หลินซวงเอ๋อร์นำน้ำที่มีหยดโลหิตของตนไปให้ฮุ่ยอี๋ดื่มฮุ่ยอี๋นึกว่าเป็นน้ำธรรมดา จึงไม่ได้ผิดสังเกต ดื่มจนหมดถึงรู้สึกว่ามีกลิ่นแปลกๆ ไม่คุ้นชิน“ซวงเอ๋อร์ น้ำนี้ไฉนจึงมีกลิ่นแปลก? ดื่มแล้วคล้ายกับมีกลิ่นคาวเลือด”หลินซวงเอ๋อร์กล่าวตอบ “องค์หญิงคิดมากไปแล้ว เพราะประสาทสัมผัสขององค์หญิงมีปัญหาต่างหาก รออีกสักพักก็คงจะดีขึ้น”“จริงรึ?” ฮุ่ยอี๋แอบมุ่ยปากเล็กน้อย แต่ก็เชื่อคำพูดของหลินซวงเอ๋อร์หลินซวงเอ๋อร์กล่าวต่อ “ตอนนี้องค์หญิงเชิญพักผ่อนได้ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเอง เชื่อว่าคงไม่ฝันร้ายอีก”ฮุ่ยอี๋ว่านอนสอนง่าย พร้อมเอนกายลงบนเตียง สองตาทรงเมล็ดซิ่งจ้องมองหลินซวงเอ๋อร์เขม็ง“แต่เจ้าก็ไม่ต้องกลัว ถ้าทั่วป๋าจิ่นกล้ามาแตะต้องเจ้า ต่อให้แลกด้วยชีวิต ข้าก็จะปกป้องเจ้าเอง”หลินซวงเอ๋อร์กล่าวตอบ “ข้าไม่กลัวหรอก สิ่งสำคัญตอนนี้ คือเจ้ารีบหายไวๆ ก็พอ”เมื่อได้ยินดังนี้ ฮุ่ยอี๋ก็รู้สึกท้อใจ “แต่ข้าป่วยเป็นโรคระบาด ใครๆ ก็ว่าหมดทางรักษา...”หลินซวงเอ๋อร์กล่าวตอบ “ก็ไม่แน่นัก อาจมีทางรักษาก็เป็นได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์”นางไม่กล้ารับรองว่าเลือดของตนจะรักษาฮุ่ยอี๋ได้จริงหรื
นับแต่ต้าหู่ถูกพิษจนล้มป่วย ตงเหมยจึงได้คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้นางจำได้ว่าก่อนต้าหู่จะไม่สบายนั้น เจียงหว่านกับโม่อวิ๋นได้มาที่เรือนตะวันออกอยู่หลายครั้ง และพอพวกนางกลับไปแล้ว ต้าหู่กับเหมาเหมาและหรงหรงก็ทยอยล้มป่วย...ข้อนี้ทำให้ตงเหมยเกิดความสงสัยเป็นอย่างมากโม่อวิ๋นโกรธจนแทบเต้น “เจ้าอย่าได้กล่าวหาส่งเดช ใครกันที่ทำเรื่องลับๆ ล่อๆ”ตงเหมยกล่าวตอบ “ก่อนต้าหู่จะไม่สบาย มีเพียงเจ้ากับคุณหนูที่มายังเรือนตะวันออก พอพวกเจ้ากลับไปแล้ว ต้าหู่ก็เริ่มป่วย พวกเจ้าเห็นข้าโง่หรืออย่างไร? รอไว้ท่านอ๋องกลับมาเมื่อใด ข้าจะรายงานเรื่องนี้ให้รู้ ดูซิจะมีการลงโทษพวกเจ้าอย่างไร?”โม่อวิ๋นรู้สึกมีเหงื่อซึมในฝ่ามือ แต่ยังแสร้งทำเฉไฉ “คุณหนูเราเป็นหมอมาหลายปี ช่วยคนนับไม่ถ้วน ใครๆ ก็ยกย่องเป็นหมอเทวดาเสียด้วยซ้ำ นางจะไม่มีวันทำเรื่องช่นนั้น”สายตาตงเหมยจับจ้องที่มือสั่นเทาของนาง พลางกล่าวเสียงเย็น “ในเมื่อไม่ได้ทำ แล้วเหตุใดเจ้าต้องกลัวด้วย เหตุใดจึงต้องมือสั่น นั่นแสดงว่ากินปูนร้อนท้อง”คำพูดของตงเหมยเกือบทำให้โม่อวิ๋นเผยพิรุธ นางรู้ดี ตงเหมยจงใจยั่วยุนาง เพราะตงเหมยไม่มีหลัก
เมื่อรู้ว่ายาที่ตัวเองจัดใช้ได้ผล เจียงหว่านรีบนำข่าวนี้บอกแก่เยี่ยเป่ยเฉิงทันที“ท่านอ๋องในที่สุดข้าก็จัดยาดีที่รักษาโรคระบาดออกมาได้แล้ว!”นางตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ตื่นเต้นจนโถมเข้าไปในอ้อมแขนเยี่ยเป่ยเฉิงครั้นได้ยินข่าวนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงอึ้งไปก่อน จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา และผลักนางออกไปทันทีเจียงหว่านถูกผลักจนรนถอยหลังไปสองสามก้าว ท่าทางนางแข็งทื่อเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยความอาย “ขอโทษด้วย ข้าตื่นเต้นเกินไปหน่อย จึงลืมตัวไปชั่วขณะ”เยี่ยเป่ยเฉิงปัดชายผ้าตรงที่นางสัมผัส สีหน้ารังเกียจแวบผ่านขึ้นมาบนใบหน้า ก่อนกล่าวด้วยความราบเรียบ “รีบเข้าเรื่อง!”เจียงหว่านกล่าว “ข้าจัดยารักษาโรคระบาดออกมาได้แล้ว ตอนนี้มีทางช่วยพวกชาวบ้านแล้ว!”สำหรับคำพูดของเจียงหว่าน เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ตื่นเต้นเลยสักนิดอย่างไรเสีย หลายครั้งก่อนหน้า นางก็ทำให้เขาผิดหวังมากเกินไป เขาจึงส่งคนเดินทางไกลไปเชิญเสิ่นป๋อเหลียงจากแคว้นหลิวมานานแล้วเพียงแต่ แคว้นหลิวค่อนข้างไกล ห่างจากเมืองหลวงพันลี้ การเดินทางไปกลับจึงเสียเวลาไปมากเมื่อได้ยินว่าเจียงหว่านจัดยารักษาออกมาได้แล้ว เยี่ยเป่ยเฉิงจึงมีท่าทางเชื่อครึ่งไ
เจียงหว่านสีหน้าซีดเซียว “ไม่! เจียงหว่านจะไม่แต่งงานออกไป! เจียงหว่านแค่อยากอยู่ข้างกายท่านอ๋อง อยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋องตลอดไป…”เยี่ยเป่ยเฉิงพยายามอดทนอย่างมาก ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ข้ามีพระชายาอยู่ด้วยก็เพียงพอแล้ว! หากเจ้ายังไม่รู้จักไร้ยางอายเช่นนี้อยู่อีก รังแต่จะทำให้ข้ารู้สึกรังเกียจมากขึ้น!”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “หากรักษาโรคระบาดครั้งนี้ได้สำเร็จ ก้ถือว่าเป็นเกียรตืยศของตระกูลเจียงเจ้า! ส่วนอย่างอื่น ข้าข้าแนะขำเจ้าอย่าได้คิดเพ้อฝัน!”เจียงหว่านกัดริมฝีปากแน่น พลางพยักหน้า และพยายามกล่าวด้วยความอดกลั้น “เจ้าค่ะ เจียงหว่านเข้าใจแล้ว…”นางหยัดกายลุกขึ้นด้วยความหมดอาลัยตายอยาก และเดินออกไปจากกระโจมของเยี่ยเป่ยเฉิงสายลมด้านนอกกระโจมพัดต้องกายนาง ช่างเหน็บหนาวจับใจความเหน็บหนาวเช่นนี้ แล่นมาจากก้นบึ้งสุดหัวใจนางรักเขามาตั้งหลายปี ละทิ้งทุกสิ่งเพื่อเขา และลดศักดิ์ศรีของตัวเองลง ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมชายตามองนางเลยสักนิด!นางไม่เข้าใจว่าตัวเองเทียบหลินซวงเอ๋อร์ตรงไหนไม่ได้ ทั้งๆ ที่นางเลิศกว่าหลินซวงเอ๋อร์ทุกอย่าง ดีกว่านางทุกอย่าง… แต่ในใจเขา กลับมีแค่ผู้หญิงคนนั้น…
“ซวงเอ๋อร์…ซวงเอ๋อร์เจ้ารีบมาดูเร็ว ผื่นแดงบนตัวข้าหายไปหมดแล้วใช่ไหม?”หลินซวงเอ๋อร์รีบเดินไปอยู่ข้างๆ ฮุ่ยอี๋ แล้วเลิกเสื้อของนางขึ้น พบว่าผื่นแดงบนตัวนาวหายไปหมดแล้วจริงๆ หลินซวงเอ๋อร์อดดีใจไม่ได้ รีบให้จื่อหลันไปเชิญหมอหลวงมาไม่นานจื่อหลันก็พาหมอหลวงมา หมอหลวงยืนลังเลอยู่หน้าประตูไม่กล้าเข้ามาหลินซวงเอ๋อร์ยืนอยู่หน้าประตูคุยกับหมอหลวง “หากท่านหมอกลัว ก็ตรวจอยู่ที่หน้าประตูก็ได้”หมอหลวงซาบซึ้งอย่างมาก และตั้งใจจะตรวจฮุ่ยอี๋อยู่ตรงหน้าประตูจริงหลินซวงเอ๋อร์แง้มประตูออก พอให้ฮุ่ยอี๋ยื่นมือออกมาได้พอดีหมอหลวงเห็นผื่นแดงบนแขนนางหายไปหมดแล้ว ก็อดตกใจไม่ได้หลังจากที่เขาตรวจอย่างละเอียดแล้ว ก็พูดไม่ออกอยู่นานด้วยอารามตกตะลึง“นี่…นี่มันมหัศจรรย์นัก…”ใจฮุ่ยอี๋บีบแน่น รีบสอบถาม “เป็นอย่างไร? เจ้ารีบว่ามาสิ!”หมอหลวงพูดจาสะเปะสะปะด้วยความตื่นเต้น “ไม่คิดเลยว่าอาการขององค์หญิงจะดีขึ้นอย่างน่าประหลาด…กระหม่อมจะไปกราบทูลฝ่าบาทและพระสนมเดี๋ยวนี้พะย่ะค่ะ…”ฮุ่ยอี๋เหม่อลอยอยู่เนิ่นนาน จวบจนหลินซวงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างเรียกนาง ฮุ่ยอี๋ถึงได้สติกลับมา“ซวงเอ๋อร์…ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใ
หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้า “เจ้าค่ะ”หลังจากสงบลงแล้ว ถึงได้ถามในสิ่งที่สงสัยในใจออกมา“แต่ข้าไม่เข้าใจเหตุใดเลือดของเจ้าถึงรักษาโรคได้?”หลินซวงเอ๋อร์กล่าว “ไม่รู้สิ หม่อมฉันเดาว่า อาจเป็นเพราะข้าทานยามากมายมาตั้งแต่เด็ก ก่อนหน้านี้ก็ถูกงูดำหางไหม้กัดไปทีหนึ่ง และด้วยความบังเอิญ ในเลือดของข้าอาจมีบางอย่างรักษาโรคนี้ได้”คิดอยู่ครู่หนึ่ง แม้จะรู้สึกคาดไม่ถึง ทว่ากลับเชื่อวาจาของหลินซวงเอ๋อร์ นางมองหลินซวงเอ๋อร์ ก่อนกล่าวด้วยความหมายลึกซึ้ง “หากเป็นอย่างที่เจ้าว่า เลือดของเจ้าช่างเป็นยาดีจริงๆ …”หลินซวงเอ๋อร์กล่าว “ในเมื่อพระองค์หายแล้ว หม่อมฉันก็ไม่ขออยู่ที่นี่เป็นเพื่อนพระองค์แล้ว หม่อมฉันจะไปหาสามีหม่อมฉันอยากใช้เลือดตัวเองไปรักษาผู้คนที่ติดโรคระบาดเหล่านั้น”“ไม่ได้!”รีบขวางนางไว้หลินซวงเอ๋อร์มองด้วยความสงสัย “ทำไมหรือ?”กล่าว “เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ? หากให้คนทั้งใต้หล้ารู้ว่าเลือดของเจ้าแก้พิษได้ ทั้งตัวเจ้านี้เกรงว่าคงถูกหลายคนโหยหาแล้ว!”หลินซวงเอ๋อร์อธิบาย“ไม่ใช่้เพคะ เลือดของหม่อมฉันไม่สามารถแก้พิษหลากหลายชนิดได้ เพียงแค่รักษาโรคระบาดได้เท่านั้น องค์หญิงเข้าใจผิดแ
เจียงหว่านตามเยี่ยเป่ยเฉิงเข้าวังไปด้วย นางอยากรู้ โรคระบาดที่แม้แต่นางยังรักษาไม่หาย ยังมีใครเก่งกว่านางอีก!ไม่นานทั้งสองก็มาถึงวัง ณ เวลานี้ประตูใหญ่ตำหนักหลวนเฟิ่งปิดสนิท หมอหลวงในวังเดินตามกันออกมาจากข้างในทีละคนฮ่องเต้โยกย้ายหมอหลวงในวังทุกคนมาตรวจชีพจรให้ฮุ่ยอี๋ หลังได้เสียงตอบกลับเป็นคำเดียวกัน ฮ่องเต้ก็ด,่งใจในที่สุดทุกคนต่างใคร่รู้ โรคระบาดของฮุ่ยอี๋ดีขึ้นได้อย่างไร ฮุ่ยอี๋บอกแค่เพียงว่าหลินซวงเอ๋อร์หาท่านหมออวิ๋นโหยวจากนอกวังมาและให้ยาแก่นาง ผื่นแดงบนตัวนางก็หายไปหมดอย่างน่าอัศจรรย์ฮุ่ยอี๋ว่าด้วยท่าทางจริงจัง แม้ทุกคนจะสงสัย กระนั้นก็ไม่ถามอะไรมากอีก อย่างไรเสีย เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือกำจัดโรคระบาดนี้ให้สิ้น ในเวลานี้เอง มีขันทีมาแจ้งว่า เยี่ยเป่ยเฉิงมารอเข้าเฝ้าอยู่นอกตำหนักฮ่องเต้มีสีหน้าไม่พอใจข่าวผู้ป่วยแตกตื่นแพร่มาถึงหูทั่วป๋าจิ่นนานแล้ว ทั่วป๋าจิ่นจึงใช้โอกาสนี้ร่วมมือกับเหล่าขุนนางตำหนิเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างหนักต่อหน้าฝ่าบาทเยี่ยเป่ยเฉิงเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโดยไม่ได้รับอนุญาต และเกือบจะปล่อยให้ผู้ติดเชื้อหลบหนี ทำให้ผู้คนในเมืองฉางอานตกอยู่ในอันตราย! เหตุ
“โชคดีที่เสด็จอาย้ายพวกชาวบ้านที่รอดมาได้ได้ทันเวลา พระเจ้าไม่ได้พวกเขาตาย เสด็จพ่อมิควรตำหนิเสด็จอา ทว่าควรตบรางวัลให้ถึงจะถูกเพคะ! ”ขณะกล่าว ฮุ่ยอี๋ก็เจือจางเลือดที่นางเตรียมไว้ด้วยน้ำ แล้วแบ่งใส่ขวดสีขาวหลายขวด นางกล่าวกับฮ่องเต้ว่า “เสด็จพ่อดูสิ นี่คือยาดีที่หลินซวงเอ๋อร์หามาด้วยตวามยากลำบาก ในเมื่อเสด็จอามาแล้ว ก็ให้ท่านแบ่งยานี้ไปให้ผู้ป่วยดื่ม เมื่อดื่มยานี้แล้ว โรคระบาดก็จัดการได้แล้ว…”วาจาที่ฮุ่ยอี๋กล่าว ได้ระงับโทสะของฮ่องเต้ไว้ได้ในที่สุดภายใต้อำนาจและผลประโยชน์ ฮ่องเต้มิได้ตำหนิโทษเยี่ยเป่ยเฉิง ทว่าฟังความเห็นของฮุ่ยอี๋ ให้เยี่ยเป่ยเฉิงนำยารักษาไปช่วยผู้ป่วยที่รอดชีวิตอยู่เจียงหว่านเข้าวังไปพร้อมกับเยี่ยเป่ยเฉิง ครั้นเห็นฮุ่ยอี๋ดีขึ้นแล้วจริงๆ เจียงหว่านก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมากนางอดถามขึ้นมาไม่ได้ “หม่อมฉันขอถามสักหน่อย องคืหญิงอาการดีขึ้นได้อย่างไรเพคะ?”ฮุ่ยอี๋เหลือบมองนางอย่างเรียบเฉย “ข้าบอกแล้ว ท่านหมออวิ๋นโหยวจ่ายยาให้ข้า! ข้าดื่มแล้วจึงดีขึ้น!”เจียงหว่านสืบถามต่อ “ขอมิบังอาจถามท่านหมออวิ๋นโหยวไหนหรือเพคะ วิชาแพทย์ถึงได้เก่งกาจเพียงนี้! เจียงหว่านอยากสอบถา
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ