว่า การแช่น้ำนาน ๆ จะทำให้คนเป็นลมได้...ร่างกายของเยี่ยเป่ยเฉิงก็เปียกไปด้วยน้ำ เมื่อเห็นท่าทางที่เปียกชื้นของหลินซวงเอ๋อร์ ความโกรธที่เพิ่งดับลงในสายตาของเขาก็พุ่งขึ้นมาอีกครั้งผ้าบนตัวของนางบางเบาอยู่แล้ว ตอนนี้มันเปียกด้วยน้ำ ทำให้มองชัดเจนยิ่งขึ้น เกือบจะราวกับว่ามันโปร่งใส...เยี่ยเป่ยเฉิงกลิ้งลูกกระเดือกอย่างลับ ๆ และรู้สึกถึงไฟชั
เสียงแหบแห้งของเยี่ยเป่ยเฉิงนั่นดังขึนในข้าง ๆ หูของนาง และฝ่ามือใหญ่ที่ปกคลุมเอวของนางก็ร้อนราวกับเหล็กร้อน เยี่ยเป่ยเฉิงฝังหัวของเขาไว้ที่ไหล่ของนาง และลมหายใจของเขาตกลงบนคอของนางด้วย ...ท่าทางแบบนี้ยั่วยวนเกินไป หลินซวงเอ๋อร์เคยเห็นมันในหนังสือ มันเป็นบทที่นางเพิ่งเรียนรู้ที่สอนให้ผู้คนรู้วิธียั่วยวน...เมื่อตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา หลินซวงเอ๋อร์ก็กลัวจนไม่กล้าขยับตัวอีก "ท่านอ๋องคะ... ถึงเวลาแล้วจริง ๆ ข้าต้องกลับไปแล้ว"กลับไปหรือจะกลับไปที่ไหนล่ะความคิดบ้า ๆ ผุดขึ้นในใจของเขา เขาไม่อยากให้นางกลับไปในคืนนี้เขาอ้าปาก แล้วกัดใบหูเล็ก ๆ ของนางไว้ หลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น “คืนนี้อย่ากลับไปสิ…”นางตั้งใจจะผลักเขาออกไป แต่แรงของนางเล็กเกินไป จึงขยับเขาไม่ได้สักหน่อย “ท่านอ๋องคะ อย่า…”ร่างกายที่เพิ่งอาบน้ำใหม่ส่งกลิ่นหอมออกมา เมื่อกอดอยู่ในอ้อมแขนทั้งมีกลิ่นหอมและนุ่มนวล นุ่มจนราวกับว่าไม่มีกระดูกความฝันที่มีเสน่ห์ในใจของเขาอดไม่ได้ที่จะปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา เยี่ยเป่ยเฉิงตั้งใจที่โน้มตัวไปข้างหน้า และทำให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นหลินซวงเอ๋อร์
เมื่อที่นางพูด ลมหายใจของนางมีกลิ่นหอมของเค้กหอมหมื่นลี้ และยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เป็นของนางอีกด้วยเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ยอมปล่อยนางไป เขาก็ยังจับนางไว้และไม่ปล่อยมือ"ตัวเจ้าหอมมากเลย ให้ข้ากอดเจ้าหน่อยเถอะ..." เขาเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงแผ่วเบาลมหายใจอุ่น ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ หู ทำให้หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกชาที่หนังศีรษะของนางเลย นางรีบหันหน้าไปทางด้านข้าง และเอวของนางก็ถูกอุ่นขึ้นด้วยฝ่ามือร้อนของเยี่ยเป่ยเฉิงแก้มของหลินซวงเอ๋อร์ก็แดงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้เสียงของนางสั่นมาก จนเหมือนกวางที่หวาดกลัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ ท่านอ๋องคะ… มันไม่ได้จริง ๆ นะ…”แต่นางยิ่งทำเช่นนี้ ความตื่นเต้นในตัวของเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยิ่งมากขึ้นเยี่ยเป่ยเฉิงดูเหมือนจะล้อเลียนนางโดยตั้งใจ “ไม่ได้อะไรหรือ”แน่นอนว่าคือห้ามกอดนาง ห้ามจูบนาง และห้ามกัดนาง...แต่นางพูดไม่ได้เขาเป็นเจ้านาย เป็นท่านอ๋องที่อยู่ชนชั้นสูง ส่วนนาง แค่เป็นคนรับใช้ที่ต่ำต้อย แม้ว่านางจะถูกประหารชีวิต นางก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ...หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกต่อต้านอย่างมากในใจ แต่นางก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกมา นางเป็นคนที่มีจิตใจเรียบง่ายเกินไปและไม่สามาร
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ