และตอนนี้นางก็คิดตกแล้ว ขอเพียงเยี่ยเอ๋อร์ของนางมีความสุข เขาต้องการให้ใครอยู่เคียงข้างก็ย่อมได้ ต้องการแต่งงานกับหญิงใดก็แต่งไป นางจะไม่ก้าวก่ายอีก...แต่ว่า นางคิดได้ตอนนี้คล้ายจะสายเกินไป...หลินซวงเอ๋อร์คงไม่ได้กลับมาอีก และบุตรชายที่นางรักปานแก้วตา บัดนี้สูญเสียหญิงคนรักไป จนหมดสติแน่นิ่ง กระทั่งหมดกำลังใจที่จะอยู่ต่อไปเมื่อนึกถึงตรงนี้ กงชิงเยวี่ยก็รู้สึกเสียใจยิ่ง นางร้องไห้พลางกล่าวต่อเยี่ยเป่ยเฉิง “ลูกแม่ แม่สำนึกผิดแล้ว แม่ไม่ควรไล่นางไป เจ้าฟื้นมาได้หรือไม่ และต่อไป เจ้าจะแต่งงานกับผู้ใดก็ได้ แม่จะไม่ห้ามปรามอีกแล้ว...”แต่คำพูดของนาง เยี่ยเป่ยเฉิงไม่อาจตอบโต้ได้อีกเขายังคงหลับตานิ่งสนิท ไม่ยอมฟื้นขึ้นมา ราวกับว่าทุกสิ่งในโลกนี้ ไม่ควรค่าให้เขาอาลัยอาวรณ์อีกเสิ่นป๋อเหลียงกล่าวปลอบใจ “นายหญิงโปรดวางใจ ท่านอ๋องสุขภาพเป็นปกติ เพียงแต่ได้รับความสะเทือนใจมากไป บางที ให้นอนพักหลายวัน รอจนคิดได้แล้ว ยอมรับความจริงก็จะฟื้นขึ้นมาเอง”กงชิงเยวี่ยกล่าว “ถ้าเช่นนั้นเมื่อใดเขาจะฟื้นมา? และหากคิดไม่ตกตลอดไปล่ะ?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าวตอบ “ไม่หรอก ท่านอ๋องร่างกายแข็งแรง เพียงเพรา
เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม ความทรงจำที่ถูกเขาผลักไสให้ลืมเลือนไป ได้มากับคำถามของเสวียนอู่ จู่ๆ ท่วมทะลักเข้ามาในห้วงคำนึงอีกครั้งนั่นสินะ เขาจะลืมได้อย่างไร ซวงเอ๋อร์ของเขาถูกฝังอยู่ใต้ชั้นดินอันหนาทึบ ร่างกายแหลกเหลว แทบไม่เป็นชิ้นดี...ความเจ็บปวดพุ่งขึ้นในใจ คล้ายมีบางสิ่งจู่โจมเข้าสู่อวัยวะภายในพร้อมกัน จนทำให้เขาหายใจไม่สะดวก ดวงตาเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและเจ็บปวด“เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้...” เยี่ยเป่ยเฉิงมองหน้าเสวียนอู่ด้วยความเจ็บปวด พลางกล่าวต่อ “ทั้งที่...ทั้งที่เมื่อวานนางยังยิ้มให้ข้า แล้วจู่ๆ จะหายไปได้อย่างไร?”เสวียนอู่กล่าวตอบ “ท่านอ๋อง ท่านหมดสติไปหลายวัน เหตุการณ์วันนั้นได้ผ่านไปนานแล้ว...”“ผ่านไปนานแล้ว?” เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกมึนงงเหตุการณ์นี้ได้ผ่านไปนานแล้ว?แต่เพราะเหตุใด เขายังรู้สึกปวดใจอยู่มาก เจ็บปวดเสียจนยากจะหายใจ...เสวียนอู่ไม่รู้จะปลอบใจเขาอย่างไรดี คล้ายกับยิ่งพูดก็ยิ่งหมดแรงมากกว่าเพราะอย่างไรเสีย คนตายไม่อาจฟื้นคืน ได้แต่ให้เวลาเยียวยาเท่านั้น...“ท่านอ๋อง หลายวันนี้ที่ท่านหมดสติ นายหญิงเป็นห่วงท่านมาก..
ตงเหมยร้องไห้จนตาบวม นางไม่ยอมรับน้ำใจจากเสวียนอู่ ซ้ำยังไล่เขาออกไปอีกเสวียนอู่ยืนอยู่ด้านนอก กล่าวปลอบใจตงเหมยทั้งที่มีประตูกั้นอยู่ “แม่นางตงเหมย ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้จะมีการไต่สวน ท่านอ๋องจะให้ความเป็นธรรมแก่พระชายาเอง”มีเสียงเกรี้ยวกราดของตงเหมยลอดออกมา “ความเป็นธรรมรึ? ความเป็นธรรมอย่างไร คนก็เสียชีวิตไปแล้ว ให้ความเป็นธรรมจะช่วยอันใดได้?”จากนั้น นางจึงโยนสิ่งของที่เสวียนอู่ซื้อให้ออกมาทั้งสิ้นพลางกล่าวต่อเสวียนอู่ด้วยตาแดงๆ “ก่อนหน้านี้ หากไม่เพราะพวกท่านยอมให้เจียงหว่านเข้าจวนมา เรื่องทุกอย่างก็คงไม่เกิดขึ้น”ตงเหมยไม่กล้าตำหนิเยี่ยเป่ยเฉิง เพราะนั่นเท่ากับล่วงเกินผู้เป็นนาย ถือเป็นความผิดอย่างมหันต์ แต่กับเสวียนอู่ นางย่อมไม่ไว้หน้าเขา “ต้องโทษเจ้าด้วย ตอนแรกที่ซวงเอ๋อร์ล้มป่วย เจ้าเป็นคนพาเจียงหว่านมารักษานาง ทั้งที่รู้ว่าเจียงหว่านชอบท่านอ๋อง แล้วไฉนจึงวางใจให้นางมาใกล้ชิดซวงเอ๋อร์อีก?”“ถ้าไม่เพราะเจียงหว่านคอยวางแผนยุยง ซวงเอ๋อร์คงไม่ตัดใจยอมหนีไป และไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น...”เสวียนอู่ถูกด่าจนเถียงไม่ออกเขาเป็นคนมีนิสัยตรงไปตรงมา ตอนนั้นที่ให้เจียงหว่านมารั
หลายวันติดต่อกัน เยี่ยเป่ยเฉิงยังคงใช้ตัวยาทาเดิมลองทาบาดแผล ฟ้าทะลายโจรกับอ้ายเฉ่า เขาก็ยังวางไว้ใต้หมอนเหมือนเดิม ต้นคลีเวียที่อยู่ตรงมุมห้อง เขาก็ไม่ได้ทิ้งครั้นนึกถึงตอนหลินซวงเอ๋อร์ได้รับความทรมานเช่นนี้ติดต่อกันหลายเดือน เขาก็ทุกข์ระทมไม่น้อย และแทบอยากรับความเจ็บปวดแทนนางบัดนี้รู้เรื่องทุกอย่าง เขาเสียใจภายหลังเป็นอย่างมาก มีเพียงแค่ใช้วิธีนี้สัมผัสกับความเจ็บปวดทรมานที่นางได้รับในตอนนั้นตามกาลเวลาที่ผันผ่าน ยายิ่งทำให้อาการบาดเจ็บที่ร่างกายรุนแรงขึ้นตอนแรก เขาเพียงรู้สึกว่าใจเจ็บแปล๊บขึ้นมาเป็นครั้งคราว พอเวลาผ่านไป ตัวยาซึมเข้าสู่ร่างกาย เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ ทั่วร่างเย็นเยียบขึ้นมา ตอนที่อาการหนัก ถึงขั้นหายใจไม่ออก ส่วนอาหารเจ็บแปล๊บตรงหัวใจนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเจ็บหน้าอก และระดับความเจ็บปวดก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นอกเหนือจากร่างกายที่ไม่สบายตัวแล้ว ก็ยังมีความทรมานทางด้านจิตใจด้วยตอนนี้ แค่เขาหลับตาลง เสียงอื้ออึงโหวกเหวกก็จะดังขึ้นมาข้างหู เสียงดังจนเขามิอาจหลับลงได้แม้นตะฝืนหลับ ทว่าในความฝันก็เป็นฝันร้ายเขาสะดุ้งตื่นด้วยอารามตกใจ เหงื่อออกจนเป
“ท่านพี่ ท่านเป็นอะไรกันแน่? ไยจึงมองข้าเช่นนี้?”ในกระจกเผยนางที่ทำท่าสงสัยออกมาน้ำตาไล่ลงมาตามแก้ม เยี่ยเป่ยเฉิงพยายามระงับความรู้สึก “ซวงเอ๋อร์ พี่รู้ว่าตัวเองผิดแล้ว เจ้าอย่าทิ้งพี่ อย่าทิ้งพี่ไป ได้หรือไม่?”ในตาหลินซวงเอ๋อร์อ่อนโยนสว่างใสดุจธารา น้ำเสียงที่เปล่งออกมาอบอุ่นนุ่มนวลตลอดกาล “ท่านพี่ เหตุใดถึงถึงร้องไห้เล่า? ใครทำให้ท่านโมโหกัน?”“ท่านพี่น่าขายหน้าจริงเลย เหตุใดถึงร้องไห้ขี้มูกโป่งไปเสียได้เล่า?”เยี่ยเป่ยเฉิงพยายามระงับความรู้สึกที่ใกล้พังทะลายลงอย่างสุดความสามารถ เขากล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “ไม่มีผู้ใดทำพี่โกรธทั้งนั้น เป็นพี่ที่โกรธตัวพี่เอง พี่โกรธที่ตอนนั้นทำไมพี่ถึงไม่เชื่อเจ้า พี่โกรธที่ทำให้เจ้าเจ็บ และยิ่งโกรธที่ทำให้เจ้าหายไป…”“ซวงเอ๋อร์ เจ้าเกลียดพี่มากใช่หรือไม่ ตอนนี้เลยทิ้งพี่ และไม่ยอมจะเจอพี่อีกแล้วใช่หรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์กล่าว “จะเป็นไปได้ไง? ข้าจะตำหนิท่านพี่ได้อย่างไร? ซวงเอ๋อร์ชอบมากที่สุดก็คือท่านพี่…”ร่างสูงใหญ่สั่นเทาเล็กน้อย ในตาเยี่ยเป่ยเฉิงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรางเลือน “เช่นนั้นเจ้ารับปากพี่ จะไม่จากไปไหนได้หรือไม่? อยู่ที่นี่ อยู่เ
ไม่กี่วันมานี้ เจียงหว่านพักอยู่ในจวนตระกูลเจียงอย่างสบายอกสบายใจคนที่นางส่งไปสอดแหนมหลินซวงเอ๋อร์กลับมารายงานว่า หลินซวงเอ๋อร์เสียชีวิตในเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลาก ร่างหายสาบสูญเมื่อได้ยินข่าวนี้ อย่าว่าเลยว่านางจะรู้สึกดีใจปานฉะไหนนางยังกังวลอยู่เลยว่าจะมีใครรู้เรื่องที่ตัวเองทำเข้า แต่ไม่คิดเลยว่าหลินซวงเอ๋อร์จะโชคไม่ดี ประสบภัยน้ำป่า! ดูท่า แม้แต่พระเจ้าก็ยังละเว้นโทษให้นาง!ตอนนี้ ตัวนางไม่อยู่แล้ว แม้แต่ศพก็หาไม่เจอ ก็จะไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องมาถึงนางได้แล้วแต่ไม่รู้ทำไม ไม่กี่วันมานี้หนังตานางกระตุกแรงมาก และมักจะรู้สึกไม่สบายใจ ราวกับว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ถูกเยี่ยเป่ยเฉิงไล่กลับมาจวนตระกูลเจียง เยี่ยเป่ยเฉิงก็ไม่เรียกหานางอีก ได้ยินว่า เสิ่นป๋อเหลียงกลับเมืองหลวงมาแล้ว จากนี้ไป เขาไม่มีทางใช้นางอีกแล้ว…ไม่กี่วันนี้นาวพักอยู่ในจวนอย่างสงบเสงี่ยม รอจังหวะ นางคิดว่ารอเรื่องนี้จบลงแล้ว นางก็จัคิดหาวิธีเข้าใกล้เยี่ยเป่ยเฉิงนางเชื่อว่า คนๆ หนึ่งที่อยู่ในความสิ้นหวังโดดเดี่ยวสุดๆ จะต้องการผู้หญิงสักคนมาเป็นห่วงปลอบใจที่สุด…ไม่คิดเลยว่า เพิ่งผ่านไปได้ไม่กี่วัน
หากเป็นเช่นนี้จริงก็ดีเลย นางรอเวลานี้มานานโขแล้ว…นางถึงกับไม่เสียดายที่จะเป็นแทนของหลินซวงเอ๋อร์ สรุปแล้ว หาวิธีอยู่ข้างกายเข้าให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน รอมาเนิ่นนาน รอเขาลืมหลินซวงเอ๋อร์นังผู้หญิงคนนั้นจนสิ้น ไม่แน่เขาอาจจะหันมาชอบตัวเองก็ได้ด้วยความตื่นเต้นเต็มเปี่ยม ในที่สุดรถม้าก็มาถึงเจียงหว่านถือกระโปรงลงจากรถม้า ไม่รอให้เสวียนอู่นำทาง ก็วิ่งเบาๆ ไปยังเรือนตะวันออกนางถึงขั้นที่คิดได้แล้วว่าควรจะคำปลอบเขาอย่างไร สรุปแล้ว ต้องให้เขาเกิดความรู้สึกดีต่อตัวเองถึงจะได้…ไม่นานก็มาถึงเรือนตะวันออก เสวียนอีไม่ได้ตามเข้าไปอีก แค่ยืนอยู่นอกประตูเรือน ไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้เจียงหว่านไม่คิดสิ่งใด ยกเท้าก้าวเข้าไปในเรือนทันทีในเรือนว่างเปล่าไร้คน ดูแล้วเงียบเป็นพิเศษต้าหู่ถูกขังไว้ในรั้ว ตอนนี้กำลังหลับอยู่เมื่อเห็นต้าหู่ เจียงหว่านลดฝีเท้าเบาลงไปมากโดยไม่รู้ตัว ด้วยกลัวว่าจะไปทำให้มันตื่นแต่ต่อให้ฝีเท้านางจะเบาแค่ไหน ก็ยังดังจนทำให้ต้าหู่ตื่นอยู่ดีต้าหู่ลืมตาขึ้น ครั้นเห็นเจียงหว่านก้อ้าปากกว้าง คำรามใส่นาง ให้ความรู้สึกว่าอยากจะฉีกนางเป็นชิ้นๆ เจียงหว่านสั่นเทาไปทั่วร่าง และ
ดวงตาเยี่ยเป่ยเฉิงเต็มไปด้วยจิตสังหาร กริชในมือแทงเข้าไปในอกเจียงหว่านทีละน้อย ทว่ากลับจงใจไม่ให้นางตายใบมีดหมุนวนอยู่ในบาดแผลลึกของนาง เยี่ยเป่ยเฉิงมีท่าทางเยือกเย็น ไม่สงสารเลยแม้แต่น้อยฟ้ารู้ว่าเขาอยากฆ่านางมาก กระทั่งอยากสับนางเป็นหมื่นชิ้น!ทว่านี่หาได้คลายความเคียดแค้นที่อยู่ในใจเขาไปได้!ซวงเอ๋อร์ของเขาประสบกับความทรมานมากมาย เขาจะให้เจียงหว่านตายอย่างมีความสุขได้อย่างไร!สีหน้าเจียงหว่านซีดดั่งผีสาง เลือดแดงสดไหลออกมาจากทรวงอกนาง นางมองเยี่ยเป่ยเฉิงด้วยความตกใจ ราวกับไม่กล้าเชื่อว่าเขาจะมีใจคิดฆ่าและอยากฆ่านางจริง…“ท่านอ๋อง…ข้าทำอะไรผิดหรือ…ไยจึงทำเช่นนี้กับข้า…”นางฝืนกลั้นความเจ็บปวด ดวงตาตกใจเผยความหวาดกลัวสุดขีดในใจออดมาเยี่ยเป่ยเฉิงชักกริชออกอย่างแรง พลันเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วราวกับเจียงหว่านถูกสูบแรงจนหมดไปทั่วร่าง จึงค่อยๆ ทรุดตัวไถลตามเสาตกลงพื้นเลือดไหลออกมาจากปากนาง มือกุมบาดแผลที่เลือดไหลไม่หยุดไว้แน่น พลางมองเยี่ยเป่ยเฉิงด้วยสีหน้าเจ็บปวด พร้อมถามเขาด้วยความไม่เข้าใจอย่างมาก “ท่านจะฆ่าข้าจริงหรือ? พ่อข้ามีบุญคุณต่อท่านอย่างใหญ่หลวงดั่งภูเขา แม้แต่บุญคุณ
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ